Skip to main content

ผมเข้าใจว่า
กระแสความขัดแย้งกันในเรื่องมาตรา 112 ที่ถูกจุดประเด็นขึ้นอย่างเข้มข้นตั้งแต่คดี “อากง” ที่ถูกจับดำเนินคดี และผ่านมาจนถึง “ก้านธูป” ที่กลายเป็นแม่มดที่ถูกตามล่าอย่างไม่น่าเชื่อว่าเธอจะโดนจนแทบไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ระหว่างฝ่ายที่ต้องการแก้ไขมาตรานี้ โดยมีคณะนิติราษฎร์เป็นหัวหอก ร่วมกับ ครก.112 ที่เข้ามาสนับสนุน และขัดแย้งกับเครือข่ายอาสาปกป้องแผ่นดิน หรือกลุ่มเสื้อคนหลากสีที่มี นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ เป็นแกนนำในการปกป้องกฎหมายนี้อย่างเอาเป็นเอาตาย คงจะเป็นกระแสที่ดำเนินไปอย่างยืดยาว และยากที่จะคาดหมายว่าจะยุติลงในรูปใด

ยิ่งทางฝ่ายคุณหมอตุลย์ออกมาพูดกันว่า “โทษเพียงแค่นี้ยังน้อยไป” สำหรับคนที่หมิ่นสถาบันฯ ก็ยิ่งกระพือความขัดแย้งให้รุนแรงมากขึ้นจากฝ่ายที่คัดค้านต่อต้าน

เพียงแค่ความขัดแย้งกันเรื่อง 112 ก็เหลือที่จะเพียงพอแล้ว แต่คุณหมอ...ยังไม่ยอมหยุดยั้งเพียงแค่นั้น มาคราวนี้คุณหมอยังลากเอาเรื่องมติครม.จ่ายเงินแก่ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมขึ้นมาเป็นเรื่องขัดแย้งกันอีกเรื่องหนึ่ง - มาเป็นข่าวดังนี้

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2555 คุณหมอตุลย์และกลุ่มผู้สนับสนุน ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีผ่านนายสมภาส นิลพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล เพื่อคัดค้านการจ่ายเงินให้ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการชุมนุมทางการเมืองในช่วงปี 2547 - 2553 โดยผู้เสียชีวิตจะได้เงิน 7 ล้านบาท รวมต้องใช้งบประมาณ 2 พันล้านบาท

โดยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ว่า
“ทางเครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน ขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการนำภาษีของประชาชนไปจ่ายให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาเรียกร้องชุมนุมให้รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรียุบสภา เพื่อให้พรรคเพื่อไทยกลับมามีอำนาจ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่การชุมนุมทางประชาธิปไตย อีกทั้งยังมีการเผาบ้านเผาเมือง สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้คดีก่อการ้ายก็ยังอยู่ในขั้นอัยการ ซึ่งคณะรับมนตรีต้องรอกระบวนการขั้นตอนของศาลว่า การชุมนุมของคนเสื้อแดงนั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ และการเบิกจ่ายเงินชดเชยนั้น จำเป็นต้องมีกฎหมายมารองรับหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลไม่ยุติมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ทางเครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน จะดำเนินการฟ้องต่อศาลต่อไป

อนึ่ง นพ.ตุลย์ ได้โพสต์ลงเฟชบุ๊คเมื่อเวลา 10.30 น. ด้วยว่า
“รวมพลังกดดัน ครม. ให้ยกเลิกมติอปยศจ่ายเงินให้เสื้อแดงอย่างผิดกฎหมาย ไม่มีกฎหมายรองรับ ใครร่วมกดดันรัฐบาลช่วยกันเผยแพร่ด้วย Like กด Share”

อย่างไรก็ตาม
มีผู้สนับสนุนคนเสื้อแดงเดินทางมาคัดค้านการยื่นหนังสือของ นพ.ตุลย์ ด้วย โดยในช่วงที่กลุ่มของ นพ.ตุลย์ ใกล้เลิกชุมนุม ผู้สนับสนุนคนเสื้อแดงได้ประท้วงเชิงสัญลักษณ์บริเวณประตู 4 มีการเดินสลับการหมอบกราบกลุ่มของ นพ.ตุลย์ เป็นระยะทาประมาณ 100 เมตร พร้อมชูป้าย

“ไม่อยากให้จ่ายเยียวยา แล้วยุให้ ‘ฆ่า’ กันทำไม”
“ไม่มีใครสมควรตายเพราะคิดต่างทางการเมือง”

จากนั้น มีการล้มตัวลงนอนราบลงกับพื้น เพื่อแสดงคัดค้านการยื่นหนังสือของกลุ่ม นพ.ตุลย์ ดังกล่าว ทั้งนี้ไม่มีการกระทบกระทั่งเกิดขึ้น มีเพียงการตะโกนจากกลุ่มผู้สนับสนุน นพ.ตุลย์ เช่น

“น่าอนาถ”
“น่าสมเพช”
“พวกเผาบ้านเผาเมือง”
ฯลฯ
โดยใช้เวลาไม่นานทั้งสองฝ่ายจึงยุติการชุมนุม.

