Skip to main content

ผมคิดว่าทุกคนคงเคยเจอปัญหาแบบนี้เข้ากับตัวเองบ่อยๆ เลยครับ ก็เรื่องข้าวของราคาแพง จะไปกิน ไปเที่ยวให้หายเปรี้ยวปากก็ลำบากขึ้น เพราะไม่รู้ว่าต้องรู้สึกผิดหลังจากรู้ราคาและควักเงินจ่ายออกไปรึเปล่า เพราะบางทีก็เจอร้านหรือบริการที่ไม่บอกราคาชัดเจน มีงุบงิบปิดบังราคาหลบซ่อน โฆษณาจนเราเข้าใจผิดว่าราคาถูกพอไปซื้อหรือใช้บริการกลับมีเงื่อนไขต่างๆจนราคาแพงเท่ากับร้านอื่น ไอ้เราก็เสียเวลาเสียค่าเดินทางไปแล้วด้วยจะถอยก็ใช่ที่   แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรมากนักเพราะตอนเจอเหตุการณ์ก็โกรธอยู่ แต่พอมาคิดดูว่าจะฟ้อง จะร้องเรียนอะไรก็เสียเวลาเสียอารมณ์ไหนจะต้องทำงานอะไรอีกมากมาย จนไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน   ก็ลองมาดูกันนะครับว่าถ้าเกิดเรื่องเหล่านี้จะทำอย่างไรได้บ้าง

มีพี่คนหนึ่งมาเล่าให้ฟังว่าตอนไปเที่ยวต่างจังหวัดช่วงเทศกาลปีใหม่ซึ่งคนก็จะเฮกันออกไปรับลมหนาวตามต่างจังหวัด   ซึ่งพี่เค้าก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ต้องแย่งกันกินแย่งกันเที่ยวกับคนอื่นเพราะทำงานประจำสำนักงาน ถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาลแล้วนั้นก็ต้องใช้เวลาทำงาน  มาเที่ยวสวนทางแบบคนทำงานอิสระไม่ได้   ระหว่างทางที่กำลังขับรถไปยังรีสอร์ตเป้าหมายที่จองไว้ก็รู้สึกหิวกันแล้วเพราะเป็นช่วงเที่ยงสูตรของพี่เค้าคือ ถ้าร้านไหนมีรถจอดเยอะให้เดาไว้ก่อนว่าน่าจะอร่อย พอขับผ่านไปที่ร้านอาหารตามสั่งแห่งหนึ่งในต่างจังหวัดก็เห็นรถจอดเรียงรายเต็มหน้าร้าน ก็คิดว่าน่าจะใช้ได้อยู่แม้รถจะเป็นทะเบียนกรุงเทพฯและจังหวัดอื่นๆไม่ใช่ทะเบียนจังหวัดท้องถิ่น อาหารคงไม่แย่มากควรลงไปลองชิมดู 

พอเข้าไปนั่งและเลือกว่าจะสั่งอะไรกลับพบว่าในรายการอาหารไม่ได้กำกับราคาอาหารเอาไว้ให้ลูกค้าทราบ ว่าอาหารแต่ละอย่างมีราคาเท่าไร ด้วยความหิวของคนทั้งครอบครัวและต้องรีบเดินทางต่อด้วยจึงได้สั่งอาหารรับประทานตามปกติโดยที่ไม่ได้สอบถามเรื่องราคาอาหารแต่อย่างใด เมื่อทานเสร็จทางร้านก็มาคิดราคาอาหารซึ่งค่าอาหารมีราคาที่แพงเกินกว่าปกติอย่างมาก เมื่อพี่เค้าไปทักท้วงแก่เจ้าของร้านก็ได้รับคำตอบว่าราคาอาหารปกติและช่วงนี้คนมาเที่ยวเยอะของหมดบ่อยต้องสั่งให้มาส่งเป็นพิเศษ คนส่งของเลยคิดค่าส่งแพงเพราะต้องจ้างคนขับรถส่งของราคาพิเศษในวันหยุดอีก ลูกจ้างในร้านก็มาทำงานวันหยุดเสียเงินจ้างเพิ่มอีกเยอะแยะ แล้วนี่ก็กินหมดเกลี้ยงเลยราคาก็สมกับความอร่อยแล้วนี่ ถ้ากลัวไม่มีเงินจ่ายทำไมไม่สอบถามราคาตั้งแต่แรก เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้นพี่คนดังกล่าวจึงจำใจจ่ายค่าอาหารที่แพงมากเมื่อเทียบกับอาหารที่สั่ง เพราะต้องไปต่ออีกไกลและใกล้จะมืดค่ำแล้วทางขึ้นเขาไปรีสอร์ตจะอันตราย และไม่อยากเสียอารมณ์ความรู้สึกในการมาเที่ยวช่วงเทศกาล

