โคลสใบหน้า ถนอม ไชยวงษ์แก้ว บนเวทีคืนนั้น ภาพโดย บัณรส บัวคลี่
ครับ
แล้วงานมินิคอนเสิร์ตของผมที่น้องๆผู้จัดและทีมงานได้ตั้งชื่องานบนแผ่นโปสเตอร์ให้ว่า “มินิคอนเสิร์ต ถนอม ไชยวงษ์แก้ว ดนตรี กวี นักเขียน” และโปรยอักษรตัวเล็กถัดจากชื่องานลงมาว่า “และศิลปินรับเชิญพร้อมหญิงสาวร่วมถ่ายทอดบทกวี” เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 53 ตั้งแต่เวลา 19.00 น. ณ ที่ร้านสุดสะแนน ซอยโคลา เยื้องฝั่งตรงกันข้าม เซ็นทรัลกาดสวนแก้ว ถนนห้วยแก้ว เชียงใหม่ ก็ผ่านพ้นไปด้วยความอบอุ่นและราบรื่น วันนี้ ผมจึงขอกล่าวคำขอบคุณทุกฝ่ายที่เข้ามาเกี่ยวข้องในงานนี้ ดังต่อไปนี้
โก้ บราวเฮาส์ เพอคัสชั่น ถนอม ไชยวงษ์แก้ว กีตาร์ เม้าธ์ออแกน กาญจณ์ สุทธิพูน เชลโล่ ภาพโดย Sangsath
ขอบคุณ
ฮวก สุดสะแนน เจ้าของร้านและหัวหน้าวงสุดสะแนน
ชวด สุดสะแนน มือกีตาร์และนักร้องนำวงสุดสะแนน และช่างภาพแนวอาร์ตฝีมือดี เจ้าของร้านกาแฟร่ำเปิง
ชาย เพื่อนเก่า นักดนตรีมือแบนโจ แมนโดลิน ฟรุต มืออาชีพที่เอาจริงเอาจังมาอย่างเสมอต้นเสมอปลายมานานนับสิบกว่าปี
ที่ร่วมกันเป็นต้นคิดจัดงานนี้ โดยที่ผมแทบไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากหิ้วกีตาร์ไปเล่น และคัดบทกวีให้ทีมงานของเขาไปจัดการกันเองตามอัธยาศัย
ขอบคุณ
ปาน - ชลธี ตระพัง มือหนึ่งในการประสานงานกิจกรรม ที่ช่วยให้ทุกฝ่ายมาร่วมงานกันได้อย่างราบรื่นและมีชีวิตชีวา
ขอบคุณ
ชวด สุดสะแนน ที่ช่วยถ่ายรูปทำโปสเตอร์ และนำแสดงในงาน ด้วยภาพที่ออกมาเป็นที่พึงพอใจของทุกฝ่าย ตั้งแต่ผู้ถ่าย ผู้ถูกถ่าย และผู้ชม รวมทั้งช่วยเล่นเปิดงานแบบวันแมนด์โชว์ในช่วงที่ยังไม่ค่อยมีคน และช่วยดูแลเสียงกีตาร์ ปรับเครื่องเสียงให้ตลอดเวลาทั้งสองช่วงที่ผมและคณะขึ้นไปบนเวที และลุล่วงไปโดยราบรื่นและดีงามเกินคาด
ขอบคุณ
วงสุดสะแนน ที่มีนักดนตรีมาร่วมแจมกันเพื่องานนี้จนเต็มเวที เช่น นายไปรษณีย์ นักดนตรีหนุ่มรูปหล่อที่มีท่าทีว่าจะมีอนาคตไปไกล อ้ายเปี๊ยกบลู ผู้ขรึมขลังและน่ารัก อาจารย์เปื่อย มือแคนเทวดา ด้วยลีลาชวนเชิญให้แขกที่มากันคับคั่งในงานนี้พร้อมใจกันลุกขึ้นเต้นตามสไตล์อันเร้าใจแบบสุดสะแนน ตอนช่วงปลายของงาน ที่จบลงด้วยความสนุกสนานแบบพอดีๆ
