Skip to main content

เหตุวินาศกรรมในเมืองหลวงโดยเฉพาะย่านธุรกิจที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของระบบทุนนิยมถือเป็นสิ่งที่รัฐทั้งหลายไม่ปรารถนามากที่สุด เนื่องจากความเสียหายสูงเพราะมีร้านค้าและผู้คนแออัดหนาแน่น แต่ที่ร้ายแรงยิ่งกว่าคือ สภาพจิตใจของผู้คนที่จับจ่ายใช้สอยและมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเคยชินในบริเวณนั้น

การป้องกันเหตุวินาศกรรมด้วยเทคโนโลยีต่างๆ จึงเป็นแนวทางที่รัฐจำนวนมากเลือกใช้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว และผู้บริโภคทั้งหลายเพื่อให้แน่ใจว่า หากมาใช้บริการแล้วจะมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

ในพื้นที่ของเอกชนจึงต้องมีการจ้างบริษัทที่ปรึกษาและให้บริการด้านความปลอดภัยมาทำหน้าที่ประจำ และมีการสั่งซื้ออุปกรณ์สอดส่อง ตรวจตราบุคคลมาไว้ใช้

ระบบรักษาความปลอดภัยและเทคโนโลยีที่พูดถึงกันมาก คือ ระบบไบโอเมตริกซ์ และเทคโนโลยียืนยันตัวบุคคล ซึ่งยังมีการสับสนมากว่า คืออะไร และประเทศไทยมีการนำระบบและเทคโนโลยีทั้งสองมาใช้แล้วหรือไม่

ระบบไบโอเมตริกซ์ คือ ระบบฐานข้อมูลที่รวบรวมเอาข้อมูลทางกายภาพ เช่น ใบหน้า ลายนิ้วมือ สีผิว กรุ้ปเลือด พันธุกรรม ของ “บุคคลเป้าหมาย” เพื่อประกอบกันเป็นฐานข้อมูลของประชากรแต่ละคน โดยที่บุคคลทั้งหลายอาจไม่เคยรับรู้เลยก็ได้ว่ามีข้อมูลใดของตนบ้างที่อยู่ในการครอบครองของเจ้าของระบบบ้าง  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศักยภาพของหน่วยงานเจ้าของระบบว่าสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลชุดต่างๆมาเชื่อมโยงสร้างเป็นฐานประวัติของบุคคลได้บ้าง

นอกจากนี้องค์กรต่างๆยังพยายามเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบุคคลให้กว้างและลึกที่สุดเพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูลต่อยอด เช่น   ข้อมูลพื้นฐานในทะเบียนราษฎร์ วันเดือนปีเกิด ภูมิลำเนา เบอร์ติดต่อ แล้วขยายไปยังข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่างๆ เช่น การใช้อินเตอร์เน็ต อีเมลล์ การเดินทาง การใช้จ่ายเงินผ่านบัตรอิเล็คโทรนิกส์ หรือแม้กระทั่งข้อมูลด้านสุขภาพและการออกกำลังกาย การยืมอ่านหนังสือ และการดาวน์โหลดข้อมูลทั้งหลาย ฯลฯ   ขึ้นอยู่กับว่าองค์กรเจ้าของระบบมีศักยภาพมากน้อยแค่ไหน

แต่ปัจจุบันก็ปรากฏข้อกังวลในประเทศผู้ใช้เทคโนโลยีและระบบฐานข้อมูลว่า “ละเมิดความเป็นส่วนตัว” และขัดต่อหลักการ “คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” ที่กฎหมายรับรองสิทธิไว้ให้ประชาชนปลอดจากการแทรกแซงตามอำเภอใจ   รัฐและองค์การระหว่างประเทศจึงต้องถ่วงดุลย์เรื่องความมั่นคงกับสิทธิมนุษยชน ด้วยการร่างกฎหมายและสนธิสัญญา

การลงทุนสร้างฐานข้อมูลเพื่อสอดส่องบุคคลจึงต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายเหล่านี้ด้วย เพื่อป้องกันการใช้ข้อมูลไปโดยมิชอบ จนทำให้เกิดการละเมิดสิทธิ อันจะขยายวงไปสู่ความกังวลและยุติการทำธุรกรรมของประชาชนทั่วไป เพราะรู้สึกว่ากำลังถูกจับจ้องอยู่

ฐานข้อมูลหนึ่งที่นำมาใช้ประกอบสร้างไบโอเมตริกซ์ คือ เทคโนโลยีการยืนยันบุคคลโดยใช้ใบหน้า (Face Recognition) ซึ่งมีใช้มานานกว่าทศวรรษในประเทศเจ้าของเทคโนโลยี แต่ประเทศไทยมิได้มีการลงทุนประเทศนี้ จนมีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลไทยที่อยู่ภายใต้การนำของฝ่ายความมั่นคงว่า ต้องลงทุนขนานใหญ่เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน นักท่องเที่ยว และประชาชนผู้บริโภค

