Skip to main content

ผู้ประกอบการแพลตฟอร์มดิจิทัลมีรายได้และผลกำไรจำนวนมหาศาลจากการประมวลผลข้อมูลการใช้งานของผู้บริโภคในระบบของตน แต่ยังไม่มีระบบการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม    เนื่องจากยังมีข้อถกเถียงเรื่องใครเป็นเจ้าของข้อมูลและมีสิทธิแสวงหาผลประโยชน์จากข้อมูลเหล่านั้นบ้าง    จึงจำเป็นต้องมีการแสวงหาทางออกโดยปรับปรุงกฎหมายให้สอดรับกับการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในเรื่องความเป็นเจ้าของข้อมูล


ประเด็นพิพาทภายในกลุ่มประเทศที่อยู่ในระบอบประชาธิปไตยและใช้ระบบตลาดเสรีโลกาภิวัฒน์ซ่อนเร้น ก็คือ การแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่าง รัฐเจ้าของสัญชาติบรรษัทเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม กับ รัฐเจ้าของสัญชาติผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม ซึ่งถ้ามองอย่างหยาบๆ ก็คือ ระหว่างสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นฐานของบริษัทแม่เจ้าของเทคโนโลยี กับ ประเทศอื่น ๆ ซึ่งผู้ใช้งานใช้ชีวิตมีภูมิลำเนาอยู่


ข้อพิพาทนี้เริ่มปรากฏชัดขึ้นหลังจากสหภาพยุโรปได้ประกาศกฎคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (General Data Protection Regulation) อันมีผลบังคับใช้ในทุกประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2561 ยังผลให้ประเทศคู่ค้ากับสหภาพยุโรปต้องปรับกฎหมายตามเพื่อให้สอดคล้องและสามารถเสนอขายบริการต่าง ๆ ให้กับพลเมืองของรัฐในสหภาพยุโรปและเข้าสู่ตลาดสหภาพยุโรปได้ ซึ่งคลาดยุโรปถือเป็นตลาดพรีเมี่ยมที่บรรษัททั้งหลายต้องการเข้าไปเจาะแล้วดูดข้อมูลมาประมวลผล


ประเทศไทยก็ได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ออกมาเช่นกัน โดยให้องค์กรทั้งหลายที่ควบคุมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลต้องปรับมาตรการทั้งหลายให้สอดคล้องกับกฎหมายภายในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2563  กฎหมายดังกล่าวเกี่ยวพันกับการใช้ประโยชน์จากข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นสิ่งที่ได้รับคุ้มครองในฐานะสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคล อย่างไรก็ดีกฎหมายได้เปิดโอกาสให้มีการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัยและสถิติได้ แต่ก็กำหนดเงื่อนไขในการป้องกันมิให้ข้อมูลรั่วไหล ทั้งผู้ควบคุมระบบต้องจัดมาตรการประกันสิทธิเจ้าของข้อมูลให้ได้มาตรฐานเดียวกันเมื่อส่งข้อมูลต่อให้บุคคลภายนอกหรือส่งไปนอกราชอาณาจักร 


หากเจ้าของแพลตฟอร์มได้จัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อใช้ประโยชน์จำต้องวางข้อกำหนดและมาตรการทั้งหลายให้สอดคล้องกับกฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชนเจ้าของข้อมูล และแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรมกับประชาชนเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านั้น  คำถามตามมาคือ รัฐไทยจะเลือกยุทธศาสตร์อย่างไร จะเป็นรัฐเจ้าของเทคโนโลยี หรือ รัฐเจ้าของตลาด เพื่อวางมาตรการในการใช้ แบ่งปัน ผลประโยชน์จากข้อมูลที่อยู่ในแพลตฟอร์ม

