
เรื่องนี้มีน้องคนหนึ่งเข้ามาปรึกษาเพราะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นที่บ้านเค้า เหตุการณ์ก็มีดังนี้ครับ “เนื่องจากบ่ายวันหนึ่งมีตำรวจสองคนมาพร้อมผู้หญิงคนหนึ่งขอค้นที่พักอาศัยของคนงานที่ทำงานให้กับโรงงานของพ่อแม่ โดยอ้างว่ามีคนงานคนหนึ่งโดนหมายจับข้อหาลักทรัพย์ โดยผู้หญิงเป็นเจ้าหน้าที่ของทางธนาคาร
ด้วยความที่พ่อแม่ของน้องเชื่อใจในตัวคนงานมากจึงปล่อยให้ตำรวจคนหนึ่งเข้าไปค้นห้องเพียงคนเดียว ตำรวจคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมยาบ้าครึ่งเม็ด และขอจับกุมคนงานทุกคนตรวจปัสสาวะ ซึ่งผลออกมาก็ไม่มีผู้ใดที่บ่งบอกว่าติดยา จึงปล่อยทุกคนกลับบ้านและขอคุมตัวคนงานเจ้าของห้องที่พบยาบ้าไว้ก่อน และได้เปลี่ยนมาเป็นเรื่องยาบ้าแทนโดยไม่มีการบอกกล่าวว่าคนงานที่โดนหมายจับฉ้อโกงคือใคร
แต่พอเรื่องชักจะไปกันใหญ่ พ่อแม่ของน้องจึงพยายามซักถามจนได้ความว่า มีคนงานหญิงคนหนึ่งได้ไปธนาคารเพื่อที่จะเปิดบัญชีเงินฝาก แต่เนื่องจากความผิดพลาดของพนังงานที่นับเงินผิดจากลูกค้าคนก่อนไปเป็นจำนวนเงิน 1 แสนบาท จึงทำให้เข้าใจผิดว่าคนงานหญิงคนดังกล่าวขโมยเงินไป
เมื่อพ่อแม่ และคนงานหญิงคนดังกล่าวทราบเรื่องจึงขอไปตรวจสอบกับทางธนาคารพบว่าเป็นความผิดของพนังงานในการเผลอเลอในการทำงาน ผู้จัดการธนาคารจึงต้องมาขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ ผู้เสียหายจึงไม่คิดที่จะเอาเรื่อง เพียงแต่อยากให้เรื่องทั้งหมดจบลง แล้วกลับมาจัดการเรื่องเกี่ยวกับคดียาเสพติดแทน
ซึ่งในตอนแรกพ่อกับแม่ขอประกันตัวคนงานเจ้าของห้องที่ถูกจับไว้แต่ก็ไม่ได้รับการยินยอม แล้วมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเดินออกมาพร้อมกล่าวหาว่าแม่ขัดขวางการทำงานเจ้าพนักงานและพยายามปกปิดความผิดคนงาน
นายตำรวจบอกให้แม่เอาเงินให้เขาจำนวน 50,000 บาทแล้วคดีก็จะสิ้นสุดลง แต่แม่ไม่ยอมให้ นายตำรวจคนนั้นจึงขู่ว่าจะสั่งปิดกิจการทางบ้านและของอายัดทรัพย์สิ้นทั้งหมด
ทั้งนี้ตำรวจคนนั้นยังจะจับแม่ไว้ด้วยโดยให้เหตุผลว่ากลัวแม่จะหนีความผิด ซึ่งมองอย่างไรก็ดูเหมือนว่าตำรวจผู้นั้นต้องการแค่เงินของแม่ และเรื่องที่เกิดขึ้นก็ยังทำให้กิจการของทางบ้านจำเป็นต้องหยุดชะงักลงอีกด้วย
ในที่สุดพ่อจึงตัดสินใจนำเงินจำนวน 50,000 บาทไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเตรียมเงินสดใส่ไปในกล่องของขวัญและกระเช้าผลไม้ เนื่องจากในช่วงนั้นตรงกับเทศกาลขึ้นปีใหม่พอดี หลังจากนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่คนนั้นได้รับเงินไป เรื่องก็จบไปโดยไม่มีการฟ้องร้องคนงานดังกล่าวที่เป็นเจ้าของห้องที่พบยาบ้าครึ่งเม็ด รวมถึงปล่อยตัวแม่ออกมาพร้อมกันทำให้ครอบครัวของน้องดีใจมาก และสามารถกลับมาประกอบธุรกิจโรงงานต่อไปได้
เวลาผ่านไปเกือบ 2 ปี หญิงคนดังกล่าวมีความจำเป็นที่จะเดินทางไปต่างประเทศ เมื่อไปทำเอกสารจึงพบว่าตนเองมีคดีติดตัวข้อหาลักทรัพย์ จึงได้ติดตามเรื่องพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจยื่นฟ้องตามที่ธนาคารได้แจ้งความเอาไว้
