Skip to main content

เนื่องจากการทำงานของคนในแพลตฟอร์มดิจิทัลในช่วงก่อนหน้าสถานการณ์วิกฤตโรคระบาดนั้นยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นทำให้ปริมาณคนที่เข้ามาทำงานมีไม่มากนัก และเป็นช่วงทำการตลาดของเหล่าแพลตฟอร์มต่าง ๆ ในการดึงคนเข้ามาร่วมงานกับแพลตฟอร์มตนยังผลให้สิทธิประโยชน์เกิดขึ้นมากมายเป็นที่พึงพอใจของผู้เข้าร่วมทำงานกับแพลตฟอร์ม แต่มาในระยะช่วงวิกฤตโรคระบาดแพลตฟอร์มเริ่มปรับตัวให้เกิดการขูดรีดส่วนเกินจากการทำงานของคนในแพลตฟอร์มมากขึ้นเนื่องจากมีคนเข้าร่วมงานมาก และยิ่งมากขึ้นเมื่อถึงช่วงหลังวิกฤตโรคระบาด ความขัดแย้งในกลุ่มคนทำงานกับแพลตฟอร์มจึงอยู่ในช่วงตั้งต้น และยังมีความขัดแย้งรุนแรงบ้าง แต่ยังไม่ได้ข้อตกลงหรือการเจรจาที่เกิดเป็นกระบวนการชัดเจน อีกทั้งภาครัฐก็ยังไม่ได้เข้ามามีบทบาทจัดการความขัดแย้ง   มีเพียงการรวมตัวของกลุ่มคนทำงานในแพลตฟอร์มที่จัดตั้งขึ้นเพื่อทำกิจกรรมและเริ่มมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลสภาพปัญหา และยกระดับขึ้นสู่การสร้างข้อเรียกร้องเพื่อไปเสนอให้กับแพลตฟอร์ม

ความขัดแย้งที่เกิดจากความด้อยสิทธิของคนทำงานในระบบแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยมีลักษณะร่วมที่ยึดโยงกันของคนทำงานในลักษณะกึ่งแรงงาน กล่าวคือ การทำงานของคนเหล่านี้อยู่ในลักษณะคนเข้าร่วมทำงานกับระบบ แต่ผู้บริหารระบบแพลตฟอร์มไม่ยอมรับว่ามีการจ้างแรงงาน ไม่มีสถานะความสัมพันธ์แบบ ลูกจ้าง กับ นายจ้าง ไม่อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายแรงงาน   เมื่อมีปัญหาในความสัมพันธ์จึงอาจเกิดความด้อยสิทธิในหมู่คนทำงานเพราะไม่มีกฎหมายแรงงานทั้งระบบเป็นหลักประกัน นำไปสู่ความขัดแย้งและการปะทะด้วยความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต

ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมได้สร้างผลกระทบและความท้าทายในศตวรรษที่ 21 ที่ขยายความเหลื่อมล้ำต่อผู้คนจำนวนมากที่มิได้มีอำนาจในการจัดสรรหรือร่วมตัดสินใจในการสร้างระบบแบ่งปันผลประโยชน์ อันนำมาสู่ความขัดแย้งแบบใหม่ ๆ กับคนกลุ่มใหม่ ๆ ในสังคม ด้วยเงื่อนไขทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป โดยสาเหตุแห่งปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งของกลุ่มคนทำงานในแพลตฟอร์มเศรษฐกิจแบ่งปันยุคดิจิทัล

 

1) เทคโนโลยีสร้างความพลิกผันทางเศรษฐกิจและสังคม (Disruptive Technology)

ตามที่รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้ผลักดันยุทธศาสตร์ให้ประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยอาศัยเทคโนโลยีเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ แต่เหรียญย่อมมีสองด้าน ผลด้านลบจากเทคโนโลยีที่อาจเกิดขึ้นในสังคมดังปรากฏในสังคมอื่นแล้วและต้องหาแนวทางบรรเทาเยียวยา ได้แก่
การใช้หุ่นยนต์ Robot แทนแรงงานไร้ฝีมือ (Unskilled Labor) เช่น แรงงานในภาคอุตสาหกรรม     การผลิต แรงงานภาคการเกษตร และหรือ การนำปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence - A.I.) มาคิดประมวลผลและทำงานแทนแรงงานมีฝีมือ (Skilled Labor) เช่น พนักงานสถาบันการเงิน นักบัญชี มัคคุเทศก์ นักกฎหมาย