ขอบคุณ
อ้ายแสงดาว ศรัทธามั่น กวีพี่ใหญ่ที่มาช่วยเป็นพลังใจแด่น้องๆ และช่วยร้องเพลง พัทยาลาก่อน และ ไพฑูรย์ พรหมวิจิตร มิตรสหายกวีแห่งล้านนาอีกท่านหนึ่ง ที่มาโชว์ลีลาการเต้นแบบไม่เหมือนใคร และมิอาจมีใครมาดแม้นมาเหมือน
ขอบคุณ
น้องแอน ละคร น้องสาวคนเก่งที่น่ารัก คนเล่นละครเวที ที่เอาจริงเอาจังมานานจนพัฒนาขึ้นมาเป็นผู้กำกับ และกำกับ “ลำนำเถื่อนแห่งโจรป่า” บทกวี ของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว ให้เป็นละคร ได้ถึงเนื้อหาและอารมณ์ ทั้งผู้แสดง และผู้อ่านบทกวี โดยเฉพาะ เอก คนที่อ่านบทกวีในฐานะโจรผู้เล่าเรื่องสาเหตุของการ “ฆ่าผัวมันเสียเอาเมียมันมา” น้ำเสียงของเขา ช่างดุร้ายเหี้ยมหาญ เหมาะแก่การเป็นอ้ายมหาโจรโคตรโรม้านซ์ คนนี้เสียจริงๆ (ผู้กำกับแอนอย่าลืมบอกเอกด้วยนะจ๊ะ ละครเลิกแล้วให้เอกลืมบทชั่วๆนี้เสียโดยเร็ว เพราะพี่กลัวเอกจะไปก่อเรื่องติดคุก เพราะสายลมที่เปิดหมวก ให้ข้าเห็นความงามในหน้านาง ทำให้ข้าย่างหยาบชักดาบ...เข้าไปฆ่าผัวของนาง นอกจากคุกตะรางแล้ว เอกเอ๊ย...พวกเฟมินิสต์ทางล้านนาบ้านเรา ล้วนแล้วแต่เป็นคนเก่งและดุๆด้วยกัน อย่าเผลอไปคิดสั้นเพราะอารมณ์วูบเดียวเป็นอันขาด พี่เป็นห่วงว่าเรื่องจะลามมาถึงตัวพี่ว่ะ )
ขอบคุณ
สุวิชานนท์ รัตนพิมล ศิลปินรับเชิญ ทั้งเล่นดนตรี ร้องเพลง และร่ายกวีให้แก่ตัวผม
ขอบคุณ ชิ สุวิชาญ นักดนตรีรับเชิญอีกท่านหนึ่ง ที่ช่วยมาบรรเลงเตหน่าสะกดคนฟังให้คนข้างเคียงของเขาอ่านบทกวี และร่วมเล่นกับเพลงบลูของสุวิชานนท์อย่างมีเอกภาพ
ขอบคุณ
แขกที่รับเชิญมาอ่านบทกวี
ดร.เพ็ญสุภา สุขตะ ใจอินทร์ กวิณีสาวสวยและสามารถอยู่เสมอจากสันกำแพง ผู้อ่านบทกวีที่ชื่อว่า “ระบบ”
เจี๊ยบ - อรวรรณ ชมพู สาวตาคมผมยาวจากเชียงดาว ผู้อ่านบางบทกวีที่ชื่อว่า “โอ้ชีวิต”
