Skip to main content

 

สวัสดีค่ะลุงสมยศ

หนูชื่อทราย ที่หนูเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงลุงสมยศเพราะว่าเขามีกิจกรรมเขียนจดหมายกันถึงนายกและกรรมการสิทธิ ซึ่งหนูคิดว่าเป็นสิ่งที่หนูทำได้ แม้จะพิการก็เถอะ

สองที่นั้นหนูคงเขียนถึงเป็นที่หลัง เพราะว่ามีพี่คนหนึ่งบอกว่าอยากจะเอาจดหมายให้ลุงได้อ่านด้วย หนูเลยคิดว่า เขียนแยกเป็นสามอันก็ได้ ให้ลุง ให้นายก ให้กรรมการสิทธิ หนูก็ไม่ได้ลำบากอะไร

หนูรู้จักลุงจากที่ว่าลุงติดคุกและไม่ได้รับการให้ประกันตัว และศาลเลื่อนการอ่านคำพิพากษาไปอีก รู้ว่าลุงเป็น บก.วอยซ์ออฟทักษิณ ซึ่งหนูไม่เคยอ่านเลย ไม่รู้ด้วยว่าข้างในนั้นเนื้อหาเป็นอย่างไร แต่เข้าใจว่าเหมือนจะเคยเห็นร้านขายยาแถวบ้านขายหนังสือแบบนี้แต่ไม่รู้ว่าใช่วอยซ์ออฟทักษิณหรือเปล่า

ครั้งแรกที่เห็นรูปลุงสมยศ หนูคิดในใจ ลุงนี่เป็นคนหน้าตาดีจัง ตอนหนุ่มๆต้องหล่อมากแน่ๆ

ตอนนี้หนูไม่สบายนิดหน่อย เลยทำให้ตัวเองต้องนอนอย่างเดียว เกือบจะ4เดือนได้แล้วค่ะ ไปไหนไม่ได้ ได้แต่นอนอย่างเดียว สลับกันอยู่ในห้องตัวเองและห้องที่โรงพยาบาล อยู่แต่ในห้อง อยากไปไหนก็ไม่ได้ไป แต่หนูยังมีโอกาสที่ดีกว่าลุง หนูยังได้กอดคนที่หนูรัก ได้กินอะไรก็ได้ ความเบื่อหน่ายหรือท้อใจของหนู มันคงเทียบไม่ได้กับลุง หนูไม่รู้ว่า เวลาเขาให้เยี่ยมญาติ สามารถสัมผัสตัว เช่นกอดหรือจับมือได้ไหม แต่เข้าใจว่าไม่ได้รึเปล่าคะ เพราะหนูเพิ่งดูซีรี่ย์เรื่อง Prison Break ในอเมริกา ก็ได้แค่นั่งตรงข้ามกัน มันคงแย่น่าดู

หนูเองก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสร่วมงานหรือกิจกรรมทางการเมืองเท่าไหร่ เพราะเวลาไม่ได้บ้าง ขี้เกียจบ้าง มีครั้งหนึ่งได้ไปโบนันซ่าเพื่อช่วยงาน ครก.112 เขารวบรวมรายชื่อ ตอนนั้นพี่หนิง(จิตรา)ยังชวนให้ไปร่วมอดข้าวหน้าศาลด้วยกันเลย แต่ก็ไม่ได้ไป

ตอนหนูอยู่โรงพยาบาล หนูได้รับเกียรติให้เป็นติ่งทักษิณด้วยหละค่ะลุง เพราะว่าหนูชมนโยบาย30บาทรักษาทุกโรค ตอนที่ลุงทำวอยซ์ออฟทักษิณมีคนว่าลุงเป็นขี้ข้าทักษิณมั้ยคะ มันคงดูตลก ถ้าเค้าไม่ฟังเราก่อนแล้วด่าเราเลย

หนูเองก็ไม่เคยอ่านหนังสือของลุง ไม่รู้ด้วยว่าข้อความอะไรที่ทำให้ลุงโดนจับ(และเขาก็ไม่เปิดเผยใช่มั้ยคะ) แต่หนูเข้าใจว่าลุงโดนจับเพราะเป็นบก.