การพักผ่อนอีกแบบที่เรานิยมก็คือไปเดินห้าง กินข้าว และดูหนังใช่ไหมครับ ยิ่งตอนจีบกันใหม่นี่เสียเงินกันไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะในเมืองใหญ่จะเดินทางไปไหนหลายแห่งก็เหนื่อย ไปห้างทีเดียวได้ทำครบทุกอย่างเลย ก็เห็นทุกคนมีแฟนกันด้วยกิจกรรมแบบนี้กันเกือบทั้งนั้น และไหนจะต้องหากิจกรรมทำร่วมกันซึ่งพอเริ่มทำงานแล้วก็เห็นจะเป็นการดูหนังนี่ล่ะครับที่สะดวกดีที่จะได้ใช้เวลาอยู่กับคนที่เรารัก   แต่หลังๆมีคนบ่นกันมากว่า ตั๋วหนังและค่าอาหาร-เครื่องดื่มในโรงหนังแพงเกินจริง เป็นการค้ากำไรเกินควรแน่ๆ เพราะเดี๋ยวนี้โรงหนังใหญ่ๆก็มีไม่กี่ยี่ห้อและสืบทราบมาว่าอยู่ในเครือใหญ่ๆไม่เกินสามเจ้าในประเทศไทย ซึ่งน่าจะเป็นการกำหนดราคาแพงเพราะเค้าผูกขาดตลาดกันไม่กี่เจ้า และตั้งราคาให้พอๆกันจนผู้บริโภคไม่ค่อยมีทางเลือก  ลูกค้าจำนวนมากเห็นว่าผู้ให้บริการโรงภาพยนตร์มีการคิดค่าบัตรและราคาสินค้าสูงเกินจริง  

พอไปร้องเรียนหน่วยงานต่างๆ ก็ได้คำตอบมาตรฐานว่า “หากกำหนดราคาที่เหมาะสม มีการปิดป้ายแสดงราคาชัดเจนก็ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการกฎหมายเข้าไปดูแลเพราะเป็นบริการทางเลือก แต่หากกำหนดราคาสูงเกินความเป็นจริงมากจนมีการร้องเรียนเข้ามามาก ก็สามารถใช้กฎหมายจัดการได้”  ส่วนตัวแทนของผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ก็อ้างว่าการกำหนดราคาตั๋วชมภาพยนตร์แพง เนื่องจากเจ้าของค่ายหนังคิดค่าลิขสิทธิ์แพงทำให้ต้องกำหนดราคาตั๋วแพงตามไปด้วย ส่วนการขายข้าวโพดคั่วหรือป็อปคอร์นแพงเพราะเป็นข้าวโพดนำเข้าจากต่างประเทศ และการไม่อนุญาตให้นำอาหารหรือเครื่องดื่มเข้าไปในโรงหนังก็เหมือนกับร้านอาหารที่มีกฎไม่ให้ลูกค้าเอาอาหารจากที่อื่นเข้ามารับประทานในร้าน

