Skip to main content

เวลา 13.00 . เศษ
ผมจำได้ว่าเป็นวัน “มาฆบูชา” เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา โรงเรียนปิด ผมไม่ได้ไปฝึกสอนที่โรงเรียนเทศบาลวัดเชียงยืน บอกก่อนว่า ผมเป็นนักศึกษาวิทยาลัยครูเชียงใหม่
(มหาวิทยาลัยราชภัฏในปัจจุบัน) กำลังศึกษาในระดับ ป..(ประโยคครูประถม) หลักสูตรเรียน 1 ปี ขณะนี้อยู่ระยะฝึกสอน


ในช่วงภาคปลายปีการศึกษา หากฝึกสอนเสร็จก็จบการศึกษา ผมจำเพิ่มอีกว่า เป็น พ.. 2511 วันนั้นและเวลาดังที่กล่าวมา ผมกำลังเดินหิ้วก่องข้าวเหนียวด้วยมือขวา มือซ้ายถือถ้วยน้ำพริกแมงดาของโปรด มาวางบนเติ๋น (ห้องโถง) ฝาห้องด้านข้างเป็นลูกกรงโปร่งที่เป็นไม้ระแนง ตีพาดกันไปมาแนวตั้งและแนวนอนเป็นตารางรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดห้าคูณห้านิ้ว สามารถมองไปถนนหน้าบ้านได้เต็มที่ เห็นทุ่งหญ้าและหนองน้ำข้างถนน ไกลออกไปจากทุ่งหญ้า เห็นหลังคาสังกะสีของห้องแถวให้เช่า ยาวในแนวเหนือใต้ เหนือหลังคาห้องแถวเห็นฟ้าสีน้ำเงินสดใส ผมเดินไปห้องครัว มือถือขวดน้ำปลา ห่อข้าวเกรียบกุ้งแสนอร่อย กลับออกมาวางใกล้ก่องข้าว นั่งขัดสมาธิ เทน้ำปลาของชอบลงในถ้วยน้ำพริกแมงดาของโปรดอีกอย่าง ใช้ช้อนสังกะสีคนละเมียดละไมให้เข้ากัน น้ำลายในปากมีมากขึ้น ขยับปากกลืนน้ำลาย ตามองออกไปที่ท้องฟ้าเหนือหลังคาสังกะสีห้องแถวบ้านเช่า ฟ้ายังสดใสเป็นสีน้ำเงินดังเดิม ปั้นข้าวเหนียวจิ้มน้ำพริกแมงดา ตามด้วยข้าวเกรียบกุ้ง แคบหมูกรอบ มันอร่อยจริงๆ

ผมกินอย่างมีความสุขจนเกือบจะอิ่ม สายตามองไปข้างหน้า เห็นคนในหย่อมบ้านทำนั่นทำนี่ไปตามปรกติ บ้างยืนคุยกัน บ้างเดินไปปากซอยสู่ถนนราชวงศ์ ผมมองไปที่หลังคาห้องแถวบ้านเช่าอีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจ เห็นควันเป็นทางยาวลอยเหนือหลังคา ควันสีดำจางๆ ลอยทาบฟ้าสีน้ำเงินเห็นชัดเจน กะด้วยตาควันนี้ต้องอยู่ไกลมาก อยู่ในตำแหน่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ บริเวณโรงหนังศรีนครพิงค์ หรือไฟคงไหม้ที่ไหนสักแห่ง อาจเป็นโรงหนังศรีนครพิงค์ดังที่คิด สักครู่คงได้ยินหวอรถดับเพลิงวิ่งไปดับไฟ คงไม่มีอะไรร้ายแรง
...