ครับ ผมพอจะเข้าใจที่คุณหมอตุลย์และผู้สนับสนุนลุกขึ้นมาปกป้องกฎหมายหมิ่นสถาบัน ฯ 112 แต่ไม่เข้าใจวาทกรรมที่ซ้ำเติมผู้ที่โดนในเรื่องนี้ว่า “โทษเพียงแค่นี้ยังน้อยไป” รวมทั้งวาทกรรมจากการลุกขึ้นมาขัดขวางมติเยียวยาผู้ตายจากการสลายการชุมนุมที่ว่า

“คนเสื้อแดงชุมนุมกดดันรัฐบาลอภิสิทธิ์ให้ยุบสภาเพื่อให้พรรคเพื่อไทยขึ้นมามีอำนาจ”
(ทั้งๆที่พรรคเพื่อไทยเขามาจากการเลือกตั้ง และเป็นการเลือกตั้งที่พรรคประชาธิปัตย์เองมั่นใจเกินร้อย ว่าตนเองจะต้องนอนเข้าสภาฯ เสียด้วย)
“คนเสื้อแดงชุมนุมไม่ถูกต้องตามทางของประชาธิปไตย”
“คนเสื้อแดงเป็นคนเผาบ้านเผาเมือง”
ฯลฯ

ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นวาทะกรรมที่ยั่วยุฝ่ายตรงกันข้ามให้เกิดความโกรธแค้น คลับคล้ายคลับคลาเหมือนอย่างว่า พวกคุณหมอตุลย์ต้องการก่อให้เกิดความรุนแรงอะไรสักอย่างขึ้นมาอีก เพื่ออะไรก็ไม่รู้

แต่ถึงอย่างไรในห้วงเวลานี้
เมื่อมองจากอีกมุมหนึ่งที่ผมไม่เคยมอง ผมกลับนึกขอบคุณที่มีคนแบบคุณหมอตุลย์ลุกขึ้นมาปกป้องทั้งมาตรา 112 และคัดค้านมติการเยียวยาผู้ชุมนุมแบบหัวชนฝา แบบไม่ยอมประนีประนอมกับใครหน้าไหนในโลกนี้ทั้งสิ้น

เพราะถ้าหากไม่มีคนแบบคุณหมอตุลย์ ปรากฏตัวออกมาเป็นคู่ขัดแย้งดังกล่าว คณะนิติราษฎร์ อาจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และกลุ่มครก.112 คงไม่มีโอกาสได้ออกมาแสดงพลังของตนเองให้สาธารณชนได้รู้จักในวงกว้าง และเติบโตมาเป็นพลังทางสังคมที่เข้มเข้มแข็งในทางความคิด เหตุผล ข้อเท็จจริง และหลักการ ที่ยากจะมีใครมาหักล้างได้ ดังที่เห็นๆกันอย่างนี้หรอก โดยเฉพาะคณะนิติราษฎร์ที่คนรุ่นใหม่หัวก้าวหน้าเขายอมรับกัน

อ้าว หลังจากหมอตุลย์ออกมาพูดได้วันสองวัน วันที่ 20 มกราคม 2555 คุณสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ออกมาประกาศทาง ASTV เชิญชวนให้ทหารลากปืนออกมาทำการปฏิวัติและพร้อมที่จะร่วมมือว่า

“...มีแต่พลังของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเท่านั้นที่จะคุ้มจุนประเทศชาติ ทหารอย่านิ่งเฉยรีบออกมาปฏิวัติเสีย แล้วพันธมิตรทั่วประเทศจะออกมาช่วยทหาร ยึดประเทศไทยคืนมาจากไอ้พวกชั่วๆ ก็เท่านี้แหละครับพี่น้อง” (โธ่เอ๋ย...ผีห่าซาตานตนใด มาดลใจให้คุณสนธิ ที่ผมเคยรักและเคารพมาคิดสั้นแกล้งโง่ พูดทำลายตนเองได้ถึงขนาดนี้ โอ้ มายก๊อด)

