Skip to main content

ทำตามอุ๊ยบอก

เดินลงบันได สวมรองเท้าแตะที่เย็นเล็กน้อยมานั่งก้อม (ม้านั่งเตี้ย) ข้างกองไฟ เจ้านากคงนอนต่อไป ปีกจมูกสีดำชื้นๆขยับขึ้นลง แสงแดดอ่อน ค่อยสาดส่องลอดใบไม้กิ่งไม้สู่ลานบ้าน ความหนาวเยือกถูกเทพแห่งความร้อนรุกไล่ เสียงอุ๊ยตะโกนจากบนบ้าน ให้ผมปัดกวาดสาดแหย่ง (เสื่อที่ทอจากผิวคล้า คือกกชนิดหนึ่ง) ที่ปูบนตั่ง (ที่สำหรับนั่ง ไม่มีพนัก อาจมีขาหรือไม่มีขาก็ได้) ให้สะอาด ตั่งนี้อยู่ข้างรั้ว ห่างจากกองไฟเล็กน้อย สักครู่อุ้ยถือถ้วยมายืนที่ตีนบันได เรียกผมให้ไปรับ ผมสาวเท้าไปหา อุ๊ยบอกว่า “แกงผักขี้หูด” ใส่ปลาแห้งมันร้อน ให้ถือย่างระมัดระวัง อีกถ้วยใส่แคบหมูกรอบๆขนาดชิ้นละคำน่ากิน ผมเดินกลับมาช้าๆ ตามองแกงในถ้วย ระวังเต็มที่ไม่ให้น้ำแกงกระเพื่อมหก ยื่นไปวางบนกลางสาด ถอดรองเท้าฟองน้ำ นั่งขัดสมาธิเฝ้าอาหารเช้า ไอร้อนจากแกงลอยเป็นทางขึ้นรับแดดอ่อน เสียงพ่อแม่สลับกันตะโกนบอกจากบ้านอีกหลังว่า ให้รอสักพัก กำลังทอดปลาบ้วงหน้อย (ปลาช่อนหมักเกลือตากแดด ตัวเล็กเท่าฝ่ามือ) เกือบเสร็จแล้ว อุ๊ยหิ้วก่องข้าวเหนียวและช้อนสังกะสี 3-4 ใบมาด้วย

 

 

พอดีพ่อกับแม่ลงมาสมทบ

แม่มีปลาบ้วงหน้อยทอดกรอบสีน้ำตาลเข้มน่ากิน จำนวน 4 ตัว พ่อวางน้ำพริกแดงตำเองสีแดงปนน้ำตาลเนื้อฉ่ำ ใส่ถ้วยเล็กๆสีขาวท้าทายให้ปั้นข้าวเหนียวจ้ำลงไปลองลิ้ม แม่วางแกงแคใส่เนื้อไก่ลงไป พ่อวางก่องข้าวอุ่น ทุกคนนั่งล้อมวงอาหารบนตั่ง พ่อเปิดก่องข้าวเหนียว ไอร้อนของข้าวเหนียวสีขาวนุ่มลอยเป็นทางขึ้นมาทันที พ่อคดใส่จานเพียงกินหมดขณะยังอุ่น ไม่คดใส่มากจนกินไม่หมดจานข้าวเย็นเสียก่อน จานข้าววางไว้ระหว่างพ่อกับแม่ 1 จาน อุ๊ยคดข้าวเหนียวใส่จานสำหรับอุ๊ยกับผมอีก 1 จาน แม่ใช้มือปัดหมวกไหมพรมไปข้างหลังเล็กน้อย หมวกไหมพรมของผมเปิดเฉพาะตากับจมูกปาก ถูกดึงขึ้นไปม้วนเหนือหน้าผาก อากาศยังคงเย็น แดดสาดแสงอบอุ่นมายังวงกินข้าว อาหารเช้ายามหนาว ข้าวอุ่นแกงร้อน แดดอุ่น พ่อแม่อุ๊ยพร้อมหน้ากัน น้ำพริกแดงรสเด็ด อร่อยจริงๆ กินไปคุยกันไป มีอะไรก็พูดกันกลางวงอาหาร อุ๊ยสอนพวกเราทุกคน พ่อแม่สอนผม สอนอุ๊ยไม่ได้ถือว่า เด็กสอนผู้ใหญ่ไม่ได้ ถ้าจำเป็นจริงอาจพูดว่า “สูมาเต้อะ อี่แม่ อย่าว่าเจ้าสอนเลย คือว่า...” ถ้าผู้เฒ่าผู้แก่ใจเย็นพอก็ไม่มีอะไร ถ้าท่านยอมรับไม่ได้ จะพบการสั่งสอนอบรมสวนกลับอย่างหนักทีเดียว ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ จึงไม่มีลูกหลานกล้าเสี่ยง ถ้าลูกหลานต่อปากต่อคำ ที่ท่านมักบอกว่า “เถียง” ก็จะย้อนว่า “กูเกิดก่อนมึง อาบน้ำฮ้อนมาก่อน...บ่ะต้องมาสอนมาสั่ง...ตอนกูเกิด มึงยังเป็นลมเป็นฝนอยู่...เฮอะเหอ !”

