Skip to main content



ครับ
หัวชื่อเรื่องข้างบนนี่ มิใช่เรื่องที่ผมจะเขียน แต่เป็นชื่องานแสดงภาพถ่ายขาวดำและประวัติผลงาน ’รงค์ วงษ์สวรรค์ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ ที่เป็นแรงบันดาลใจ ทำให้คนหนุ่มสาวมากมายหลายคน และหลายรุ่น เดินเข้ามาสู่ถนนสายวรรณกรรม ซึ่งล่วงลับไปเมื่อต้นปีที่แล้ว และผมเลือกให้ฉายาแก่เขาว่า “พ่อมดแห่งภาษากวีมาดวิไลจากบ้านสวนทูนอิน”

\\/--break--\>
 

โดยงานนี้
มีคุณสุมาลี วงษ์สวรรค์ ภรรยาที่น่ารักของคุณ ’รงค์ เป็นประธานในการจัดงานร่วมกับครอบครัวและญาติมิตรน้ำหมึกที่สมัครรักใคร่ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ อีกมากมายหลายท่าน เข้ามาร่วมช่วยกันจัดงานนี้ ตั้งแต่วันที่ 9 - 31 มกราคม 2553 โดยมีคุณประภัสสร เสวิกุล นักเขียนนวนิยายยอดนิยมแห่งยุคสมัย ได้ให้เกียรติบินตรงจากกรุงเทพฯ มาเป็นองค์ปาฐกในวันเปิดงาน ณ หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
 

ครับ
นอกจากงานแสดงนิทรรศการภาพถ่าย ที่เปิดให้ชมทุกวันตามหมายกำหนดเวลาแล้ว ยังมีพิธีการและกิจกรรมต่างๆที่น่าตื่นตาใจ ในห้วงเวลาระหว่างวันแรกจนถึงวันสุดท้ายของงาน เป็นองค์ประกอบและสีสันของงานตามปฏิทิน ดังต่อไปนี้

 

9 มกราคม 2553

พิธีเปิดงาน

15.00 . ประธานเปิดงาน และวางดอกไม้สีขาวหน้าภาพถ่ายของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์
15.10
. ปาฐกถา โดย ประภัสสร เสวิกุล
15.40
. เชิญชมนิทรรศการภาพถ่าย
16.50
. เสวนา “ยุคสมัยในเงาของเวลาที่ ‘’รงค์ วงษ์สวรรค์ บันทึกไว้” โดย มานิต ศรีวานิชภูมิ
18.00
. ดนตรีจากวงสุดสะแนน




16 มกราคม 2533

13.00
. เสวนา "พินิจวรรณกรรม สำนวนเพรียวลม โดย  สุมิตรา จันทร์เงา และ พิบูลย์ศักดิ์ ละครพล
15.30
. เสวนา "กว่าจะเป็นภาพประกอบและปกหนังสือ"ช่วง มูลพินิจ ทองธัช เทพารักษ์
17.00
. คอนเสิร์ต " Rong Wong - Savun...Fly To Heaven" จากวงดนตรี 20 กว่าวง พร้อมกับการประมูลภาพเขียนและภาพถ่าย 'รงค์ วงษ์สวรรค์

 


17 มกราคม 2553

13.00
. เสวนา “จากฮิปปี้ถึงฮิปฮอป...หนังและเพลงในช่วงชีวิตของ’รงค์ วงษ์สวรรค์” โดย ทิวา สาระจูฑะ อารี แท่นคำ ขุนทอง อสุนี ณ อยุธยา นรเศรษฐ์ หมัดคง ตุ๊ก บราส เซอรี่ ฯลฯ
16.00
. เสวนา “อะไรอีกมากมาย...เบื้องหลังการทำหนังสืองานศพ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ” โดย บินหลา สันกาลาคีรีวรพจน์ พันธุ์พงศ์ ภิญโญ ไตรสุริยะธรรมา ฯลฯ