เมื่อไปตรวจสอบกับทางธนาคารกลับพบว่า ผู้จัดการธนาคารลืมไปถอนแจ้งความทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องฟ้องคดี เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น สามีของผู้หญิงจึงไปปรึกษากับผู้ใหญ่ที่มีความรู้ด้านกฎหมาย จึงได้ทำเรื่องต่ออัยการจังหวัดดำเนินการรื้อคดีใหม่ เพราะภรรยามีความจำเป็นจะต้องเดินทางไปทำงานติดต่อกับต่างประเทศบ่อยครั้ง หากมีคดีติดตัวจะเสียเวลาและทำงานไม่ได้
ความวุ่นวายจึงต้องเสียเวลาและเสียเงินกับการจัดการเรื่องดังกล่าวเพราะต้องจ้างทนายความมาช่วยดำเนินการให้ อย่างไรก็ดีครอบครัวนี้ก็ไม่อยากจะเอาเรื่องกับผู้จัดการธนาคาร เนื่องจากไม่อยากให้ผู้จัดการต้องถูกไล่ออก ไม่มีงานทำ
วิเคราะห์ปัญหา
1. การเข้าค้นที่พักเพื่อหาคนตามหมายจับนั้นต้องกระทำตามกระบวนการใด สามารถปกปิดหมายจับก่อนค้นได้หรือไม่
2. การเข้าค้นที่พักเพื่อตามหาคนในข้อหาหนึ่ง แล้วพบวัตถุผิดกฎหมายซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับหมายจับ เป็นการเข้าค้นที่ชอบด้วยกฎหมาย สามารถนำไปสู่การดำเนินคดีที่อยู่นอกเหนือหมายจับได้หรือไม่ เพราะกรณีนี้ไม่มีหมายค้นเกี่ยวกับยาเสพติด
3. การกดดัน ปรักปรำ และเพิ่มข้อหาตามอำเภอใจของเจ้าพนักงาน และการเรียกรับสินบน เป็นความผิดตามกฎหมายหรือไม่ การจ่ายสินบนและไม่มีการดำเนินคดีถือเป็นความผิดด้วยหรือไม่
4. การแจ้งความโดยเกิดจากความเข้าใจผิดของธนาคารทำให้คนงานหญิงเสียเวลาและถูกกล่าวหา เป็นความผิดตามกฎหมายหรือไม่
5. เมื่อมีการทำสำนวนของตำรวจ และอัยการการฟ้องร้องตามหมายจับที่กล่าวหาผิดตัว แต่ไม่มีการถอนฟ้องจนทำให้เกิดการเสียเวลาและเครียด ติดขัดเรื่องงาน ถือเป็นความผิดตามกฎหมายหรือไม่
การนำกฎหมายมาแก้ไข
1. การเข้าจับกุมหรือตรวจค้นตามหมายจับนั้น จะต้องมีการแจ้งให้กับเจ้าของสถานที่ทราบถึงรายละเอียดที่ศาลให้อำนาจมาจับกุมและแจ้งข้อให้กับผู้ที่อยู่ในหมายทราบพร้อมสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ ตามที่กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และรัฐธรรมนูญกำหนดไว้
2. การเข้าจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับโดยสภาพต้องมุ่งค้นหาตัวผู้ต้องหาตามหมายศาลเพื่อดำเนินการให้เรียบร้อยไม่กระทบกระเทือนต่อสิทธิของผู้อื่น อย่างไรก็ดียาเสพย์ติดถือเป็นวัตถุผิดกฎหมาย หากเจ้าพนักงานพบเห็นซึ่งหน้าก็อาจขอควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่ครอบครองยาเสพย์ติดได้ แต่การจับกุมและการพิสูจน์ความผิดอาจจะมีปัญหาต้องต่อสู้กันต่อไป เช่น ตอนที่พบนั้นมีพยานไหมว่าเจอที่ไหน หรือมีการพกยามาจัดวางไว้ในห้อง ฯลฯ
3. การข่มขู่ ปรักปรำ ตั้งข้อหาของเจ้าพนักงาน ถือเป็นการกระทำโดยมิชอบ ขัดกับหลักกระบวนการยุติธรรมที่ดี อาจทำให้กระบวนการทั้งหมดเสียไปเพราะขัดกับขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ การเรียกรับสินบนเป็นความผิดทั้งทางวินัย และความผิดอาญา
