Skip to main content


ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมือง

ที่ขัดแย้งกันมานาน ระหว่างรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ที่ดูเหมือนว่า นอกจากจะมองไม่เห็นทางที่จะสมานฉันท์กันได้แล้ว ยังมีแนวโน้มว่า สถานการณ์ที่ต่างฝายต่างก็ไม่ยอมลดราวาศอกให้กัน ยังมีทีท่าว่าจะทวีความรุนแรงไปสู่การนองเลือดที่น่าสยดสยอง ดังที่คาดหมายกันว่าจะเกิดขึ้น ตั้งแต่ วันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป ตามที่เขาประกาศศึกกันแบบเอาเป็นเอาตายกัน ซึ่งเราไม่ปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง ที่จะให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

 


ดังเช่น โศกนาฏกรรมนองเลือด
6 ตุลาคม 19 และพฤษภาคมทมิฬ 35 ในอดีตที่ผ่านมา แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่มีพลังแห่งความปรารถนาดีใดๆในสังคม สามารถเข้าไปยับยั้งได้ และเราผู้ไม่อยากเห็นคนไทยด้วยกัน ลงมือเข่นฆ่ากัน ก็คงได้...แต่ทำใจ และเฝ้ามองดู เท่านั้น เพราะได้พยายามช่วยกันตะโกนจนเสียงแหบแห้งแล้วว่า อย่าทำร้ายกัน ! อย่าทำร้ายกัน ! ตกลงกันด้วยการพูดจากันดีๆก็ได้ เราคนไทยด้วยกัน ก็กลายเป็นเพียงแค่ วาทกรรมทางสังคมเชยๆ ที่ถูกหัวเราะเยาะเย้ย และแทบไม่มีใครเขารับฟังกัน

 


แถมบางที
...ยังถูกตวาดกลับมา จากผู้ที่ยังมิเคยเห็น โลงศพ และ น้ำตา ของตัวเอง ราวกับว่า มันเป็นความขัดแย้งที่มีเหตุปัจจัย ที่มีความจำเป็น จะต้องเกิดการนองเลือดแบบท่วมแผ่นดินเท่านั้น ความขัดแย้งจึงจะยุติ และกลับคืนไปสู่ความสงบ อันเยือกเย็นและเงียบเหงาวังเวง ท่ามกลางรอยเลือด น้ำตา และกองกระดูก !


ผมก็ได้รับข่าวดี !

จาก พิบูลศักดิ์ ละครพล มิตรสหายเก่าแก่ และนักเขียนที่ได้รับฉายาว่า เจ้าชายโรแมนติก ที่ยังคงมีผลงานยืนหยัดทรงเสน่ห์ อยู่ในแวดวงวรรณกรรมไม่รู้เสื่อมคลาย และเป็นแรงบันดาลใจของคนหนุ่มสาว มาแทบทุกยุคทุกสมัย.


ซึ่งปัจจุบัน พิบูลศักดิ์ ละครพล เป็นคอลัมนิสต์ภาษาประณีต ประจำคอลัมน์ “กระท่อมดิน - ทุ่งดาว” นิตยสารหญิงไทยรายปักษ์ และเป็นเจ้าของบล็อกแก๊งค์ “สัญจร ดาวส่องทาง” ที่อบอุ่นด้วยแฟนคลับรสนิยมวิไล

 

พิบูลศักดิ์ ละครพล

มีข่าวดี บอกผ่านมาทาง บล็อกแก๊งค์ ยอดนิยม “พ่อพเยีย” ของ โดม วุฒิชัย ผ่านมาถึงตัวผม

เป็นข่าวดี ที่ผมได้รับรู้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะนำมาเผยแพร่ต่อ โดยเฉพาะท่านที่มีอารมณ์สุนทรียะอยู่ในหัวใจ

รักธรรมชาติ ดอกไม้ เสียงเพลง และเกลียดการดูถูกเหยียดหยามคนจน”

ที่กำลังเซ็งสุดขีด ทั้งเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจ ที่เลวร้ายขึ้นทุกวัน - ดังนี้


วันที่ 19 ธันวาคม 2551 ถึง วันที่ 20 มกราคม 2552 ณ หอศิลป์ ริมน่าน

ขอชวนเชิญท่านไปชม !

นิทรรศการสีน้ำ เปิดตัวหนังสือ กระท่อมดิน-ทุ่งดาว

และบุ๊คโปสการ์ด Pai By The way ของ พิบูลศักดิ์ ละครพล”

วันเปิดงาน

วันที่ 19 ธันวาคม 2551

เชิญฟัง !