พักหนึ่งมีคนที่ไปตลาดหรือผ่านย่านนั้น มายืนที่ถนนหน้าบ้านผม ส่งเสียงบอกคนที่รู้จักว่า “ไฟไหม้กาดหลวงๆ !” ประสาทผมตื่นตัวขึ้นมาทันที ตาเบิกมองไปที่ขอบฟ้า ควันไฟที่ท้องฟ้าเป็นสีดำเข้มหนาขึ้น มันลอยขึ้นรวดเร็วกว่าเดิม มีคนทยอยมาบอกข่าวไฟไหม้กาดหลวงอีกหลายคน ผมทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว เรียกหาพ่อ

ป้อ ! รักไปดูไฟไหม้ก่อนเน้อ !”

พ่อพยักหน้า กำชับอย่าดูให้ใกล้เกินไป ผมแต่งกายลวกๆ เดินสลับวิ่งไปกาดหลวงอย่างตื่นเต้นสุดขีด

 


ตั้งแต่ผมเกิดมา ไม่มีไฟไหม้กาดหลวง กาดหลวงเป็นกาดหลักที่ใหญ่ที่สุดของเชียงใหม่ ผมมาถึงประตูทางเข้าโรงหนังศรีนครพิงค์แล้ว ถนนช้างม่อยทอดผ่านไปยังกาดหลวง เจ้าของร้านสองฝั่งถนนกำลังตื่นตระหนกกับไฟที่กำลังลุกไหม้ คาดเดาไม่ถูกว่ามันจะลุกลามมาถึงร้านตน หรือถูกรถดับเพลิงฉีดน้ำดับไฟลงได้ก่อน ผมเดินไปตามทางเท้าของถนนช้างม่อย ไปทางทิศตะวันออกมุ่งสู่กาดหลวง ผมเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น ถนนสายนี้จะเลี้ยวขวา แล้วทอดยาวไปถึงสี่แยกอุปคุต และถนนนี้ยังอยู่กลางระหว่างกาดหลวงกับกาดต้นลำไย มีเชือกกั้นขวางถนน แสดงเขตบุคคลทั่วไปห้ามเข้า กลางถนนมีร่องรอยฉีดน้ำของรถดับเพลิง ผู้คนเดินกันไปมาพลุกพล่าน เห็นรถดับเพลิงคันหนึ่งจอดหน้าร้านอุดมผล เป็นร้านขายเครื่องเขียน พนักงานรถดับเพลิงช่วยกันถือสายฉีดน้ำ ฉีดน้ำพุ่งสูงขึ้นไปยังอาคารต้นเพลิง ที่อยู่ใกล้ร้านอุดมผลในตำแหน่งทิศใต้ ไฟลุกลามรวดเร็ว สายน้ำที่พุ่งจากรถดับเพลิงคันเดียว ไม่สามารถสกัดเปลวไฟสีส้มจัดที่ลุกลามรวดเร็วได้ ไฟลามไปตามอาคารร้านค้าที่อยู่ติดกัน และรุกไปยังด้านหลังของกาดต้นลำไย เสียงเปลวไฟลุกไหม้กลืนเชื้อไฟ เหมือนเสียงคำรามที่น่าหวาดหวั่น ผมไปยืนที่ขัวแตะใกล้ร้านวิศาลบรรณาคาร
(ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ในปัจจุบัน) เสียงไฟไหม้ดังเปรี๊ยะๆ อย่างน่ากลัว มันลามขยายพื้นที่มาด้านหลังกาดต้นลำไย ถ้าไฟไหม้มักมีลมพัดเข้ามาผสม ทำให้ไฟลุกมากขึ้น พร้อมกับควันและสะเก็ดไฟ สังกะสีปลิวลอยในอากาศเหมือนแผ่นกระดาษบางเบา ผมขยับตัวกลัวมันจะบินมาทำอันตราย ย้ายมายืนตรงมุมถนน ตรงข้ามร้านวิศาลบรรณาคาร หูได้ยินเสียงไฟปะทุ เสียงขยับตัวของแผ่นสังกะสีแกรกกรากยามโดนไฟแผดเผา เสียงผู้คนเสียงพนักงานดับเพลิง เปลวไฟลามเลียตวัดไปมาเหมือนมีชีวิต รถดับเพลิงวิ่งเข้ามาเพิ่มอีกหลายคัน แต่สายไปเสียแล้ว สายน้ำที่ฉีดแรงเป็นลำยาว ไม่ทำให้เปลวไฟลดระดับลงเลย สายน้ำที่กระโจนเข้ากองไฟ มันพุ่งเข้าไปแล้วหายเงียบ มันเหมือนปืนฉีดน้ำเด็กเล่นยามสงกรานต์เช่นนั้น เปลวไฟฝั่งกาดต้นลำไยตรงจุดต้นเพลิง เอนข้ามฝั่งไปหาอาคารฝั่งกาดหลวง เปลวไปลามเลียเหมือนสัตว์ร้าย ไฟลามติดกรอบหน้าต่างที่เป็นไม้ก่อน แล้วจึงลามไปส่วนอื่น พนักงานดับเพลิงพยายามฉีดน้ำสกัด แต่ต้านไม่ไหว ร้านขายสินค้าที่อยู่ใกล้ ต่างพากันขนของหนีไฟอย่างตื่นตระหนก มีคนเข้ามาช่วยขนของทั้งหวังดีและหวังร้าย