สังคมดิจิทัล (Digital Society) ที่มีการกีดกันคนจำนวนมากมิให้เข้าถึงโอกาสใช้ประโยชน์ (Digital Dividend) จนกลายเป็นการเลือกประติบัติ (Unlawful Discrimination) ด้วยเหตุแห่งเทคโนโลยี เช่น ผู้ยากไร้ที่เข้าไม่ถึงโครงสร้างการสื่อสารขั้นพื้นฐาน ผู้สูงอายุที่ไม่มีทักษะในการใช้เทคโนโลยี
โดยกลุ่มทุนชั้นนำดึงดูดเทคโนโลยีเข้าสู่ประเทศไทยแต่ยังยึดถือคุณค่าเดิมและปรับให้เป็นโยชน์กับตนโดยใช้กลยุทธ์พลิกแพลงให้เข้ากับรสนิยมท้องถิ่น (Glocalization) ทำให้ผู้บริโภคยังคงตกอยู่ภายใต้วัฒนธรรมการอรับแบ่งปันกึ่งการกุศลเมตตากรุณา หาใช่วิถีแห่งเสรีนิยมที่คำนึงถึงศักยภาพของปัจเจกชนในการพัฒนาตนเองและสังคม ทำให้ผู้บริโภคไม่พร้อมจ่ายแพงขึ้นเพื่อให้ได้บริการดีขึ้น ไม่เกิดแรงจูงใจสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ยิ่งไปกว่านั้นอุตสาหกรรมหรือบริการที่อาศัยช่องทางเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งพยายามเข้ามาเสนอขายสินค้าและบริการผ่านทางอินเตอร์เน็ตที่อาจทำให้ผู้มีอิทธิพลและกลุ่มผลประโยชน์ผูกขาดเก่าล้มหายตายจากไป (Disruptively Innovation)  เพราะโครงสร้างรัฐและวัฒนธรรมไทยจำนวนไม่น้อยยังคงเอื้อให้เกิดการรักษาสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมที่เหนือกว่าให้กับกลุ่มผลประโยชน์เก่า (Establishment) ผ่านระบอบกฎหมายเก่า

 

2) การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสังคมเข้าสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและภาคบริการ

สืบเนื่องจากความล้มเหลวในการยกระดับเศรษฐกิจไทยเข้าสู่เสืออุตสาหกรรมใหม่ จนตกอยู่ในกับดักรายได้ปานกลางไม่สามารถก้าวไปสู่การผลิตโดยเทคโนโลยีชั้นสูง แต่ก็ไม่สามารถกดค่าแรงและต้นทุนเพื่อผลิตสินค้าราคาถูกได้อีกต่อไป ทำให้ประเทศไทยมุ่งเน้นการแสวงหารายได้จากภาคบริการโดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และภาคพาณิชยการ แต่ด้วยลักษณะทางธุรกิจที่ผูกกับฤดูกาลท่องเที่ยวตามธรรมชาติ หรือตลาดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ  ทำให้เกิดการจ้างงานแบบไม่มั่นคง เหมาช่วง รับจ้างอิสระ ให้เช่าทรัพย์สินชั่วคราว การรับจ้างขับพาหนะรับส่ง ระบบการจ้างงานชั่วคราวขึ้นอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมเหล่านี้       ทำให้คนทำงานขาดมาตรการประกันสิทธิแรงงานภาคบริการ/ท่องเที่ยว ทั้งด้านความปลอดภัยในการทำงาน ค่าตอบแทนที่เป็นธรรม สวัสดิการที่ครอบคลุม รวมถึง หลักประกันที่มั่นคงในชีวิตและครอบครัว


