ทุกคนคงเคยไปหาหมอ
อาจเป็นหมอคลินิกหรือหมอโรงพยาบาล เมื่อยื่นบัตรคนไข้ผ่านฝ่ายคัดกรองแล้ว ท่านก็ต้องไปยังห้องที่รักษาพยาบาลเฉพาะโรค นั่งรอคิวพยาบาลเรียก ถ้าเป็นคลินิกหรือโรงพยาบาลเอกชนจะเร็วมาก แต่ก็ต้องจ่ายเงินมากเช่นกัน ถ้าเป็นโรงพยาบาลของรัฐต้องทำใจ จ่ายเงินน้อยแต่คนมาก คงต้องเสียสละเวลาให้ 1 วัน บางทีอาจครึ่งวัน คนไข้มากมาย ห้องตรวจทุกห้องคนไข้เต็มหมด คนไข้มากมายกว่าห้างสรรพสินค้า
ขณะนั่งรอ
จะเห็นภาพนางพยาบาลและหมอทำงานกันไม่หยุดเลย ไม่มีการบ่นว่าเหนื่อย พูดจาสุภาพ เมื่อถึงคิวนางพยาบาลจะเรียกคนไข้ไปพบ จะถามชื่อ อาการโรค ยาที่แพ้ ทานเหล้าทานเบียร์ไหม สูบบุหรี่ไหม แล้วจะทำการวัดความดัน ชั่งน้ำหนัก แล้วให้นั่งรอหมอเรียกตรวจ คำถามจะวนเวียนซ้ำๆ อย่างนี่ทุกห้อง
พิจารณาดูเหล้า เบียร์ บุหรี่ คงเป็นสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพมาก นำไปสู่โรคต่างๆ ความดันและน้ำหนักตัวก็เช่นกัน ความดันสูงนั้นหัวใจต้องทำงานมาก ต้องใช้แรงในการสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกาย ความดันต่ำก็ไม่ดี ความดันต้องอยู่ในระดับปรกติตามวัยอายุ คนหนุ่มท่าทางแข็งแรง ความดันดีที่สุด 120/80 ความดันคนแก่ ตัวบน 140-159 ตัวล่าง 90-114 นักมวยที่ฝึกซ้อมมานาน บางคนเตรียมชิงแชมป์โลก ความดันราว 110/70
เมื่อถึงคิวนางพยาบาลเรียกไปพบหมอ
ต้องไปนั่งเก้าอี้รอคิวหน้าห้องหมอคราวละ 4-5 คน ในมือทุกคนถือเอกสารข้อมูลคนไข้ พอถึงคิวหมอเรียกพบ หมอจะขอเอกสารคนไข้ ตรวจสอบข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ ซักถามอาการ ตรวจร่างกาย วิเคราะห์โรคแล้วรักษา อาจให้ยากิน ฉีด นัดดูอาการ หรือนัดผ่าตัดแล้วแต่ระดับความรุนแรงของโรค
คำถามที่น่าสนใจ หมอมักถามคนไข้ว่า ออกกำลังไหม...หมอหลายคนถามและแนะนำให้คนไข้ออกกำลัง โดยออกกำลังหนักเบาให้เหมาะกับวัย
กลับถึงบ้าน
ผมศึกษาค้นคว้าเรื่องการออกกำลังกาย ค้นอ่านจากหนังสือหลายเล่ม ค้นอินเทอร์เน็ตบ้าง ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ออกกำลังต้องให้เหมาะกับวัย เด็กหนุ่มเล่นฟุตบอล เทนนิส วิ่งรอบสนามหลายๆ รอบได้ แต่ผู้สูงอายุคงเพียงวิ่งเหยาะๆ หรือเดินเร็วๆ ใช้เวลาราว 30 นาทีเป็นอย่างน้อย ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 วัน
การออกกำลังกายช่วยรักษาสารพัดโรค เช่น ความดัน ความเครียด ลดน้ำหนัก ช่วยให้ปอด หัวใจแข็งแรง ระบบย่อยอาหารทำงานดี ไตและปอดทำงานดี นอนหลับสบาย กล้ามเนื้อทั่วร่างกายสมบูรณ์ ช่วยต้านโรค เป็นยาวิเศษจริงๆ
“ท่านมียาวิเศษหรือยังล่ะ”