 


หวังดีโดยช่วยขนของอย่างไม่ฉกฉวยขโมยของ บางรายได้โอกาสขโมยของไปด้วย เช่น ร้านทอง ร้านแขกขายผ้า สี่ล้อ สามล้อ ฯลฯ นายห้างจ้างสามล้อถีบขนผ้าที่เป็นพับไปส่งที่บ้านหรือโกดัง ขึ้นรถสามล้อ 3 คัน ลูกเจ้าของร้านนั่งไปด้วยหนึ่งคัน รถสามล้อส่งถึงที่ 2 คัน หายไร้ร่องรอย 1 คัน ร้านทองมีคนเข้าไปจะช่วยขน ขณะที่เถ้าแก่เจ้าของร้าน ลูกชายลูกสาว กำลังช่วยกันขนสร้อยแหวน กำไล


ไม่ต้องช่วยขนๆ ! อั้วกับลูกๆ ช่วยกันได้ !” เถ้าแก่ส่งเสียงโล้งเล้งพร้อมกับโบกไล่มือคนที่ฮือเข้าไปช่วย ตาแกกวาดไปมาอย่างหวาดระแวง

เตี่ย ! เอาของใส่ถุงแล้วจะเอาไปไว้ไหน ?”ลูกชายวัยหนุ่มถาม

เอาไปฝากตำรวจแม่ปิงไว้ก่อน เร็วๆ หน่อยโว้ย” เถ้าแก่เร่งมือขนสินค้ามูลค่าสูงของแก

ใส่ถุงแล้ว ลื้อกับหมวย ขนของไปโรงพักแม่ปิง ให้หมวยมันเฝ้าไว้ ส่วนลื้อกลับมาช่วยเตี่ย เข้าใจไหม ?”

 


ทองที่ขนไม่ทันถูกไฟเผาไหม้ละลายปนไปกับเศษขี้เถ้า ร้านอื่นก็เช่นกัน ไฟยังคงคุอยู่ ไม่ดับสนิทเสียทีเดียว

ได้ยินเสียงเครื่องบิน บินผ่านเหนือกองไฟที่กำลังเผาผลาญกาดหลวง กาดเก่าแก่ของเชียงใหม่ ทราบข่าวจากปากต่อปาก เครื่องบินจะทิ้งระเบิดเคมีเพื่อดับไฟ แต่เกรงประชาชนที่กำลังโกลาหล จะได้รับอันตราย จึงได้เลิกล้มไป ไฟกลับลุกไหม้ขึ้นมาอีก รถดับเพลิงต้องคอยฉีดน้ำเลี้ยงไว้เตลอดเวลา น่าแปลกใจ ไฟไม่ได้ลุกลามข้าม “ตรอกเล่าโจ๊ว” (ตรอกข่วงเมรุ) ไปเผาไหม้ “ศาลเจ้าพ่อกวนอู” ได้เลย ยิ่งทำให้ผู้คนเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ มีคนไปกราบไหว้สักการะมากขึ้น

