Skip to main content

เทคโนโลยีด้านการสื่อสารที่เข้ามามีอิทธิพลแทบจะทุกมิติของชีวิต ส่งผลให้พฤติกรรมด้านการปฏิสัมพันธ์ของประชาชนเปลี่ยนแปลงไปตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี มีประชาชนจำนวนมากที่ใช้เทคโนโลยีในการหา “คู่” หรือแสวง “รัก” ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการกระทำความผิดที่เรียกว่า Romance Scam หรือ “พิศวาสอาชญากรรม” 


โดยทั่วไป Romance Scam หรือ “พิศวาสอาชญากรรม” คือ การที่นักต้มตุ๋น (Scammer) ได้ใช้เทคนิคทางจิตวิทยาผ่านเครื่องมือทางเทคโนโลยีต่าง ๆ ในการหลอกลวงให้ เหยื่อ (Victim) หลงเชื่อ จนกระทั่งยินยอมให้สิ่งต่าง ๆ ที่นักต้มตุ๋นต้องการ

 

แผนประทุษกรรมที่พบจากพิศวาสอาชญากรรมที่มีกระบวนการหลอกลวงทางออนไลน์นั้นมักปรากฏอยู่ในลักษณะขั้นตอน ดังต่อไปนี้

ขั้นที่หนึ่ง สร้างโปรไฟล์ปลอม เป็นขั้นตอนแรกของการหลอกลวงของ อาชญากร โดยการปลอมจะเป็นการสร้างโปรไฟล์ที่น่าดึงดูด บอกรายละเอียดส่วนตัว บางกรณีจะสร้างโปรไฟล์ว่าเป็นลูกครึ่งหรือมีเชื้อชาติเดียวกับเหยื่อ หรือมักโกหกว่าเป็นคนที่มีอำนาจ หากเป็นโปรไฟล์ผู้หญิงปลอม มักจะมีลักษณะคล้ายนางแบบและน่าหลงใหล โดยกลุ่มเป้าหมายจะเป็นชายอายุ 50 ปีขึ้นไป ส่วนโปรไฟล์ผู้ชายปลอมนั้น จะเป็นคนมีเสน่ห์ ลักษณะฐานะมั่นคง บางราย ซึ่งเป้าหมายก็จะเป็นผู้หญิงวัยเกษียณ เป็นม่าย หย่าร้างแล้ว และกรณีของชายรักร่วมเพศปลอม จะต้องใช้ผู้ชายที่มีแรงดึงดูดสูงสำหรับกลุ่มรักร่วมเพศโดยตรง หน้าตาดี บุคลิกดี คล้ายนายแบบ และอายุไม่มากนัก

ขั้นที่สอง โอ้โลมปะติโลม Grooming เป็นช่วงเวลาที่ อาชญากร ใช้สร้างความไว้ใจ และทำให้เหยื่อเชื่อว่าพวกเขามีเงินจริง ๆ ซึ่งในขั้นตอนนี้จะมีความแตกต่างกันออกไปของลักษณะเหยื่อแต่ละราย บางรายทำให้เหยื่อรู้สึกว่าไม่เคยได้พบสิ่งนี้ โดยมุ่งหมายให้เหยื่อตกหลุมรักตนอย่างรวดเร็วที่สุด โดย อาชญากร จะใช้เวลาเรียนรู้และทำความเข้าใจเหยื่อแต่ละคน และใช้วิธีที่ดึงดูดใจแต่ละคนแตกต่างกันไป ส่วนมากจะทำเป็นกิจวัตร เพื่อทำให้ความสัมพันธ์ดูน่าเชื่อถือ แล้วสร้างเรื่องให้เหยื่อเชื่อว่าตนต้องการที่จะมาหาเหยื่อ แต่ติดขัดด้วยเหตุผลบางอย่างรวมถึงคาดหวังที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ยืนยาว และท้ายที่สุดในขั้นตอนนี้ อาชญากร จะร้องขอของขวัญบางอย่างเพื่อเป็นการทดสอบศักยภาพทางการเงินของเหยื่อ ขณะเดียวกันนั้น อาชญากร ก็ส่งของขวัญมาให้เหยื่อกระตุ้นให้เหยื่อทำตามคำขอ