18
มกราคม 2553

พระราชทานเพลิงศพ



23
มกราคม 2553

17.00
. เสวนา “การเดินทางคือสายตาของนักเขียน” โดย เพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย หญ้าน้ำ ทุ่งขุนหลวง นิ้วกลม ฯลฯ
18.00
. ฉายภาพยนตร์และคลิปวิดีโอ เกี่ยวกับ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ รวมทั้ง เทปบันทึกภาพจากรายการ ‘คนค้นคน’ ซึ่งเคยถ่ายทำไว้แต่ไม่ได้ออกอากาศ




30 มกราคม 2553

16.00
. เสวนา “ อาหารการกิน ศิลปะการใช้ชีวิตและความรักของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ” โดย สุมาลี วงษ์สวรรค์ ประมวล เพ็งจันทร์ สุนทรี เวชานนท์ คำผกา ปราย พันแสง ฯลฯ
18.00
. ปาร์ตี้เคล้าเสียงเพลงเลี้ยงส่ง ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ณ ลานลั่นทม ดนตรีโดย ตุ๊ก บราสเซอรี่ แอนด์ เฟรนด์ส


ครับ
นอกจากนี้ในงานนี้ จะมีร้านขายหนังสือ ของที่ระลึก อาหารและเครื่องดื่ม ท่านที่เดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ในช่วงเวลานี้ ถ้าสนใจงานนี้ อย่าลืมแวะมาเที่ยวชมนะครับ โดยเฉพาะท่านที่เป็นแฟนคลับของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ พ่อมดแห่งภาษากวีมาดวิไลจากบ้านสวนทูนอิน พลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด !


 

ส่วนตัวผม ในวันเปิดงานซึ่งตรงกับวันเด็ก หลังจากไปช่วย ดร.เพ็ญสุภา ภัคตะ ใจอินทร์ หัวหน้าพิพิธภัณฑ์ลำพูน (หรือ เพ็ญ ภัคตะ ในภาคของนักเขียนบทกวี) เล่นกีตาร์ร้องเพลงให้เด็กฟังในงานที่พิพิธภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว ก็จะโลดแล่นไปงานนี้โดยเร็วพลัน.


 

ปล. งานนี้มีหนังสือออกใหม่ ชื่อ “สวนนักเขียน ’รงค์ วงษ์สวรรค์” ราคาเล่มละ 130 บาท เขียนโดย แพร จารุ และ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว วางขาย (เฉพาะวันเสาร์ - อาทิตย์) ด้วยจ้า ภาพประกอบเรื่องที่คุณเห็น คือภาพหน้าปกหนังสือเล่มนี้ ครับผม.


 

