Skip to main content

แล้วในที่สุดก็ถึงวันนี้
วันที่อดีตท่านนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เดินทางกลับเมืองไทยโดยสายการบินไทยเที่ยวที่ ที จี 603 ที่ร่อนลงบนรันเวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 09.40น.ของวันที่ 28 ก.พ. เพื่อกลับมาต่อสู้คดีทุจริตจัดซื้อที่ดินถนนรัชดา ที่ท่านตกเป็นจำเลยที่หนึ่ง รวมทั้งข้อกล่าวหาอื่นๆในช่วงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี  ท่ามกลางความดีอกดีใจของฝ่ายที่สนับสนุนที่พากันไปต้อนรับอย่างเอิกเกริก และท่ามกลางความตึงเครียดของฝ่ายคัดค้าน ที่เริ่มส่งเสียงคำรามฮึ่มๆ ออกมาประปราย

ถึงแม้การยอมรับกลับมาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมในสังคมของอดีตท่านนายกฯ จะเป็นคำตอบเดียวที่ดีที่สุดที่สังคมทุกฝ่ายอยากจะเห็น แต่ก็ยังมีคนเกรงกลัวและหวาดระแวงอยู่

เพราะอดีตท่านนายกฯผู้นี้ เราต้องยอมรับความจริงกันว่า ท่านเป็นผู้นำของประเทศคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย ( หรืออาจจะเป็นคนแรกของโลก ) ที่ถูกปฏิวัติรัฐประหาร และลี้ภัยอยู่นอกประเทศ นอกจากจะไม่มีใครสามารถทำลายท่านให้ย่อยยับแบบไม่ให้ผุดให้เกิดเหมือนคนอื่นๆ แล้ว  ท่านยังสามารถกลับคืนบ้านเมืองมาต่อสู้กับคดีความผิดและข้อกล่าวหาที่ท่านบอกกับสังคมว่า ตัวท่านและครอบครัวไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างสง่างาม และน่ามหัศจรรย์ราวกับปาฏิหาริย์

ปรากฏการณ์ที่แปลกใหม่นี้
จึงเป็นที่ร้อนๆ หนาวๆ ของฝ่ายที่คัดค้าน ที่หวาดหวั่นว่าจะมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมอย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ คุณหมอประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโสผู้ปรารถนาดีต่อบ้านเมืองเสมอมา ได้แสดงความเห็นในเชิงชี้นำให้กับสังคมทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรักหรือเกลียดคุณทักษิณ  ฝ่ายที่วางตัวเป็นกลางไม่รักไม่เกลียด รวมทั้งฝ่ายที่ไม่เอาไหนเลย หรือเอายังไงก็ได้ทั้งนั้น เพราะพวกเขาต่างปลงตกและคิดว่า...บ้านเมืองนี้ไม่ใช่ของพวกเขาเสียแล้ว-เอาไว้ว่า
“พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นบุคคลที่มีทั้งคนรักและไม่รักเป็นจำนวนมาก จนเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกใหม่ แบ่งแยกคนในสังคมไทย ดังนั้นสังคมจะต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้ความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน นำไปสู่ความแตกแยกที่รุนแรง แม้แต่ละฝ่ายจะทะเลาะกันก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย ใช้สันติวิธีแก้ปัญหา...”

ครับ ผมเห็นดีด้วยกับคุณหมอประเวศ
แต่อดสงสัยไม่ได้ว่า หลังจากคำตัดสินชี้ขาดของศาล ไม่ว่าจะออกหัวหรือก้อย โดยเฉพาะระหว่างคนรักและคนเกลียดคุณทักษิณ ซึ่งต่างก็มีพลังมากพอๆกัน ระหว่างผู้คนสองสังคมที่ขัดแย้งกันแบบนี้ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นในสังคมไทย ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่งย่อมที่จะต้องอกหัก เพราะไม่ได้ดังใจตัวเองอย่างแน่นอน ผมสงสัยว่าเมื่อพวกเขาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ผิดหวังและอกหักตามกติกาเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะยอมรับความเป็นผู้แพ้ โดยไม่เอะอะโวยวาย และพาลหาเรื่องเอากับฝ่ายที่ชนะตามกฎกติกาของสังคมในภายหลัง และยุติกันแค่นี้หรือเปล่า

ที่ผมสงสัยก็เพราะมีคนบอกผมว่า เรื่องนี้จะไม่ยุติง่ายๆ เพียงแค่นี้ โดยให้เหตุผลที่น่าคิดกับผมว่า ลึกๆลงไปแล้วสังคมไทยยังเป็นสังคมของความเชื่อและความศรัทธาในตัวบุคคลและสถาบัน มากกว่าเหตุผล ข้อเท็จจริง และกฎกติกา ดังนั้นอะไรๆที่ผิดจากกรอบความเชื่อและความศรัทธาของเขา จึงเป็นเรื่องที่ยากที่เขาจะยอมรับ

