Skip to main content

เวลา 13.00 . เศษ
ผมจำได้ว่าเป็นวัน “มาฆบูชา” เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา โรงเรียนปิด ผมไม่ได้ไปฝึกสอนที่โรงเรียนเทศบาลวัดเชียงยืน บอกก่อนว่า ผมเป็นนักศึกษาวิทยาลัยครูเชียงใหม่
(มหาวิทยาลัยราชภัฏในปัจจุบัน) กำลังศึกษาในระดับ ป..(ประโยคครูประถม) หลักสูตรเรียน 1 ปี ขณะนี้อยู่ระยะฝึกสอน


ในช่วงภาคปลายปีการศึกษา หากฝึกสอนเสร็จก็จบการศึกษา ผมจำเพิ่มอีกว่า เป็น พ.. 2511 วันนั้นและเวลาดังที่กล่าวมา ผมกำลังเดินหิ้วก่องข้าวเหนียวด้วยมือขวา มือซ้ายถือถ้วยน้ำพริกแมงดาของโปรด มาวางบนเติ๋น (ห้องโถง) ฝาห้องด้านข้างเป็นลูกกรงโปร่งที่เป็นไม้ระแนง ตีพาดกันไปมาแนวตั้งและแนวนอนเป็นตารางรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดห้าคูณห้านิ้ว สามารถมองไปถนนหน้าบ้านได้เต็มที่ เห็นทุ่งหญ้าและหนองน้ำข้างถนน ไกลออกไปจากทุ่งหญ้า เห็นหลังคาสังกะสีของห้องแถวให้เช่า ยาวในแนวเหนือใต้ เหนือหลังคาห้องแถวเห็นฟ้าสีน้ำเงินสดใส ผมเดินไปห้องครัว มือถือขวดน้ำปลา ห่อข้าวเกรียบกุ้งแสนอร่อย กลับออกมาวางใกล้ก่องข้าว นั่งขัดสมาธิ เทน้ำปลาของชอบลงในถ้วยน้ำพริกแมงดาของโปรดอีกอย่าง ใช้ช้อนสังกะสีคนละเมียดละไมให้เข้ากัน น้ำลายในปากมีมากขึ้น ขยับปากกลืนน้ำลาย ตามองออกไปที่ท้องฟ้าเหนือหลังคาสังกะสีห้องแถวบ้านเช่า ฟ้ายังสดใสเป็นสีน้ำเงินดังเดิม ปั้นข้าวเหนียวจิ้มน้ำพริกแมงดา ตามด้วยข้าวเกรียบกุ้ง แคบหมูกรอบ มันอร่อยจริงๆ

ผมกินอย่างมีความสุขจนเกือบจะอิ่ม สายตามองไปข้างหน้า เห็นคนในหย่อมบ้านทำนั่นทำนี่ไปตามปรกติ บ้างยืนคุยกัน บ้างเดินไปปากซอยสู่ถนนราชวงศ์ ผมมองไปที่หลังคาห้องแถวบ้านเช่าอีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจ เห็นควันเป็นทางยาวลอยเหนือหลังคา ควันสีดำจางๆ ลอยทาบฟ้าสีน้ำเงินเห็นชัดเจน กะด้วยตาควันนี้ต้องอยู่ไกลมาก อยู่ในตำแหน่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ บริเวณโรงหนังศรีนครพิงค์ หรือไฟคงไหม้ที่ไหนสักแห่ง อาจเป็นโรงหนังศรีนครพิงค์ดังที่คิด สักครู่คงได้ยินหวอรถดับเพลิงวิ่งไปดับไฟ คงไม่มีอะไรร้ายแรง
...

พักหนึ่งมีคนที่ไปตลาดหรือผ่านย่านนั้น มายืนที่ถนนหน้าบ้านผม ส่งเสียงบอกคนที่รู้จักว่า “ไฟไหม้กาดหลวงๆ !” ประสาทผมตื่นตัวขึ้นมาทันที ตาเบิกมองไปที่ขอบฟ้า ควันไฟที่ท้องฟ้าเป็นสีดำเข้มหนาขึ้น มันลอยขึ้นรวดเร็วกว่าเดิม มีคนทยอยมาบอกข่าวไฟไหม้กาดหลวงอีกหลายคน ผมทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว เรียกหาพ่อ

ป้อ ! รักไปดูไฟไหม้ก่อนเน้อ !”