ทั้งนี้ ยังมีปัญหาสืบเนื่องจากการขยายสิ่งปลูกสร้างและอพยพผู้คนจำนวนมหาศาลอันก่อผลกระทบต่อธุรกิจท้องถิ่น ความเป็นอยู่ดั้งเดิมของชุมชนและคนที่อยู่มาก่อน โดยโครงการเหล่านี้มิได้อยู่ในเงื่อนไขของกฎหมายประเมินความเสี่ยงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และสุขภาพ แต่สร้างปัญหาความตึงเครียดในชุมชนอย่างร้ายแรง อาทิ แคมป์คนงานอพยพ ร้านอาหาร สถานบันเทิง ขนาดใหญ่  หรือแม้แต่การปล่อยที่อยู่อาศัยส่วนตัวให้กลายเป็นที่เช่าพักแก่คนภายนอกชุมชน ที่ไม่มีกระบวนการประชาพิจารณ์แสวงหาแนวทางบรรเทาผลกระทบ หรือเยียวยาความเสียหายแต่อย่างใด
นอกจากนี้ผู้ประกอบการเจ้าของเทคโนโลยีสื่อกลางอันเป็นตลาดให้ผู้บริโภคเชื่อมต่อกับผู้ประกอบการร่ายย่อย/ผู้ให้บริการ ยังเป็นบรรษัทข้ามชาติที่มิได้จดทะเบียนในประเทศไทย จึงเป็นการยากในการกำกับดูแลด้วยระบอบกฎหมายเก่าที่มีฐานของเขตแดนราชอาณาจักรไทยเป็นขอบเขตการบังคับใช้กฎหมาย

 

3) อาชีพอิสระแต่ไม่มั่นคง

ด้วยเครือข่ายการสื่อสารโทรคมนาคมทำให้ที่ทำงาน หรือการติดต่อประสานงาน ทำข้อตกลงสัญญาต่าง
ๆ สามารถเกิดขึ้นได้ผ่านพื้นที่ไซเบอร์ ทำให้คนทำงานจำนวนมหาศาลสามารถทำงานผ่านอินเตอร์เน็ตจากที่ไหนก็ได้ จนเกิดคนทำงานกลุ่มใหม่ที่สามารถเลือกว่าจะใช้ชีวิตดำรงชีพอยู่สถานที่และเวลาหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถานที่ทำงานและเวลาทำงานเดิม (Digital Nomad) ในแบบแรงงานอิสระ (Freelance) แรงงานไร้ฝีมือในดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Blue-Collar Worker in Digital Platform Economy) แต่คนทำงานเหล่านี้กลับมีปัญหาเรื่องการด้อยสิทธิตามกฎหมายแรงงาน ทั้งยังเข้าไม่ถึงหลักประกันสิทธิและสวัสดิการของรัฐ  โดยเฉพาะหลักประกันสุขภาพที่ไม่ครอบคลุมความเจ็บป่วยที่มาจากการทำงาน เช่น โรคจาการทำงานท่าเดิมซ้ำ ๆ ความเสี่ยงจากการขับขี่ยานพาหนะแข่งกับเวลาบนท้องถนนที่มีความเสี่ยงระดับต้นของโลก การทำงานและพักผ่อนไม่เป็นเวลาจนเกิดภาวะเครียดเรื้อรัง การทำงานลำพังตัวคนเดียวท่ามกลางความกดดัน อันเป็นปัจจัยส่งเสริมโรคทางจิตเวช และภาวะซึมเศร้า


รูปแบบการจ้างที่ไม่มั่นคงเหล่านี้ถูกผู้ทรงอิทธิพลผลักดันให้กลายเป็นรูปแบบหลักของการจ้างงานเพื่อผลักภาระต้นทุนในการดูแลแรงงาน นอกจากนี้ความไม่มั่นคงในการจ้างยังเป็นการสร้างอำนาจต่อรองที่เหนือกว่าให้กับนายจ้างเพราะสามารถเลิกจ้าง หรือไม่จ้างต่อได้อย่างง่ายดายโดยไม่มีต้นทุนหรือข้อจำกัดทางกฎหมาย โดยผู้ที่ใช้รูปแบบการจ้างงานประเภทนี้มิได้จำกัดอยู่ในกลุ่มบรรษัทเอกชนเท่านั้นแต่ยังขยายไปสู่หน่วยงานภาครัฐ เช่น ลูกจ้างชั่วคราว, เหมาช่วง, การจัดซื้อพัสดุ นั่นคือการเปลี่ยนแรงงานให้เป็นวัตถุ เปลี่ยน “คน” ให้กลายเป็น “สิ่งของ”   ที่สามารถทิ้งได้เมื่อหมดประโยชน์ใช้สอย มิพักต้องคำนึงถึงการดูแลหลังหมดความสามารถ