 

หนังสือพิมพ์คนเมือง

ราคาฉบับละ 1 บาท รายงานว่า ไฟไหม้กาดหลวงเสียหายประมาณ 100 กว่าล้านบาท พ...นิรันดร ชัยนาม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ขณะนั้นแจ้งว่า ต้องสร้างตลาดใหม่โดยเร็ว ผมตรวจดูจากปฏิทิน 100 ปี ได้พบหลักฐานระบุว่า ไฟไหม้กาดหลวง (ตลาดวโรรส) ตรงกับวันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ 2511 เป็นวันมาฆบูชา เวลาราว 13.00 .

 

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
รัฐภาค เพื่อนรักยิ่ง เป็นไงบ้าง คลายเครียดหรือยังล่ะ ไม่มีกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ ยกขบวนแสดงพลังอะไรต่อไป กันมองเป็นเรื่องที่น่าศึกษา เป็นเรื่องของการพัฒนา การแก้ไข การสร้างถนนสายใหม่ อำนาจประชาชนเป็นอำนาจที่มีพลังยิ่งใหญ่ แต่ต้องเป็นอำนาจที่ยึดกฎหมายเป็นกรอบ กันว่าอำนาจทั้งสามต้องสมดุลกัน คือ อำนาจบริหาร (รัฐบาล) ตุลาการ (ศาล) นิติบัญญัติ (รัฐสภา) กันหมายถึงว่า คานอำนาจกันไว้ ไม่ให้หนักไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ในเวลานี้ เราอยู่ได้ก็เพราะศาล กันอยากถามแกเกี่ยวกับบ้านเมืองของเราสักหน่อย เพราะแกสนใจข่าวการบ้านการเมืองตั้งแต่เรียนมัธยมต้น ส่วนกันไม่ค่อยสนใจเท่าไร มันปวดหัวน่ะ
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
สถานที่ แข่งบ้องไฟเป็นทุ่งนาเก่า อยู่ใกล้ๆที่ว่าการอำเภอ กรรมการ 3 คน ผม ธาตรี คุณโพยม นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่   กระจายอยู่ห่างกัน คนละมุมมอง บ้องไฟส่งเข้าแข่งขัน  12  ราย กรรมการฝ่ายจุดชนวน นำบ้องไฟรายแรกไปโคนต้นไม้ กรรมการที่ไต่ต้นไม้เก่ง 2 คน  นำลำตัวบ้องไฟพาดง่ามไม้ จุดชนวน ปรากฏควันกรุ่นตรงหางบ้องไฟ   สะเก็ดประกายไฟฟู่ขึ้น  บ้องไฟพุ่งพรวดขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที  เสียงโห่ร้องของชาวบ้านที่มาชมมากมายดังขึ้น   รายแรกขึ้นสูงปานกลาง ควันมาก ผมกรอกคะแนนสบายใจ 7 คะแนน …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