พ่อพยักหน้า กำชับอย่าดูให้ใกล้เกินไป ผมแต่งกายลวกๆ เดินสลับวิ่งไปกาดหลวงอย่างตื่นเต้นสุดขีด

 


ตั้งแต่ผมเกิดมา ไม่มีไฟไหม้กาดหลวง กาดหลวงเป็นกาดหลักที่ใหญ่ที่สุดของเชียงใหม่ ผมมาถึงประตูทางเข้าโรงหนังศรีนครพิงค์แล้ว ถนนช้างม่อยทอดผ่านไปยังกาดหลวง เจ้าของร้านสองฝั่งถนนกำลังตื่นตระหนกกับไฟที่กำลังลุกไหม้ คาดเดาไม่ถูกว่ามันจะลุกลามมาถึงร้านตน หรือถูกรถดับเพลิงฉีดน้ำดับไฟลงได้ก่อน ผมเดินไปตามทางเท้าของถนนช้างม่อย ไปทางทิศตะวันออกมุ่งสู่กาดหลวง ผมเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น ถนนสายนี้จะเลี้ยวขวา แล้วทอดยาวไปถึงสี่แยกอุปคุต และถนนนี้ยังอยู่กลางระหว่างกาดหลวงกับกาดต้นลำไย มีเชือกกั้นขวางถนน แสดงเขตบุคคลทั่วไปห้ามเข้า กลางถนนมีร่องรอยฉีดน้ำของรถดับเพลิง ผู้คนเดินกันไปมาพลุกพล่าน เห็นรถดับเพลิงคันหนึ่งจอดหน้าร้านอุดมผล เป็นร้านขายเครื่องเขียน พนักงานรถดับเพลิงช่วยกันถือสายฉีดน้ำ ฉีดน้ำพุ่งสูงขึ้นไปยังอาคารต้นเพลิง ที่อยู่ใกล้ร้านอุดมผลในตำแหน่งทิศใต้ ไฟลุกลามรวดเร็ว สายน้ำที่พุ่งจากรถดับเพลิงคันเดียว ไม่สามารถสกัดเปลวไฟสีส้มจัดที่ลุกลามรวดเร็วได้ ไฟลามไปตามอาคารร้านค้าที่อยู่ติดกัน และรุกไปยังด้านหลังของกาดต้นลำไย เสียงเปลวไฟลุกไหม้กลืนเชื้อไฟ เหมือนเสียงคำรามที่น่าหวาดหวั่น ผมไปยืนที่ขัวแตะใกล้ร้านวิศาลบรรณาคาร
(ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ในปัจจุบัน) เสียงไฟไหม้ดังเปรี๊ยะๆ อย่างน่ากลัว มันลามขยายพื้นที่มาด้านหลังกาดต้นลำไย ถ้าไฟไหม้มักมีลมพัดเข้ามาผสม ทำให้ไฟลุกมากขึ้น พร้อมกับควันและสะเก็ดไฟ สังกะสีปลิวลอยในอากาศเหมือนแผ่นกระดาษบางเบา ผมขยับตัวกลัวมันจะบินมาทำอันตราย ย้ายมายืนตรงมุมถนน ตรงข้ามร้านวิศาลบรรณาคาร หูได้ยินเสียงไฟปะทุ เสียงขยับตัวของแผ่นสังกะสีแกรกกรากยามโดนไฟแผดเผา เสียงผู้คนเสียงพนักงานดับเพลิง เปลวไฟลามเลียตวัดไปมาเหมือนมีชีวิต รถดับเพลิงวิ่งเข้ามาเพิ่มอีกหลายคัน แต่สายไปเสียแล้ว สายน้ำที่ฉีดแรงเป็นลำยาว ไม่ทำให้เปลวไฟลดระดับลงเลย สายน้ำที่กระโจนเข้ากองไฟ มันพุ่งเข้าไปแล้วหายเงียบ มันเหมือนปืนฉีดน้ำเด็กเล่นยามสงกรานต์เช่นนั้น เปลวไฟฝั่งกาดต้นลำไยตรงจุดต้นเพลิง เอนข้ามฝั่งไปหาอาคารฝั่งกาดหลวง เปลวไปลามเลียเหมือนสัตว์ร้าย ไฟลามติดกรอบหน้าต่างที่เป็นไม้ก่อน แล้วจึงลามไปส่วนอื่น พนักงานดับเพลิงพยายามฉีดน้ำสกัด แต่ต้านไม่ไหว ร้านขายสินค้าที่อยู่ใกล้ ต่างพากันขนของหนีไฟอย่างตื่นตระหนก มีคนเข้ามาช่วยขนของทั้งหวังดีและหวังร้าย

