บ่วงที่ผูกมัดข้อเท้า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

 

ย้อนกลับไปทบทวนดู
คำประกาศหลังจากรับพระราชทานโปรดเกล้าฯของคุณยิ่งลักษณ์ตอนหนึ่งที่กล่าวว่า
“อุปสรรคข้างหน้ายังรอเราอยู่มาก ทั้งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ แต่ทั้งหมดมิใช่อุปสรรคขวางกั้นมิให้ทำงาน พร้อมที่จะอุทิศตัวด้วยความทุ่มเท เสียสละอดทน ทำงานแข่งกับเวลา ไม่เกรงต่อความลำบากใดๆ”

ข้อความที่คุณยิ่งลักษณ์กล่าวว่า
“อุปสรรคข้างหน้ายังรอเราอยู่มาก ทั้งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้”
โดยเฉพาะความที่ว่าอุปสรรคที่ควบคุมไม่ได้ ผมตีความเอาเองว่า น่าจะเป็นอุปสรรคที่เกิดจากความสัมพันธ์เชิงบุญคุณที่ต้องตอบแทนกันในทางการเมืองจากคนภายใน ที่ร่วมกันผลักดันให้คุณยิ่งลักษณ์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น นั่นเอง
 
ซึ่งบัดนี้ ก็ได้ก่อตัวขึ้นมาให้คุณยิ่งลักษณ์ตกอยู่ในฐานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และวางตัวให้ดูดีได้ยากแสนยาก เพราะยังไม่ทันได้แถลงนโยบายเพื่อบริหารประเทศอย่างเต็มตัว ก็ถูกคนภายในนำข้อเรียกร้องปัญหาต่างๆมาเป็นบ่วงผูกมัดข้อเท้า ด้วยเงื่อนไขทางบุญคุณ คอยรั้งเอาไว้...มิให้เดินได้ตามสะดวก เริ่มตั้งแต่การเรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรีจากคนเสื้อแดงที่จัดการลงตัวและเงียบเสียงกันไปแล้ว และตามมาด้วยการเรียกร้องให้ส.ส.ในพรรครัฐบาลเอาตำแหน่งประกันตัวผู้ที่ถูกจับกุมด้วยข้อหา เผาบ้านเผาเมือง ออกมาจากที่คุมขัง ที่เสี่ยงต่อการถูกมองว่าเป็นรัฐบาลของคนเสื้อแดง
 
แต่เรื่องนี้
เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขังมากนะครับ เพราะเพียงแค่ถูกลดความเป็นคนลงไปเป็นนักโทษและถูกจองจำจำกัดอิสรภาพ ก็เป็นการตกนรกทั้งเป็นเหลือที่จะทนอยู่แล้ว แต่ว่ากันว่า พวกเขายังถูกผู้คุมและนักโทษในเรือนจำไม่ยอมรับ และคอยกระแหนะกระแหน เยาะเย้ยถากถาง กดดันพวกเขา ทำให้พวกเขาเป็นคนแปลกแยกและน่ารังเกียจราวกับตัวเสนียด เพราะคำว่า เป็นคนเผาบ้านเผาเมือง ทำให้พวกเขายิ่งแย่จนเหลือจะทนเข้าไปอีก...
 
โดยส่วนตัวของผม ผมเห็นด้วยกับการช่วยประกันพวกเขาออกมาจากขุมนรกที่กดดันพวกเขามากเกินไป ทั้งๆที่คดีความยังไม่ได้มีการตัดสินความผิดถูก ตามข้อกล่าวหาอันใหญ่โตที่อดีตรัฐบาลอภิสิทธิ์โยนให้พวกเขา ดังคำสัมภาษณ์ของ คุณแสงทอง ประจำเมือง ชาว ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดร หนึ่งใน 22 คนที่ได้รับการประกันตัวจากเรือนจำกลางอุดรธานี ได้ให้สัมภาษณ์แก่หนังสือพิมพ์ ข่าวสด ฉบับวันที่ 20 สิงหาคม 2554 เอาไว้ว่า
 
“ผมมีอาชีพ เปิดร้านขายของชำอยู่ที่บ้าน ในวันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 ผมไปยืนถ่ายวิดิโอบันทึกเหตุการณ์อยู่ และถูกทหารคนหนึ่งเข้ามากระชากกล้องแล้วทำลายกล้องจนพังหมด ก่อนจะควบคุมผมและคนอื่นๆไปที่ค่ายพระยาสุนทรธรรมธาดา ต.โนนสูง อ.เมืองอุดร
 