จนสมาคมคนดูหนังได้รวมตัวกันทำข้อร้องเรียนจากผู้บริโภคว่ามีการกำหนดราคาตั๋วชมภาพยนตร์แพงเกินจริง และมีการขายเครื่องดื่มและของขบเคี้ยวเกินราคามาก

วิเคราะห์ปัญหา

1.             การเปิดร้านขายอาหารเครื่องดื่ม หรือให้บริการทั้งหลาย ต้องติดป้ายราคาบอกให้ลูกค้าทราบหรือไม่

2.             หากร้านไม่ติดราคาสินค้าและบริการแล้วมีการเรียกเก็บค่าสินค้า บริการที่แพงเกินปกติมากๆ จะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง

3.             การไปรับชมภาพยนตร์หรือการแสดงต่างๆ ผู้ให้บริการจะต้องมีการแจ้งราคาและโปรโมชั่นต่างๆ พร้อมรายละเอียดเงื่อนไขการใช้สิทธิหรือไม่

4.             บริษัทห้างร้านผู้ให้บริการที่มีอำนาจเหนือตลาดสามารถกำหนดราคาสินค้าและบริการได้ตามอำเภอใจหรือไม่

5.             ผู้บริโภคสามารถเรียกร้องให้บริษัทห้างร้านที่ขายสินค้าให้บริการได้หรือไม่ หรือต้องร้องเรียนกับหน่วยงานใดให้แก้ไขปัญหา

การนำกฎหมายมาแก้ไข

1.             การขายสินค้าและบริการทั้งหลายจะต้องมีการติดราคาอย่างชัดเจนพร้อมรายละเอียดพอสังเขปเพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจ หากไม่ทำจะมีความผิดตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคและการค้าภายใน

2.             หากห้างร้านไม่แก้ไข หรือบ่ายเบี่ยงหลบเลี่ยง ก็สามารถนำความเดือดร้อนนี้ไปร้องเรียนได้ มาตรการขั้นเด็ดขาด ผู้บริโภคสามารถนำเรื่องไปฟ้องยังศาล รวมถึงไกล่เกลี่ยประนีประนอมเพื่อเอื้ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค

3.             ผู้ให้บริการแสดงมหรสพจะมีหน้าที่ติดประกาศราคาชมภาพยนตร์แต่ละเรื่องแต่ละรอบให้ชัดเจน

4.             หากกำหนดราคาที่เหมาะสม มีการปิดป้ายแสดงราคาชัดเจนก็ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการกฎหมายเข้าไปดูแลเพราะเป็นบริการทางเลือก  แต่หากกำหนดราคาสูงเกินความเป็นจริงมากจนมีการร้องเรียนเข้ามามาก ก็สามารถใช้กฎหมายจัดการดูแลให้เหมาะสมได้ 

5.             โดยเรื่องการปรับราคาให้เหมาะสมนั้นอาจเสนอให้กรมการค้าภายในศึกษาโครงสร้างต้นทุนบัตรชมภาพยนตร์ และราคาอาหาร-เครื่องดื่มที่ขายในโรงภาพยนตร์นั้น เสนอคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ที่มี รมว.พาณิชย์เป็นประธานพิจารณา หาก กกร.เห็นชอบให้นำธุรกิจโรงภาพยนตร์เข้ามาอยู่ในบัญชีบริการควบคุม

ช่องทางเรียกร้องสิทธิ

1.             เรื่องค้ากำไรเกินควร ไม่ติดป้ายราคา ฯลฯ สามารถแจ้งต่อศูนย์รับเรื่องร้องเรียนราคาสินค้า กรมการค้าภายใน  กระทรวงพาณิชย์ ได้

2.             หากยังไม่มีการชำระหนี้ หรือบ่ายเบี่ยงหลบเลี่ยง ก็สามารถนำความเดือดร้อนนี้ไปร้องยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.)  (กรุงเทพฯ) หรือคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดในจังหวัดที่ท่านอาศัยอยู่ได้ มาตรการขั้นเด็ดขาด ผู้บริโภคสามารถนำเรื่องไปฟ้องยังศาลแพ่งและพาณิชย์ แผนกคดีผู้บริโภคได้ ซึ่งจะมีขั้นตอนและวิธีการดำเนินคดี รวมถึงไกล่เกลี่ยประนีประนอมที่เอื้ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค

3.             เรื่องการกำหนดราคาแพงเกินจริงสามารถร้องเรียนไปยัง สคบ. หรือ คณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เพื่อให้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและควบคุมต่อไปได้

สรุปแนวทางแก้ไข

การค้ากำไรเกินควรจากการไม่ติดราคาใช้หลักกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคและกฎหมายควบคุมราคาสินค้าในส่วนของกฎหมายการค้าภายใน   โดยร้านค้าต้องกำหนดราคาสินค้าเพื่อผู้บริโภครับรู้ล่วงหน้าก่อนตัดสินใจ ทั้งนี้อาจแจ้งให้กรมการค้าภายใน หรือสคบ. รับไปดำเนินการต่อไป  ส่วนการกำหนดราคาสินค้าและบริการแพงเกินจริงสามารถร้องเรียนไปยัง สคบ. หรือ คณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เพื่อให้ศึกษาโครงสร้างต้นทุนและดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและควบคุมต่อไป

 

 

บล็อกของ ทศพล ทรรศนกุลพันธ์

ทศพล ทรรศนกุลพันธ์
การพัฒนาสิทธิแรงงานรับจ้างอิสระ (Freelancer) ต้องยึดโยงกับหลักกฎหมายสำคัญเรื่องการประกันสิทธิของแรงงานอันมีสิทธิมนุษยชนเป็นพื้นฐาน (Human Rights-Based Approach – HRBA) ไว้ เพื่อเป็นรากฐานทางกฎหมายในการอ้างสิทธิและเสนอให้ภาครัฐสร้างมาตรการบังคับตามสิทธิอย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่การประกันรายได้รูปแบบ
ทศพล ทรรศนกุลพันธ์
การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของปัจเจกชนจากการเก็บข้อมูลและประมวลผลโดยบรรษัทเอกชนจำต้องปกป้องคุ้มครองสิทธิของเจ้าของข้อมูลตามมาตรฐานที่กำหนดหน้าที่ของผู้ควบคุมระบบตามกฎหมายด้วย เนื่องจากบุคคลหรือกลุ่มองค์กรเหล่านี้ทำหน้าที่ในการคุ้มครองสิทธิเจ้าของข้อมูลในหลายรูปแบบ อาทิ การให้ความรู้เกี่ยวกับสภาพปั
ทศพล ทรรศนกุลพันธ์
บุคคลแต่ละคนย่อมมีทุนที่แตกต่างกันไปทั้ง ทุนความรู้ ทุนทางเศรษฐกิจ ทำให้การตัดสินใจนั้นตั้งอยู่บนข้อจำกัดของแต่ละคนไม่ว่าจะเป็นการไม่รู้เท่าทันเทคโนโลยี ขาดความรู้ทางการเงิน ไปจนถึงขาดการตระหนักรู้ถึงผลกระทบต่อสุขภาพตนเองและผู้อื่นในระยะยาว ยิ่งไปกว่านั้นรัฐไทยยังมีนโยบายที่มิได้วางอยู่บนพื้นฐานข
ทศพล ทรรศนกุลพันธ์
บทบัญญัติกฎหมายที่ใช้เป็นรากฐานในการอ้างสิทธิในการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนนั้น จะพบว่ารัฐไทยได้วางบรรทัดฐานทางกฎหมายที่รับสิทธิของประชาชนในการรวมกลุ่มกันเพื่อแสดงออกในประเด็นทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มต้นจากหลักการพื้นฐานสำคัญที่เชื่อมโยงเรื่องสิทธิม
ทศพล ทรรศนกุลพันธ์