น้องนาย - มาลันชา สาวผิวงามผ่องพรรณจากโชตนา อ่านบทกวีที่ชื่อว่า “ไฟชีวิต”
ท่านอาจารย์เฉิดฉาย สุพิมลประภาส ผอ.โรงเรียนล้านนาอินเตอร์ ผู้อ่านบทกวีชื่อ “ไผ่”
กบ - นฤมล พฤกษา ศิลปินอิสระมาดมั่นเกี่ยวกับการละครผู้อ่านบทกวีชื่อ “ท่าที่อีเดือนมันกระโดดลงไป” (ประกอบการแอ็คติ้งแบบละครได้สมจริง จนผ้าถุงเกือบจะหลุด ฮา... และทำให้ชายหนุ่มรูปหล่อแบบเถื่อนๆสองคนต้องรีบควักแบ็งค์ละร้อยให้คนละใบด้วยความประทับใจในลีลาเหลือร้ายของคุณกบในบทของโสเภณี ที่เล่าเรื่องชะตากรรมอันหฤโหดของเพื่อนโสเภณี ที่ชื่อว่า อีเดือน ให้แขกผู้ใช้บริการของเธอฟัง)
น้องแสตมป์ - กมลชนกพรหมจ้อย ผู้อ่านบทกวีเซอร์เรียลิสต์ชื่อ “ถนนสายรุ้ง” และ “กองทัพฝน”
น้องเหมี่ยว - ฟ้าคราม รักตะวัน ผู้อ่านบทกวีชื่อ “ผู้บินแหวกว่ายอยู่ในค่ำคืน”
น้องเจนนี่ คนข้างเคียงชิ สุวิชาญ อ่านบทกวีชื่อ “ความตายของต้นฉำฉา”
ชามา หรือ อาจารย์สุธาทิพย์ โมราลาย นักเขียนเรื่องสั้น นวนิยาย บทความ อาจารย์สอนพิเศษการเขียนวรรณกรรม ม.หอการค้า และคอลัมนิสต์วรรณกรรมกุลสตรีรายปักษ์ อ่านบทกวีชื่อ “เป็นอย่างที่เธอเป็น”
และอีกหลายท่านที่ขึ้นมาร่ายกวีสดๆในขณะนั้น และขออภัยที่หานามของท่านเพื่อขอบคุณไม่พบ
ขอบคุณ
น้อย - อัคนี มูลเมฆ ผู้แปล “ศาสดาขบถ” และ “ปิคัสโซ” นักร้องกิตติมศักดิ์ที่ช่วยร้องเพลง หยาดเพชร คอยลม แม่เนื้ออุ่น อย่างได้อารมณ์ และ ท่านอาจารย์เฉิดฉาย สุพิมลประภาส อีกครั้งที่ช่วยทั้งอ่านบทกวีและร้องเพลง สายชล ลองรัก ความรักไม่รู้จบ ชะตาชีวิต Tennessee Waltz อย่างยอดเยี่ยมให้แก่กีตาร์และเม้าธ์ออแกนของผม
เช่นเดียวกับ ชามา หรือ อาจารย์สุธาทิพย์ โมราลาย ที่นอกจากจะช่วยอ่านบทกวีแล้ว ยังช่วยร้องเพลงที่ชื่อว่า สายชล ให้เศร้าแต่เป็นสุขกันอีกรอบ และมอบหนังสือ “เหยื่ออธรรม” จาก ทับหนังสือสำนักพิมพ์ ของคุณสุเมธ สุวิทยะเสถียร ที่แปลโดย วิภาดา กิตติโกวิท หนึ่งชุด 5 เล่ม ราคา 3,500 บาท มอบให้ผม (เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นงานวันเกิด ผมเลยได้ของขวัญอันล้ำค่าราคาแพง ฮา...)