โดนควบคุมอยู่ 2 วัน ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปสอบสวนผมและเพื่อนๆทั้ง 22 คน ซึ่งตำรวจบอกว่าพวกผมโดนคดีกระทำผิด พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นคดีไม่ร้ายแรง ให้รับสารภาพ เสียแค่ค่าปรับเท่านั้น ซึ่งทุกคนก็รับสารภาพกันหมด
 
จากนั้นทหารบอกให้ญาติไปเสียค่าปรับที่ศาล และบอกว่าจะนำตัวส่งศาล แต่กลับนำพวกผมเข้าห้องขังที่เรือนจำกลางอุดรฯ เมื่อมาถึงคุก ทางศาลแจ้งโทษว่าพวกผมต้องโทษอีก 2 คดี คือ พยายามวางเพลิงเผาทรัพย์อาคารสาธารณะ สมบัติของแผ่นดิน และคดีบุกรุกโดยมีอาวุธหรือร่วมกันกระทำผิดเกิน 2 คนขึ้นไป
 
เมื่อเข้าไปอยู่ในเรือนจำ รู้สึกกดดันมาก ถูกขังซอย 7 คนต่อห้องขนาด 3 คูณ 2 ตารางเมตร ไม่ได้ออกไปไหน อยู่ในห้องประมาณ 2 สัปดาห์ เขาก็นำมาขังรวมกันที่มาด้วยกัน 18 คน เฉพาะชาย ส่วนหญิงอีก 4 คนแยกไปขังซอยหญิง จึงค่อยดีขึ้น
 
ทุกเช้าที่หน้าเสาธง พวกผมจะรู้สึกกดดันมาก เพราะจะมีเจ้าหน้าที่เรือนจำออกมาพูดหน้าแถวว่า พวกผมเป็นคนเผาบ้านเผาเมือง เป็นพวกขบถ เป็นทรราช ทำให้พวกนักโทษในเรือนจำ พากันเยาะเย้ยถากถางเป็นประจำ...” 
 
ถัดมา ก็เรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายค่าหัวคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตในเดือนเมษา - พฤษภาคม 53 รายละ 10 ล้านบาท อันนี้ผมไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ เพราะไม่ว่าเงินจะมากหรือน้อยสักแค่ไหน ก็ไม่อาจชุบชูชีวิต...คนที่ตายไปแล้วให้ฟื้นกลับคืนมาใหม่ได้ แต่ผมกลับมองว่า ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำไปแล้ว แต่สังคมกลับมองว่าเป็นการลำเอียงให้คนเสื้อแดงมากเกินไป ก็เป็นเรื่องที่จะถูกโจมตี แต่ถ้าให้ด้วยตัวเลขที่คนเสื้อแดงเขาไม่พอใจ ก็จะเสียแนวร่วม นี่ คือเรื่องที่สำคัญ และยากแสนยากที่จะทำได้ให้เป็นที่พอใจแก่ทุกฝ่าย เหมือนอย่างที่ภาษิตล้านนากล่าวเอาไว้ว่า
“จับใจ๋แฮ้ง บ่จับใจ๋ก๋า จับใจ๋ครูบา บ่จับใจ๋พระหน้อย”
 (ถูกใจแร้ง ไม่ถูกใจกา ถูกใจครูบา ไม่ถูกใจเณรน้อย)
นั่นเอง
 
 
แล้วก็มาถึงกรณี การเดินทางไปญี่ปุ่นของ คุณทักษิณ ชินวัตร ที่ปรากฏว่า นายยูกิโอะเอดาโน เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นแถลงว่า รัฐบาลไทยไม่มีนโยบายห้ามอดีตนายกฯทักษิณเดินทางเข้าประเทศใดๆ และได้ร้องขอมาทางญี่ปุ่นให้ออกวีซ่าให้ ตามคำขอดังกล่าวของรัฐบาลไทยและการพิจารณาหลายๆด้าน เราจึงตัดสินออกวีซ่าให้
 