หากรัฐไทยต้องการวางยุทธศาสตร์ และเดินเกมส์เพื่อรักษาผลประโยชน์ของคนทั้งชาติ ต้องพยายามปรับระบอบกฎหมายและปรับปรุงแก้ไขบทบัญญัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ให้บรรลุผล โดยการสร้างยุทธศาสตร์และกำหนดยุทธวิธีอย่างน้อยต้องมีประเด็นการศึกษาวิจัย ดังต่อไปนี้
1) การศึกษาความคิดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องอยู่ในขอบเขตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในแพลตฟอร์มดิจิทัล 4 ประการ คือ การผลิต การบริโภค การแลกเปลี่ยน และการกระจาย ที่สร้างฐานข้อมูลขึ้นพร้อมให้นำไปแสวงหาผลประโยชน์
2) ประเด็นธุรกรรมทางเศรษฐกิจดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับผลทางกฎหมายจะเน้นไปที่การทบทวนนิยามของ “ทรัพย์” และ “ทรัพย์สิน” เพื่อการรับรองสิทธิในข้อมูลดิจิทัลของประชาชน สร้างความโปร่งใสในการทำธุรกรรมในโลกดิจิทัล และมีกลไกแบ่งปันผลประโยชน์ ไปจนถึงการระงับข้อพิพาทที่เป็นธรรม
3) การศึกษาเพื่อสังเคราะห์องค์ความรู้มีขอบเขตเกี่ยวข้องกับ กฎหมายไทยจำนวนหนึ่ง คือ รัฐธรรมนูญ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมฯ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายสากลที่อยู่ในระบบส่งเสริมกฎหมายทางการค้าของสหประชาชาติ และหลักการที่น่าสนใจในกฎหมายต่างประเทศของกลุ่มประเทศที่มีความก้าวหน้าในฟากผู้ผลิต และฟากผู้บริโภค ไปจนถึงกลุ่มประเทศที่ต้องการพัฒนาสวัสดิการของประชาชนและคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค
4) ขอบเขตเวลาที่จะสืบย้อนค้นหาความรู้จะเริ่มต้นในทศวรรษที่ 1990 มาจนถึงปัจจุบัน

เมื่อได้ศึกษาใน 4 ประเด็นข้างต้นแล้ว ก็จะได้องค์ความรู้ที่ได้ไปผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงด้วยการกำหนดนโยบายด้านเศรษฐกิจดิจิทัลโดยเชื่อมกับการปฏิรูประบอบกฎหมายและแก้ไขบทบัญญัติที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1) องค์ความรู้เกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในยุคดิจิทัลที่มีผลกระทบต่อโครงสร้างในการกำกับดูแลกิจกรรมทางเศรษฐกิจของรัฐโดยเฉพาะประเด็นความเป็นเจ้าของในข้อมูลที่ต้องการนำไปใช้ประโยชน์
2) ชุดความคิดทางกฎหมายที่จำเป็นในการรองรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการใช้ประโยชน์จากข้อมูลของผู้ใช้งาน โดยนำหลักการ “อวัตถุทรัพย์” มาทบทวนนิยามของ “ทรัพย์” และ “ทรัพย์สิน” ในกฎหมายไทย
3) ประเด็นใหม่เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิที่เกี่ยวกับ “ทรัพย์” และ “ทรัพย์สิน” ที่ระบอบกฎหมายทางเศรษฐกิจของรัฐไทยต้องปรับตัวเพื่อรักษาผลประโยชน์ให้ประชาชนเจ้าของข้อมูล
4) อุปสรรคทางกฎหมายจากบทบัญญัติกฎหมายปัจจุบันที่เกี่ยวข้อง อาทิ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในเรื่องทรัพย์สิน และนิติกรรมสัญญา ประมวลกฎหมายอาญาลักษณะความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ พระราชบัญญัติข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

หลังจากนั้นต้องผลักดันให้ความรู้กลายเป็นอาวุธด้วยการทำงานร่วมกับเครือข่ายผู้ผลิต ผู้บริโภค ผู้ประกอบการ และคนทำงานเกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์ม เพื่อสร้างความเปลี่ยนทางนโยบาย เปลี่ยนแปลงกฎหมาย และสร้างแนวทางปฏิบัติใหม่ให้เป็นประโยชน์กับทั้ง ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่พยายามจะใช้ไทยเป็นสปริงบอร์ดผงาดขึ้นเป็นม้ามีปีกเขาเดี่ยว และผู้ที่ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มทั้งหลาย ซึ่งเกาะเกี่ยวกับรัฐไทยอยู่ โดยต้องขับเคลื่อนสิ่งเหล่านี้
1)  ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการปรับปรุงระบบกฎหมายเพื่อรับรองสิทธิในข้อมูลของผู้บริโภคและการแบ่งปันผลประโยชน์จากการใช้ข้อมูลโดยเจ้าของแพลตฟอร์ม
2)  หลักการประกอบร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 1 หลักทั่วไป ลักษณะ 3 ทรัพย์ และ บรรพ 4 ทรัพย์สิน นำไปสู่การทบทวนนิยามของ “ทรัพย์” และ “ทรัพย์สิน” เพื่อการคุ้มครองสิทธิเจ้าของข้อมูล
3)  หลักการประกอบร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาลักษณะความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ นำไปสู่การทบทวนนิยามของ “ทรัพย์” เพื่อการคุ้มครองสิทธิเจ้าของข้อมูล
4)  แนวทางการนำพระราชบัญญัติข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มาเสริมสร้างการแบ่งปันผลประโยชน์จากการใช้ข้อมูลอย่างเป็นธรรม