เทคโนโลยีด้านการสื่อสารที่เข้ามามีอิทธิพลแทบจะทุกมิติของชีวิต ส่งผลให้พฤติกรรมด้านการปฏิสัมพันธ์ของประชาชนเปลี่ยนแปลงไปตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี มีประชาชนจำนวนมากที่ใช้เทคโนโลยีในการหา “คู่” หรือแสวง “รัก” ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการกระทำความผิดที่เรียกว่า Romance Scam หรือ “พิศวาสอาชญากรรม”&
ทศพล ทรรศนกุลพันธ์
เมื่อถามนักปกป้องสิทธิมนุษยชนว่าอยากเห็นสังคมไทยเป็นเช่นไรในประเด็นการมีส่วนร่วมต่อการกำหนดนโยบายสาธารณะ หรือมีความคาดหวังให้รัฐไทยปรับปรุงอะไรเพื่อส่งเสริมการพิทักษ์สิทธิมนุษยชนของกลุ่มเสี่ยง   นักปกป้องสิทธิมนุษยชนในไทยได้ฉายภาพความฝัน ออกมาดังต่อไปนี้
ทศพล ทรรศนกุลพันธ์
นักปกป้องสิทธิมนุษยชนผู้คร่ำหวอดอยู่ในสนามมายาวนานได้วิเคราะห์สถานการณ์การคุกคามผ่านประสบการณ์ของตนและเครือข่ายแล้วแสดงทัศนะออกมาในหลากหลายมุมมอง ดังนี้
ทศพล ทรรศนกุลพันธ์
สถานการณ์ในด้านสิทธิมนุษยชนในต่างประเทศนั้น มีความสัมพันธ์กับหลายปัจจัยที่อาจเกิดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาการละเมิดต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชนภายในประเทศที่เกิดจากข้อค้นพบจากกรณีศึกษา มีปัจจัยดังต่อไปนี้1. สถานการณ์สิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับบริบทภายในประเทศ
ทศพล ทรรศนกุลพันธ์
บทวิเคราะห์ที่ได้จากการถอดบทสัมภาษณ์นักปกป้องสิทธิมนุษยชนมากประสบการณ์ ในหลากหลายภูมิภาคไปจนถึงความแตกต่างของการทำงานกับกลุ่มเสี่ยงที่มีปัญหาสิทธิแตกต่างกันไป   เป็นที่ชัดเจนว่าเขาเหล่านั้นมีชีวิตและอยู่ในวัฒนธรรมแตกต่างไปจากมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนและนิติรัฐที่ปรากฏในสังคมตะวันตก ซึ่งสะ
ทศพล ทรรศนกุลพันธ์
การคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงได้ถูกรับรองไว้โดยพันธกรณีระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ ให้ความสำคัญประกอบจนก่อให้เกิดอนุสัญญาเฉพาะสำหรับกลุ่มเสี่ยงนั้น ๆ ประกอบไปด้วย สตรี, เด็ก, เชื้อชาติ และ แรงงานอพยพ รวมถึง ผู้พิการ โดยกลุ่มเสี่ยงมีสิทธิที่ถูกระบุไว้ในปฏิญญาว่าด้วย
ทศพล ทรรศนกุลพันธ์
แนวทางในการสร้างนโยบาย กฎหมาย และกลไกเพื่อคุ้มครองสิทธิประชาชนจากการสอดส่องโดยรัฐมาจาการทบทวนมาตรฐานและแนวทางตามมาตรฐานสากลเพื่อสร้างข้อเสนอแนะเชิงนโยบายครอบคลุม 2 ประเด็นหลัก คือ
ทศพล ทรรศนกุลพันธ์
ต้นปี 2563 หลังจากการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ บรรยากาศความขัดแย้งทางการเมืองไทยที่ถูกกดไว้มาตั้งแต่หลังการรัฐประหาร 2557 ก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง เกิดการเคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมืองเพื่อต่อต้านรัฐบาลกระจายไปทั่วทุกจังหวัดในรัฐไทย จุดสำคัญและเป็นเรื่องที่ไม่ปรากฏขึ้นมาก่อนในหน้าประว