ขั้นที่สาม การทำให้เจ็บปวด (The Sting) หลังจากที่ อาชญากร พยายามล่อลวงให้เหยื่อโอนเงินให้ ถ้าพวกเขาทำพลาดในครั้งแรกๆ พวกเขาจะล่อลวงเหยื่อต่อไป เพื่อรอโอกาสในการล่อลวงให้เหยื่อโอนเงิน ในขั้นตอนนี้ทำให้เหยื่อบางคนรู้ว่านี่คือการหลอกลวงและไม่ได้ส่งเงินให้ ซึ่ง อาชญากร ก็จะสร้างสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อทำให้เหยื่อหลงกล

ขั้นที่สี่ การล่วงละเมิดทางเพศ Sexual abuse บางกรณีที่ อาชญากร ร้องขอให้เหยื่อแสดงกิจกรรมทางเพศหน้า webcam แต่ส่วนมากเหยื่อจะไม่รายงานเรื่องดังกล่าว เพราะถือเป็นเรื่องที่หน้าอับอาย สิ่งนี้เกิดขึ้นน้อยมาก และที่พบมักเป็นกรณีที่เหยื่อบอกว่าไม่มีเงิน เหยื่อจะถูกร้องขอให้ถอดเสื้อ หรือช่วยตัวเองผ่านเว็บแคม บางคนจะโดนขู่ว่าจะ blackmail

ขั้นที่ห้า การเปิดเผย Revelation เหยื่อรู้ตัวว่าตนเองถูกหลอก โดยเหยื่อบางคนจะพยายามหาหลักฐานมาสนับสนุนเมื่อพวกเขามีลางสังหรณ์ว่าถูกหลอก เช่น แจ้งสถานทูต ตำรวจ และบริษัท/เว็บหาคู่ ในบางกรณีเหยื่อบางคนได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องว่าตนกำลังถูกหลอกลวง หรือมีเพื่อนแจ้งตำรวจว่าตนกำลังถูกหลอก ยิ่งไปกว่านั้นมีการซ้อนแผนของ อาชญากร เมื่อทราบว่าเหยื่อรู้ตัวแล้วว่าถูกหลอก โดย อาชญากร จะปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจของรัฐในทวีปแอฟริกา ติดต่อเหยื่อว่า อาชญากรที่หลอกคุณถูกจับแล้วและจะคืนเงินให้กับเหยื่อ แต่เหยื่อต้องจ่ายเงินค่าดำเนินการต่าง ๆ ในการรับเงินคืนดังกล่าว และทำให้เหยื่อยังคงอยู่ในวงจรของเหยื่อนั้นต่อไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า


จะเห็นว่าการหลอกเหยื่อจะมีชั้นเชิงที่สูง จากกรณีข้างต้นที่เหยื่อโดนหลอกซ้ำว่าได้จับตัว อาชญากร แล้ว โดยผู้หลอกเหยื่อก็เป็น อาชญากร ด้วยกันเอง ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เหยื่อไม่หลุดพ้นออกจากวงจรของการหลอกลวงนี้ ถูกหลอกซ้ำไปซ้ำมาเรื่อย ๆ จนบางรายถึงขั้นคิดฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหาและความอับอายดังกล่าว

 

คำถามที่ชวนฉงนสงสัยก็คือ ผู้เสียหายส่วนใหญ่ทำไมถึงถูกหลอกได้ ทั้งที่ผู้เสียหายบางคนเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในด้านภาษาและการศึกษาเป็นอย่างดี เนื่องจาก อาชญากร ใช้วิธีการสร้างบทบาท บุคลิก ลักษณะของ “คนดี” โดยการใช้คำพูดและสำนวนในแง่ดีที่จะสื่อนัยยะของการเป็นคนที่ซื่อสัตย์ จริงใจ และพึ่งพาได้ โดยอาชญากร สร้างบทบาทเพื่อเข้าถึงเป้าหมายทั้งหมด 7 ลักษณะ