เรื่องนี้ จึงเป็นเงื่อนไขให้ฝ่ายค้าน แจ้งความดำเนินคดีและถอดถอนคุณ สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รัฐมนตรีต่างประเทศออกจากตำแหน่ง ในฐานะคนช่วยเหลือโน้มน้าวญี่ปุ่นออกวีซ่าให้คุณทักษิณ และขยายผลไปถึงนายกฯยิ่งลักษณ์ แล้วก็มีกระแสข่าวติดตามมาด้วยเรื่อง ความสอดคล้องต้องกันราวกับนัดหมาย ระหว่าง คุณทักษิณ ที่มีโปแกรมจะเดินทางเข้ากัมพูชา เพื่อพบปะหารือกับ ฮุนเซน เกี่ยวกับธุรกิจน้ำมันทางทะเล ที่สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของรัฐบาลไทย ที่กระทรวงกลาโหม เตรียมเจรจากับกัมพูชากรณีพิพาทชายแดนและเรื่องการถอนทหาร พร้อมๆกับที่ กระทรวงพลังงาน จะเจรจากับกัมพูชาเรื่องความร่วมมือด้านพลังงานน้ำมันและก๊าซในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เป็นเรื่องที่ทำให้สังคมระแวงว่า เป็นความเคลื่อนไหวที่ผูกโยงไปถึงเรื่องธุรกิจและผลประโยชน์ทับซ้อน ที่สื่อเขามองว่า เป็นเรื่องที่ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์เลย
 
ส่วนเรื่องที่หนักหนาสาหัส
ก็คือเรื่องที่คนเสื้อแดงเขาเรียกร้องอีก คือเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการคดีเอาคนฆ่าคนเสื้อแดงเอาลงโทษ โดยเล็งไปที่ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณสุเทพเทือกสุวรรณ อดีตนายกฯและรองนายกฯ และทหารที่เกี่ยวข้องในการล้อมปราบคนเสื้อแดง และเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมาดหมายจะนำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้แทนรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่ใช้กันปัจจุบัน และถูกมองว่าเป้าหมายที่แท้จริง คนเสื้อแดงที่ต้องการรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก็เพื่อช่วยนิรกรรมโทษให้คุณทักษิณ ที่ต้องโทษจำคุก 2 ปี ติดตัว และยังลี้ภัยอยู่ที่ดูไบ กรณีทุจริตจัดซื้อที่ดินที่รัชดาฯ  
 
ครับ
นี่คือบ่วงจากคนภายในที่เข้ามาผูกมัดข้อเท้าอันขาวผ่องและเรียวงามของคุณยิ่งลักษณ์ (ฮา) โดยไม่มีใครยอมอดทนรีรอให้คุณยิ่งลักษณ์ได้ก้าวแรกออกไปอย่างสง่างาม โดยไม่สะดุดหยุดชะงัก แต่บางที...เรื่องที่ทำให้คุณยิ่งลักษณ์ยุ่งยากลำบากใจเรื่องนี้แหละ ที่จะบีบคั้นเอาตัวตนที่แท้จริงของคุณยิ่งลักษณ์ออกมาแสดงความเป็นตัวของตัวเองให้สังคมได้แจ้งประจักษ์ ด้วยเหตุปัจจัยของตัวตน ที่อาจเกิดขึ้นได้ว่า...
 
ฉันพยายามให้ทุกอย่างตามที่ทุกคนต้องการแล้ว
ฉันพยายามอดทนเป็นหุ่นเชิด เป็นหนังหน้าไฟ...จนเพียงพอแล้ว
 คราวนี้แหละ ถึงคราวที่ฉันจะต้อง ขบถ เพื่อตัวของฉันเองมั่งหละ
(ไชโย ! เพราะฉันขบถ ฉันจึงมีชีวิตอยู่...)
 
โดยส่วนตัวของผม
ข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดงที่เรียกร้องเอากับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ผมถือว่าเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสที่สุดจริงๆ ก็คือ เรื่องเรียกร้องดำเนินคดีความเอาคนที่ฆ่าคนเสื้อแดงมาลงโทษ ถ้ารัฐบาลนี้ทำเรื่องนี้ให้ปรากฏออกมาเป็นความจริงให้ประจักษ์แก่สังคมได้ ฟันธงลงไปได้เลยว่า มันเป็นเรื่องสุดยอด ปาฏิหาริย์ ที่สามารถบันทึกลงไปในหน้าประวัติศาสตร์ได้เลยว่า นี่...เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์การเมืองของเมืองไทย ที่มีรัฐบาลสามารถเอาคน ที่ลงมือฆ่าประชาชนตายและบาดเจ็บเป็นเบือมาลงโทษได้...
 