หากต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริงต้องสร้างการตื่นตัวของพลเมืองทั้งโลกออนไลน์และโลกจริงให้เห็นถึง “ช่องทางทำกินจากการเล่นเน็ต” ประกอบไปกับการขับเคลื่อนอย่างเป็นทางการการด้วย  เนื่องจาก เวทีนิติบัญญัติของรัฐเป็นเพียงช่องทางหนึ่งในการยิงนโยบาย แต่พื้นที่อื่นยังมีพลังของประชาชนเจ้าของประเด็นแวดล้อมอยู่อีกมากมายเพื่อให้เกิดการรับรู้และวิพากษ์วิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับประเด็น กฎหมายทรัพย์สิน กฎหมายสัญญา กฎหมายอาญา และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล


เมื่อได้ร่างหลักการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องก็พร้อมผลักดันสู่ คณะอนุกรรมาธิการศึกษาวิเคราะห์ทบทวนกฎหมาย กฎระเบียบ เพื่อลดอุปสรรคและส่งเสริมโอกาสในการพัฒนาของภาคธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้คณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ แห่งรัฐสภา ให้เกิดการสร้างยุทธศาสตร์ในการแข่งขันด้านเศรษฐกิจการเมืองดิจิทัลระหว่างประเทศบนฐานข้อมูลงานวิจัย


*ปรับปรุงจากบทนำ วิจัย โครงการสังเคราะห์องค์ความรู้ทางกฎหมายเพื่อสนับสนุนการแบ่งปันผลประโยชน์จากข้อมูลดิจิทัลอย่างเป็นธรรม, 2565. โดย สถาบันพระปกเกล้า.

 