 


หวังดีโดยช่วยขนของอย่างไม่ฉกฉวยขโมยของ บางรายได้โอกาสขโมยของไปด้วย เช่น ร้านทอง ร้านแขกขายผ้า สี่ล้อ สามล้อ ฯลฯ นายห้างจ้างสามล้อถีบขนผ้าที่เป็นพับไปส่งที่บ้านหรือโกดัง ขึ้นรถสามล้อ 3 คัน ลูกเจ้าของร้านนั่งไปด้วยหนึ่งคัน รถสามล้อส่งถึงที่ 2 คัน หายไร้ร่องรอย 1 คัน ร้านทองมีคนเข้าไปจะช่วยขน ขณะที่เถ้าแก่เจ้าของร้าน ลูกชายลูกสาว กำลังช่วยกันขนสร้อยแหวน กำไล


ไม่ต้องช่วยขนๆ ! อั้วกับลูกๆ ช่วยกันได้ !” เถ้าแก่ส่งเสียงโล้งเล้งพร้อมกับโบกไล่มือคนที่ฮือเข้าไปช่วย ตาแกกวาดไปมาอย่างหวาดระแวง

เตี่ย ! เอาของใส่ถุงแล้วจะเอาไปไว้ไหน ?”ลูกชายวัยหนุ่มถาม

เอาไปฝากตำรวจแม่ปิงไว้ก่อน เร็วๆ หน่อยโว้ย” เถ้าแก่เร่งมือขนสินค้ามูลค่าสูงของแก

ใส่ถุงแล้ว ลื้อกับหมวย ขนของไปโรงพักแม่ปิง ให้หมวยมันเฝ้าไว้ ส่วนลื้อกลับมาช่วยเตี่ย เข้าใจไหม ?”

 


ทองที่ขนไม่ทันถูกไฟเผาไหม้ละลายปนไปกับเศษขี้เถ้า ร้านอื่นก็เช่นกัน ไฟยังคงคุอยู่ ไม่ดับสนิทเสียทีเดียว

ได้ยินเสียงเครื่องบิน บินผ่านเหนือกองไฟที่กำลังเผาผลาญกาดหลวง กาดเก่าแก่ของเชียงใหม่ ทราบข่าวจากปากต่อปาก เครื่องบินจะทิ้งระเบิดเคมีเพื่อดับไฟ แต่เกรงประชาชนที่กำลังโกลาหล จะได้รับอันตราย จึงได้เลิกล้มไป ไฟกลับลุกไหม้ขึ้นมาอีก รถดับเพลิงต้องคอยฉีดน้ำเลี้ยงไว้เตลอดเวลา น่าแปลกใจ ไฟไม่ได้ลุกลามข้าม “ตรอกเล่าโจ๊ว” (ตรอกข่วงเมรุ) ไปเผาไหม้ “ศาลเจ้าพ่อกวนอู” ได้เลย ยิ่งทำให้ผู้คนเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ มีคนไปกราบไหว้สักการะมากขึ้น

 

หนังสือพิมพ์คนเมือง

ราคาฉบับละ 1 บาท รายงานว่า ไฟไหม้กาดหลวงเสียหายประมาณ 100 กว่าล้านบาท พ...นิรันดร ชัยนาม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ขณะนั้นแจ้งว่า ต้องสร้างตลาดใหม่โดยเร็ว ผมตรวจดูจากปฏิทิน 100 ปี ได้พบหลักฐานระบุว่า ไฟไหม้กาดหลวง (ตลาดวโรรส) ตรงกับวันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ 2511 เป็นวันมาฆบูชา เวลาราว 13.00 .

