Skip to main content

เรื่องสุดท้ายของบริการด้านสื่อสารแล้วนะครับ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกบ้านแน่ๆ เพราะเดี๋ยวนี้เรามีอินเตอร์เน็ตใช้ที่บ้านกันแล้วแทบทุกหลังเพราะมันทำให้เราสามารถทำงานหรือพักผ่อนที่บ้านได้โดยไม่ต้องเดินทางออกไปนั่งทำงานที่อื่นหรือเสียเงินออกไปซื้อความบันเทิงนอกบ้าน   หนูก็ชอบดูซีรี่ส์และละครในช่วงสุดสัปดาห์เหมือนกันเพราะในระหว่างสัปดาห์เราก็ต้องทำงานจนกลับบ้านมาหลับเป็นตายไม่ได้เสพสื่ออะไรกันเลย ต้องมาไล่ดูย้อนหลังนี่ล่ะครับ   แต่ก็อย่างที่เรารู้ว่าอินเตอร์เน็ตในประเทศไทยยังเข้าไม่ถึงทุกพื้นที่ในประเทศไทยนะครับ โดยเฉพาะเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ผู้บริโภคไปขอใช้บริการก็ต้องเสียเวลาเป็นอย่างมากในการดึงโครงข่ายอินเตอร์เน็ตเข้ามาถึงบ้าน และก็ยังมีปัญหาเมื่อพยายามจะเปลี่ยนเป็นเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือแทน ลองไปฟังปัญหาที่ทำให้ประเทศเรายังมีความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศดูครับ ว่ามันเกิดเพราะอะไร และเราจะแก้ได้อย่างไรบ้าง

ผู้บริโภคขอใช้บริการอินเตอร์เน็ตได้ขอเปิดใช้บริการต่อบริษัทผู้ให้บริการชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยได้มีข้อความในสัญญาข้อหนึ่งระบุไว้ว่า การเปิดใช้บริการผู้ขอเปิดบริการจะต้องผูกพันการใช้บริการอย่างน้อย 12 เดือน หากมีการยกเลิกสัญญาก่อนกำหนด จะเสียค่าปรับ 2,500 บาท หลังจากนั้นผู้ขอใช้บริการได้ติดตั้งอุปกรณ์การใช้อินเตอร์ตามคำแนะนำของผู้ให้บริการ เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว กลับพบว่า ไม่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ ผู้ขอให้บริการจึงติดไปยังผู้ให้บริการ ซึ่งทางผู้ให้บริการได้รับปากว่าจะส่งช่างไปตรวจสอบให้ เมื่อเวลาผ่านไป ช่างก็ยังไม่มาจัดการซ่อม ผู้ให้บริการจึงติดต่อไปยังผู้ให้บริการอีกครั้ง พนังงานก็รับปากว่าจะประสานเรื่องให้จนเวลาล่วงเลยนานนับเดือนช่างก็ไม่ได้เข้ามาซ่อม แถมยังมีใบแจ้งหนี้จากผู้ให้บริการตลอด 6 เดือนที่ไม่สามารถใช้บริการเลย ผู้ขอใช้บริการ จึงไปยกเลิกการใช้บริการดังกล่าวแต่ถูกบริษัทปฏิเสธ โดยแจ้งว่าจะต้องชำระค่าบริการที่ค้างชำระและต้องเสียค่าปรับ 2,500บาทตามที่ระบุไว้ในสัญญา จึงจะยกเลิกการใช้บริการได้ เหตุการณ์ดังกล่าวจึงสร้างความไม่เป็นธรรมแก่ผู้ขอใช้บริการเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะไม่ได้ใช้บริการแล้วยังจะต้องเสียค่าบริการแบบฟรีๆ