ลักษณะแรก การแสดงบทบาทของการเป็น “คนดีมีศีลธรรม” ด้วยการใช้ศาสนาเข้าถึงเป้าหมาย ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าโปรไฟล์ของเหยื่อในเว็บหาคู่อาจระบุสถานะทางศาสนา หรือระบุว่าเหยื่อกำลังหาคู่ที่เป็นผู้ศรัทธาในศาสนาเหมือนกัน

ลักษณะที่สอง การแสดงบทบาทของการเป็น “เนื้อคู่/คู้แท้ ไว้ใจได้” ด้วยการแสดงออกว่าเป็นคนซื่อๆ พยายามสร้างภาพว่าตนไม่ใช่คนที่ใช้บริการเว็บหาคู่นี้เป็นประจำ และเน้นถึงความไร้เดียงสาของตนเองที่เชื่อว่าเว็บดังกล่าวเป็นเว็บที่ไว้วางใจได้

ลักษณะที่สาม การแสดงบทบาทของการเป็น “ผู้ที่มาจากครอบครัวที่ดี มีการศึกษาสูง และถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี” เป็นผู้หาเลี้ยงครอบครัว และประสบความสำเร็จทางอาชีพทั้งกับหน่วยงานรัฐบาลและเอกชน โดยมักอ้างอาชีพที่มีชื่อเสียง น่านับถือ มีความมั่นคง และรายได้สูง

ลักษณะที่สี่ การแสดงบทบาทของการเป็น “คนมีเสน่ห์ น่าหลงใหล” หลายครั้งเพื่อที่จะหลอกเหยื่อก็มักจะยอเหยื่อให้รู้สึกว่าตนมีเสน่ห์น่าดึงดูด

ลักษณะที่ห้า การแสดงบทบาทที่ทำให้เหยื่อรู้สึกว่า “เหยื่อเป็นคนสำคัญ” มักอ้างว่าต้องการเหยื่อตลอดเวลา ขาดเธอไม่ได้ เหยื่อเป็นเหมือนคู่ชีวิต

ลักษณะที่หก การแสดงบทบาทที่ทำให้เหยื่อรู้สึกว่า “เหยื่อมีคุณค่า น่ายกย่อง น่าสรรเสริญ” โดยทำให้เป้าหมายรู้สึกว่าตนเป็นที่ต้องการ และเป็นพิเศษอยู่ตลอดเวลา ด้วยการใช้วลีที่เกินจริง แสดงออกว่าคลั่งรักเหยื่อมาก อันจะนำไปสู่การพัฒนาความสัมพันธ์ใกล้ชิดได้เร็วยิ่งขึ้น และ

ลักษณะที่เจ็ด การแสดงบทบาทของการเป็น “คนที่รู้จักสำนึกบุญคุณ” ลักษณะประเภทนี้มักใช้เป็นข้ออ้างในการขอยืมเงิน และสัญญาว่าจะใช้คืนอย่างแน่นอน นอกจากการคืนเงินที่ยืมมาแล้วยังเตรียมของพิเศษบางอย่างสำหรับให้เหยื่อด้วย

เมื่อเชื่อมโยงเรื่องการสร้าง “ความไว้วางใจ” เข้ากับการสร้าง “กลยุทธ์จู่โจมที่เหมาะกับเหยื่อ” สิ่งที่ทำให้ อาชญากร บรรลุเป้าหมายของการหลอกลวงนั่นก็คือ “ความน่าเชื่อถือ” บนพื้นฐานของ “ข้อเท็จจริง” ดังนั้นพื้นฐานของความสำเร็จของ คือ ความเชื่อใจและข้อเท็จจริง อาชญากรจะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่เหยื่อในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเว็บไซด์ที่เกี่ยวกับอาชีพของตน การแสดงภาพกิจวัตรประจำวัน รวมถึงการเต็มใจที่จะคุยกับเหยื่อทางโทรศัพท์เพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขาเป็นคนตะวันตกจริง ๆ ด้วยสำเนียงการพูด หรือสร้างตัวละครเสริมมาพูดคุยกับเหยื่อเพื่อให้เข้าใจว่าได้คุยกับแม่ของชายที่เธอหลงรัก อันเป็นเหตุผลที่ทำให้เหยื่อเชื่อ และมั่นใจว่าคนที่กำลังสานสัมพันธ์อยู่มีตัวตนจริง ๆ ในส่วนของเรื่องไวยากรณ์นั้น แม้ว่าพวก อาชญากร จะมีข้อบกพร่องเล็กน้อยในการเลือกใช้คำศัพท์ หรือเครื่องหมายวรรคตอน แต่ส่วนมากประโยคก็จะถูกต้อง และมีเนื้อหาสอดคล้องกัน ทั้งนี้อีกเหตุผลที่พอฟังขึ้นก็คือ คนส่วนใหญ่มักไม่ให้ความสำคัญกับความถูกต้อง ไวยากรณ์ หรือแบบฟอร์มของภาษาในการสนทนาอย่างไม่เป็นทางการนั่นเอง

