Skip to main content

เรื่องนี้มีน้องคนหนึ่งนำเรื่องแปลกมากเล่าให้ฟัง เหตุการณ์ก็มีดังนี้ครับ

“เนื่องจากบ่ายวันหนึ่งมีตำรวจสองคนขอค้นที่พักอาศัยของคนงานที่ทำงานให้กับโรงงานของพ่อแม่ โดยอ้างว่าเมื่อวานแม่ค้าในตลาดมาแจ้งความว่ามอเตอร์ไซค์ถูกขโมยและเห็นคนร้ายขับเข้ามาในระแวกนี้ แม่ค้าสงสัยว่าน่าจะเป็นคนทำงานในโรงงาน ทางตำรวจจึงขอเข้าตรวจค้นว่ามีรถที่ถูกขโมยมาซ่อนในโรงงานหรือไม่

ด้วยความที่พ่อแม่ของน้องมั่นใจว่าคนงานของตนไม่มีพฤติกรรมเช่นนั้นอย่างแน่นอนจึงปล่อยให้ตำรวจคนหนึ่งเข้าไปค้นบริเวณหอทั้ง ซึ่งตำรวจเข้าไปทั้งค้นในและนอกอาคารเพียงลำพัง ทว่าตำรวจนายหนึ่งเดินออกมาจากห้องพักคนงานพร้อมยาบ้าครึ่งเม็ด และขอจับกุมคนงานทุกคนตรวจปัสสาวะ ซึ่งผลออกมาก็ไม่มีผู้ใดที่บ่งบอกว่าติดยา จึงปล่อยทุกคนกลับบ้านและขอคุมตัวคนงานเจ้าของห้องที่พบยาบ้าไว้ก่อน   และได้เปลี่ยนมาเป็นเรื่องยาบ้าแทนจากการค้นหารถที่ถูกขโมย

พ่อกับแม่เดินทางไปขอประกันตัวคนงานเจ้าของห้องที่ถูกจับไว้แต่ก็ไม่ได้รับการยินยอม  แล้วมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเดินออกมาพร้อมกล่าวหาว่าแม่ขัดขวางการทำงานเจ้าพนักงานและพยายามปกปิดความผิดคนงานนายตำรวจบอกให้แม่เอาเงินให้เขาจำนวน 50,000 บาทแล้วคดีก็จะสิ้นสุดลง แต่แม่ไม่ยอมให้ นายตำรวจคนนั้นจึงขู่ว่าจะสั่งปิดกิจการทางบ้านและของอายัดทรัพย์สิ้นทั้งหมด 

ทั้งนี้ตำรวจคนนั้นยังจะจับแม่ไว้ด้วยโดยให้เหตุผลว่ากลัวแม่จะหนีความผิด   ซึ่งมองอย่างไรก็ดูเหมือนว่าตำรวจผู้นั้นต้องการแค่เงินของแม่ และเรื่องที่เกิดขึ้นก็ยังทำให้กิจการของทางบ้านจำเป็นต้องหยุดชะงักลงอีกด้วย

ในที่สุดพ่อจึงตัดสินใจนำเงินจำนวน 50,000 บาทไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเตรียมเงินสดใส่ไปในกล่องของขวัญและกระเช้าผลไม้   เนื่องจากในช่วงนั้นตรงกับเทศกาลขึ้นปีใหม่พอดี   หลังจากนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่คนนั้นได้รับเงินไป เรื่องก็จบไปโดยไม่มีการฟ้องร้องคนงานดังกล่าวที่เป็นเจ้าของห้องที่พบยาบ้าครึ่งเม็ด   รวมถึงปล่อยตัวแม่ออกมาพร้อมกันทำให้ครอบครัว

วิเคราะห์ปัญหา

1.        การเข้าค้นที่พักเพื่อหาสิ่งของโดยไม่มีหมายค้นทำได้หรือไม่ หากต้องมีหมายต้องแสดงหมายค้นหรือไม่