 

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
พอได้จังหวะ ผู้ชายที่ห้อยหัว ก็เหวี่ยงผู้แสดงชายที่จับเขาอยู่ กลับคืนมาหาบาร์เดิมของเขา คนดูบางคนทนไม่ไหวส่งเสียงร้อง เขาจับบาร์ได้ เสียงปรบมือให้กำลังใจดังขึ้น ผู้แสดงที่ห้อยหัว หกตัวขึ้นนั่งบนบาร์พักร่างกายครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ห้อยหัวลงมาอีก แข็งแรงและทรหดมาก ผู้หญิงสาวสวยจับบาร์เหวี่ยงตัวเข้าหาบ้าง ผู้ชมคงเอาใจช่วยมากขึ้น เธอปล่อยมือจากบาร์ พุ่งเข้าหาผู้แสดงที่หัวห้อยรออยู่ มือเกือบถึงแต่ไม่ถึง เธอลอยหล่นลงมา คนดูส่งเสียงฮือ บางคนลุกขึ้น เธอตกลงมาตาข่ายปลอดภัย ตัวลอยเด้งขึ้นสองสามครั้ง ตามแรงดีดของตาข่าย เธอรีบลุกขึ้น…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมสอบถามเรื่องราว จากลูกของป้า ซึ่งย้ายมาปลูกบ้านหลังสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2500 เล่าว่า ราวปี พ.ศ. 2503-2504 มีละครสัตว์มาแสดงในงานฤดูหนาวเชียงใหม่ 2 ปีติดต่อกัน ละครสัตว์คณะนี้เป็นชาวภารตะ ละครสัตว์น่าดูและน่าตื่นเต้นมาก หลังคาโรงละครสัตว์เป็นรูปโดมสูง ภายในมีอัฒจันทร์คนดูเรียงรายเป็นวงกลม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ก่อนงานวันแรก มีเครื่องบินโปรยใบปลิว เชิญเที่ยวงานฤดูหนาวเชียงใหม่จากท้องฟ้า ท้องฟ้ายามนั้นเต็มไปด้วยใบปลิวมันค่อยลอยต่ำลงมา พลิกตัวเล่นลมน่าดู ชวนให้ผู้คนคึกคักไม่น้อย ภาพเด็กวิ่งไล่เก็บใบปลิวที่ลอยลงสู่พื้น บางทีเรานั่งอยู่ในบริเวณบ้าน ใบปลิวหล่นกระจายทั่วบ้าน หลังคาบ้านเอย ลานบ้านเอย นั่งมองขึ้นไปดูใบปลิวสีสวย ยังลอยมาสู่มือให้รับอย่างสบายๆ ตอนบ่ายจะได้ยินเสียงคำรามของรถจักรยานยนต์ตามถนน ถนนสายโน้นสายนี้ มุ่งสู่สนามกีฬาที่จัดงานฤดูหนาว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
สว่างแล้ว ผมค่อยเปิดหน้าต่างห้องนอน ซึ่งอยู่ชั้นล่างของบ้านเช่า ลมเย็นสะอาดพัดเข้ามา ผมรู้สึกสดชื่น ปอดขยายตัวเต็มที่ สูดหายใจเข้าไปเต็มปอด รู้สึกปลอดโปร่งกระปรี้กระเปร่า เป็นลมพัดจากทุ่งนากว้างข้างบ้าน มองเห็นนาข้าวผืนใหญ่ จากทิศใต้หักมุมฉากทอดไปทิศตะวันตก ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นไทยใหญ่ มีบ้างเป็นคนไทย อาชีพก็ทำนาทำสวน ไม่กี่รายมีอาชีพค้าขาย ทางซ้ายมือผมเป็นถนนดิน พุ่งตรงไปทิศใต้ของหมู่บ้านเวียงแหง มีบ้านปลูกเรียงรายไปตามถนน สูงขึ้นไปเป็นดอยซ้อนๆ กัน ยอดดอยสูงสุดเป็นดอยสามหมื่น แนวดอยนี้อ้อมโค้งไปทางซ้ายและขวาเป็นวงกลม หมู่บ้านเวียงแหง เหมือนถูกล้อมด้วยดอยสลับซับซ้อน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ขอมองย้อนหลัง เกี่ยวกับงานฤดูหนาวเชียงใหม่ แล้วค่อยมายืนกอดอก มองภาพที่เห็นในปัจจุบัน งานฤดูหนาวเชียงใหม่ จะจัดระหว่างปลายเดือนธันวาคม ถึงต้นเดือนมกราคม เป็นงานออกร้าน และงานรื่นเริงประจำปีของจังหวัด ถือว่าเป็นงานใหญ่ประจำปีของเชียงใหม่ทีเดียว กิจกรรมสำคัญของงานคือ การออกร้านของเอกชนและรัฐ และกิจกรรมการกุศลของกาชาด ในยุคแรกงานนี้ จัดที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จนถึงปี พ.