Skip to main content

สมยศ  พฤกษาเกษมสุข
5  ตุลาคม  2556

 

 

อเมริกาเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลกกำลังเผชิญกับการปั่นป่วนทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงจากวิกฤติหน้าผาการคลังเมื่อต้นปี 2556 มาถึงเดือนตุลาคม 2556 พรรคเดโมแครตคุมเสียงข้างมากในวุฒิสภา  ส่วนพรรครีพับลีกันคุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ทั้งสองฝ่ายต่อสู้ห้ำหั่นกันอย่างหนัก จึงไม่ยอมอนุมัติกำหมายของอีกฝ่ายทำให้งบประมาณรายจ่ายปี 2557 ไม่ผ่านสภาคองเกรส  รัฐบาลจึงขาดเงินงบประมาณใช้จ่ายต้องสั่งปิดงานหน่วยงานรัฐบาล จนพนักงานของรัฐกว่า 8 แสนคน จาก 2.1 ล้านคนถูกพักงาน ไม่ได้รับเงินเดือนตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 เป็นต้นมา

อาการป่วยไข้ทางเศรษฐกิจของอเมริกาย่อมส่งผลให้ประเทศไทยมีอาการเป็นหวัดคัดจมูกจนอาจถึงล้มหมอนนอนเสื่อได้เช่นกัน เพราะการส่งออกซึ่งติดลบอยู่แล้วจะต้องลดน้อยถอยลงไปอีก รวมทั้งค่าเงินบาทย่อมผันผวนตามไปด้วย  หากรัฐบาลสหรัฐไม่สามารถขยายเพดานการชำระหนี้ให้ทันตามเวลาจนถูกปรับลดความน่าเชื่อถือลงไป อาจลุกลามเป็นวิกฤติการณ์การเงินของโลกได้ในอนาคต

ผลกระทบอาจเลวร้ายลงไปอีกเมื่อประเทศไทยกำลังเจอปัญหาเศรษฐกิจที่หนักหน่วง รุนแรง อาทิเช่น ค่าครองชีพฝืดเคืองจากภาวะเงินเฟ้อสูงขึ้น ราคาสินค้าการเกษตรทุกชนิดตกต่ำจนชาวนา ชาวไร่ล้มละลายเป็นทิวแถว  ออกมาประท้วงด้วยการปิดถนนระบาดไปทั่วราชอาณาจักร ภาวะหนี้สินครัวเรือนทำให้ทุกคนยากจน ปากกัด ตีนถีบกันถ้วนหน้า อาชญากรรมปล้น ฆ่า จึงขยายตัว โดยที่รัฐบาลตกอยู่ในสภาพเป็นรัฐล้มเหลว (Failed State) ไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่กำลังรุมเร้าประเทศไทยในขณะนี้

แต่โครงสร้างการเมืองบ้านเรากลับอ่อนแอ ไร้เสถียรภาพ กลุ่มอำมาตย์ไม่ยอมสูญเสียความเป็นอภิสิทธิ์ชน จึงฉุดรั้งการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ต่อต้านประชาธิปไตย ต้องการแช่แข็งประเทศไทยด้วยการทำรัฐประหาร โดยทหารเมื่อปี 2549 และโดยการใช้ตุลาการภิวัฒน์ในปี 2551 ส่วนพรรคประชาธิปัตย์เมื่อได้เป็นรัฐบาลกลับตั้งหน้าตั้งตาทำลายฝ่ายตรงข้าม ใช้สถาบันกษัตริย์เป็นเครื่องมือเข่น ฆ่า ปราบปรามประชาชน จนผู้คนล้มหายตายจากกันไปจำนวนมาก หรือไม่ก็ติดคุก ติดตะรางเป็นนักโทษการเมืองให้ประเทศไทยต้องอับอายขายขี้หน้าไปทั่วโลก ไม่ได้มีวิสัยทัศน์นำพาสังคมไทยให้มีความเป็นประชาธิปไตย ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ และประเทศมีความเจริญก้าวหน้าทันสมัย