เทคโนโลยียืนยันตัวบุคคลนี้ ประกอบด้วยข้อมูลสองชุดใหญ่ๆ คือ รูปใบหน้าในฐานข้อมูลที่เก็บไว้โดยรัฐ/องค์กร กับ รูปใบหน้าที่ติดอยู่ในเอกสารยืนยันสถานะบุคคลที่ถือโดยเจ้าของตัวตน   ในหลายประเทศได้มีการฝังชิปเพื่อตรวจจับโครงหน้าและรายะลเอียดบนใบหน้าไว้ในรูปถ่ายติดบัตร/หนังสือ ที่ประชาชนถือ จนเป็นที่มาของมุขตลกสมัย โน้ตเดี่ยว 8 ที่ว่า ทำไมรูปถ่ายขอวีซ่าสหรัฐอเมริกาจะต้องเห็นหูและเปิดหน้าผาก

โครงหน้า สีผิว และอวัยวะบนใบหน้า จึงเป็นวัตถุแห่งการตรวจสอบ  ดังนั้นผู้ก่อการร้าย สายลับ หรืออาชญากร จึงมีความพยายามในการปรับแปลงโฉมหน้าตลอดเวลาเพื่อมิให้ระบบเฝ้าระวังต่างๆตรวจจับตนได้   เช่น ในพื้นที่เศรษฐกิจที่เสี่ยงต่อการก่อวินาศกรรม รัฐและองค์กรเอกชนจะมีกล้องถ่ายภาพและการเคลื่อนไหวตลอดเวลา   หากมีบุคคลต้องสงสัยเดินทางเข้ามาในพื้นที่ ก็อาจมีการส่งสัญญาณเตือนภัยไปยังผู้ที่รับผิดชอบ

ดังนั้นการลงทุนเพื่อเสริมศักยภาพของอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีในประเทศทุนนิยมจึงเกิดขึ้นตามการเติบโตของเมืองและตลาดทางเศรษฐกิจ  แต่ต้องย้ำว่า ซื้อมาโดยไม่ปรับเข้ากับรูปหน้าหรือกิจกรรมของประชากรตนก็ไม่ได้เช่นกัน

ยกตัวอย่างประเทศมหาอำนาจที่ลงทุนเรื่องนี้มากและพยายามส่งออกระบบเหล่านี้ให้ประเทศอื่นใช้เพื่อจะได้เชื่อมโยงข้อมูลของประเทศต่างๆ เข้าเป็นส่วนหนึ่งกับระบบตนหรือในนามองค์การระหว่างประเทศ อาทิ ตำรวจสากล INTERPOL หรือ สภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ NSA

อย่างไรก็ดีสิ่งที่มากกว่า อุปกรณ์และเทคโนโลยี คือ การข่าวที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลเข้ามาเสริมฐานข้อมูลไบโอเมตริกซ์ที่เน้นไปที่การเก็บข้อมูล “ตัวบุคคล” เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายความสัมพันธ์ของบุคคลที่อาจปฏิบัติการร่วมกัน หรืออยู่ในลักษณะองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หรือกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติ  

ประเทศไทยนอกจากจะโชคดีมีความปลอดภัยเนื่องจากผู้ก่อการร้าย หรืออาชญากร ละเว้นการก่อวินาศกรรมเพื่อเก็บไว้เป็นแหล่งกบดาน หรือประเทศทางผ่านในการหลบหนีไปประเทศอื่นแล้ว   มิตรประเทศทั่วโลกยังได้ประสานข่าวกรองกับหน่วยงานความมั่นคงไทยด้วย 

โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาที่ปรากฏตัวเลขการลงทุนช่วยเหลือการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และมีสัดส่วนที่มากขึ้นเรื่อยๆในปีท้ายๆ ก่อนจะเกิดการรัฐประหารแล้วรัฐบาลสหรัฐต้องยุติการสนับสนุนงบประมาณไปตามเงื่อนไขของข้อกฎหมายที่ “ห้ามมีความสัมพันธ์กับรัฐเผด็จการทหาร” เช่นเดียวกับ สหภาพยุโรปและประเทศประชาธิปไตยอื่น

การรักษาความมั่นคงภายใต้ร่มประชาธิปไตยของโลกจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

อุกกาบาต อนุสาวรีย์ นั้นไม่เกี่ยว

 