 

4) หน่วยทางสังคมเปลี่ยน


เมื่อชีวิตการทำงานและรายได้สวัสดิการไม่แน่นอน คนรุ่นใหม่ที่ทำงานในระบบเศรษฐกิจแพลตฟอร์มจึงใช้ชีวิตบนพื้นฐานของความไม่มั่นคงเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่พร้อม การสร้างครอบครัวจึงเป็นความเสี่ยงสูงโดยเฉพาะการมีบุตรธิดาโดยที่ยังไม่แน่ใจว่าจะมีความสามารถในการเลี้ยงดูให้ดีมีอนาคตหรือไม่ อันนำไปสู่ปัญหาประชากรใหม่น้อยลงซึ่งเป็นแรงผลักดันให้เกิดภาวะสังคมสูงอายุที่ไร้คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่มาทำงานหรือดูแลคนชรา


ความไม่มั่นคงอีกประการที่คุกคามความมั่นคงในการทำงานและประกอบสัมมาอาชีพ ก็คือ แนวโน้มการล่มสลายของสหภาพแรงงาน และสมาคมวิชาชีพ ทำให้คนทำงานด้อยอำนาจต่อรอง หรือไม่มีความสามารถในการบังคับตามสัญญาจ้างที่ได้ทำไว้กับผู้จ้าง โดยเฉพาะในกรณีของแรงงานอิสระที่ไม่มีสถานประกอบการ หรือทำงานแยกไปอยู่ในที่ตั้งของตน ขาดโอกาสในการติดต่อสร้างเครือข่ายเรียกร้องสิทธิร่วมกัน

*สกัดจากงานวิจัย “การจัดการความขัดแย้งของกลุ่มคนทำงานในแพลตฟอร์มดิจิทัล” ภายใต้โครงสร้างการถอดบทเรียนจากกรณีศึกษายุติธรรมชุมชน สนับสนุนโดย สปสช. 2564

 