อ้าว ยังไม่ทันหายตกใจจากคุณสนธิ ก็ปรากฏว่า คุณกนก รัตน์วงศ์สกุล ผู้ประกาศข่าวเครือเนชั่น ก็ได้โพสต์ลงเฟชบุ๊ค “kanok Ratwongsakul” เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2555 โดยวิจารณ์กลุ่มที่สนับสนุนการแก้ไขแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา 112 ว่า

“...ทุก 10 นาที จะมีคนโพสต์ต่อต้านกลุ่มที่จะขอแก้มาตรา 112 ลงที่เฟชบุ๊คนี้ ผมก็อ่านมาตลอด บางคนลงรูปอาจารย์นิติฯ ธรรมศาสตร์ ที่เป็นหัวหอกแก้มาตรานี้ ซึ่งผมจะลบออกทุกครั้ง เพราะไม่อยากเห็นหน้าพวกนี้บนเฟชบุ๊คผม ถ้าพวกนี้อายุ 30 - 40 กว่าปี ตามที่เสธ.หนั่นไล่ให้ไปอ่านประวัติศาสตร์ ผมสงสัยว่าพ่อแม่เขายังอยู่หรือเปล่า รุ่นพ่อรุ่นแม่เขาน่าจะได้เห็น “ในหลวง” ทรงงานมาตลอด ถ้าลูกไม่ใส่ใจความเป็นกษัตริย์นักพัฒนา มัวแต่ดื้อด้านกฎหมายท่าเดียว แล้วพ่อแม่พวกนี้ทำอะไรอยู่...ไม่ห้ามปรามเลยหรือ หรือวายชนม์ไปหมดแล้ว ผมขอโทษนะครับ อย่าหาว่าผมกล่าวล่วง แต่อยากถามคนกลุ่มนี้จริงๆว่า พ่อแม่คุณอบรมสั่งสอนหรือเปล่า”

ครับ นอกจากเราควรจะขอบคุณคุณหมอตุลย์ เหมือนอย่างที่ผมนึกขอบคุณแล้ว ผมว่าเราควรจะขอบคุณ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ที่เชิญชวนทหารให้ออกมาทำการปฏิวัติ และขอบคุณ คุณกนก รัตน์วงศ์สกุล ที่ตั้งคำถามต่อกลุ่มผู้ที่สนับสนุนการแก้ประมวลกฎหมายอาญาฯ 112 ว่า

“อยากถามคนกลุ่มนี้จริงๆว่า พ่อแม่คุณอบรมสั่งสอนหรือเปล่า”

เพราะผมมองว่าทั้ง 3 ท่านนี้เป็นผู้ที่มาเปิดช่องทางให้แก่พลังทางสังคมที่เต็มไปด้วยคุณภาพของคณะนิติราษฎร์และกลุ่มผู้สนับสนุน ได้ออกมาแสดงพลังดังกล่าวได้กว้างขวางยิ่งขึ้น เป็นที่รู้จักมากขึ้น และทำให้เราได้พิจารณาเปรียบเทียบ “ปริมาณและคุณภาพของอุดมการณ์” ของทั้งสองฝ่าย ว่าใครดีกว่าใคร และเราควรจะเชื่อถือใครดี ระหว่างคณะนิติราษฎร์ และกลุ่มคนเสื้อหลากสี กลุ่มคนเสื้อเหลือง ซึ่งไม่ว่าจะพูดอะไร ในที่สุดก็จะสรุปซ้ำๆซากๆแบบนกแก้วนกขุนทองในเชิงกล่าวหาเขาได้เพียง Concept เดียวว่า

“พวกนี้เป็นพวกคิดจะล้มล้างสถาบันฯ” “พวกนี้เป็นพวกคิดจะล้มล้างสถาบันฯ”
“พวกนี้เป็นพวกคิดจะล้มล้างสถาบันฯ” “พวกนี้เป็นพวกคิดจะล้มล้างสถาบันฯ” ฯลฯ

ครับ
ระหว่างวาทกรรมที่เต็มไปพลังทางความคิด เหตุผล ข้อเท็จจริง และหลักการ และวาทกรรมที่อ้างเอาความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาผูกขาดเป็นของตัวเอง - ปกป้องตัวเอง และถือเป็นความชอบธรรมในโต้แย้ง ดุด่า คุกคาม ข่มขู่ และกล่าวหาคนที่เขาคิดต่างว่า “เป็นพวกที่คิดจะ ล้มล้างสถาบันฯ” เป็นคนที่ควรกวาดล้างออกไปจากผืนแผ่นดินไทยให้หมดสิ้น ใครเจ๋งกว่าใคร ใครหน่อมแน้มกว่าใคร (ฮา) ขอเชิญชวนวิญญูชนและท่านผู้เจริญแล้วเลือกพิจารณาและเชื่อถือได้ตามใจชอบ ครับผม.

