สมยศ พฤกษาเกษมสุข
8 มีนาคม 2556
ศึกเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2556 จบลงไปแล้วด้วยชัยชนะของ มรว.สุขุมพันธ์ บริพัทธ พรรคประชาธิปัตย์ด้วยคะแนนเสียง 1,256,349 คะแนน ชนะ พล.ต.อ.พงศ์พัศ พงษ์เจริญ พรรคเพื่อไทยซึ่งได้คะแนนเสียง 1,077,899 คะแนน ห่างกัน 1.78 แสนคะแนน คนกรุงเทพมีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด 4,244,465 คน มีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 2,715,640 คน คิดเป็นร้อยละ 63.98 สูงสุดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แสดงถึงความตื่นตัวทางการเมืองของคนกรุงเทพ ส่วนผลการเลือกตั้ง ผู้สมัครจากพรรคการเมืองได้คะแนนเกินล้าน ส่วนผู้สมัครอิสระได้คะแนนน้อยกว่าปกติ ซึ่งหมายถึงคนกรุงเทพนิยมพรรคการเมืองระหว่าง 2 ขั้วการเมืองมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการช่วงชิงทางการเมืองในระดับชาติอีกด้วย
กรุงเทพฯ เป็นเมืองศูนย์กลางความเจริญที่เกิดจากการดูดกลืนทรัพยากร และความมั่งคั่งจากชนบทมาเป็นเวลาช้านานแล้ว จนกรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองที่มีความเจริญล้นทะลัก เต็มไปด้วยปัญหาต่าง ๆ มากมายจนไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยความเป็นเมืองมหานครอย่างเดียว หากจะต้องมองภาพรวมการพัฒนาประเทศในทิศทางของการกระจายความเจริญ กระจายทรัพยากร กระจายอำนาจอย่างทั่วถึง
อันที่จริงพรรคเพื่อไทยประสพผลสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยคะแนนที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าพึงพอใจ พล.ต.อ.พงศ์พัศ พงษ์เจริญ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นครั้งแรกในระยะเวลาหาเสียง 45 วัน ทำคะแนนทะลุหลักล้านแข่งกับแชมป์เก่าพรรคประชาธิปัตย์ที่ครองตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดมายาวนานกว่า 12 ปี ย่อมเป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง
ประการแรกเมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนบุคลากรทางการเมืองจะเห็นได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์มีจำนวนมากกว่าพรรคเพื่อไทยดังเช่นจำนวน สส. ในอัตรา 23 : 10 คน สก. 46 : 14 คน สข. 289 : 65 คน ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์ย่อมมีกำลังคนที่ใกล้ชิดชาวบ้าน และอยู่ในพื้นที่มากกว่าพรรคเพื่อไทย
ประการที่สองพรรคประชาธิปัตย์มีอายุยาวนานมากว่า 60 ปี อยู่ในสนามเลือกตั้งมานานกว่า ผลิตบุคลากรทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง จึงมีความเชี่ยวชาญ กลยุทธทางการเมืองมากกว่า เช่น โจมตีคู่แข่งว่ากินรวบประเทศไทย เป็พวกเผาบ้านเผาเมือง ทำให้เกิดความกลัว เป็นการรณรงค์หาเสียงเชิงลบ (Negative Campaign) ใช้ Drama จัดฉากหลั่งน้ำตาหลายครั้ง ฯลฯ แต่การใช้กลยุทธหาเสียงแบบนี้เป็นชัยชนะครั้งคราว