งานลอยกระทงของอำเภอเวียงแหงผ่านพ้นไปแล้ว แต่ผลการตัดสินการประกวดกระทง ยังคงถูกวิพากษ์วิจารณ์แพร่หลาย ไม่จางหายไปง่ายๆ บ้างกล่าวว่า กรรมการตัดสินลำเอียง ตัดสินให้กระทงบ้านเจ้าภาพของงานชนะเลิศ เพราะพากรรมการไปเลี้ยงดูปูเสื่อ บางกลุ่มว่าประธานกรรมการตัดสิน มีภรรยาเป็นชาวบ้านของกระทงที่ชนะเลิศ สารพัดของการณ์วิจารณ์ บ่งบอกการไม่พอใจ ไม่ยอมรับกรรมการตัดสินกระทงชุดนี้ เวลาผ่านไปเทศกาลวันเข้าพรรษาวนมาถึง ปีนี้นอกจากงานทำบุญแล้ว จะมีการประกวดบ้องไฟหรือบั้งไฟด้วยโดยบ้านเวียงแหงเป็นเจ้าภาพ หมู่บ้านใกล้ไกลได้รับแจ้งข่าว เชิญชวนส่งบ้องไฟเข้าประกวดเรื่องสำคัญที่ถูกหยิบยกมากล่าวถึงอีกได้แก่…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ใกล้สิ้นปีแล้วเหลืออีกเดือนเดียว เดือนธันวาคมเป็นเดือนสุดท้ายของปี ที่เวลาเดินเร็วที่สุด จำนวนวันก็เท่าๆกับเดือนอื่นๆ เราไม่ได้เร่งรัดวันเวลา ปล่อยวันในเดือนสุดท้ายเดินไปตามปรกติ เวลาเดินไปสม่ำเสมอ ภายใต้ความรู้สึกคึกคัก เหมือนมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษของเรา งานเลี้ยงรุ่นใกล้เข้ามาอีกปีหนึ่ง กำหนดคงเป็นต้นเดือนมกราคม 2552 จะได้พบเพื่อนที่เคยนุ่งกางเกงขาสั้นสีกากีเสื้อขาวอีกครั้ง หน้าตาคงเปลี่ยนไปตามวัยผมเผ้าน้อยลง หน้าเหี่ยวตีนกาขึ้น ลงพุงแข่งกัน ฟันฟางแท้ลดจำนวนฟันปลอมเข้ามาครองแทนที่ ไม่น่าดูเลย ช่างเป็นอนิจจังเสียจริง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ลูกเสือ ทุกหมู่ช่วยกันกางเต็นท์ ประกอบอาหาร มองเห็นควันไฟลอยกรุ่นสู่เบื้องบน ได้ยินลูกเสือพูดคุยกันแว่วมา นอกจากครูวีรภาพ และครูภาสกร ที่เป็นผู้กำกับลูกเสือแล้ว ยังมีท่านอื่นทำหน้าที่รองผู้กำกับลูกเสือ เริ่มมืดค่ำลงแล้ว แสงสว่างจากหลอดไฟฟ้าที่แขวนเป็นจุดๆ ทั่วค่ายลูกเสือส่องสว่างพอประมาณ เนื่องจากแขวนสูงและวางจุดห่างกันมาก สถานที่นี่เรียกกันว่าหน่วยอุทยานแห่งชาติศรีลานนา หรืออุทยานห้วยกุ่ม กิโลเมตรที่ 65 ฝั่งตะวันออกถนนเชียงใหม่-ฝาง ครูชาย ตั้งวงโขกหมากรุก เป็นกีฬาที่ครูชายในโรงเรียนกำลังนิยมไม่เว้นแม้ภารโรง เนื่องจากครูที่ย้ายมาใหม่จากกรุงเทพฯ ชื่อ “ภักดี”…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ในวัยราว 6 ขวบ พ่ออุ้มผมที่บาดเจ็บตรงสะบ้าหัวเข่า เดินท่องน้ำที่กำลังท่วมผ่านสนามโรงเรียน ไปส่งห้องเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เป็นบาดแผลเกิดจากคมมีดที่ผมฟันกิ่งไม้แห้ง แล้วแฉลบมาโดนจนเนื้อแหว่ง ต้องทายาพันผ้ายาวคืบกว่า ตอนเย็นพ่อก็ไปรับอุ้มกลับบ้านอีกรอบ พ่อแม่ญาติพี่น้องให้ผมหยุดโรงเรียน แต่ผมรบเร้าจะไปโรงเรียนให้ได้ ฤดูหนาว