6 มกราคม 2533
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่


 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
3 กันยายน 2551...คือ วาระอีกวาระ - การละจาก                  เขาผู้ฝากงานบรรเจิดอันเลิศล้ำไว้แด่โลกได้กำหนดได้จดจำ                   ด้วยลำนำ คีตกานท์ - แห่งล้านนา ซึ่งยังส่ง - เสียงเจื้อยแจ้ว ยังแว่วหวาน       ยังเบิกบาน ทระนง ทรงคุณค่าจากสายน้ำ ถึง แววดาวพราวนภา            …
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ไม่มี ความเข้าใจ ไม่มีรักไม่มี พัก ไม่มีแรงจักแข็งขันไม่มี หวัง ไม่มีที่ฝ่าฟันไม่มี ฝัน ไม่มีวันอันเลิศลอย ไม่มี กาม ไม่มีการก่อเกิด                    ไม่มี เปิด ไม่มีเข้าออกเคลื่อนคล้อยไม่มี ปิด ไม่มีเก็บรูปรอย                      ไม่มี หวานหยดย้อย ไม่มีมด ไม่มี ทรัพย์ ไม่มีบริวาร                 …
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
 ใช่ผมรักทักษิณเพราะผมมีเหตุผลของผมที่จะรักทักษิณใช่ดิฉันรักทักษิณเพราะดิฉันมีเหตุผลของดิฉันที่จะรักทักษิณใช่หนูรักทักษิณเพราะหนูมีเหตุผลของหนูที่จะรักทักษิณใช่พวกเรารักทักษิณเพราะพวกเราต่างมีเหตุผลที่จะรักทักษิณเพราะเราต่างมองเห็นคุณงามความดีของเขาและเราจะพยายามช่วยกันปกป้องเขาจนถึงที่สุดใช่ผมเกลียดทักษิณเพราะผมมีเหตุผลของผมที่จะเกลียดทักษิณใช่ดิฉันเกลียดทักษิณเพราะดิฉันมีเหตุผลของดิฉันที่จะเกลียดทักษิณใช่…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
   ปริศนา- แสวงหาถ้อยอธิบายวิญญาณ - เวียนว่ายแสวงหารูปร่างว่างเปล่า- แสวงหาสาระจัดวางก่อสร้าง คุณค่า ความหมายเติมตน โดดเดี่ยวเดียวดาย- แสวงหาคู่            ลบความหดหู่ซึมเศร้าสับสนอึดอัด- ขัดข้องอับจน                       แสวงหาหนทางออกโบยบิน เจ็บปวด- แสวงหาเพิงพัก                   พำนักสมานแผลขาดวิ่นโหยหิว -…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เจ้าเก็บกวาดขยะในบ้านเจ้า ตัวข้าเล่าเก็บกวาดในบ้านข้าเราต่างคน ต่างเก็บความ...ไม่งามตารอบชายคาบ้านเราทิ้ง-ทุกวี่วัน ไม่เที่ยวไปล่วงล้ำคอยตำหนิ                ไปแตะติบ้านโน้นติบ้านนั้นบ้านตัวเอง รกรุงรัง ช่างหัวมัน               (ช่างน่าขัน...ใครจะเชื่อฟังน้ำคำ) สู้เก็บกวาดขยะในบ้านเรา                    ให้เกลี้ยงเกลา...รอบชายคา…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ในสังคมการแก่งแย่งกันแข่งขัน เราเป็นมิตรสหายกันนั้นจริงหรือ ในสังคมการขันแข่งเพื่อแย่งยื้อ (เราจับมือกัน แค่มือ หรือมิใช่) เช่นเดียวกันกับคำพร่ำบอกรัก สงสัยนักรักนี้เป็นไฉน... (มีหรือรัก...หล่นจากปากออกจากใจ) ในสังคมการเฉือน เชือด อย่างเลือดเย็น
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ที่เห็นเห็นเป็นกันนั้นมิใช่                แต่ที่ลึกลงไปมิได้เห็นนั่นแหละคือความจริงสิ่งซ่อนเร้น     เป็นต้นตอเป็นธาตุแท้อันแน่ชัดที่เห็นเห็นเป็นเพียงแค่หน้ากาก        ที่เห็นเห็นเป็นแค่ฉากที่เขาจัดเป็นละครบทเก่าที่เขาคัด               นำมายัดเยียดหลอกเราทุกเช้าเย็นความเป็นจริงธาตุแท้แบอยู่ไหน       เขาซ่อนไว้-แต่ไม่ยากถ้าอยากเห็นลองดูสิ...