ดนตรี มาชารี ใต้แสงจันทร์

และ

การอ่านบทกวีของหนุ่มสาวกลุ่ม POAT LIVE

นำทีมโดย เสรี ทัศนศิลป์ / มูฮัมหมัดฮาริส กาเหย็ม / ซะการีย์ยา อมตยา / ลัดดา สงกระสินธุ์ / มัคคุเทศก์ทางวิญญาณ ฯลฯ


ขอเชิญคุณ เตรียมบทกวีของคุณมาร่วมอ่านด้วยกัน

สำหรับผู้มาจากแดนไกล มีที่พักเรือนหลังใหญ่รับรอง

หรือคุณจะเตรียมเต้นท์มาเองก็ได้


หอศิลป์ริมน่าน

ก่อตั้งและดูแล โดยท่านอาจารย์ วินัย ปราบริปู ศิลปินชื่อดังชาวน่าน จากรั้วมหาวิทยาลัยศิลปากร ตั้งอยู่ ตำบลบ่อ อ.เมือง อยู่ติดถนนสาย อ.เมือง – อ.ท่าวังผา กิโลเมตรที่ 20 บนเนื้อที่ 13 ไร่ ที่แวดล้อมด้วย แม่น้ำ ทุ่งนา ป่า ภูเขา และลำธาร ฯลฯ

โทรศัพท์ ติดต่อสอบถาม รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 - 9962 -1332 และ 0 -1332 – 2912

หรือ www.nanart gallery.com


ครับ ผมหวังว่าข่าวดีจาก พิบูลศักดิ์ ละครพล คงจะเป็นข่าวดีที่มีความหมาย สำหรับใครสักคนหนึ่ง ไม่มากก็น้อย ณ ท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองที่มีแต่ข่าวร้ายๆ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ที่แตกแยกกันเป็นฝักเป็นฝ่าย คุณจะไม่มีวันผิดหวังอย่างเด็ดขาด! ถ้าคุณหอบเอาหัวใจที่อาจจะกำลังป่วยไข้ เพราะพิษร้ายจากสังคมของคุณ ไปพบกับ พิบูลศักดิ์ ละครพล และงานนิทรรศการของเขา ณ ที่หอศิลป์ ริมน่าน ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ที่กำลังจะมาถึง ด้วยความระทึกใจ!

 


และบางที

ถ้าหากตัวผม ไม่เกิดความขัดข้องทางเทคนิค

ที่มักจะขัดข้องอยู่เสมอ

จนเป็นปรกติธรรมดา มาตลอดปีตลอดชาติ (ฮา)

คุณอาจจะได้พบ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

พาสมัครพรรคพวก และสาวสวยสะคราญ จากกระท่อมทุ่งเสี้ยว

เดินระทดระทวย หอบหัวใจเหี่ยวๆ

ไปร่วมอ่านบทกวี โรแมนติก ในงานนี้ด้วยก็ได้

ใครจะไปรู้

อนาคตเป็นของไม่แน่นอน (โว้ย).


กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

 