อีกกรณีผู้บริโภคร้องเรียนว่าถูกเก็บค่า “เน็ตผ่านมือถือ” กว่าสามแสน เพราะบริษัทมือถือให้สิทธิผู้บริโภคเลือกสมัครบริการเสียงและข้อมูล กลายเป็นผู้บริโภคไม่รู้ในตอนตอนทำสัญญาว่าโดนเหมารวมบริการ ทั้งผู้บริโภคยังไม่รู้ว่าต้องปิดการเชื่อมต่อที่เครือข่ายป้องกันปัญหาเน็ตรั่ว ทำให้เกิดการคิดค่าบริการผิดพลาดจากการที่โทรศัพท์มือถือเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง และสาเหตุที่เรื่องใหญ่โตโดนเก็บค่าบริการถึงสามแสนบาท เนื่องจากการคิดค่าบริการผิดพลาดจากบริการระหว่างประเทศและการใช้ภายในประเทศ ซึ่งเกิดจากการใช้เกินโปรโมชั่นและการเชื่อมต่ออัตโนมัติทั้ง WIFI EDGE และ GPRS โดยปัญหามาจากการถูกเรียกเก็บค่าบริการอินเทอร์เน็ตทั้งที่ไม่ได้สมัครใช้บริการ โดยเฉพาะในกรณีการเชื่อมต่อในต่างประเทศเมื่อผู้บริโภคขอเปิดใช้บริการโรมมิ่งเสียง แล้วบริษัทเปิดบริการโรมมิ่งดาต้าให้ด้วย ทั้งที่ผู้บริโภคไม่ได้ขอเปิดใช้บริการ ทำให้เมื่อเดินทางกลับประเทศไทย ถูกเรียกเก็บค่าบริการในอัตราสูง จำนวนเงินสูงสุดที่ถูกเรียกเก็บจากการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ คือสามแสนกว่าบาท นอกจากนี้ยังมีการสมัครใช้บริการในประเทศและโทรศัพท์มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอัตโนมัติให้ตลอด ทำให้ผู้บริโภคถูกเรียกเก็บค่าบริการทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจใช้

ผู้บริโภคที่มาหาหลายๆคนคิดว่าบริษัทและหน่วยงานรัฐ (ในเรื่องนี้คือ กสทช.) ควรแก้ปัญหาการถูกเรียกเก็บค่าบริการอินเทอร์เน็ตทั้งที่ไม่ได้สมัครใช้บริการว่า  “ในการเปิดให้บริการข้อมูลแก่ผู้ใช้บริการทั่วไป เพื่อความถูกต้องและเป็นธรรมแล้ว ผู้ใช้บริการควรมีโอกาสได้แจ้งความจำนงกับบริษัทว่าต้องการใช้บริการหรือไม่ หากผู้ใช้บริการไม่แสดงความจำนงเข้ามา แต่เปิดให้บริการเองย่อมเป็นการยัดเยียด อีกทั้งการที่ผู้บริโภคสมัครใช้บริการเสียง จะเหมารวมว่าผู้บริโภคขอใช้บริการข้อมูลไปด้วยคงไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะในกรณีของการสมัครใช้บริการโรมมิ่งควรมีการแยกสมัครระหว่างเสียงและข้อมูลให้ชัดเจน”    จึงรวมตัวกันเรียกร้องให้ บริษัทที่พวกตนร้องเรียนคืนเงินค่าบริการและยุติการเรียกเก็บค่าบริการ จากผู้บริโภคด้วย เนื่องจากบริษัทไม่แสดงหลักฐานเพื่อยืนยันความถูกต้องของการเรียกเก็บค่าบริการภายใน 60 วัน ตามประกาศ กทช. เรื่อง กระบวนการร้องเรียนและพิจารณาเรื่องร้องเรียนของผู้ใช้บริการ และประกาศ กทช. เรื่องมาตรฐานสัญญาให้บริการโทรคมนาคม

สำหรับปัญหานี้เพิ่งเกิดขึ้นมามากช่วง 4-5 ปีหลังที่ผู้บริโภคที่ใช้โทรศัพท์มือถือประเภทสมาร์ทโฟน แต่ขาดความระมัดระวังในการใช้บริการ และไม่ได้ศึกษาระบบเครื่องโทรศัพท์ให้ดี จึงมิได้ตรวจสอบการใช้บริการเป็นระยะ จนเกิดปัญหาเน็ตรั่วจากการลืมปิดการเชื่อมต่อที่เครื่องโทรศัพท์ และลืมปิดการเชื่อมต่อที่ระบบเครือข่ายผู้ให้บริการด้วย ทั้งที่แต่ละเครือข่ายจะมีเบอร์ตรงในการปิด-เปิดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แต่ผู้บริโภคเจ้าของปัญหาล้วนบอกตรงกันว่า พนักงานที่ปิดบริการให้ไม่ได้แจ้งรายละเอียดข้างต้นให้เข้าใจ