ลองแตะต้องทองเขาเล่น…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ไหลมาจากป่าเขาอันเหงาเงียบเย็นยะเยียบลงสู่ถิ่นแผ่นดินใหญ่พาดผ่านเมืองแห่งตำนานล้านนาไทยคงคู่เวียงเชียงใหม่มาเนิ่นนาน เป็นเส้นเลือดของชุมชนบนฟากฝั่งที่ยืนยังเกลียวกลมผสมผสานด้วยพืชผลนาไร่จากแรงงานจากสายธารแม่น้ำใหญ่ที่ไหลริน ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์อันไกลโพ้นยังอ่อนโยนเป็นมือแม่กระแสสินธุ์คอยหล่อเลี้ยงผองชนบนแผ่นดินมิรู้สิ้นกระแสแผ่กระจาย ถ้าแม่ปิงถูก “ มือทุน ” มาตัดขาดเพื่อนำสู่ตลาดไปค้าขายเหล่าชุมชนสองฝั่งฟากอันมากมายคงถึงคราวล้มละลาย...สิ้นสายน้ำ เพราะนี่คือ...มือดำอำมหิตที่ครุ่นคิดคอยแต่จะขย้ำทรัพยากรท้องถิ่นแผ่นดินธรรมเพื่อกอบกำผลกำไรให้แก่ตน …
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ใช่เป็นเพราะต่างฝ่ายต่างมุ่งร้ายทำลายกันต่างฝ่ายจึงต่างขุดคุ้ยความไม่ดีของกันและกันออกมาตีแผ่ ก่นด่า ประณาม หยามเหยียด เยาะเย้ยและลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ของกันและกันด้วยถ้อยคำที่เลวร้ายและหยาบคายป้ายสีสาดใส่กันและกัน...ต่างฝ่ายจึงต่างจงเกลียดจงชังซึ่งกันและกันมากขึ้นทุกวัน...มากขึ้นทุกวัน...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
คนที่เป็นคนดีและทำแต่สิ่งที่ดีงามที่เรามักจะเรียกกันว่าคนดีมีศีลธรรม เป็นคนที่ใครๆเขาก็รักก็ชอบ เพราะคนที่ค่อนข้างหาได้ยากแบบนี้ ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร และมักกระทำแต่สิ่งที่ดีงามทั้งต่อตัวเองและผู้อื่นอยู่เสมอ แต่ก็น่าเป็นห่วง คนดีมากมายหลายคนที่มีความเชื่อว่า การเป็นคนดีมีศีลธรรม หรือเป็นผู้ที่ยืนหยัดอยู่ในฝ่ายธรรมะอย่างเคร่งครัดแล้ว ท่านจะต้องเป็นผู้ชนะความเลวร้าย และแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทุกอย่างในโลกนี้ เหมือนยาขนานเดียวที่รักษาโรคได้ทุกโรค ซึ่งเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อและเกินจริง และไม่เคยเป็นจริงถึงขนาดนี้  แต่ก็ยังมีคนเชื่อ-ในการเป็นคนดีมีศีลธรรมแบบโรแมกติกนี้มิใช่น้อย…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ข้าคือความลวงคือสิ่งที่โกหกมดเท็จข้าเป็นความลวงของสิ่งใดสิ่งนั้นย่อมถูกเข้าใจผิดและถูกมองไปเป็นอื่นถ้าใครสักคนหนึ่ง...ได้รู้จักตัวข้าด้วยตัวของเขาเองอย่างแท้จริงเขาย่อมไม่ปรารถนาจะได้รู้จักความลวงใดๆในโลกนี้อีกเลยข้าคือความอัปลักษณ์คือสิ่งที่น่าเกลียดข้าเป็นความอัปลักษณ์ของสิ่งใดสิ่งนั้นย่อมแลดูต่ำต้อยด้อยค่าถ้าใครสักคนหนึ่ง...ได้รู้จักตัวข้าด้วยตัวของเขาเองอย่างแท้จริงเขาย่อมไม่ปรารถนาจะได้พบปะความอัปลักษณ์ใดๆในโลกนี้อีกข้าคือความเลวคือการกระทำที่ไม่ถูกต้องข้าเป็นความเลวของสิ่งใดย่อมมีการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมของสิ่งนั้นข้าจึงมีแต่ความขัดแย้ง เบียดเบียน…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ข้าคือความจริงข้าคือสิ่งที่ไม่โกหกหลอกลวงใครข้าเป็นความจริงของสิ่งใดข้าย่อมมีอยู่เป็นอยู่ตามความเป็นจริงของสิ่งนั้นไม่ว่าใครจะกล่าวบิดเบือนตัวข้าอย่างไรก็ไม่อาจทำให้ข้าเปลี่ยนไปเป็นอื่นได้ถ้าใครสักคนหนึ่ง...ได้พบปะตัวข้าด้วยตัวของเขาเองอย่างแท้จริงเขาก็จะไม่เชื่อถือสิ่งใดในโลกนี้อีกเลย