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
    เมื่อยังมีชีวิต จงหายใจเข้าไว้ หายใจแรงๆ และหายใจอย่างสดชื่น เพราะภาระหน้าที่ของชีวิตคือการมีชีวิต ชีวิตที่กระปรี้กระเปร่า และถ้าเป็นไปได้ควรต้องรื่นรมย์กับชีวิต บาปอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์ (บางทีสำหรับสิ่งมีชีวิตทั้งปวง) คือการปฏิเสธชีวิต   การมีชีวิต
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
    ฉันเป็นเท่าที่ฉันเป็น ฉันทำเท่าที่ฉันหวัง ฉันหวังเท่าที่ฉันเห็น ฉันง่ายฉันงามฉันแจ่มชัด ฉันเชื่อหนึ่งมากกว่าร้อย ฉันเชื่อคนมากกว่าลัทธิ ฉันเชื่อดินมากกว่าฟ้า ฉันเชื่อต้นหญ้ามากกว่าขุนเขา ฉันเชื่อสวนหลังบ้านมากกว่าป่าหิมพานต์ ฉันเชื่อวันนี้มากกว่าวันวาน ฉันง่ายฉันงามฉันแจ่มชัด ฉันไม่เชื่ออำนาจรัฐจากกระบอกปืน   ฉันเป็นเท่าที่ฉันเป็น.  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  อิสรภาพ   ฉันต้องการอิสรภาพ ที่จะได้เห็น ที่จะได้ยิน ในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  เป็นที่ทราบกันดีว่า กฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นกฎหมายที่สร้างความทุกข์สาหัสให้แก่ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า “หมิ่นสถาบัน” มามากมายหลายคน เพราะกฎหมายนี้ถูกตราขึ้นมาอย่างกว้างๆไม่ระบุขอบข่ายความผิดให้ชัดเจน รวมทั้งกระบวนการจับกุม สอบสวน ดำเนินคดี ก็มิได้เป็นไปตามปกติทั่วไป มิหนำซ้ำการตีความบังคับใช้มาตรานี้ ว่ากันว่า เจ้าหน้าที่สามารถตีความใช้ได้อย่างกว้างขวาง และนักการเมืองมักจะใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายฝ่ายตรงกันข้ามอยู่เสมอ และผู้ต้องคดีนี้นอกจากจะติดคุกติดตะรางแล้ว ยังถูกซ้ำเติมจากสังคมที่จงรักภักดีต่อสถาบันอย่างรุนแรง    
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
    คือแม่น้ำและขุนเขาอันขรึมขลัง คือพลังคีตกานท์อันหวานไหว คือหนึ่งจิตวิญญาณล้านนาไทย คือดอกไม้สวยสะคราญบานนิรันดร์  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ย้อนกลับไปทบทวนดู คำประกาศหลังจากรับพระราชทานโปรดเกล้าฯของคุณยิ่งลักษณ์ตอนหนึ่งที่กล่าวว่า “อุปสรรคข้างหน้ายังรอเราอยู่มาก ทั้งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ แต่ทั้งหมดมิใช่อุปสรรคขวางกั้นมิให้ทำงาน พร้อมที่จะอุทิศตัวด้วยความทุ่มเท เสียสละอดทน ทำงานแข่งกับเวลา ไม่เกรงต่อความลำบากใดๆ”
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
    แล้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย หมายเลข 1 ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 และ เป็นนายกหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองของเมืองไทย และเป็นคนที่ 52 ของโลก อย่างสมบูรณ์ โดยได้รับการโหวตเสียงจากที่ประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2554 ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 296 เสียง ไม่เห็นด้วย 3 เสียง และงดออกเสียง 197 เสียง ก่อนจะได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ในวันที่ 8 สิงหาคม 2554 เวลา 18.40 น. ณ บริเวณตึกชั้น 7 ที่ทำงานพรรคเพื่อไทย ท่ามกลางความยินดีของคนจำนวนมากมาย ที่สนับสนุนคุณยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทย  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
    คราวที่แล้ว ผมนำเรื่อง “คนดีของคนเมือง และ คนดีของชนบท” ที่แตกต่างกัน จากบทสัมภาษณ์ที่ชื่อว่า “ความคาดหวังและความจริงของประชาธิปไตยแบบไทยๆ” ของ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ซึ่งให้สัมภาษณ์ลงนิตยสารสารคดี ฉบับเดือนตุลาคม 2543 ผมคิดว่าจะหยุดเพียงแค่นั้น แต่ก็หยุดไม่ได้ เพราะพบว่ายังมีประเด็นที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านอีกสองประเด็น ที่ยังเป็นเรื่องราวที่ยังดำรงอยู่ในปี 2544 และต่อไปอีกนานเท่าไหร่ ก็คงไม่มีใครรู้ เพราะมันเป็นรื่องของอนาคต  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
      ผมมักจะได้ยิน ผู้คนและสื่อต่างๆเกี่ยวกับการเมือง มักจะพูดกันให้ได้ยินอยู่เสมอว่า “คนชนบทเป็นคนเลือกตั้งรัฐบาล คนเมืองเป็นคนล้ม” ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความจริงมาโดยตลอด แต่ก็ไม่มีใครให้คำอธิบายที่ฟังดู สมเหตุสมผลและชอบธรรม ให้ฟัง ว่าทำไมคนเมืองที่หมายถึงคนชั้นกลาง จึงไม่ชอบรัฐบาลที่ได้มาจากเสียงส่วนใหญ่ที่เป็นคนชนบทในประเทศ และช่วยกันล้มรัฐบาลที่เขาเลือกตามกติกา 
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
      ถึงแม้ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะได้รับการรับรองจาก กกต. ให้หลุดพ้นจากข้อหาไปช่วยขบวนแห่ที่เชียงราย ให้พ้นจากข่ายความผิดด้วยมติ 5 ต่อ 0 ท่ามกลางความโล่งอกของใครต่อใครมากมายหลายคน ที่ว่ากันว่า เป็นเพราะโพลเสียงจากประชาชน 80 เปอร์เซ็นต์ ต้องการคุณยิ่งลักษณ์นายกฯ (รวมทั้ง นปช.) เป็นกระแสกดดัน กกต. หรือเพราะเหตุใดก็ช่างเถิด แต่เราก็สามารถฟันธงกันได้เลยว่า อีกไม่นาน เราจะต้องได้นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศอย่างแน่นอน 
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
      ผมไม่แน่ใจว่า ก่อนที่คุณยิ่งลักษณ์ ว่าที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ คนสวย และกลุ่มมันสมองของพรรคเพื่อไทยจะชูนโยบายประชานิยม เพิ่มค่าแรงงานขั้นต่ำให้กรรมกรผู้ใช้แรงงานจาก 221 บาท เป็น 300 บาท และเพิ่มเงินเดือนให้แก่ผู้จบปริญญาตรีที่เริ่มเข้าบรรจุงานจาก 11,028 บาท เป็น 15,000 บาท
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมกำลังจะชวนใครต่อใคร เข้ามาคุยเรื่องปัญหาที่รัฐบาลใหม่จะต้องเข้ามาสะสางและแก้ไข จากข้อมูลของนักวิเคราะห์การเมืองท่านหนึ่งที่รวบรวมและชี้แนะเอาไว้ล่วงหน้าแก่รัฐบาลของคุณยิ่งลักษณ์เอาไว้