เรื่องนี้
พ่อ แม่ ญาติพี่น้องของคนเดือนตุลา 16 และคนเดือนพฤษภา 34 ที่สูญเสียคนในครอบครัวเขารู้ดี และคนเดือนตุลาฯ ที่ยังมีชีวิตอยู่ แถมยังเป็นแกนนำส่วนหนึ่งของคนเสื้อแดงยิ่งรู้ดี เพราะประวัติศาสตร์สังคมได้บอกเอาไว้แล้วว่า มันเป็นเรื่องที่ยากแสนยาก เพราะว่ากันว่า ไม่ว่าฝ่ายใดขึ้นไปเป็นรัฐบาลและกลายเป็นผู้มีอำนาจแล้ว เขามักจะไปเกี้ยเซียะกับอำนาจเก่า อำนาจพิเศษ  กองทัพ คนชั้นกลาง NGO ฯลฯ เพื่อการอยู่รอดของตัวเอง ยากที่จะหันกลับมาเหลียวแลช่วยเหลือคนเล็กคนน้อยอีกต่อไป โดยเฉพาะการเรียกร้องกรณีสุดยอดนี้ เป็นไปได้ยากแสนยากที่รัฐจะทำได้ ด้วยเหตุผลที่พอจะเข้าใจได้ เหมือนอย่างที่พังเพยโบราณเปรียบเปรยเอาไว้ว่า ลูบหน้าก็ปะจมูก หยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ นั่นเอง
 
หรือบางทีวันนี้
 อาจจะถึงคราวที่ปาฏิหาริย์จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นก็ไม่รู้ ผมไม่ควรมองเรื่องนี้กับท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ที่เป็นคนรุ่นใหม่ในแง่ร้ายจนเกินไป เช่นเดียวกับคนเสื้อแดงก็ไม่ควรจะไปคาดหวังสูงกับคุณยิ่งลักษณ์ถึงขนาดนี้ ถึงแม้รัฐบาลนี้อาจจะไม่ยอมเกี้ยเซียะกับฝ่ายใดทั้งสิ้น   
 
ครับ
อย่างไรๆ ก็ขอเอาใจช่วยคุณยิ่งลักษณ์
นายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง
แก้ปมบ่วงที่ผูกมัดข้อเท้า
แล้วสลัดมันออกไปเพื่อทำงาน
ให้ส่วนอื่นๆที่เขากำลังรออยู่โดยเร็วพลัน
เฮ้อ...จะเอาอะไรกันนักหนากับประชาธิปไตยแบบไทยๆ.
 
21 สิงหาคม 2554
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่   
 
 

 

ความเห็น

Submitted by น้ำลัด on

ผมไม่ได้คาดหวังอะไรกับคุณยิ่งลักษณ์เลยครับ
แค่ประคองตัวให้รอดจากไอ้พวกบ้าห้าร้อยก็ยังไม่รู้จะรอดหรือเปล่า

โอกาสที่จะเอาคนสั่งการสังหารประชาชนมาลงโทษมันก็คงยากจริงๆ
เพราะไม่ว่าจะเป็นปีไหน 2516 2519 2535 2553
ไม่ว่าจะตายกันไปอีกเท่าไหร่....
เราก็ยังไม่เคยมีประวัตินำคนบงการมาลงโทษกันได้
แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีโอกาสนะครับ ผมก็ยังรอดูโอกาสนั้น
โอกาสที่เมืองไทยจะได้จารึกประวัติศาสตร์ไว้ได้อย่าสง่างาม
ไม่ใช่ประวัติศาสตร์กึ่งจริงกึ่งแต่งเพื่อประโยชน์ของคนบางกลุ่ม

Submitted by ลบรอยเปื้อนในใจเธอ on

เป็นบทความที่น่าคิดมาก ปมผูกข้อ ปอผูกศอก ยังไงผมก็ยังลุ้นการทำงานของคุณยิ่งลักษณ์นายกฯและคณะรัฐมนตรีอยู่ว่าจะจบแบบไหน? ถ้าหากคุณอภิสิทธิ์ได้รับเลือกตั้งส่วนมากมาเป็นรัฐบาลผมก็จะลุ้นเหมือนกัน....