2.        การเข้าค้นที่พักเพื่อตามหาคนในข้อหาหนึ่ง แล้วพบวัตถุผิดกฎหมายซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับหมายจับ เป็นการเข้าค้นที่ชอบด้วยกฎหมาย สามารถนำไปสู่การดำเนินคดีที่อยู่นอกเหนือหมายจับได้หรือไม่ เพราะกรณีนี้ไม่มีหมายค้นเกี่ยวกับยาเสพติด

3.        การกดดัน ปรักปรำ และเพิ่มข้อหาตามอำเภอใจของเจ้าพนักงาน และการเรียกรับสินบน เป็นความผิดตามกฎหมายหรือไม่  การจ่ายสินบนและไม่มีการดำเนินคดีถือเป็นความผิดด้วยหรือไม่

การนำกฎหมายมาแก้ไข

1.            การค้นสถานที่ส่วนบุคคลหรือที่รโหฐานเพื่อหาสิ่งของหรือบุคคลข้างในนั้นที่ไม่เข้าข้อยกว้นใดๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องร้องขอศาลให้ออกหมายค้น โดยหมายค้นจะระบุสถานที่ที่ค้น อะไรที่จะถูกค้นหา เจ้าพนักงานคนใดทำการค้น เวลาที่ทำการเริ่มค้น และเมื่อค้นสิ่งใดได้ให้ทำบัญชีสิ่งของและเก้บสิ่งของไว้ ณ สถานที่ตามที่หมายระบุ  

2.             ยาเสพย์ติดถือเป็นวัตถุผิดกฎหมาย หากเจ้าพนักงานพบเห็นซึ่งหน้าก็อาจขอควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่ครอบครองยาเสพย์ติดได้   แต่การจับกุมและการพิสูจน์ความผิดอาจจะมีปัญหาต้องต่อสู้กันต่อไป เช่น ตอนที่พบนั้นมีพยานไหมว่าเจอที่ไหน หรือมีการพกยามาจัดวางไว้ในห้อง ฯลฯ ทั้งในการจับกุมเจ้าพนักงานต้องแจ้งเหตุผลหรือความผิดที่ถูกจับ สิทธิในการพบ/มีทนายความ สิทธิในการได้พบบุคคลที่ตนไว้ใจ สิทธิที่จะไม่ตอบคำถามของเจ้าพนักงานสอบสวนเว้นแต่คำถามที่ถามชื่อหรือที่อยู่ของบุคคลนั้นเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย

3.             การข่มขู่ ปรักปรำ ตั้งข้อหาของเจ้าพนักงาน ถือเป็นการกระทำโดยมิชอบ ขัดกับหลักกระบวนการยุติธรรมที่ดี อาจทำให้กระบวนการทั้งหมดเสียไปเพราะขัดกับขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้   การเรียกรับสินบนเป็นความผิดทั้งทางวินัย และความผิดอาญา

ช่องทางเรียกร้องสิทธิ

1.        กระบวนการเข้าค้นแล้วปรักปรำเรื่องยาเสพย์ติดนั้น สามารถร้องเรียนเบื้องต้นกับผู้บังคับบัญชาได้ แต่กรณีนี้ผู้บังคับบัญชาเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาจึงอาจร้องเรียนต่อคณะกรรมการตำรวจประจำสถานีตำรวจแห่งนั้น

2.        หากไม่คืบหน้าสามารถร้องเรียนไปยังคณะกรรมการ ปปช. ได้เนื่องจากเป็นการเรียกรับสินบนซึ่งเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ของเจ้าพนักงาน  ซึ่งอาจจะนำไปสู่การส่งให้อัยการสั่งฟ้องในศาลยุติธรรมเพื่อให้เจ้าพนักงานรับผิดและชดเชยค่าเสียหายต่อผู้ที่ถูกปรักปรำโดยมิชอบได้