ยิ่งเป็นความเชื่อที่เขายึดมั่นถือมั่นเป็นพรรคเป็นพวก และแห่แหนตามกันมากเท่าไหร่ พวกเขายิ่งยากที่จะยอมยุติให้กับสิ่งที่ขัดแย้งและแตะต้องความเชื่อของเขา

และคนที่บอกผมยังชี้ชัดให้ผมฟังอีกว่า สิ่งที่สะท้อนให้เห็นความคิดแบบนี้ในสังคมไทยก็คือ เวลาคนไทยทะเลาะกันในระดับชาติ ต่างฝ่ายต่างมักจะรีบอ้างเอาสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งคนไทยถือว่าเป็นของสูงที่ใครจะแตะต้องและลบหลู่ไม่ได้ มาปกป้องคุ้มครองตัวเองและทำลายคู่กรณี เพียงแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถพูดให้คนเชื่อว่าตัวเองจงรักภักดีต่อสถาบัน และคู่กรณีเป็นอันตรายต่อสถาบัน แถมมีสื่อบ้าจี้ช่วยประโคมโหมโรง เพียงแค่นี้คู่กรณีก็พินาศแล้ว

ครับ ฟังๆ ดูแล้วน่ากลัวจังเลย จริงหรือไม่จริง อีกไม่นานเราคงจะได้รู้กัน จากงานอันน่าระทึกใจนี้อย่างแน่นอน สวัสดีครับ.