Submitted by ถนอม ไชยวงษ์แก้ว on

น้ำลัด ครับ ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณ และไม่อาจมีความเห็นอะไรต่อไปได้ นอกจากเฝ้ารอดู

Submitted by ถนอม ไชยวงษ์แก้ว on

ลบรอยเปื้อนในใจเธอ ใช่เราต้องลุ้นคนที่มาจากระบอบที่คนส่วนใหญ่เลือก ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร และไม่คาดหวังอะไรสูงเกินไป เพราะอะไรๆก็มีข้อจำกัดนะครับ โอ้ นามแฝงของคุณน่ารักจังเลย ขอบคุณมากครับที่เข้ามาสนทนา

Submitted by โสมคาน on

เธอมิได้ ตั้งใจมา เป็นนายก
เธอถูกชก ถูกชัก ถูกกักขัง
จะส่งเสียง เรียกให้ ใครรับฟัง
สิ้นเสียงสั่ง ช่วยที ปวีณา

Submitted by ืแสงดาว ศรัทธามั่น on

ให้เธอ และพรรคพวกทำงานไปก่อน แล้วประชาชนจะตรวจสอบเอง ไม่เข้่าท่าก็ต้องลุยกันแล้ว อย่าไปเชื่อนักธูรกิจกินเมือง นักเลือกตั้งมืออาชีพ ไหนๆ ไม่ว่าพรรคใด ประชาชนมีแต่ต้องช่วยเหลือตัวเอง มีรัฐสภาที่มาจากกานเลือกตั้งก้อยังดีกว่ามาจาการรัฐประหาร(อย่าเรียกว่าการปฏิวัติเน้อ การปฏิวัติคือการขุดรากถอนโคนพวกอภิสิทธิชนที่กดขี่ประชาชน การปฏิวัติ ก็เช่น การปฏิวัติของเหมา เจ๋อตง ที่โค่นล้มรัฐบาลเผด็จการเจียงไคเช็ค.... การปฏิวัติโค่นล้มศักดินสพระเจ้าซาร์นิโคลัสแห่งรัสเซีย หรอการปฏิวัติของประชาชนโค่นล้มพระเจ้าหลุยส์ที่สิบสี่และพระงอังตัวเน็ตที่กดขี่ประชาชนทในที่สุดก็ต้องโดนกิโยตินบั่นคอ(หลังจาก มะ แร่ง บั่นคอประชาชนมามากแล้ว ... ท่านผู้ใดอยากฟังเพลง " กิโยติน " ก้อไปที่ youtube ... เพลงนี้แต่งโดย คนเพลงล้านนาอิสระเรเานี่แหละ โคตรมันส์ พะ ยะ เจ้า ) หรือการปฏิวัติของเวียตนามโดยลุงโฮจิมินท์ ที่ลุยฝรั่งเศษ(ตั้งใจใช้อัษรแบบนี้) และจอมเผด็จการเหงียนเกากี หรือพอลพตลุยเผด็จการลอนนอน( ส่วนจะเป็นเผด็จการเสือตัวใหม่แทนที่ ต้องวิพากษ์กัน มีหลายอยู่ดอกที่อ้างคำว่าเป็นคอมมิวนิสต์ เป็น สังคมนิยม แต่กลับกลายเป็นเผด็จการเสือตัวใหม่ซะเอง เช่น จีน ลาว เขมร พม่า โซเวียต ฯลฯ ) ... นี่แหละที่เรียกว่าการปฏิวัติ ใช้ให้ถูก...