บล็อกของ ทศพล ทรรศนพรรณ

ทศพล ทรรศนพรรณ
อย่างที่เราเคยได้ยินกันว่า “คนที่ตายแล้วก็สบายไป ที่เหลือไว้คือลูกหลานที่แย่งชิงมรดก” หากไม่มีการวางแผนและจัดการปัญหาไว้ล่วงหน้า ก็อาจมีปัญหาในครอบครัวตามมาหากว่าความรักไม่อาจเอาชนะความโลภได้ แต่ในบางครั้งก็มิใช่เพียงกิเลสเท่านั้นที่ทำให้เกิดเรื่องเนื่องจากยังมีความยุ่งยากภายในครอบครัวตามมาอีกมาก
ทศพล ทรรศนพรรณ
ปัญหาบางเรื่องมิได้เกิดจากการเดินเข้าไปพบปัญหา แต่บางครั้งปัญหาก็บุกมาถึงตัวเราด้วยปฏิบัติการเป็นหมู่คณะของบริษัทห้างร้านที่ทำธุรกิจร่วมกันไขว้โปรโมชั่นไปมา แล้วเอาข้อมูลของเรามาหาประโยชน์ทางการค้า ด้วยการติดต่อมาหาแล้วพูดจาหว่านล้อมสารพัดจนเราพลัดตกลงไปในหลุมพรางหรือบ่วงล่อบางอย่างจนทำให้เกิดการ
ทศพล ทรรศนพรรณ
เดี๋ยวทรัพย์สินไม่ใช่ของที่จับต้องได้อย่างข้าวของ เงินทองอย่างเดียวแล้ว มีทรัพย์สินทางปัญญาที่เขารณรงค์กันตลอดเวลาว่าอย่าละเมิด บางทีก็งงใช่ไหมครับ ว่าทำไมเราซื้อหนังสือหรือซีดีมาแต่ทว่า เขาบอกห้ามเผยแพร่ ทำซ้ำ เราก็กลัวว่าถ้าปั้มไปให้เพื่อนเยอะจะผิดไหม แต่ใครๆก็ทำกัน ไหนจะข่าวคนเก็บขยะเอาแผ่นซีด
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องที่ผมจะคอยเตือนให้ทุกคนจดจำไว้เสมอคือ “ไม่ควรไว้ใจเรื่องทรัพย์สินเงินทองกับคนรู้จัก” หากจะรักษาความสัมพันธ์ที่ดีอาจต้องกันเรื่องเงินๆทองๆไม่ให้มีภาระผูกพันกันไว้เป็นดี   หากจะเห็นใจกันก็ต้องทำใจไว้ล่วงหน้าว่า ถ้าช่วยอะไรกันไปแล้วอาจไม่ได้คืนมา  แต่ทว่ามีเรื่องหนึ่งในทางกฎหมาย
ทศพล ทรรศนพรรณ
ปัญหาที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับสังคมที่ใช้เงินทองเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนสินค้า ก็คือ การกู้ยืมเงิน มีตั้งแต่การกู้ยืมกันธรรมดาระหว่างญาติพี่น้องคนรู้จักและเพื่อนฝูง ไปจนถึงการกู้ยืมกับคนร่ำรวยในพื้นที่ ถึงขนาดมีผู้มีอิทธิพลปล่อยกู้นอกระบบจนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเมื่อเกิดการทวงหนี้แล้วมีปัญหาใช้ความรุนแ
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องถัดมาก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมากกับคนที่ต้องย้ายตัวเข้ามาทำงานหรือมาเรียนต่างที่ ยิ่งเดี๋ยวนี้การเข้ามาอยู่ในเมืองเป็นเรื่องที่คนเจเนอร์เรชั่นวอล์ค (Generation Walk) อย่างเราๆท่านๆที่ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง ไม่ซื้อรถยนต์ขับ และยังไม่แต่งงานต้องคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี   เพราะบางคนย้ายที
ทศพล ทรรศนพรรณ
หากใครทำธุรกิจการค้าก็คงหวั่นเกรงจะเกิดปัญหาที่จะพูดถึงต่อไปนี้กับกิจการตนเองใช่ไหมล่ะครับ ใช่แล้วครับ เช็คเด้ง!
ทศพล ทรรศนพรรณ
เมื่อถึงเทศกาลสำคัญที่ทุกคนได้ปลดปล่อยกันสุดเหวี่ยงอย่างสงกรานต์   คนจำนวนมากก็เลยถือโอกาสเมาหัวทิ่มมันทุกวันเช้ายันเช้ามืดอีกวันหนึ่ง ตื่นมาก็กินต่อ   ไม่แค่นั้นความสุขทุกรูปแบบที่นึกได้ก็จะหามาปรนเปรอตัวเองให้สนุกสุดเหวี่ยง   ถ้าออกไปนอกบ้านก็จะเจอสงครามสาดน้ำและลู
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งกับคนไทยยุคหลังครับ เพราะห้างสรรพสินค้ากลายเป็นสถานที่สำคัญของการรวมผู้คนในยุคสมัยที่ชุมชนของเราเปลี่ยนไป จากที่แต่ก่อนอยากได้อะไรก็ซื้อของในร้านใกล้บ้าน อยากซื้อของกินของใช้ก็ไปร้านของชำ อยากได้เสื้อผ้ารองเท้าก็ไปสั่งตัดเอาจากร้านที่เชื่อมือกัน ร้านอาหารดังๆ ยี่ห้อใหญ่ๆ
ทศพล ทรรศนพรรณ
เอาล่ะครับ พ่อแม่พี่น้อง เรื่องถัดไปนี่คงเป็นความสนใจของเพื่อนพ้องหลายๆพื้นที่นะครับ มีเรื่องจำนวนมากเกี่ยวกับ  เจ้าพนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในบางพื้นที่เพิกเฉย ละเลย ดูแลปัญหาความเดือดร้อนของคนในพื้นที่ แถมยังมีเรื่องราวกินสินบาทคาดสินบนทำให้ชาวบ้านจนปัญญา
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องต่อไปนี้สะท้อนความเป็นไปในระบบการศึกษาไทยได้เป็นอย่างดีเลยครับ เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าอนาคตของเราฝากไว้ที่การสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่น้อยเลยทีเดียว   หากอยากเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ คณะดังๆ เพื่อหวังว่าจบมาจะหางานทำง่ายๆ คงรู้กันว่าต้องเตรียมตัวสอบเข้าให้ได้ เลยเกิดโรงเรียนกวดวิชาขึ้นมาม
ทศพล ทรรศนพรรณ
ผมคิดว่าทุกคนคงเคยเจอปัญหาแบบนี้เข้ากับตัวเองบ่อยๆ เลยครับ ก็เรื่องข้าวของราคาแพง จะไปกิน ไปเที่ยวให้หายเปรี้ยวปากก็ลำบากขึ้น เพราะไม่รู้ว่าต้องรู้สึกผิดหลังจากรู้ราคาและควักเงินจ่ายออกไปรึเปล่า เพราะบางทีก็เจอร้านหรือบริการที่ไม่บอกราคาชัดเจน มีงุบงิบปิดบังราคาหลบซ่อน โฆษณาจนเราเข้าใจผิดว่าราคาถ