18 - 28 มกราคม 2555 กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมือง ที่ขัดแย้งกันมานาน ระหว่างรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ที่ดูเหมือนว่า นอกจากจะมองไม่เห็นทางที่จะสมานฉันท์กันได้แล้ว ยังมีแนวโน้มว่า สถานการณ์ที่ต่างฝายต่างก็ไม่ยอมลดราวาศอกให้กัน ยังมีทีท่าว่าจะทวีความรุนแรงไปสู่การนองเลือดที่น่าสยดสยอง ดังที่คาดหมายกันว่าจะเกิดขึ้น ตั้งแต่ วันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป ตามที่เขาประกาศศึกกันแบบเอาเป็นเอาตายกัน ซึ่งเราไม่ปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง ที่จะให้เกิดขึ้นในสังคมไทย   ดังเช่น โศกนาฏกรรมนองเลือด 6 ตุลาคม 19 และพฤษภาคมทมิฬ 35 ในอดีตที่ผ่านมา แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่มีพลังแห่งความปรารถนาดีใดๆในสังคม สามารถเข้าไปยับยั้งได้…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  โอ พระเจ้า !ข้าสงสัยเหลือเกินว่า ทักษิณ ชินวัตรทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตรทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตรทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตรทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร และ สนธิ ลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุล สนธิลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุลสนธิ ลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้ม ทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุลสนธิ ลิ้ม ทองกุล สนธิลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุลสนธิ ลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุล
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ด่วน ! ประชาชนชาวไทย ผู้รักความสงบทุกท่าน โปรดทราบ... นับตั้งแต่ออกประกาศฉบับนี้เป็นต้นไป เวลาท่านออกจากบ้านไปไหนมาไหนคนเดียว โดยเฉพาะตามสถานที่ที่ไม่มีคนรู้จัก เวลาพบคนใส่เสื้อสีเหลือง เหลีอง เหลีอง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง กำลังชุมนุมกันอยู่เป็นจำนวนมาก... ขอให้ท่านจงโปรดระวัง ! อย่าได้ขับรถ - หรือเดินเฉียดเข้าไปใกล้พวกเขาเป็นอันขาด ! เพราะนี่คืออันตรายเป็นอย่างยิ่ง !…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
1 พฤศจิกายน 2551ข้ามองเห็นคนรัก ทักษิณ ชินวัตร ใส่เสื้อสีแดงแดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดงแดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดงแดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดงแดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดงจำนวนนับไม่ถ้วน ณ ราชมังคลากีฬาสถานแห่แหนกันออกมายกย่องและให้กำลังใจ ทักษิณ ชินวัตร และเมื่อ ทักษิณ ชินวัตร ปรากฏภาพและเสียงผ่านโฟนอิน ออกมาพูดแล้วคนใส่เสื้อสีแดงทุกคนต่างเชื่อว่าทุกถ้อยคำที่ ทักษิณ ชินวัตร พูด ณ สถานที่แห่งนี้ เป็นความจริงหมดทุกถ้อยคำ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