... ให้รัฐบาลน้องปูจ๋าที่อ้างว่ามาจากเสียงส่วนใหญฺของประชาชนทำงานไปก่อน ให้เสี่ยปึ้ง รมต. ต่างประเทศทำงานไปก่อน จะรับใช้อ้ายทักษิณ ที่เป็นเผด็จการพลเรือน ให้เขาทำงานไปก่อน อ้อขอบกในฐานะอ้ายเป็นคนเมืองเจียงใหม่ และเป็นนักีฬาบาสเก็ตบอลล์เป็นตัวแทนทั้งเรียนมัธยมที่รร.[ บูรณศักดิ์วิทยา ที่ลือเลื่องว่าเป็นโรงเรียนนักเรียนนักเลง ตีกันสะบั้นหั่นแหลก เหมือนกะรร. ไพศาลศิลป์ที่กรุงเทพ ไม่รู้ว่าโรงเรียนนี้ยุบละยัง? ไหนๆก้อไหนๆแล้วขอเล่ายาววววหน่อยนะคับ ถ้าเบื่อก้อผ่านไปเลย ... โรงเรียนบูรณศัดิ์นี้เป็นโรงเรียนลูกทุ่ง ไม่เหมือนมงฟอร์ต เรยีนา ดารา ที่เป็นโรงเรียนที่คนรวยมาเรียน โรงเรียนบูรณศักดิ์ ฯ นี้ นักเรียนเกเรที่ถูกไล่ออก มาจากโรงเรียนไหน บูรณศักดิ์ รับหมดคับ ความเป็นโรงเรียนนักเลงเป็นเบ้าหลอมให้เราเป็นนักเลงด้วย ... นักเลงนะจ๊ะ มิใช่ อันธพาล ... แต่ตอนนี้โรงเรียนบูรณศักดิ์ ถูกยุบไปแล้ว กลายเป็นร้านหนังสือดวงกมล และมีอีกโรงเรียนนึงเป็นโรงเรียนผู้หญิงชื่อโรงเรียนบูรณศิลป์ เจ้าของโรงเรียนเป็นเจ้าของเดียวกัน หลังโรงเรียนนี้ก้อคือโรงเรียนสิริกร (เขียนถูกไหมเนี่ย?) ที่อ้ายถนอมฯ และอ้ายพิบูลย์ศักดิ์ ละครพลเคยไปเรียนนั่นแหละ โรงเรียนนี้สอนด้านศิลปะใช่ไหมอ้ายหนอม? แต่ตอนนี้โรงเรียนบูรณศิลป์ ยุบไปแล้ว กลายเป็นโรงเรียนพานิชยกาาเชียงใหม่ หรือที่เรียกว่าโรงเรียนน้ำคือ...คือตั้งอยู่ใกล้น้ำค๕เมืองเชียงบใหม่ ... คือ เป็น ภาษาคำเมือง ...ถ้าเป็นภาษากลาง ก็คือ คู นั่นเอง เจ้า...

... เอาหล่ะอ้ายหนอม ใกล้จะ The end of the world ... ใกล้จะอวสานแล้ว ขอบคุณที่อ้ายหนอมเขียนบทความนี้ขึ้นมาทำให้คนอ่านมีความคิดอันหลากหลายในระบบประชาิปไตยที่แท้จริง จะได้รับ ก้อนอิฐ หรือดอกไม้ ในส่วนพี่น้องทีื take side ...เลือกข้าง ก็ไม่เป็นไร สำหรับอ้ายไม่มีสีแดง น้ำเงิน เหลือง เขียวดอกคับ อ้ายมีแต่ สีแห่งความรัก ... ไอ้หย่า... เรารับได้หมดคับ ทั้งก้อนหิน และดอกไม้ และด้วยความหวังดี คนที่เลือกข้างอย่าใช้อารมอันไม่สุนทรีมาผรุสวาสก็แล้วกัน มันจะแสดงถึงวุฒิภาวะของเรา... ว่าเรานิ่งหรือไม่ หรือเอาแตาอารมณ์เกรี้ยวกราดฟาดฟัน เมื่อใครไม่เห็นด้วยกะเราฯลฯ

...เอาหล่ะและอ้ายขอฝากคำพูดนี้ผ่น Blog ของอ้ายหน้อมถึงน้องปูจ๋าด้วย ..-. ขอรบกวน ...

... น้องปูจ๋า ขอแสดงความยินดีกะน้องปูที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงแห่งประเทศไทย แต่น้องปูต้องเป็นตัวของตัวเอง อย่าให้ใครมาจูง อ้ายอ่านฟังนโยบายของน้องปูเช่น ให้กรรมกรคนงานแรงงานได้รับค่าจ้าง สามร้อยบาทนั้นเห็นด้วยถ้าทำได้จริง หรือให้นักศึกษาที่จบปริญญาตรีทำงานได้เงินเดือน หนึ่งหมื่นห้าพันบาท นั้นก็ เห็นด้วย แต่ ทว่า จะทำได้จริงหรือไม่?