และ คุณกาญจนา สุทธิพูน สาวมาดมั่นเกินร้อยมือเชลโลสมัครเล่นจากหมู่บ้านขวัญเวียง ที่มาร่วมช่วยเล่นเชลโลให้แก่ดนตรีโฟล์กของผมให้มีสีสันงดงามขึ้น พร้อมกับอาหาร 1 รายการ
และที่ลืมไม่ได้เลยอีกท่านหนึ่ง ก็คือ โก้ อภิชาต ภานุวงศ์ หนุ่มหล่อมาดเซอร์คนเขียนรูปจากแกลลอลี่ บราวน์เฮาส์ บ้านถวายที่ช่วยมาเล่นเพอคัสชั่นให้ดนตรีของเรา บรรเลงไปด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย ด้วยสมาธิอันดีเยี่ยม
สาวใหญ่ชุดดำสวยคลาสสิก และหนุ่มใหญ่มาดนักปราชญ์ผู้
ขอบคุณ
อุ๋มอิ๋ม - วดีลดา เพียงศิริ นักเขียนหญิงชื่อดังที่ใจกว้างเหมือนแม่น้ำจากอนุบาลคิตตี้แบร์ ถึงแม้จะไม่ได้มางานนี้ แต่ก็ยังช่วยอุปการะเครื่องดื่มที่ใช้ต้อนรับแขก
ขอบคุณ
น้องบี จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เคยทำร่วมงานกิจกรรมสังคมด้วยกันมาตั้งแต่บียังเรียนปริญญาโท จนกระทั่งเรียนจบเป็นอาจารย์สอนอยู่ใน มช. ที่ยังอุตส่าห์สละเวลามาช่วยเป็นพิธีกร ร่วมกับ แอน ละคร ที่ต้องขอบคุณอีกครั้งในฐานะที่ช่วยเป็นพิธีกรที่กระชับและฉับไวร่วมกับบี นอกเหนือจากบทบาทผู้กำกับละครในงานนี้
ขอบคุณ
ป๋อ - อังคาร กล่ำคลัง สถาปนิกมาดสุภาพบุรุษเจ้าสำราญขนานแท้ น้องชายที่น่ารักและหวานใจ จากร้าน ยิปซี หน้าวงเวียนพืชสวนโลก ที่มาให้กำลังใจ และเลี้ยงเหล้าใครต่อใครที่นั่งร่วมโต๊ะอย่างไม่อั้นในคืนวันอันสวยสดนี้ รวมทั้ง ตุ๊ - ช่ออัญชัญ สาวมาดเข้ม ที่อุตส่าห์ปลีกเวลามาทั้งๆที่เพิ่งเหน็ดเหนื่อยมาจากแม่ฟ้าหลวง ปลื้มใจที่ตุ๊ชอบเพลง ที่รัก รวมทั้ง ตู่ - นพดล ไชยคุณา แม้ไม่มีเก๋คนข้างเคียงมาดูแลในคืนนี้ แต่ก็สามารถเมาได้ตามฟอร์มโดยไม่ตกหล่น สมกับที่เป็นมืออาชีพจริงๆครับท่าน
ขอบคุณ
โจ้ - รังสรรค์ ราศีดิบ เจ้าของรางวัลสีสันอวอร์ดเพลงอินดี้จากอัลบั้มชุด “การเดินทางของตระกร้า” เมื่อสี่ห้าปีก่อน ที่ให้เกียรติเข้านั่งพินิจงานอย่างสบายๆ
ขอบคุณ
กรรณิการ์ เพ็ชรแก้ว จากประชาชาติธุรกิจ ผู้มาในชุดดำสวยคลาสสิก ที่เข้ามาช่วยอุดหนุนบาร์เหล้าและไวน์ของสุดสะแนน และช่วยเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของอ้ายไพฑูรย์มิให้เงียบเหงา
ขอบคุณ
บรรณรส บัวคลี่ จากผู้จัดการภาคเหนือ ที่ให้เกียรติงานนี้เป็นที่ทดลองใช้กล้องถ่ายรูปใหม่ที่เพิ่งซื้อออกจากห้างมาอย่างสดๆร้อนๆ (ผมชอบภาพที่คุณโคลสใบหน้าผมขณะเป่าเม้าธ์ออแกน และภาพใบหน้า ชวด สุดสะแนน กำลังยิ้มอย่างมีความสุข แลดูเป็นธรรมชาติดีครับท่าน)