วิเคราะห์ปัญหา

1. การทำสัญญาติดตั้งอินเตอร์เน็ต บริษัทมีหน้าที่อย่างไรต่อผู้บริโภคที่ได้ทำสัญญากับบริษัทบ้าง

2. การระบุสัญญาสร้างเงื่อนไขในการยกเลิกสัญญาโดยสร้างภาระให้แก่ผู้บริโภคเป็นค่าปรับ แต่ไม่คำนึงถึงความผิดพลาดในการให้บริการของบริษัท เป็นสัญญาที่บังคับต่อไปได้หรือไม่

3. การเปิดบริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต และโรมมิ่ง โดยไม่แจ้งรายละเอียดของการบริการทั้งการเปิดและปิดบริการ ค่าใช้จ่าย และข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญเป็นความรับผิดชอบของบริษัทหรือผู้บริโภค

4. หากเกิดปัญหาจากการเก็บค่าบริการ การพิสูจน์ความเสียหายและค่าใช้จ่าย หน้าที่ในการนำสืบเป็นของใคร

5. การลักลอบใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตของผู้อื่นโดยเจ้าของไม่ยินยอมมีความผิดหรือไม่ ใครมีหน้าที่ในการหาตัวผู้กระทำผิด

การนำกฎหมายมาแก้ไข

1. การทำสัญญาติดตั้งอินเตอร์เน็ต บริษัทมีหน้าที่ในการเชื่อมต่อโครงข่ายให้ผู้บริโภคตามที่ได้ทำสัญญากับบริษัท จึงจะเกิดหนี้ที่บังคับให้ชำระค่าบริการกันได้

2. การระบุสัญญาสร้างเงื่อนไขในการยกเลิกสัญญาโดยสร้างภาระให้แก่ผู้บริโภคเป็นค่าปรับ แต่การให้บริการของบริษัทมีข้อบกพร่อง ไม่สามารถให้บริการอินเตอร์เน็ตตามสัญญาที่กันไว้ถือเป็นความผิดของฝั่งบริษัท เป็นสัญญาที่บังคับต่อไปไม่ได้ ผู้บริโภคขอยกเลิกสัญญาได้โดยไม่ต้องเสียค่าปรับ ทั้งยังเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมได้

3. การเปิดบริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต และโรมมิ่ง โดยไม่แจ้งรายละเอียดของการบริการทั้งการเปิดและปิดบริการ ค่าใช้จ่าย และข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญเป็นความรับผิดชอบของบริษัทตามคำสั่งของ กสทช. ที่บริษัทผู้เชี่ยวชาญต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าผู้บริโภคซึ่งมีความเชี่ยวชาญน้อยกว่า

4. หากเกิดปัญหาจากการเก็บค่าบริการ การพิสูจน์ความเสียหายและค่าใช้จ่าย หน้าที่ในการนำสืบเป็นของบริษัทผู้เป็นเจ้าของเทคโนโลยีและให้บริการ สามารถติดตามและนำหลักฐานมาชี้แจงได้มากกว่าผู้บริโภค เนื่องจากบริษัทเป็นเจ้าของข้อมูลและความรู้ทั้งหลาย

5. การลักลอบใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตของผู้อื่นโดยเจ้าของไม่ยินยอมมีความผิดฐานจงใจกระทำให้เกิดการรบกวนหรือขัดขวางต่อการวิทยุคมนาคม  ผู้ให้บริการมีหน้าที่ในการหาตัวผู้กระทำผิด

ช่องทางเรียกร้องสิทธิ

1.  เรื่องนี้มีหน่วยงานเฉพาะในการรับเรื่องร้องทุกข์ จึงสามารถร้องเรียนไปที่ กลุ่มภารกิจด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม ภายใต้สำนักงานคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)

2. หากยังไม่มีการชำระหนี้ หรือบ่ายเบี่ยงหลบเลี่ยง ก็สามารถนำความเดือดร้อนนี้ไปร้องยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.)  (กรุงเทพฯ) หรือคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดในจังหวัดที่ท่านอาศัยอยู่ได้