ผลการเลือกตั้งจากจำนวน 50 เขต ประชาธิปัตย์ได้ไป 41 เขตเลือกตั้ง ส่วนใหญ่เป็นเขตด้านใน พรรคเพื่อไทยได้ 9 เขตเลือกตั้ง เป็นเขตด้านนอกกรุงเทพฯ สะท้อนให้เห็นฐานะทางชนชั้นของคนเมืองหลวง อาจกล่าวได้ว่า คนชั้นสูงและคนชั้นกลางสนับสนุนประชาธิปัตย์ในฐานะเป็นพรรคการเมืองแนวจารีตนิยมมาช้านาน คนเหล่านี้หวาดกลัวการเปลี่ยนแปลง โดยมีรากฐานมาจากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มทักษิณกับชนชั้นนำจารีตนิยม ซึ่งเป็นพวกอภิสิทธิ์ชนที่เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในกรุงเทพมหานคร
ประการที่สามคนเสื้อแดงจำนวนมากผิดหวังกับพรรคเพื่อไทยที่มุ่งแต่จะรักษาอำนาจให้ยืนยาวต่อไป โดยขาดความกล้าหาญที่จะสร้างสรรค์ประชาธิปไตยให้ก้าวหน้า ละเลยต่อการสร้างความเป็นธรรมในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ การไม่นำการนิรโทษกรรมปลดปล่อยนักโทษการเมืองทั้งหมด สิ่งเหล่านี้สร้างความผิดหวังให้กับคนเสื้อแดง จนเกิดแรงเฉื่อยต่อการสนับสนุนพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพฯ ซึ่งแตกต่างไปจากกรณีการเลือกตั้งทั่วไป 3 กรกฎาคม 2554
ประการสุดท้ายพรรคเพื่อไทยหาเสียงเชิงบวกอย่างสร้างสรรค์ ย่อมมีความก้าวหน้ามากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ การได้คะแนนหลักล้านถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะก้าวต่อไปในอีก 4 ปีข้างหน้า ซึ่งพรรคเพื่อไทยต้องเตรียมความพร้อมการหาเสียงในกรุงเทพฯ ต่อไปอีก ทั้งในด้านการเตรียมบุคลากรในระดับพื้นที่ การสร้างกลุ่มผู้สนับสนุน และผลักดันนโยบายต่อยอดจากความนิยมที่เพิ่มขึ้นต่อไปอีก
จุดอ่อนที่ผ่านมาของพรรคเพื่อไทยคือ มักมีการเปลี่ยนแปลงผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานครอยู่เสมอ ทำให้ขาดความต่อเนื่อง และมักทำงานแบบฉาบฉวยหวังแต่จะรักษาตำแหน่ง หรืออำนาจการกเมืองจนขาดความกล้าหาญที่จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ และสังคมที่ก้าวหน้า ในที่สุดพรรคเพื่อไทยจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชนชั้นนำจารีตนิยมซึ่งล้าหลัง และเป็นอุปสรรคต่อความเจริญก้าวหน้าของสังคม
ภาษาอังกฤษประจำวัน
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
Defeat (ดี – ฟีท) เป็นคำกิริยาแปลว่า ทำให้พ่ายแพ้ ทำให้ล้มเหลว ล้มเลิก ลบล้าง ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งระหว่างพรรคการเมือง 2 พรรคใหญ่ ย่อมมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้รับชัยชนะ ได้เสียงข้างมากในสภา เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ส่วนอีกฝ่ายได้รับความพ่ายแพ้เป็นพรรคฝ่ายค้าน ในด้านการสงครามสู้รบ หรือการแข่งขันกีฬา 2 ฝ่ายก็เช่นกัน ฝ่ายหนึ่งชนะ อีกฝ่ายพ่ายแพ้ ภาษาอังกฤษการทำให้แพ้ใช้คำว่า “Defeat” ตัวอย่างเช่น
· If a particular method of tactic enabled us to defeat the enemy, then it should be used.
ถ้ามีวิธีการ หรือเทคนิคอันใดที่จะทำให้ศัตรูพ่ายแพ้ก็ควรถูกนำมาใช้
· The most important thing is not to admit defeat.
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การไม่ยอมรับความพ่ายแพ้
อ่านต่อฉบับต่อไป
พบกับคำว่า “Embark”