ขอบคุณ
พี่เกษตร มือเขียนรูปสมัครเล่นจากสำนักวัดอุโมงค์ ที่เข้ามาเขียนดรออิ้งค์ภาพใบหน้าใครต่อใครมากมายหลายคนในงานนี้แบบฉับพลัน และทำให้สาวๆกรี๊ดกันหลายคน
ขอบคุณ
แพร จารุ คนข้างเคียงที่ช่วยทำคั่วกลิ้ง และช่วยประสานงานร่วมกับปาน - ชลธี และต้อนรับแขกอย่างแข็งขัน
ขอบคุณ
คุณยุพา งามสมจิตร บรรณาธิการอาวุโสนิตยสาร กุลสตรีรายปักษ์ ที่เอื้อเฟื้อมอบหนังสือกุลสตรี ฉบับปักษ์หลัง พฤศจิกายน 2553 ที่มีงานเขียนชื่อ “เงินทำให้คนนับถือ” ของผม ตีพิมพ์ในฐานะนักเขียนรับเชิญมาจับเบอร์แจกในงานจำนวน 40 เล่ม ท่านผู้ใดจับเบอร์ได้ เชิญไปรับได้ที่ร้านสุดสะแนนได้เลยครับ
และสุดท้าย ขอขอบคุณ ทุกท่านที่เข้ามารับชมและเสพงานนี้ ทั้งที่โดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ และหวังว่าทุกท่านคงจะได้สาระและความเพลิดเพลินกันไปบ้างไม่มากก็น้อย หากมีข้อบกพร่องและผิดพลาดๆใด ก็ขออภัยแทนน้องๆที่ช่วยกันจัดงานแสดงนี้ด้วยครับ.
บรรยากาศภายในงาน ภาพโดย บัณรส บัวคลี่
หมายเหตุ ; งานนี้เป็นงานแสดงดนตรีและบทกวีของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว เท่านั้น มิใช่งานวันเกิด มิใช่งานแซยิด หรืองานต่ออายุ ฮา... อย่างที่หลายคนเข้าใจผิด (เช่น อ.สุธาทิพย์ โมราลาย) เพราะผมไม่เคยคิดจะยินยอมให้ใครมาจัดงานอะไรซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัว และไม่มีประโยชน์อะไรแก่สังคม แถมยังทำให้คนอื่นเขาต้องพลอยมาวุ่นวายด้วย
โดยเฉพาะงานวันเกิดที่ล่วงเลยไปแล้ว หรือแซยิดที่ยังไม่ถึงเวลา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าขำมาก หากมีใครอุตริมาคิดจัดงานนี้ให้ผม ซึ่งมิใช่คนที่ดีเด่อะไรในทางจริยธรรม และแทบไม่เคยทำคุณประโยชน์ใดๆให้แก่ครอบครัวและสังคม หรือแม้แต่ตัวเอง (ฮา) ถ้าใครเขาจะจัดงาน ที่เราไม่ควรให้คนอื่นจัดให้ตัวเอง เขาก็คงจะจัดให้ผม คนที่พอจะรู้จักตัวดีว่าเป็นอย่างไร และแค่ไหน เขาคงจะจัดกัน...เพื่อบอกผมแบบแดกดันว่า มึงนะแก่และใกล้ตายแล้วนะโว้ย... นั่นแหละมากกว่า ถ้าหากผมเป็นคนหลงตัวเอง และเผลอไปตกหลุมพรางนี้
ครับ นี่เป็นเพียงงานเล็กๆที่น้องๆเขาศรัทธางานเล็กๆของผม เพื่อแสดงงานของผมนักเขียนและนักดนตรีเล็กๆคนหนึ่งที่พอจะมีคนรู้จักเท่านั้นเอง หวังว่าท่านที่เข้าใจผิด คงเข้าใจถูกต้องตามข้อเท็จจริงนี้นะครับ สวัสดี.