ศ. 2491 คงมองออก พื้นที่หลักในการจัดงาน เป็นสนามฟุตบอลของโรงเรียน ผู้เขียนนึกภาพงานไม่ออก ไล่อายุคงราว 8-9 ขวบ มันเลือนราง เหมือนเห็นภาพตนเอง กำลังยืนซื้อโรตีสายไหมกับพ่อ ตรงใกล้ประตูฟุตบอลด้านทิศใต้…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เพื่อนผมเรียนหนังสือรุ่นเดียวกัน อาชีพล่าสุดเป็นข้าราชการครูเหมือนกัน แต่เขาอยู่สายผู้บริหารสถานศึกษา ผมอยู่สายนักวิชาการ อยู่คนละอำเภอ เมื่อแยกย้ายไปเรียนต่อ ไปประกอบอาชีพ เราจึงไม่ได้พบไม่ได้ติดต่อกัน ทราบข่าวอีกครั้ง เสียชีวิตเสียแล้ว จากสาเหตุต้นยางโค่นล้มลงมาทับ ขณะขับรถยนต์มาตามถนนสายเชียงใหม่-สารภี ยังไม่พอ ต่อมาน้องสาวคนสวยแสนดีของเพื่อนเสียชีวิตขณะยืนรอรถโดยสารใต้ต้นยาง ไม่มีวี่แววฝนจะตก ลมพัดมาก่อน ลมอะไรไม่ทราบกระโชกมาอย่างรุนแรงวูบหนึ่ง กิ่งต้นยางหักโครมลงมาบนร่างบอบบาง น้องสาวของเพื่อนเสียชีวิตไปอีกคน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ราวเดือนพฤศจิกายน เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ กับแรม 1 ค่ำ วันแรกลอยกระทงเล็ก วันที่สองลอยกระทงใหญ่ มีบริษัท หน่วยงานต่างๆ ส่งเข้าประกวด งานลอยกระทงก็อาศัยแม่น้ำปิงเป็นสถานที่จัดงาน พอหัวค่ำ หน้าเทศบาลนครเชียงใหม่ พระจันทร์กลมโตกว่าปรกติ ทอแสงสีนวลอ่อนโยน เหนือยอดไม้ด้านทิศตะวันออก แสงสีเหลืองอ่อนอร่ามทั่วฟ้า ยังกระจายไปทั่วลำน้ำและเหนือสะพานนครพิงค์ ในแม่น้ำสว่างไสวด้วยแสงไฟจากเทียนในกระทง ที่ผู้คนมาลอยกระทงพร่างพราวตา ดูละลานตาทั่วแม่ปิง ผิวน้ำสะท้องแสงไฟเหมือนมีไฟใต้น้ำ บอกไฟวี้พุ่งขึ้นท้องฟ้าตลอดเวลา ขีดฟ้าเป็นทางขาว เหมือนสายแพรสีขาวสะอาด บางเบา ของเหล่าบริวารนางฟ้า สะบัดเริงระบำ…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมสามคน ธาตรี วิชาญ และผม กินข้าวเดือนที่ร้านอาโกกับเจ๊อิ้ดทุกวัน อาหารมื้อละ 3 อย่าง มีข้าราชการอำเภอเวียงแหง มากินข้าวเดือนเช่นเดียวกันอีกหลายชุด เรากินไปคุยกันไป ฟังโต๊ะอื่นคุยกันแบบไม่ตั้งใจฟังเท่าไร ด้วยเสียงที่คนนั้นพูดดังพอสมควร บางเรื่องทำให้เราตื่นเต้น อยากรู้ ตั้งใจฟังจนเอียงตัวเข้าไปใกล้ แกล้งเคี้ยวอาหารทำไม่สนใจ บางเรื่องก็ธรรมดาทั่วๆไป