1 มีนาคม  2551
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่


บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมือง ที่ขัดแย้งกันมานาน ระหว่างรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ที่ดูเหมือนว่า นอกจากจะมองไม่เห็นทางที่จะสมานฉันท์กันได้แล้ว ยังมีแนวโน้มว่า สถานการณ์ที่ต่างฝายต่างก็ไม่ยอมลดราวาศอกให้กัน ยังมีทีท่าว่าจะทวีความรุนแรงไปสู่การนองเลือดที่น่าสยดสยอง ดังที่คาดหมายกันว่าจะเกิดขึ้น ตั้งแต่ วันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป ตามที่เขาประกาศศึกกันแบบเอาเป็นเอาตายกัน ซึ่งเราไม่ปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง ที่จะให้เกิดขึ้นในสังคมไทย   ดังเช่น โศกนาฏกรรมนองเลือด 6 ตุลาคม 19 และพฤษภาคมทมิฬ 35 ในอดีตที่ผ่านมา แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่มีพลังแห่งความปรารถนาดีใดๆในสังคม สามารถเข้าไปยับยั้งได้…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  โอ พระเจ้า !ข้าสงสัยเหลือเกินว่า ทักษิณ ชินวัตรทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตรทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตรทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตรทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร และ สนธิ ลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุล สนธิลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุลสนธิ ลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้ม ทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุลสนธิ ลิ้ม ทองกุล สนธิลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุลสนธิ ลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุล สนธิ ลิ้มทองกุล
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ด่วน ! ประชาชนชาวไทย ผู้รักความสงบทุกท่าน โปรดทราบ... นับตั้งแต่ออกประกาศฉบับนี้เป็นต้นไป เวลาท่านออกจากบ้านไปไหนมาไหนคนเดียว โดยเฉพาะตามสถานที่ที่ไม่มีคนรู้จัก เวลาพบคนใส่เสื้อสีเหลือง เหลีอง เหลีอง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง เหลือง กำลังชุมนุมกันอยู่เป็นจำนวนมาก... ขอให้ท่านจงโปรดระวัง ! อย่าได้ขับรถ - หรือเดินเฉียดเข้าไปใกล้พวกเขาเป็นอันขาด ! เพราะนี่คืออันตรายเป็นอย่างยิ่ง !…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
1 พฤศจิกายน 2551ข้ามองเห็นคนรัก ทักษิณ ชินวัตร ใส่เสื้อสีแดงแดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดงแดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดงแดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดงแดง แดง แดง แดง แดง แดง แดง แดงจำนวนนับไม่ถ้วน ณ ราชมังคลากีฬาสถานแห่แหนกันออกมายกย่องและให้กำลังใจ ทักษิณ ชินวัตร และเมื่อ ทักษิณ ชินวัตร ปรากฏภาพและเสียงผ่านโฟนอิน ออกมาพูดแล้วคนใส่เสื้อสีแดงทุกคนต่างเชื่อว่าทุกถ้อยคำที่ ทักษิณ ชินวัตร พูด ณ สถานที่แห่งนี้ เป็นความจริงหมดทุกถ้อยคำ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
มิใช่ บ่อ จากท่อธารบาดาลใสหลั่งรินไหล มิรู้แล้ง แห้งเหือดหายเป็นเพียง บ่อ น้ำฟ้ามาซึมทรายหลั่งรินสาย มาหล่อเลี้ยง - เพียงชั่วกาลมิใช่ บ้านดวงใจ อุ่นไอรักแค่ เพิงพัก หลบร้อนอันกร่อนกร้านริมวิถี คดเคี้ยว เปลี่ยว กันดารเป็นทางผ่าน เป็นที่พัก - นักเดินทางมิใช่ แสงดาว ชี้ชัดปลุกศรัทธาแทนดวงตาดวงใจผู้ไร้ร้างเป็นเพียง แสงหิ่งห้อย - ลอยเลือนรางอยู่ท่ามกลางคืนเดือนมืดอันยืดยาวและมิใช่ สมณะ ผู้ละโลกย์พ้นทุกข์โศกเวียนว่ายกายสีขาวยังเป็นแค่ ปุถุชน คนมากคาวยังมิก้าวพ้น ตัณหา ราคีใดคือ ตัวฉัน…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ข้าใส่เสื้อสีเหลือง ใช่ เพราะข้าเชื่อในสีเหลืองแห่งความชอบธรรมของข้า ใช่ เพราะข้าเชื่อในสีเหลืองแห่งความถูกต้องของข้า ใช่ เพราะข้าเชื่อในสีเหลืองแห่งความดีงามของข้า ใช่ เพราะข้าเชื่อในสีเหลืองแห่งข้อเท็จจริงของข้า ใช่ เพราะข้าเชื่อในสีเหลืองแห่งความเป็นจริงของข้า ใช่ เพราะข้าเชื่อในสีเหลืองแห่งเหตุผลของข้า ใช่ เพราะข้าเชื่อสีเหลืองแห่งอุดมการณ์ของข้า ใช่ เพราะข้าเชื่อในสีเหลืองแห่งพลังมวลชนอันยิ่งใหญ่ของข้า และความเชื่อในสีเหลืองทั้งหมดของข้า เป็นความเชื่อที่ข้าเชื่อว่า เป็นความเชื่อที่ถูกต้องที่สุด และดีที่สุดที่ข้ามี แต่เพียงผู้เดียวในโลกนี้ ข้าจึงไม่มีวันที่จะประนีประนอม…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผลงานน้องจูนี่ไฟไฟ ไฟ ไฟไฟ กำลังลุกไหม้บ้านเมืองของเราเร้ว เร็วเข้าเถิดรีบมาช่วยกันดับไฟเร็วๆเข้า บ้าบ้า บ้า บ้าบ้าบอคอแตกที่สุดในโลกมัวไปสนใจมัวไปทะเลาะเบาะแว้งมัวไปทุ่มเถียงกันให้เสียเวลาทำไมว่าพวกรัฐบาลหรือว่าพวกพันธมิตรใครเป็นคนลงมือจุดไฟเผาใช้น้ำมันเบนซินยี่ห้ออะไรบริษัทอะไรเป็นผู้ผลิตใครเป็นคนคิดวางแผนใครเป็นคนสั่งการ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
1. เงิน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน กับลมหายใจเข้าออกแทบทุกขณะจิตของผู้คน 2. เงิน คือทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ แต่เป็นนายที่โหดร้าย ยังเป็นวาทกรรมที่ทันสมัย
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ที่ ดวงตา คอยมองจับจ้องอยู่ ที่ ใบหู คอยแยะแยกจำแนกเสียง ที่ จมูก คอยดมชมกลิ่นเกลี้ยง ที่ ปลายลิ้น คอยเรียงไล่ลิ้มรส
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
Canto คือยอดของภูเขาน้ำแข็ง ที่โผล่ออกมาให้เราเห็นนิดเดียวบนพื้นผิวของมหาสมุทร Canto คือการเปิดประตูเพื่อให้คนเดินเข้าไป คือการเปิดหน้าต่างเพื่อให้คนมองออกไป – สู่จินตนาการเสรี Canto คือการลงมือเขียนถ้อยคำจากความรู้สึกประทับใจจากสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อย่างฉับพลัน 3 บรรทัดสั้นๆ จบ Canto คือการลดละการแสดงความคิดเห็น ความรู้ ความเฉลียวฉลาด ของผู้เขียน ออกไปให้มากเท่าไหร่ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น Canto คือการเก็บเม็ดทรายเม็ดเล็กๆของถ้อยคำ มารวมกันจนเกิดเป็น มวล ที่มีน้ำหนักและพลัง - ที่ไม่อาจปฏิเสธไม่ได้ Canto คือการเขียนเพื่อให้คนอื่นคิด มิใช่เขียนเพื่อคิดแทนคนอื่น
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
1. ของแท้ ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ แต่ผมไม่ใช่ 2. ได้มาก็เสียไป สิ่งสำคัญที่สุดอยู่กับเราชั่วคราว ผิดกับความอ่อนแอ 3. ความงามหนึ่ง ชื่อการพลัดหลง น่าประทับใจจนอยากเก็บเอาไว้คนเดียว 4. แดดส่องโต๊ะรับแขกหน้าบ้าน ตำลึงเลื้อยพันขาเก้าอี้ขึ้นไปงอกงาม กาน้ำชาฝุ่นเกาะอยู่ในห้องครัวเงียบ 5. กลิ่นชาใบเตย ขยายตัวอวลอุ่น จอกหนึ่งว่าง...จอกหนึ่งพร่อง
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ระบอบการเมือง                ที่ดีที่สุดในโลกนี้มี                                   หรือไม่มีถ้าหากมี                          แล้วถูกขยำขยี้ทิ้งไปยัง…