ขอบคุณและขอบคุณครับ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
24 พฤศจิกายน 2553
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่
บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เมื่อยังมีชีวิต
จงหายใจเข้าไว้ หายใจแรงๆ และหายใจอย่างสดชื่น เพราะภาระหน้าที่ของชีวิตคือการมีชีวิต ชีวิตที่กระปรี้กระเปร่า และถ้าเป็นไปได้ควรต้องรื่นรมย์กับชีวิต บาปอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์ (บางทีสำหรับสิ่งมีชีวิตทั้งปวง) คือการปฏิเสธชีวิต
การมีชีวิต
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ฉันเป็นเท่าที่ฉันเป็น
ฉันทำเท่าที่ฉันหวัง
ฉันหวังเท่าที่ฉันเห็น
ฉันง่ายฉันงามฉันแจ่มชัด
ฉันเชื่อหนึ่งมากกว่าร้อย
ฉันเชื่อคนมากกว่าลัทธิ
ฉันเชื่อดินมากกว่าฟ้า
ฉันเชื่อต้นหญ้ามากกว่าขุนเขา
ฉันเชื่อสวนหลังบ้านมากกว่าป่าหิมพานต์
ฉันเชื่อวันนี้มากกว่าวันวาน
ฉันง่ายฉันงามฉันแจ่มชัด
ฉันไม่เชื่ออำนาจรัฐจากกระบอกปืน
ฉันเป็นเท่าที่ฉันเป็น.
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
อิสรภาพ
ฉันต้องการอิสรภาพ
ที่จะได้เห็น ที่จะได้ยิน
ในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เป็นที่ทราบกันดีว่า
กฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นกฎหมายที่สร้างความทุกข์สาหัสให้แก่ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า “หมิ่นสถาบัน” มามากมายหลายคน เพราะกฎหมายนี้ถูกตราขึ้นมาอย่างกว้างๆไม่ระบุขอบข่ายความผิดให้ชัดเจน รวมทั้งกระบวนการจับกุม สอบสวน ดำเนินคดี ก็มิได้เป็นไปตามปกติทั่วไป มิหนำซ้ำการตีความบังคับใช้มาตรานี้ ว่ากันว่า เจ้าหน้าที่สามารถตีความใช้ได้อย่างกว้างขวาง และนักการเมืองมักจะใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายฝ่ายตรงกันข้ามอยู่เสมอ และผู้ต้องคดีนี้นอกจากจะติดคุกติดตะรางแล้ว ยังถูกซ้ำเติมจากสังคมที่จงรักภักดีต่อสถาบันอย่างรุนแรง
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
คือแม่น้ำและขุนเขาอันขรึมขลัง
คือพลังคีตกานท์อันหวานไหว
คือหนึ่งจิตวิญญาณล้านนาไทย
คือดอกไม้สวยสะคราญบานนิรันดร์
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ย้อนกลับไปทบทวนดู
คำประกาศหลังจากรับพระราชทานโปรดเกล้าฯของคุณยิ่งลักษณ์ตอนหนึ่งที่กล่าวว่า
“อุปสรรคข้างหน้ายังรอเราอยู่มาก ทั้งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ แต่ทั้งหมดมิใช่อุปสรรคขวางกั้นมิให้ทำงาน พร้อมที่จะอุทิศตัวด้วยความทุ่มเท เสียสละอดทน ทำงานแข่งกับเวลา ไม่เกรงต่อความลำบากใดๆ”
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