ตรงนี้ หนูเขียนวันที่ 23 วันที่อ่านคำพิพากษาของลุง

เช้านี้หนูตื่นมาตอน 9.15 รู้ว่าจะเริ่มอ่านคำพิพากษาตอน 9.30 เลยยังไม่ได้ติดตามอะไร มาเริ่มดูอีกทีก็ตอนบ่ายสองกว่าๆแล้ว โดยหนูเริ่มดูจากในเฟซบุ้คก็เข้าใจว่า ท่าจะไม่ดีแน่ๆ เพราะเห็นเพื่อนแต่ละคนแสดงความเห็น เขียนสะเตตัสกันอย่างดุเดือด

หนูเลยเข้าไปดูรายระเอียด พบว่าลุงโดนไป 2 กระทง กระทงละ 5 ปี แถมอีก 1 ปี หมิ่นสพรั่งด้วย

ฟังแล้วหดหู่มาก หนูไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่ามันเกิดอะไรกัน ครอบครัวของลุงจะเจ็บปวดขนาดไหน ลุงจะท้อใจไหม เพื่อนของเราจะเสียใจแค่ไหนที่ผลออกมาเป็นแบบนี้

ลุงคะเดือนเมษาจะมีการจัดงาน เมืองหนังสือโลก แล้วก็มีสโลแกน "อ่านกันสนั่นเมือง" ฟังแล้วหนูสะเทือนใจพิลึก เพราะนอกจากค่าแรงขั้นต่ำซึ่งต่ำจริงๆ ทำให้หนังสือดูเป็นของที่ราคาสูง ซึ่งมันก็สูงจริงๆนั่นแหละ แล้วในประเทศนี้ยังมีการจับ บก.หนังสือ จับคนแปล แบนหนังสือ มีหนังสือต้องห้าม สกรีนหนังสือที่เข้าห้องสมุดด้วย

หนูเองก็ไม่มีอะไรจะบอกลุงไปมากกว่าคำว่าขอให้ลุงเข้มแข็ง หนูเป็นกำลังใจให้นะคะ ถ้าหนูมีโอกาสที่จะทำอะไรได้เพื่อลุง หนูจะไม่รีรอแล้ว

ขอให้ลุงสุขภาพดีและขอให้ลุงได้รับความยุติธรรมในเร็ววัน

 

 

 

Zai Happy Ordinary



งานครบรอบ1ปีเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553

 

ภาพประกอบจาก: Pa'pai Kaa
 
 

บล็อกของ สมยศ พฤกษาเกษมสุข

สมยศ พฤกษาเกษมสุข
 
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
หมายเหตุ -  ปณิธาน พฤกษาเกษมสุข หรือ ไทบุตรชายของสมยศ พฤกษาเกษมสุข อ่านบทความของพ่อชิ้นนี้ภายในงานเสวนา “การปฏิรูปกระบวนการประกันตัวของผู้ต้องหาคดีความมั่นคงของชาติ” ที่จัดขึ้นเนื่องในวาระครบรอบ 3 ปีแห่งการถูกคุมขังของสมยศ จัดที่มหาวิทยาธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2557
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
งาช้างไม่งอกจากปากสุนัขฉันท์ใด การปฏิรูปไม่อาจงอกมาจากพวกปฏิกูลการเมืองที่กำลังปิดกรุงเทพ นำความหายนะมาสู่สังคมไทยในขณะนี้
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
 “พวกเราใช้ชีวิตบั้นปลายในเรือนจำก็เพราะเราคัดค้านแนวคิดการพัฒนาอย่างแบ่งแยก ซึ่งทำให้เรากลายเป็นคนต่างด้าวในประเทศของเราเอง”