แต่พอพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2554  เป็นต้นมา  คณะรัฐมนตรีเป็นเพียงตำแห่งต่างตอบแทนเป็นหลัก จึงต้องมีการปรับ ครม. กันหลายครั้ง ขาดแคลนรัฐมนตรีมีฝีมือ ไม่มีประสบการณ์การบริหารประเทศ และไม่มีความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน ในขณะที่เมื่อพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน ก็ไม่ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพ แต่กลับทำตัวสาริยำด้วยพฤติกรรมถ่อย เถื่อน ทั้งคำพูดหยาบคาย เสียดสีในที่สาธารณะ ตีรวนการออกกฎหมายของรัฐบาล ใช้เทคนิคตีหัวหมา ด่าแม่เจ๊กรายวัน คัดค้านหัวชนฝาทุกเรื่อง ทุกประเด็น ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ ส่วนทางด้านองค์กรอิสระ อย่างเช่น ศาลรัฐธรรมนูญกลายเป็นเครื่องมือตีความกฎหมาย อันเป็นการใช้กฎหมายโดยไม่สุจริตใจของพวกสวะทางการเมือง ทำให้การบริหารรัฐกิจติดขัดตลอดเวลา ตีความกำหมาย ขยายอำนาจของตนเองไป แทรกแซงการทำงานฝ่ายนิติบัญญัติจนเกิดความขัดแย้ง แตกแยกระหว่างสถาบันการเมืองอย่างหนัก

พรบ.งบประมาณ 2557 ล่าช้า โครงการบริหารจัดการน้ำหยุดชะงัก โครงการรถไฟความไวสูง  และรถไฟรางคู่ ไม่รู้ว่าจะลูกผีหรือลูกคน มาตรการประชานิยมรั่วไหล ไร้ทิศทาง จะทำให้เศรษฐกิจไทยทรุดหนัก  ปี 2556  เศรษฐกิจไทยอาจจะเติบโตนไม่ถึง 3เปอร์เซ็นต์ ทั้งปัจจัยภายนอก ในภาวะเศรษฐกิจโลกทุนนิยมกำลังปั่นป่วน ในขณะที่ปัจจัยภายในที่เต็มไปด้วยความอัปยศอดสูของการเมืองสกปรกด้วยการปลุกปั่นกันจนเละเทะ ล้วนแล้วแต่เป็นลางบอกเหตุแห่งความฉิบหายวายป่วงที่ต้องบังเกิดขึ้นกับประเทศไทยในไม่ช้าไม่นาน แม้แต่พระสยามเทวาธิราชก็คงช่วยอะไรไม่ได้อย่างแน่นอน

 

 

 

บล็อกของ สมยศ พฤกษาเกษมสุข

สมยศ พฤกษาเกษมสุข
 
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
หมายเหตุ -  ปณิธาน พฤกษาเกษมสุข หรือ ไทบุตรชายของสมยศ พฤกษาเกษมสุข อ่านบทความของพ่อชิ้นนี้ภายในงานเสวนา “การปฏิรูปกระบวนการประกันตัวของผู้ต้องหาคดีความมั่นคงของชาติ” ที่จัดขึ้นเนื่องในวาระครบรอบ 3 ปีแห่งการถูกคุมขังของสมยศ จัดที่มหาวิทยาธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2557
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
งาช้างไม่งอกจากปากสุนัขฉันท์ใด การปฏิรูปไม่อาจงอกมาจากพวกปฏิกูลการเมืองที่กำลังปิดกรุงเทพ นำความหายนะมาสู่สังคมไทยในขณะนี้
สมยศ พฤกษาเกษมสุข
 “พวกเราใช้ชีวิตบั้นปลายในเรือนจำก็เพราะเราคัดค้านแนวคิดการพัฒนาอย่างแบ่งแยก ซึ่งทำให้เรากลายเป็นคนต่างด้าวในประเทศของเราเอง”