แล้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย หมายเลข 1 ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 และ เป็นนายกหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองของเมืองไทย และเป็นคนที่ 52 ของโลก อย่างสมบูรณ์ โดยได้รับการโหวตเสียงจากที่ประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2554 ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 296 เสียง ไม่เห็นด้วย 3 เสียง และงดออกเสียง 197 เสียง ก่อนจะได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ในวันที่ 8 สิงหาคม 2554 เวลา 18.40 น. ณ บริเวณตึกชั้น 7 ที่ทำงานพรรคเพื่อไทย ท่ามกลางความยินดีของคนจำนวนมากมาย ที่สนับสนุนคุณยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทย
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
คราวที่แล้ว
ผมนำเรื่อง “คนดีของคนเมือง และ คนดีของชนบท” ที่แตกต่างกัน จากบทสัมภาษณ์ที่ชื่อว่า “ความคาดหวังและความจริงของประชาธิปไตยแบบไทยๆ” ของ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ซึ่งให้สัมภาษณ์ลงนิตยสารสารคดี ฉบับเดือนตุลาคม 2543 ผมคิดว่าจะหยุดเพียงแค่นั้น แต่ก็หยุดไม่ได้ เพราะพบว่ายังมีประเด็นที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านอีกสองประเด็น ที่ยังเป็นเรื่องราวที่ยังดำรงอยู่ในปี 2544 และต่อไปอีกนานเท่าไหร่ ก็คงไม่มีใครรู้ เพราะมันเป็นรื่องของอนาคต
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมมักจะได้ยิน
ผู้คนและสื่อต่างๆเกี่ยวกับการเมือง มักจะพูดกันให้ได้ยินอยู่เสมอว่า
“คนชนบทเป็นคนเลือกตั้งรัฐบาล คนเมืองเป็นคนล้ม”
ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความจริงมาโดยตลอด แต่ก็ไม่มีใครให้คำอธิบายที่ฟังดู สมเหตุสมผลและชอบธรรม ให้ฟัง ว่าทำไมคนเมืองที่หมายถึงคนชั้นกลาง จึงไม่ชอบรัฐบาลที่ได้มาจากเสียงส่วนใหญ่ที่เป็นคนชนบทในประเทศ และช่วยกันล้มรัฐบาลที่เขาเลือกตามกติกา
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถึงแม้ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
จะได้รับการรับรองจาก กกต. ให้หลุดพ้นจากข้อหาไปช่วยขบวนแห่ที่เชียงราย ให้พ้นจากข่ายความผิดด้วยมติ 5 ต่อ 0 ท่ามกลางความโล่งอกของใครต่อใครมากมายหลายคน ที่ว่ากันว่า เป็นเพราะโพลเสียงจากประชาชน 80 เปอร์เซ็นต์ ต้องการคุณยิ่งลักษณ์นายกฯ (รวมทั้ง นปช.) เป็นกระแสกดดัน กกต. หรือเพราะเหตุใดก็ช่างเถิด แต่เราก็สามารถฟันธงกันได้เลยว่า อีกไม่นาน เราจะต้องได้นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศอย่างแน่นอน
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมไม่แน่ใจว่า
ก่อนที่คุณยิ่งลักษณ์ ว่าที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ คนสวย และกลุ่มมันสมองของพรรคเพื่อไทยจะชูนโยบายประชานิยม เพิ่มค่าแรงงานขั้นต่ำให้กรรมกรผู้ใช้แรงงานจาก 221 บาท เป็น 300 บาท และเพิ่มเงินเดือนให้แก่ผู้จบปริญญาตรีที่เริ่มเข้าบรรจุงานจาก 11,028 บาท เป็น 15,000 บาท
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมกำลังจะชวนใครต่อใคร
เข้ามาคุยเรื่องปัญหาที่รัฐบาลใหม่จะต้องเข้ามาสะสางและแก้ไข จากข้อมูลของนักวิเคราะห์การเมืองท่านหนึ่งที่รวบรวมและชี้แนะเอาไว้ล่วงหน้าแก่รัฐบาลของคุณยิ่งลักษณ์เอาไว้