3.        การร้องเรียนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน คณะกรรมการยุติธรรมและกิจการตำรวจประจำรัฐสภา ก็เป็นช่องทางอื่นๆที่สามารถร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมได้

สรุปแนวทางแก้ไข

                กรณีเข้าตรวจค้นมิชอบ ใช้หลักการตรวจค้นและตั้งข้อหาตามกระบวนการทางอาญา ซึ่งกรณีนี้การตรวจค้นกระทำได้ตามหมายค้น แต่ยังมีข้อต่อสู้เรื่องการพบยาเพียงครึ่งเม็ดแต่ไม่พบสารเสพติดในร่างกายของผู้ใด ส่วนเรื่องการโต้เถียงเป็นการใช้สิทธิธรรมดาที่กระทำได้ไม่ถือเป็นการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ การเรียกเงินถือเป็นความผิดทางอาญาของเจ้าพนักงานสามารถฟ้องต่อศาลอาญาได้ โดยอาจร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปปช. หรือแต่งทนายขึ้นสู้คดีเอง

 

บล็อกของ ทศพล ทรรศนพรรณ

ทศพล ทรรศนพรรณ
การนำ คำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 205/2549 มาตราเป็นพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร  โดยแฝงนัยยะของการสร้าง “รัฐทหาร” ด้วยการขยับขยายขอบเขตอำนาจแก่เจ้าหน้าที่ กอ. รมน.
ทศพล ทรรศนพรรณ
หลังสิ้นสุดยุคสมัยสงครามเย็น หนึ่งในมรดกตกทอดจากยุคนั้น ได้แก่ หน่วยงานความมั่นคงของรัฐไทยที่มีอำนาจหน้าที่อย่างเข้มข้นในการเฝ้าระวัง สอดส่อง ควบคุมการสื่อสารและการกระทำต่าง ๆ ของประชาชนที่ผู้มีอำนาจเห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง และส่งผลเสียต่อการยืนหยัดสู้เพื่ออุดมการณ์ทางการเมืองช่วงนั้น อาทิ กอง
ทศพล ทรรศนพรรณ
คนไร้บ้านจัดเป็นกลุ่มที่เสี่ยงที่จะถูกละเมิดสิทธิและด้อยโอกาสในการเข้าถึงบริการสาธารณะ สวัสดิการ และหลักประกันด้านต่าง ๆ ด้วยเหตุที่เป็นกลุ่มซึ่งต้องปะทะโดยตรงกับการพัฒนาเมืองอย่างไม่ยั่งยืนทั้งที่สาเหตุของการออกมาอยู่ในพื้นที่สาธารณะนั้นเกี่ยวข้องกับความเหลื่อมล้ำทางสังคมอันเป็นผลลัพธ์ของนโยบายส
ทศพล ทรรศนพรรณ
คนไร้บ้านตกอยู่ในสถานะของกลุ่มเสี่ยงที่อาจต้องเผชิญจากการเหยียดหยามศักดิ์ความเป็นมนุษย์โดยตรงจากการละเมิด และยังอาจไม่ได้รับการดูและแก้ไขปัญหาเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ยุ่งยากต่าง ๆ เพราะถูกจัดให้อยู่ในสถานะต่ำต้อยเสี่ยงต่อการเลือกประติบัติจากรัฐ จนไปถึงการเพิกเฉย ละเลย ไม่ใส่จะแก้ปัญหาให้คนไร้บ้
ทศพล ทรรศนพรรณ
คนไร้บ้านเป็นเสียงที่ไม่ถูกนับ การใช้พลังในลักษณะกลุ่มก้อนทางการเมืองเพื่อเรียกร้องประโยชน์จากผู้มีอำนาจให้จัดสรรทรัพยากรให้จึงเป็นเรื่องยาก ด้วยสาเหตุหลัก 2 ประการ คือ