3. มาตรการขั้นเด็ดขาด ผู้บริโภคสามารถนำเรื่องไปฟ้องยังศาลแพ่งและพาณิชย์ แผนกคดีผู้บริโภคได้ ซึ่งจะมีขั้นตอนและวิธีการดำเนินคดี รวมถึงไกล่เกลี่ยประนีประนอมที่เอื้ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค

4. การฟ้องเรื่องความผิดฐานจงใจกระทำให้เกิดการรบกวนหรือขัดขวางต่อการวิทยุคมนาคมนั้นเริ่มด้วยการเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการสั่งฟ้องไปยังศาลอาญาก็ได้เช่นกัน โดยสามารถขอให้เรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นได้ในคราวเดียวกันไปเลย

5. ประชาชนสามารถฟ้องบังคับให้ กสทช. และ สคบ. ปฏิบัติหน้าที่ในการคุ้มครองสิทธิของประชาชน เช่น ออกเกณฑ์ คำสั่ง และบังคับควบคุมบริษัทได้ที่ศาลปกครอง

สรุปแนวทางแก้ไข

ใช้หลักสัญญาและการปฏิบัติตามสัญญาโดยสุจริต และการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค   ซึ่งผู้ให้บริการมีหน้าที่ในการให้บริการตามข้อสัญญาที่ตกลงกันไว้เนื่องจากมีการเสียค่าบริการ ผู้บริโภคสามารถร้องเรียน กสทช. และ สคบ.  หากไม่สำเร็จอาจนำเรื่องเข้าสู่การบังคับคดีในศาลแพ่งฯ โดยฟ้องเป็นคดีผู้บริโภคได้   ส่วนการลักลอบใช้สัญญาณมือถือที่รั่วออกมาเป็นความผิดทางอาญาฐานจงใจกระทำให้เกิดการรบกวนหรือขัดขวางต่อการวิทยุคมนาคมสามารถแจ้งความต่อตำรวจเพื่อให้ฟ้องในศาลอาญาและเรียกค่าเสียหายมาในคราวเดียวกัน


 

 