บล็อกของ ทศพล ทรรศนพรรณ

ทศพล ทรรศนพรรณ
Nick Srnicek ได้สรุปภาพรวมของแพลตฟอร์มดิจิทัลที่แตกต่างกัน 5 ประเภท คือ1.แพลตฟอร์มโฆษณา, 2.แพลตฟอร์มจัดเก็ยข้อมูล, 3.แพลตฟอร์มอุตสาหกรรม, 4.แพลตฟอร์มผลิตภัณฑ์, และ 5.แพลตฟอร์มแบบลีน 
ทศพล ทรรศนพรรณ
ผู้ประกอบการแพลตฟอร์มดิจิทัลมีรายได้และผลกำไรจำนวนมหาศาลจากการประมวลผลข้อมูลการใช้งานของผู้บริโภคในระบบของตน แต่ยังไม่มีระบบการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม    เนื่องจากยังมีข้อถกเถียงเรื่องใครเป็นเจ้าของข้อมูลและมีสิทธิแสวงหาผลประโยชน์จากข้อมูลเหล่านั้นบ้าง    จึงจ
ทศพล ทรรศนพรรณ
การบังคับใช้ พรบ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่ผลักดันออกมาในปี พ.ศ.
ทศพล ทรรศนพรรณ
แพลตฟอร์มมักเป็นระบบแบบเปิดให้ทุกคนมีส่วนร่วม ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่นำไปสู่ปัญหา จากการที่ทำให้การเข้าถึงข้ามเขตอํานาจ ในทางกลับกัน กลับมีการกําหนดให้หน่วยงานกํากับดูแลและผู้ออกกฎหมายต้องร่วมมือกันข้ามพรมแดนแห่งชาติเพื่อประสานระบอบกฎหมายและกฎระเบียบในขณะที่จัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นรวมถึงประเด็นกา
ทศพล ทรรศนพรรณ
การวิเคราะห์ปรับปรุงเกระบวนการระงับข้อพิพาทของบรรดาผู้บริโภคในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ยืนยันว่าระบบสามารถใช้เพื่อทำการแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้บริโภคจํานวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน่วยงานระงับข้อพิพาททางเลือก (Alternative Dispute Resolution - ADR) ที่ได้รับการรับรองจากสาธารณะให้เป็นมากกว่ากลไกการระงับข้อพิพาทใน
ทศพล ทรรศนพรรณ
การสร้างความเชื่อถือให้กับผู้บริโภคจึงเป็นผลดีต่อการเติบโตของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ และการตัดสินใจของผู้บริโภคที่จะทำธุรกรรมออนไลน์กับผู้ขายต่อไป ทำให้ประเทศต่าง ๆ  รวมถึงประเทศไทยให้ความสนใจและมุ่งให้เกิดการคุ้มครองอย่างจริงจังต่อปัญหาการละเมิดสิทธิในความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู
ทศพล ทรรศนพรรณ
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันทันใดที่ผู้คนจำนวนมากขาดความรู้ความเข้าใจต่อเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อชีวิตโดยตรง รัฐในฐานะผู้คุ้มครองสิทธิประชาชนและยังต้องทำหน้าที่กระตุ้นความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจด้วย จึงมีภาระหนักในการสถาปนาความ “เชื่อมั่น” ให้เกิดขึ้นในใจประชาชนที่ลังเลต่อการเข้าร่วมสังฆกรรมใน
ทศพล ทรรศนพรรณ
โลกเสมือนจริงเป็นสื่อใหม่ในโลกยุคดิจิทัลที่แสดงด้วยภาพและเสียงสามมิติซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในโลกที่ถูกสร้างขึ้นเหล่านี้ ทำให้เกิดเป็นสังคม (Community) ภายในโลกเสมือนจริงที่ผู้คนสามารถติดต่อสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันได้ แต่มิใช่เพียงการเข้าไปรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสเพียงเท่านั้น นอก
ทศพล ทรรศนพรรณ
การทำธุรกรรมบนอินเตอร์เน็ตมีแนวโน้มที่จะส่งเสริมการเข้าร่วมสัญญาอย่างรวดเร็วสะดวกลดอุปสรรค ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตก็ด้วยไม่ต้องการเดินทางหรือไม่ต้องมีตัวกลางในการประสานความร่วมมือหรือต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับผู้รับรองสถานะของสัญญาในลักษณะตัวกลางแบบที่ต้องทำในโลกจริง ที่อาจถูกกฎหมายบังคับให้ทำตามแบ
ทศพล ทรรศนพรรณ
โลกเสมือนจริง (Virtual World) คือสภาพแวดล้อมเสมือนซึ่งสร้างและปฏิบัติการด้วยซอฟต์แวร์ (Software) ที่อยู่ในเซิร์ฟเวอร์ (Server) ของเจ้าของแพลตฟอร์ม (Platform) สิ่งแวดล้อมเสมือนเหล่านี้ออกแบบมาให้ผู้เล่นหรือผู้ใช้โลกเสมือนจริงสามารถใช้ตัวตนเสมือนหรืออวตาร (Avatar) ในการท่องไปในโลกนั้น โดยสามารถติดต
ทศพล ทรรศนพรรณ
เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ในยุคดิจิทัลตั้งอยู่บนพื้นฐานของเสรีภาพในการแสดงออกบนโลกออนไลน์ โดยมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับประเด็นกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาเนื่องจากกฎหมายลิขสิทธิ์สามารถห้ามปรามการเผยแพร่ความคิดหรือการแสดงออกในงานสร้างสรรค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยอ้างเหตุแห่งการคุ้มครองสิทธิของปัจเจกชนอย
ทศพล ทรรศนพรรณ
ความเฟื่องฟูของเศรษฐกิจดิจิทัลที่สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการจำนวนมหาศาลแต่นำมาซึ่งความกังขาว่า สังคมได้อะไรจากการเติบโตของบรรษัทขนาดใหญ่ผู้เป็นเจ้าของเทคโนโลยีและควบคุมแพลตฟอร์มเหล่านี้ อันเป็นที่มาของเรื่อง การจัดเก็บภาษีดิจิทัลได้กลายเป็นข้อกังวลที่สำคัญสำหรับหลาย ๆ รัฐบาล ในยุโรป เช่นใน เยอรมนี