4. การแจ้งความร้องทุกข์โดยที่เกิดจากความเข้าใจผิดในเบื้องต้นนั้นอาจไม่ถึงขึ้นความผิดหรือละเมิดเนื่องจากมิได้ล่วงรู้ว่าใครเป็นผู้กระทำความผิด จึงไม่มีเจตนาร้ายหรือจงใจทำให้เกิดความเสียหาย
5. การรู้ว่าแจ้งความผิดคนแต่ไม่ไปถอนแจ้งความ จนทำให้เกิดการสั่งฟ้องเป็นผลร้ายกับจำเลย ย่อมเป็นความผิดทั้งทางอาญาในข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน และหมิ่นประมาทฯเป็นการละเมิดทำให้เกิดความเสียหายที่ต้องชดใช้หนี้ให้แก่ผู้ที่ถูกกล่าวหาโดยไม่เป็นธรรมด้วย
ช่องทางเรียกร้องสิทธิ
1. กระบวนการเข้าค้นแล้วปรักปรำเรื่องยาเสพย์ติดนั้น สามารถร้องเรียนเบื้องต้นกับผู้บังคับบัญชาได้ แต่กรณีนี้ผู้บังคับบัญชาเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาจึงอาจร้องเรียนต่อคณะกรรมการตำรวจประจำสถานีตำรวจแห่งนั้น
2. หากไม่คืบหน้าสามารถร้องเรียนไปยังคณะกรรมการ ปปช. ได้เนื่องจากเป็นการเรียกรับสินบนซึ่งเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ซึ่งอาจจะนำไปสู่การส่งให้อัยการสั่งฟ้องในศาลยุติธรรมเพื่อให้เจ้าพนักงานรับผิดและชดเชยค่าเสียหายต่อผู้ที่ถูกปรักปรำโดยมิชอบได้
3. การร้องเรียนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน คณะกรรมการยุติธรรมและกิจการตำรวจประจำรัฐสภา ก็เป็นช่องทางอื่นๆที่สามารถร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมได้
4. การแจ้งความจับผิดตัวให้ไปทักท้วงกับผู้ที่แจ้งความ คือ ธนาคาร และให้เดินทางไปสถานีตำรวจพร้อมกับผู้จัดการธนาคารคนที่แจ้งความ อย่าปล่อยให้ธนาคารดำเนินการเอง เพราะจะมีปัญหาลืมเพราะไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนของเขาเกิดขึ้น
5. การแจ้งความผิดตัวทำให้เกิดความเสียหายเมื่อรู้แล้วยังไม่ไปถอนแจ้งความอีก สามารถแจ้งความต่อตำรวจให้ดำเนินการกับผู้จัดการได้ หากอัยการสั่งฟ้องในศาลอาญาสามารถขอให้กำหนดการชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งไปพร้อมกันได้เลย
สรุปแนวทางแก้ไข
กรณีเข้าตรวจค้นมิชอบ ใช้หลักการตรวจค้นและตั้งข้อหาตามกระบวนการทางอาญา ซึ่งกรณีนี้การตรวจค้นกระทำได้ตามหมายค้น แต่ยังมีข้อต่อสู้เรื่องการพบยาเพียงครึ่งเม็ดแต่ไม่พบสารเสพติดในร่างกายของผู้ใด ส่วนเรื่องการโต้เถียงเป็นการใช้สิทธิธรรมดาที่กระทำได้ไม่ถือเป็นการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ การเรียกเงินถือเป็นความผิดทางอาญาของเจ้าพนักงานสามารถฟ้องต่อศาลอาญาได้ โดยอาจร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปปช. หรือแต่งทนายขึ้นสู้คดีเอง
กรณีแจ้งความและจับผิดตัว ใช้หลักการได้รับความคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ และไม่ถูกกระทำในฐานะนักโทษหากยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดของศาล ซึ่งกรณีนี้เป็นเพียงการแจ้งความแล้วไม่มีการถอนฟ้อง ก็ให้ดำเนินการถอนฟ้อง หรือยื่นให้พนักงานอัยการชะลอฟ้องหรือระงับฟ้องเพื่อให้ภาระทางคดีหลุดพ้นตัว เพื่อให้ผู้เสียหายสามารถใช้สิทธิได้ตามปกติ