... และอีกหลายเรื่องนึง ... กรณีที่น้องปูว่าจะมีโครงการถมทะเลนั้นอ้ายไม่เห็นด้วย มันงี่เง่าเกินไป เป็นการทำลายธรรมชาติ วิถีชีวิตของชุมชนประชาชน ทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ( Biodiversity) น้องปูเห็นไหมพี่น้องชาวบ้านภาคใต้ก็ออกมาประท้วงแล้ว ... และอีกอย่างหนึ่งนะ เรืองโครงการจะสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ที่เฒ่า สนั่น ขจรประสาท( ขอย้ำว่าอ้ายต้องการสะกดนามสกุลนี้ จิง ๆ เพราะแกประสาทจริง) ตลอดจนเฒ๋าบรรหาร ศิลปอาชา ตวย ที่หนุนให้สร้าง เขาวิจัยออกมาแล้วว่าไม่ได้ช่วยเรืองน้ำท่วมยมตอนล่าง อยากให้น้องปูลากคอเฒ่า หนั่น และ เฒ่าบรรหารฯ ไปลงพื้นที่สะเอียบ แล้วพี่น้องชาวสะเอียบจะลากคอสองเฒ่าและรัฐมนตรีไปดูดงป่าสักทองผืนสุดท้ายของประเทศไทยสมมุตินี้เอง ... หรือโครงการอะไรที่ทำลายธรรมชาติรากเหง้าวิถีชีวิตของชุมชนประชาชน น้องปูอย่าไปทำ ถ้าอยากอยู่นานๆและเป็นขวัญใจมหาประชาชน ถ้าขืนทำ พวกอ้าย กวี นักคิด นักเขียน ศิลปิน นักวิชาการ(ที่ไม่ขายตัวขายจิตวิญญาณ) ตลอดจนผู้รักความเป็นธรรมทั่วไป ... ต้องออกมาต่อต้านน้องปูแน่นอน และอ้ายก็จะร่วมต่อต้าน ด้วย ฝากมาถึงน้องปูจ๋าผ่านอ้ายถนอมฯ คับ ด้วยความคารวะเจ้า

...

Submitted by ืแสงดาว ศรัทธามั่น on

อ้อ อ้ายหนอม ต้องเป็นทั้งคนเดือนตุลา 2516 และ ตุลาโหด 2519 ด้วย...

ที่อ้ายหนอมเขียนว่า...คนเดือนพฤษภา 34 ที่ถูกต้อง ต้องเป็พศ 2535 คับ อ้ายก็ไปร่วมที่กรุงเทพ ยกแรกด้วย ขึ้นอ่่าน กวีที่อนุสาวรีย์ประชาธปไตยด้วย เพราะตั้งใจอยากขึ้นให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่มาชุมนุม มีกวีนักเขียนก็ไปร่วมากด้ย นอนที่สนามหลวงเลย ทั้งกนกพงศ สงสมพันธุ์ ดิเรก รณชิต ชีวี ชีวา เนาวรัตน์พงษ์ไพบูลย์ วาณิช จรุงกิจอนั้นต์ ฯลฯ

Submitted by ถนอม ไชยวงษ์แก้ว on

แสงดาว ขอบคุณอ้ายแสงดาวครับ ที่ช่วยบรู้ฟข้อมูลที่ตกหล่น คือตุลา 2519 และข้อมูลที่ผิด คือ พฤษภา 2534 ที่ถูกคือ 2535 ขอให้ท่านผู้อ่านเข้าใจตามนี้ด้วยครับ

Submitted by namping on

คริสเตียนจะสอนผู้เชื่อว่า "อย่ามองตางู"
ตราบใดที่เฮาฮู้ว่าจุดหมายอยู่ไหน ก็มั่งมั่นตรงไป

บ่ามีหยั๋งต้องเป็นบ่วง หรือกระพรวน
สำคัญว่าตั้งใจดี ทำเลย We can do

น้ำมันลดราคาละลอ
อ้ายหนอม อ้ายแสงดาว

Submitted by ถนอม ไชยวงษ์แก้ว on

namping ครับ พรุ่งนี้ต้องไปเติมน้ำมันราคาของคุณยิ่งลักษณ์ ถือว่า เป็นผลงานที่เป็นรูปธรรมชิ้นแรกที่สัมผัสได้ถึงความจริง และคงมีผลกระทบด้านดีในเรื่องสินค้าพื้นฐานที่เป็นความจำเป็นแก่ผู้บริโภคอีกมากมายหลายอย่าง เพราะต้นทุนขนส่ง และอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำมันลดลง ขอบคุณครับที่แวะมาทักทาย