เวียนมาถึง อากาศหนาวเย็น การอาบน้ำตอนเย็นเป็นเรื่องอิหลักอิเหลื่อของสมาชิกทุกคนในครอบครัว ย่าตักน้ำใส่คุวางไว้กลางข่วงบ้าน (ลานบ้าน) ตั้งแต่เที่ยงวัน ตักอาบน้ำตอนเย็นจะได้อุ่น ใครขยันหน่อยตักน้ำใส่ปี๊บแล้วต้ม เป็นช่วง 40 กว่าปีมาแล้วยังไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมกับธาตรีสนิทสนมกันมากขึ้นผมเป็นหนุ่มใหญ่มีครอบครัวแล้วมาจากในเมืองเชียงใหม่ ธาตรีหนุ่มโสดผิวสีกาแฟลืมใส่นมวัยยี่สิบเศษมาจากกรุงเทพฯ เราทั้งคู่สูงต่ำพอกัน เวลาผ่านไปได้สองสัปดาห์ ผมชวนธาตรีเดินเตร่หาบ้านเช่าหลังใหม่ ได้บ้านไม้สองชั้นหลังใหญ่อยู่ติดถนนริมทุ่งนา มีบ่อน้ำใสอยู่ข้างบ้าน ตกลงราคากันเรียบร้อย ผมชวนธาตรีมาอยู่ด้วยกัน เขาทำท่าอิดออด... ผมจึงโน้มน้าวว่า เราอยู่กันสามคนกับหัวหน้า การทำอะไรก็เกรงใจท่าน เราต้องสำรวมพอสมควรจะร้องเพลงเต้นแร้งเต้นกาก็ทำไม่สะดวก เห็นผู้หญิงสวยๆ ขาวๆ เดินผ่านหน้าบ้าน จะพูดจาทักทายเย้าแหย่ทำไม่ได้เต็มที่ ค่าเช่าบ้านไม่ต้องห่วง ผมเบิกได้…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
จำได้ว่า วันแรกที่ผมเดินทางมาถึงห้องทำงานที่ว่าการอำเภอเวียงแหง เป็นเดือนพฤศจิกายน2528 หัวหน้าหน่วยงานแนะนำให้รู้จักเจ้าหน้าที่งานต่างๆ ดูหน้าตาใครอาวุโสกว่าผม ผมยกมือไหว้ก่อนแล้วทักทาย ใครหนุ่มกว่าก็ทักทายเพียงวาจา ทุกคนอัธยาศัยดี เป็นกันเอง เด็กหนุ่มผิวเข้มคนหนึ่งทราบภายหลังว่าเป็นชาวกรุงเทพฯ ชื่อ ธาตรี ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการ ยกมือไหว้ผม และกล่าวคำว่า “สวัสดีครับ” ผมรับไหว้กล่าวคำสวัสดีเช่นกัน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เปิดอัลบั้มเห็นภาพตนเอง ยืนคู่กับผู้บริหารโรงเรียน กอดอกวางมาดเท่ หน้าที่ว่าการอำเภอเวียงแหง สวมหมวกไหมพรมเสื้อกันหนาว ถุงมือ กางเกงสีทึมทึบและรองเท้าผ้าใบ ถ่ายนานหลายปี ภาพๆ เดียวทำให้เกิดภาพชีวิตจริงในอดีตปี 2530 ทยอยเคลื่อนมาสู่มโนคติมากมาย มันตื่นเต้นระทึก เข็ดขยาด น่าจดจำ ภาพรถติดโคลนยาวเหยียดบนดอย ภาพจอดรถจักรยานยนต์ ยืนกินข้าวเหนียวกับไส้อั่วกลางฝนกลางป่า ดื่มน้ำฝนที่ไหลผ่านหน้าผาก จมูก ผ่านปากกลั้วคอ ภาพบ่างโฉบจากต้นไม้ ภาพเป่าเขา ควาย เพิงขายของริมทาง ภาพนั่งเฮลิคอปเตอร์เลียบเลาะผ่านหุบเหว เหตุการณ์บนรถยนต์กลางดอยยามดาวสาดแสง ยุงกัดตลอดคืน