ทศพล ทรรศนพรรณ
การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของคนไร้บ้านจำเป็นต้องยืนอยู่บนฐานของกฎหมายที่ประกันสิทธิของบุคคลโดยมิคำนึงถึงความแตกต่างหลากหลายทางสถานภาพใด ๆ แม้คนไร้บ้านจะเป็นปัจเจกชน หรือกลุ่มคนที่มีปริมาณน้อยเพียงไร รัฐก็มีพันธกรณีในการเคารพ ปกป้อง และส่งเสริมสิทธิให้กลุ่มเสี่ยงนี้โดยเหตุแห่งความเป็นสิทธิมนุษยชนที่ร
ทศพล ทรรศนพรรณ
หากต้องกำหนดยุทธศาสตร์ของประเทศไทยในการเข้าร่วมตลาดดิจิทัลที่มีเข้มข้นของกิจกรรมข้ามพรมแดนตลอดเวลา เพื่อแก้ไขปัญหาศักยภาพของรัฐในการบังคับใช้กฎหมายขยายไปเหนือหลักเขตอำนาจศาลเหนือดินแดนของตนแบบเก่า เมื่อต้องกำกับกิจกรรมของบรรษัทข้ามชาติที่อยู่ในการบังคับของกฎหมายรัฐอื่นซึ่งมีบรรทัดฐานในหลายประเด็น
ทศพล ทรรศนพรรณ
การวิเคราะห์กฎหมายไทยที่เกี่ยวข้องกับลักษณะความสัมพันธ์ของนิติบุคคลเจ้าของแพลตฟอร์มที่มักเป็นบรรษัทข้ามชาติกับรัฐ จะกระทำใน 3 ประเด็นหลัก คือ ใครเป็นเจ้าของข้อมูล ใครมีสิทธิใช้ประโยชน์จากข้อมูลมากน้อยอย่างไร หรือแบ่งปันกันอย่างไร อันเป็นการเตรียมความพร้อมของกฎหมายในการรองรับปรากฏการณ์การใช้ข้อมูล
ทศพล ทรรศนพรรณ
บทความนี้จะทำการรวบรวมข้อเสนอทางกฎหมายในระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับลักษณะความสัมพันธ์ของนิติบุคคลเจ้าของแพลตฟอร์มที่มักเป็นบรรษัทข้ามชาติ กับรัฐและองค์การระหว่างประเทศ อันเป็นการเตรียมความพร้อมของกฎหมายในการรองรับปรากฏการณ์การใช้ข้อมูลจากแพลตฟอร์มดิจิทัล ว่าสามารถบริหารจัดการให
ทศพล ทรรศนพรรณ
บทความนี้จะทำการทบทวนข้อกฎหมายทั้งในระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับลักษณะความสัมพันธ์ของนิติบุคคลเจ้าของแพลตฟอร์มที่มักเป็นบรรษัทข้ามชาติ เรื่อยมาจนถึงสำรวจความพร้อมของกฎหมายในการรองรับปรากฏการณ์การใช้ข้อมูลจากแพลตฟอร์มดิจิทัล ว่าสามารถบริหารจัดการให้เกิดการแบ่งปันข้อมูลดิจิทัลระหว
ทศพล ทรรศนพรรณ
ประเด็นพื้นฐานที่รัฐต้องคิด คือ จะส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อสะสมความมั่งคั่งได้อย่างไร แล้วจึงจะไปสู่แนวทางในการแบ่งปันความมั่งคั่งให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการผลิตข้อมูลขึ้นมาในแพลตฟอร์ม
ทศพล ทรรศนพรรณ
Kean Birch นำเสนอปัญหาของข้อมูลส่วนบุคคลในฐานะสินค้าของตลาดนวัตกรรมเทคโนโลยีจำนวน 5 ประเด็น คือ1.ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของแพลตฟอร์มในฐานะเจ้าของข้อมูลทึ่ถูกรวบรวมโดยนวัตกรรม,