ผู้เขียน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ทศพล ทรรศนกุลพันธ์
 

บล็อกของ ทศพล ทรรศนพรรณ

ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องนี้มีน้องคนหนึ่งนำเรื่องแปลกมากเล่าให้ฟัง เหตุการณ์ก็มีดังนี้ครับ
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องสุดท้ายของบริการด้านสื่อสารแล้วนะครับ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกบ้านแน่ๆ เพราะเดี๋ยวนี้เรามีอินเตอร์เน็ตใช้ที่บ้านกันแล้วแทบทุกหลังเพราะมันทำให้เราสามารถทำงานหรือพักผ่อนที่บ้านได้โดยไม่ต้องเดินทางออกไปนั่งทำงานที่อื่นหรือเสียเงินออกไปซื้อความบันเทิงนอกบ้าน   หนูก็ชอบดูซีรี่ส์แล
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องต่อมาผมคิดว่าหลายท่านคงเคยหงุดหงิดอารมณ์เสียกับรถที่ดันมาพังเอาตอนที่เรารีบเร่งจะต้องใช้งานใช่ไหมครับ ที่แย่ไปกว่านั้น คือ เราขับได้แต่ซ่อมไม่เป็นต้องเข็นไปเข้าอู่ซึ่งก็ไม่รู้ว่าที่ไหนดีไม่ดี มีฝีมือน่าเชื่อถือจริงรึเปล่า เพราะเราก็ไม่มีความรู้ด้านเครื่องยนต์กลไกและช่วงล่างใดๆทั้งสิ้น ผู้ชา
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องนี้หลายท่านอาจจะเคยเจอปัญหาเดียวกัน หรือเคยได้ยินตามข่าวคราวที่ออกมาหลายครั้งนะครับ เพราะว่าปัจจุบันศูนย์ออกกำลังกายหรือฟิตเนสเซ็นเตอร์เป็นที่นิยมมาก ก็เพราะเราอยากมีร่างกายแข็งแรง รูปร่างสวยงาม เปล่งปลั่งมาจากภายในแต่ไม่มีเวลาไปออกกำลังกายในที่โล่งแจ้งเพราะไม่ตรงกับเวลาว่าง ก็มักจะเข้าฟิตเ
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องยุ่งๆ เกิดจากการไม่ได้รับความเป็นธรรมตามเงื่อนไขการสมัครเป็นสมาชิกของบริษัทจำกัดแห่งหนึ่ง ซึ่งได้เข้ามาชักชวนคนในพื้นที่ให้เข้าร่วมทำสัญญาประกันชีวิตแต่ไม่ได้ทำตามเงื่อนไขของสัญญาที่มาเล่าปากเปล่าและมีการปิดบังซ่อนเร้น เพิ่มเติมเงื่อนไขบางอย่าง เมื่อผู้เอาประกันตาย ญาติ ลูกหลานไปร้องขอรับปร
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังเป็นกรณีที่เกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของผู้อื่นที่อาจมาเคาะประตูบ้านเราได้ทั้งที่เราก็อยู่เฉยๆในบ้านไม่ได้ออกไปทำอะไรเสี่ยงภัย  แต่กลับประสบภัยจากความประมาทเลินเล่ออย่างรายแรงของผู้อื่น  ลองไปฟังเคราะห์หามยามซวยของน้องคนหนึ่งที่หวังจะใช้กฎหมายเป็น
ทศพล ทรรศนพรรณ
ป้าคนหนึ่งเข้ามาปรึกษาว่าไปโรงพยาบาลรัฐแถวบ้านซึ่งตนมีชื่อเป็นคนใช้สิทธิบัตรทองอยู่ที่นั่น แต่ด้วยความที่ป้าได้รับบัตรมานานมากแล้ว และเมื่อสองปีก่อนได้มีการก่อสร้างและซ่อมบ้านทำให้ต้องโยกย้ายข้าวของออกจากบ้านก่อนจะกลับเข้าไปอยู่อีกครั้งเมื่อซ่อมแซมเสร็จ ทำให้บัตรที่เก็บไว้สูญหายไปเมื่อไหร่ก็ไม่ทร
ทศพล ทรรศนพรรณ
สิ่งที่ขับเคลื่อนโลก คือ เทคโนโลยี การทหาร การค้า และการแพร่ความคิด ความเชื่อ ศาสนา
ทศพล ทรรศนพรรณ
กฎหมาย เขียนด้วยคน บังคับด้วยคน และก็เป็นการควบคุมพฤติกรรมของคน   จึงมีคนสงสัยว่า แล้วอย่างนี้จะมีกฎหมายสิ่งแวดล้อมไปทำไมในเมื่อไปบังคับ ดิน ฟ้า อากาศ หรือน้ำ ไม่ได้  
ทศพล ทรรศนพรรณ
ตลอดหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา ผมได้ใช้เวลาวนเวียนอยู่กับการทำวิจัยเกี่ยวกับกฎหมายมาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนเขียนวิทยานิพนธ์ปริญญาโท
ทศพล ทรรศนพรรณ
หลังจากคำทำนายในบทความ “รัฐเผด็จการ กับ การล้วงตับ” ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ (http://blogazine.in.th/blogs/streetlawyer/post/4833) จึงเป็นเวลาอันสมควรที่ประชาชนและสังคมไทยต้องร่วมกันต่อต้าน ชุดกฎหมายความมั่นคงโดยเฉพาะ พรบ.ความมั่นคงไซเบอร์ ที่มีเนื้อหาจำนวนมากขัดกับ หลักกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ทศพล ทรรศนพรรณ
“ความซวยไม่เข้าใครออกใคร” รถหาย โดนเบี้ยวหนี้ ชนแล้วหนีไม่มีใครรับผิดชอบเด็กในท้อง ไปจนถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ถ้าลองได้เกิดขึ้นในหมู่คนรู้จัก ก็มักจบลงด้วยการตัดญาติขาดมิตร ไม่เผาผีกัน คงเป็นสิ่งที่ได้ยินไม่เว้นแต่ละวันใช่ไหม