ฝูงหิ่งห้อยบินส่องแสงวิบ ๆ กลางป่ามืด…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำใกล้ลับขอบดอย บอกการอำลาท้องฟ้าไปทุกขณะ ช่างเหมือนข้าราชการเกษียณ ที่ต้องอำลาชีวิตราชการในวันนี้ ทุกอย่างมีเริ่มและสิ้นสุด ผู้คนเริ่มทยอยเข้าร้าน “เงาจันทร์” ทุกคนนั่งประจำที่ เครื่องดื่มถูกลำเลียงบริการ ข้าราชการเกษียณนั่งเรียงกันครบ 12 คน อีกด้านหนึ่งของโต๊ะ ผู้บริหารนั่งกระจายไป หัวหน้าการนั่งประจำหัวโต๊ะ ท่าทางผึ่งผายแย้มยิ้มสำรวม นักร้องครูชายหญิงที่เสียงเพราะพริ้งที่สุด สับเปลี่ยนกันเกริ่นกล่อมบรรยากาศ เสียงหัวเราะหยอกเย้า เสียงชนแก้วเริ่มคึกคัก ชิดชัยผู้อำนวยการโรงเรียนหนุ่ม จอดรถจักรยานยนต์ไว้หน้าร้าน โดยหันหน้าขึ้นในตำแหน่งทิศเหนือ ซึ่งบ้านของตนตั้งอยู่…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เมื่อผมย้าย มาอยู่ที่สามหลัง ได้รู้จักกับครอบครัวหนึ่ง บ้านใกล้กัน สามีภรรยาอยู่ในวัยทำงาน ขยันทั้งคู่ เขามีบุตรชาย คนหนึ่งเป็นเด็กที่น่าสนใจ น่าเรียนรู้ ผลการเรียนเกรด 4 ทุกวิชา ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 ...อยู่ในครรภ์มารดา 7 เดือนเศษก็คลอด หลังคลอดต้องนอนห้องไอซียู อีก 1 เดือน เพราะร่างกายไม่แข็งแรง ปอดไม่ปรกติ หมอต้องเจาะรักษา จากนั้นมานอนพักฟื้นที่ห้องพิเศษอีก 7 วัน จึงกลับบ้านได้ ขณะเรียนหนังสือ เวลาว่างชอบอ่านหนังสือเสมอ ปั่นจักรยานเล่นในหมู่บ้าน มือถือหนังสือ ท่อนแขนกดแฮนด์รถไว้ อ่านหนังสือไปด้วย จนคนในครอบครัวต้องว่ากล่าว เกรงจะได้รับอันตราย ในด้านสัมมาคารวะ ระเบียบวินัย…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
คำว่า “เพื่อน”มีความหมายมากมาย เป็นคนที่ไปเที่ยวด้วยกัน ช่วยเหลือกัน กินด้วยกัน มีอะไรในใจพูดได้ทุกอย่างพูดแล้วสบายใจ เป็นที่ปรึกษาปัญหาสารพัด ยืมเงินได้แต่ต้องใช้ตรงเวลา บางคนรักเพื่อนมาก เพื่อนทำผิดยังปกป้อง ก็ต้องพิจารณารักเพื่อนมากไปไหม เพื่อนผมคนหนึ่ง พ่อแม่เลิกกัน แม่แยกมาอยู่กับน้องสาว น้องสาวมีครอบครัว สามีน้องสาวคงไม่เต็มใจต้อนรับนัก เพื่อนผมมักมีเรื่องโต้เถียงกับสามีพี่แม่ ผมได้ยินครั้งหนึ่ง ทั้งคู่พูดกูมึง ซึ่งนับว่ารุนแรง แม่ผมคงรู้เรื่องนี้ดีและรู้จักคุ้นเคยกับแม่เพื่อน แม่ขี้สงสาร เห็นอกเห็นใจคน จึงบอกให้เพื่อนผมว่า“หากไม่สบายใจ..มาอยู่กับสันทัดก็ได้ มานอนที่บ้านแม่…