 

ดังนั้นการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมากและบ่อยครั้งทั้งในแง่ของความคิดและความรู้สึกบนโลกไซเบอร์ ทำให้เป็นเรื่องง่ายต่อใช้เป็นข้อมูลในการประกอบอาชญากรรมชนิดที่อาศัยการสร้างความสัมพันธ์ หรือการแสวงหาผลประโยชน์จากความสัมพันธ์ในโลกออนไลน์

 

อ้างอิง
Monica T. Whitty (2015) เรื่อง Anatomy of the online dating romance scam
Tan Hooi Koon และ David Yoong (2017) เรื่อง Preying on lonely hearts: A systematic deconstruction of an Internet romance scammer’s online lover persona

*ปรับปรุงจากบทสังเคราะห์ วิจัย ข้อจำกัดของกระบวนการยุติธรรมเพื่อป้องกันและปราบปรามพิศวาสอาชญากรรม (Romance Scam) และแนวทางสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชน, 2562. สนับสนุนโดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)

บล็อกของ ทศพล ทรรศนพรรณ

ทศพล ทรรศนพรรณ
Nick Srnicek ได้สรุปภาพรวมของแพลตฟอร์มดิจิทัลที่แตกต่างกัน 5 ประเภท คือ1.แพลตฟอร์มโฆษณา, 2.แพลตฟอร์มจัดเก็ยข้อมูล, 3.แพลตฟอร์มอุตสาหกรรม, 4.แพลตฟอร์มผลิตภัณฑ์, และ 5.แพลตฟอร์มแบบลีน 
ทศพล ทรรศนพรรณ
ผู้ประกอบการแพลตฟอร์มดิจิทัลมีรายได้และผลกำไรจำนวนมหาศาลจากการประมวลผลข้อมูลการใช้งานของผู้บริโภคในระบบของตน แต่ยังไม่มีระบบการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม    เนื่องจากยังมีข้อถกเถียงเรื่องใครเป็นเจ้าของข้อมูลและมีสิทธิแสวงหาผลประโยชน์จากข้อมูลเหล่านั้นบ้าง    จึงจ
ทศพล ทรรศนพรรณ
การบังคับใช้ พรบ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่ผลักดันออกมาในปี พ.ศ.
ทศพล ทรรศนพรรณ
แพลตฟอร์มมักเป็นระบบแบบเปิดให้ทุกคนมีส่วนร่วม ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่นำไปสู่ปัญหา จากการที่ทำให้การเข้าถึงข้ามเขตอํานาจ ในทางกลับกัน กลับมีการกําหนดให้หน่วยงานกํากับดูแลและผู้ออกกฎหมายต้องร่วมมือกันข้ามพรมแดนแห่งชาติเพื่อประสานระบอบกฎหมายและกฎระเบียบในขณะที่จัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นรวมถึงประเด็นกา
ทศพล ทรรศนพรรณ
การวิเคราะห์ปรับปรุงเกระบวนการระงับข้อพิพาทของบรรดาผู้บริโภคในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ยืนยันว่าระบบสามารถใช้เพื่อทำการแก้ไขปัญหาให้แก่ผู้บริโภคจํานวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน่วยงานระงับข้อพิพาททางเลือก (Alternative Dispute Resolution - ADR) ที่ได้รับการรับรองจากสาธารณะให้เป็นมากกว่ากลไกการระงับข้อพิพาทใน
ทศพล ทรรศนพรรณ
การสร้างความเชื่อถือให้กับผู้บริโภคจึงเป็นผลดีต่อการเติบโตของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ และการตัดสินใจของผู้บริโภคที่จะทำธุรกรรมออนไลน์กับผู้ขายต่อไป ทำให้ประเทศต่าง ๆ  รวมถึงประเทศไทยให้ความสนใจและมุ่งให้เกิดการคุ้มครองอย่างจริงจังต่อปัญหาการละเมิดสิทธิในความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู
ทศพล ทรรศนพรรณ
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันทันใดที่ผู้คนจำนวนมากขาดความรู้ความเข้าใจต่อเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อชีวิตโดยตรง รัฐในฐานะผู้คุ้มครองสิทธิประชาชนและยังต้องทำหน้าที่กระตุ้นความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจด้วย จึงมีภาระหนักในการสถาปนาความ “เชื่อมั่น” ให้เกิดขึ้นในใจประชาชนที่ลังเลต่อการเข้าร่วมสังฆกรรมใน
ทศพล ทรรศนพรรณ
โลกเสมือนจริงเป็นสื่อใหม่ในโลกยุคดิจิทัลที่แสดงด้วยภาพและเสียงสามมิติซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในโลกที่ถูกสร้างขึ้นเหล่านี้ ทำให้เกิดเป็นสังคม (Community) ภายในโลกเสมือนจริงที่ผู้คนสามารถติดต่อสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันได้ แต่มิใช่เพียงการเข้าไปรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสเพียงเท่านั้น นอก
ทศพล ทรรศนพรรณ
การทำธุรกรรมบนอินเตอร์เน็ตมีแนวโน้มที่จะส่งเสริมการเข้าร่วมสัญญาอย่างรวดเร็วสะดวกลดอุปสรรค ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตก็ด้วยไม่ต้องการเดินทางหรือไม่ต้องมีตัวกลางในการประสานความร่วมมือหรือต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับผู้รับรองสถานะของสัญญาในลักษณะตัวกลางแบบที่ต้องทำในโลกจริง ที่อาจถูกกฎหมายบังคับให้ทำตามแบ
ทศพล ทรรศนพรรณ
โลกเสมือนจริง (Virtual World) คือสภาพแวดล้อมเสมือนซึ่งสร้างและปฏิบัติการด้วยซอฟต์แวร์ (Software) ที่อยู่ในเซิร์ฟเวอร์ (Server) ของเจ้าของแพลตฟอร์ม (Platform) สิ่งแวดล้อมเสมือนเหล่านี้ออกแบบมาให้ผู้เล่นหรือผู้ใช้โลกเสมือนจริงสามารถใช้ตัวตนเสมือนหรืออวตาร (Avatar) ในการท่องไปในโลกนั้น โดยสามารถติดต
ทศพล ทรรศนพรรณ
เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ในยุคดิจิทัลตั้งอยู่บนพื้นฐานของเสรีภาพในการแสดงออกบนโลกออนไลน์ โดยมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับประเด็นกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาเนื่องจากกฎหมายลิขสิทธิ์สามารถห้ามปรามการเผยแพร่ความคิดหรือการแสดงออกในงานสร้างสรรค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยอ้างเหตุแห่งการคุ้มครองสิทธิของปัจเจกชนอย
ทศพล ทรรศนพรรณ
ความเฟื่องฟูของเศรษฐกิจดิจิทัลที่สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการจำนวนมหาศาลแต่นำมาซึ่งความกังขาว่า สังคมได้อะไรจากการเติบโตของบรรษัทขนาดใหญ่ผู้เป็นเจ้าของเทคโนโลยีและควบคุมแพลตฟอร์มเหล่านี้ อันเป็นที่มาของเรื่อง การจัดเก็บภาษีดิจิทัลได้กลายเป็นข้อกังวลที่สำคัญสำหรับหลาย ๆ รัฐบาล ในยุโรป เช่นใน เยอรมนี