บล็อกของ ทศพล ทรรศนพรรณ

ทศพล ทรรศนพรรณ
Nick Srnicek ได้สรุปภาพรวมของแพลตฟอร์มดิจิทัลที่แตกต่างกัน 5 ประเภท คือ1.แพลตฟอร์มโฆษณา, 2.แพลตฟอร์มจัดเก็ยข้อมูล, 3.แพลตฟอร์มอุตสาหกรรม, 4.แพลตฟอร์มผลิตภัณฑ์, และ 5.แพลตฟอร์มแบบลีน 
ทศพล ทรรศนพรรณ
ผู้ประกอบการแพลตฟอร์มดิจิทัลมีรายได้และผลกำไรจำนวนมหาศาลจากการประมวลผลข้อมูลการใช้งานของผู้บริโภคในระบบของตน แต่ยังไม่มีระบบการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม    เนื่องจากยังมีข้อถกเถียงเรื่องใครเป็นเจ้าของข้อมูลและมีสิทธิแสวงหาผลประโยชน์จากข้อมูลเหล่านั้นบ้าง    จึงจ
ทศพล ทรรศนพรรณ
การบังคับใช้ พรบ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่ผลักดันออกมาในปี พ.ศ.
ทศพล ทรรศนพรรณ
แพลตฟอร์มมักเป็นระบบแบบเปิดให้ทุกคนมีส่วนร่วม ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่นำไปสู่ปัญหา จากการที่ทำให้การเข้าถึงข้ามเขตอํานาจ ในทางกลับกัน กลับมีการกําหนดให้หน่วยงานกํากับดูแลและผู้ออกกฎหมายต้องร่วมมือกันข้ามพรมแดนแห่งชาติเพื่อประสานระบอบกฎหมายและกฎระเบียบในขณะที่จัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นรวมถึงประเด็นกา
ทศพล ทรรศนพรรณ
การวิเคราะห์ปรับปรุงเกระบวนการระงับข้อพิพาทของบรรดาผู้บริโภคในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ยืนยันว่าระบบสามารถใช้เพื่อทำการแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้บริโภคจํานวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน่วยงานระงับข้อพิพาททางเลือก (Alternative Dispute Resolution - ADR) ที่ได้รับการรับรองจากสาธารณะให้เป็นมากกว่ากลไกการระงับข้อพิพาทใน
ทศพล ทรรศนพรรณ
การสร้างความเชื่อถือให้กับผู้บริโภคจึงเป็นผลดีต่อการเติบโตของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ และการตัดสินใจของผู้บริโภคที่จะทำธุรกรรมออนไลน์กับผู้ขายต่อไป ทำให้ประเทศต่าง ๆ  รวมถึงประเทศไทยให้ความสนใจและมุ่งให้เกิดการคุ้มครองอย่างจริงจังต่อปัญหาการละเมิดสิทธิในความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู
ทศพล ทรรศนพรรณ
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันทันใดที่ผู้คนจำนวนมากขาดความรู้ความเข้าใจต่อเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อชีวิตโดยตรง รัฐในฐานะผู้คุ้มครองสิทธิประชาชนและยังต้องทำหน้าที่กระตุ้นความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจด้วย จึงมีภาระหนักในการสถาปนาความ “เชื่อมั่น” ให้เกิดขึ้นในใจประชาชนที่ลังเลต่อการเข้าร่วมสังฆกรรมใน
ทศพล ทรรศนพรรณ
โลกเสมือนจริงเป็นสื่อใหม่ในโลกยุคดิจิทัลที่แสดงด้วยภาพและเสียงสามมิติซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในโลกที่ถูกสร้างขึ้นเหล่านี้ ทำให้เกิดเป็นสังคม (Community) ภายในโลกเสมือนจริงที่ผู้คนสามารถติดต่อสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันได้ แต่มิใช่เพียงการเข้าไปรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสเพียงเท่านั้น นอก
ทศพล ทรรศนพรรณ
การทำธุรกรรมบนอินเตอร์เน็ตมีแนวโน้มที่จะส่งเสริมการเข้าร่วมสัญญาอย่างรวดเร็วสะดวกลดอุปสรรค ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตก็ด้วยไม่ต้องการเดินทางหรือไม่ต้องมีตัวกลางในการประสานความร่วมมือหรือต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับผู้รับรองสถานะของสัญญาในลักษณะตัวกลางแบบที่ต้องทำในโลกจริง ที่อาจถูกกฎหมายบังคับให้ทำตามแบ
ทศพล ทรรศนพรรณ
โลกเสมือนจริง (Virtual World) คือสภาพแวดล้อมเสมือนซึ่งสร้างและปฏิบัติการด้วยซอฟต์แวร์ (Software) ที่อยู่ในเซิร์ฟเวอร์ (Server) ของเจ้าของแพลตฟอร์ม (Platform) สิ่งแวดล้อมเสมือนเหล่านี้ออกแบบมาให้ผู้เล่นหรือผู้ใช้โลกเสมือนจริงสามารถใช้ตัวตนเสมือนหรืออวตาร (Avatar) ในการท่องไปในโลกนั้น โดยสามารถติดต
ทศพล ทรรศนพรรณ
เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ในยุคดิจิทัลตั้งอยู่บนพื้นฐานของเสรีภาพในการแสดงออกบนโลกออนไลน์ โดยมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับประเด็นกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาเนื่องจากกฎหมายลิขสิทธิ์สามารถห้ามปรามการเผยแพร่ความคิดหรือการแสดงออกในงานสร้างสรรค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยอ้างเหตุแห่งการคุ้มครองสิทธิของปัจเจกชนอย
ทศพล ทรรศนพรรณ
ความเฟื่องฟูของเศรษฐกิจดิจิทัลที่สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการจำนวนมหาศาลแต่นำมาซึ่งความกังขาว่า สังคมได้อะไรจากการเติบโตของบรรษัทขนาดใหญ่ผู้เป็นเจ้าของเทคโนโลยีและควบคุมแพลตฟอร์มเหล่านี้ อันเป็นที่มาของเรื่อง การจัดเก็บภาษีดิจิทัลได้กลายเป็นข้อกังวลที่สำคัญสำหรับหลาย ๆ รัฐบาล ในยุโรป เช่นใน เยอรมนี