มิใช่ บ่อ จากท่อธารบาดาลใสหลั่งรินไหล มิรู้แล้ง แห้งเหือดหายเป็นเพียง บ่อ น้ำฟ้ามาซึมทรายหลั่งรินสาย มาหล่อเลี้ยง - เพียงชั่วกาลมิใช่ บ้านดวงใจ อุ่นไอรักแค่ เพิงพัก หลบร้อนอันกร่อนกร้านริมวิถี คดเคี้ยว เปลี่ยว กันดารเป็นทางผ่าน เป็นที่พัก - นักเดินทางมิใช่ แสงดาว ชี้ชัดปลุกศรัทธาแทนดวงตาดวงใจผู้ไร้ร้างเป็นเพียง แสงหิ่งห้อย - ลอยเลือนรางอยู่ท่ามกลางคืนเดือนมืดอันยืดยาวและมิใช่ สมณะ ผู้ละโลกย์พ้นทุกข์โศกเวียนว่ายกายสีขาวยังเป็นแค่ ปุถุชน คนมากคาวยังมิก้าวพ้น ตัณหา ราคีใดคือ ตัวฉัน…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ข้าใส่เสื้อสีเหลือง ใช่ เพราะข้าเชื่อในสีเหลืองแห่งความชอบธรรมของข้า ใช่ เพราะข้าเชื่อในสีเหลืองแห่งความถูกต้องของข้า ใช่ เพราะข้าเชื่อในสีเหลืองแห่งความดีงามของข้า ใช่ เพราะข้าเชื่อในสีเหลืองแห่งข้อเท็จจริงของข้า ใช่ เพราะข้าเชื่อในสีเหลืองแห่งความเป็นจริงของข้า ใช่ เพราะข้าเชื่อในสีเหลืองแห่งเหตุผลของข้า ใช่ เพราะข้าเชื่อสีเหลืองแห่งอุดมการณ์ของข้า ใช่ เพราะข้าเชื่อในสีเหลืองแห่งพลังมวลชนอันยิ่งใหญ่ของข้า และความเชื่อในสีเหลืองทั้งหมดของข้า เป็นความเชื่อที่ข้าเชื่อว่า เป็นความเชื่อที่ถูกต้องที่สุด และดีที่สุดที่ข้ามี แต่เพียงผู้เดียวในโลกนี้ ข้าจึงไม่มีวันที่จะประนีประนอม…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผลงานน้องจูนี่ไฟไฟ ไฟ ไฟไฟ กำลังลุกไหม้บ้านเมืองของเราเร้ว เร็วเข้าเถิดรีบมาช่วยกันดับไฟเร็วๆเข้า บ้าบ้า บ้า บ้าบ้าบอคอแตกที่สุดในโลกมัวไปสนใจมัวไปทะเลาะเบาะแว้งมัวไปทุ่มเถียงกันให้เสียเวลาทำไมว่าพวกรัฐบาลหรือว่าพวกพันธมิตรใครเป็นคนลงมือจุดไฟเผาใช้น้ำมันเบนซินยี่ห้ออะไรบริษัทอะไรเป็นผู้ผลิตใครเป็นคนคิดวางแผนใครเป็นคนสั่งการ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
1. เงิน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กับลมหายใจเข้าออกแทบทุกขณะจิตของผู้คน 2. เงิน คือทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ แต่เป็นนายที่โหดร้าย ยังเป็นวาทกรรมที่ทันสมัย
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ที่ ดวงตา คอยมองจับจ้องอยู่ ที่ ใบหู คอยแยะแยกจำแนกเสียง ที่ จมูก คอยดมชมกลิ่นเกลี้ยง ที่ ปลายลิ้น คอยเรียงไล่ลิ้มรส
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
Canto คือยอดของภูเขาน้ำแข็ง ที่โผล่ออกมาให้เราเห็นนิดเดียวบนพื้นผิวของมหาสมุทร Canto คือการเปิดประตูเพื่อให้คนเดินเข้าไป คือการเปิดหน้าต่างเพื่อให้คนมองออกไป – สู่จินตนาการเสรี Canto คือการลงมือเขียนถ้อยคำจากความรู้สึกประทับใจจากสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อย่างฉับพลัน 3 บรรทัดสั้นๆ จบ Canto คือการลดละการแสดงความคิดเห็น ความรู้ ความเฉลียวฉลาด ของผู้เขียน ออกไปให้มากเท่าไหร่ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น Canto คือการเก็บเม็ดทรายเม็ดเล็กๆของถ้อยคำ มารวมกันจนเกิดเป็น มวล ที่มีน้ำหนักและพลัง - ที่ไม่อาจปฏิเสธไม่ได้ Canto คือการเขียนเพื่อให้คนอื่นคิด มิใช่เขียนเพื่อคิดแทนคนอื่น
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
1. ของแท้ ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ แต่ผมไม่ใช่ 2. ได้มาก็เสียไป สิ่งสำคัญที่สุดอยู่กับเราชั่วคราว ผิดกับความอ่อนแอ 3. ความงามหนึ่ง ชื่อการพลัดหลง น่าประทับใจจนอยากเก็บเอาไว้คนเดียว 4. แดดส่องโต๊ะรับแขกหน้าบ้าน ตำลึงเลื้อยพันขาเก้าอี้ขึ้นไปงอกงาม กาน้ำชาฝุ่นเกาะอยู่ในห้องครัวเงียบ 5. กลิ่นชาใบเตย ขยายตัวอวลอุ่น จอกหนึ่งว่าง...จอกหนึ่งพร่อง
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ระบอบการเมือง                ที่ดีที่สุดในโลกนี้มี                                   หรือไม่มีถ้าหากมี                          แล้วถูกขยำขยี้ทิ้งไปยัง…