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ผมขับรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าสีแดง ซึ่งเป็นรถสำหรับผู้หญิงใช้งาน จากบ้านที่อำเภอแม่แตง เดินทางสู่กิ่งอำเภอเวียงแหง สวมรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อ เสื้อกางเกงเนื้อหนาราคาถูก สีทึมทึบ หมวก แว่นตา และถุงมือ เป็นอันว่าครบชุดออกเดินทางเวลาบ่ายโมงเศษ กินข้าวที่เชียงดาว แล้วพารถสู่ปากทางบ้านแม่จา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสู่เส้นทางไปกิ่งอำเภอเวียงแหง นำรถจักรยานยนต์ไปครั้งนี้ เพื่อไว้ใช้งานในเรื่องต่างๆ เช่น เยี่ยมโรงเรียน ไปเยี่ยมครูตามบ้านพักหลังเวลาราชการ ครูพักค้างกันตามบ้านพัก เราไปเยี่ยมพูดคุยกับเขา บรรยากาศแบบกันเอง มีอะไรก็นำมารับประทานด้วยกัน พูดคุยกันเรื่องผ่อนคลาย โดยหัวหน้าการของผมนำคณะเราไป…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมนั่งรถประจำทาง จากตัวเมืองเชียงใหม่ มุ่งสู่อำเภอแม่ริม รถวิ่งราว 16 กิโลเมตรก็ถึงอำเภอ ผมลงตรงหน้าสถานีตำรวจภูธรแม่ริม เดินเข้าซอยข้างๆ สถานีตำรวจ มือหิ้วกระเป๋าเดินทาง เพื่อเข้าไปในค่ายดารารัศมี ซึ่งเป็นค่ายของตำรวจตระเวนชายแดน โดยมีจุดมุ่งหมาย จะขอโดยสารไปกับเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจ ที่มีราชการไปอำเภอเวียงแหง โดยเราเพียงบอกว่า เป็นข้าราชการทำงานในอำเภอ ทางเจ้าหน้าที่รับทราบก็จะอนุเคราะห์ทุกครั้ง เป็นการช่วยเหลือในวงราชการด้วยกัน ผมเดินไปครู่เดียวก็ถึง เห็นเฮลิคอปเตอร์ลายเขียวน้ำตาลจอดอยู่ลำหนึ่ง ผมชำเลืองดูรอบบริเวณ เห็นมีผู้คนจะขึ้นไปด้วย 3-4 คน กระเป๋าและสัมภาระวางบนพื้นระเกะระกะ…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เมื่อถึงช่วงสงกรานต์ หน่วยงานที่รับผิดชอบจะปล่อยน้ำ ทำให้ระดับน้ำแม่ปิงสูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้คนตักน้ำแม่ปิงไปรดน้ำได้สะดวก จุดศูนย์กลางเล่นน้ำสงกรานต์อยู่ที่ขัวเหล็ก (สะพานนวรัฐ) คนจะยืนข้างสะพานทั้งสองข้างเต็มไปหมด กลางขัวเหล็กนั้น คนเดินสวนกันไปมาหนาแน่น ใส่เสื้อม่อฮ่อมเป็นส่วนใหญ่ มือถือขัน กระป๋องน้ำ ปืนฉีดน้ำ บางคนใช้เชือกผูกกระป๋อง หย่อนจากสะพานลงตักน้ำแม่ปิงด้านล่างมารดกัน ด้านล่างของขัวเหล็ก จะเห็นคนนั่งแช่น้ำแม่ปิง สาดน้ำกัน ชายหนุ่มหญิงสาวยืนคุยกันด้วยท่าทีเปี่ยมไมตรีจิต ถ้อยคำพิเศษที่รับรู้เพียงสองคน บางแห่งก็ชกต่อยกันประปราย ที่เล่นน้ำขยายมาถึงถนนหน้าพุทธสถาน ตลอดถนนท่าแพ…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมยืนขึ้นก้าวไปข้างหน้า น้ำถึงราวนม เท้าจับทรายไม่อยู่ รู้สึกทรายเคลื่อนตัวลง ตัวผมจมลงไป รู้ทันทีว่าทรายดูดหรือ "ทรายมาน" ใจหายวาบ รีบใช้มือตีน้ำ ผ่อนน้ำหนักที่เท้า บิดตัวถอยหลังอย่างฉับพลัน ใช้เท้ายันพื้นทราย เท้าจับทรายได้แล้ว ถอยเท้าอย่างรวดเร็ว รีบขึ้นหาดทราย ประมาทไม่ได้เลยกับภัยในน้ำ เหลียวดูเพื่อน เขากลับลงเล่นน้ำกันอีก