 


(3)


วงอาหารไม่ว่ามื้อใด

จึงเป็นสถานที่กินข้าวและอบรมลูกหลาน แม่เคยเป็นครูมาก่อน จะไม่ว่ากล่าวพ่อรุนแรงจนเสียอารมณ์ พาลกินอาหารไม่อร่อย และแม่จะระวังไม่สอนผม จนทำให้ผมกลืนข้าวฝืดคอ ผมจำได้ว่า เมื่อผมโตขึ้น เรียนชั้น ป.4 แล้ว เคยถามอุ๊ยและแม่ว่า

ทำไมต้องมาสอนมาด่าหรือต่อว่า เวลากินอาหารทุกครั้งไป สอนหรือด่าตอนอื่น บ่ะได้กา ?”
อุ๊ยและแม่ตอบคล้ายกันว่า

เวลากิ๋นข้าว ทุกคนมาอยู่พร้อมหน้ากั๋น มีอะหยังจะได้อู้กั๋นเสียทีเดียว”

ครูที่โรงเรียนสอนว่า เวลากินข้าว ทุกคนในครอบครัวควรพูดแต่เรื่องดีๆ กินข้าวจะได้อร่อย ครูไม่ให้พูดเรื่องเศร้า เรื่องเคร่งเครียด จะกินข้าวไม่ลง เรื่องตลกก็ห้ามพูด มัวหัวเราะ ข้าวยังเต็มปากอาจสำลักได้”


อุ๊ยกับแม่ได้ฟังผมพูดตามครูสอน ทั้งสองมองหน้ากัน พ่อหัวเราะหึๆ แม่หันขวับมาทำตาเขียวปัดให้พ่อ พ่อรีบปิดปาก ลุกขึ้นหันหลังเดินไปหัวเราะและยิ้มไกลๆแม่ แม่เป็นคนที่มีไหวพริบ ปฏิภาณไว ไม่เคยจนมุมใครในเรื่องฝีปาก สวนวาจาผมอย่างไม่เสียเชิง ทั้งที่ครั้งแรกอึ้งไปนิดหนึ่ง

บ่ะสอนต๋อนกิ๋นข้าว แล้วจะไปสอนต๋อนไหนหือ! ลูกเต้ากินข้าวแล้วก็โดดปึ้ก ไปเล่นไปแอ่วหายแซบ วันค่ำ...อุ๊ย พ่อแม่ว่าแล้วยังมาเถียง"

ปลาบ้วงหน้อย น้ำพริกแดง แกงฮ้อนๆ ตอนหน้าหนาว ข้าวนึ่งอุ่น อาบแดดเจ้า................... ”


กินข้าวเสร็จ
ต่างแยกย้ายขึ้นบนบ้าน แม่กำชับให้ผมแปรงฟังหลังอาหาร ผมช่วยอุ๊ยเก็บจานขึ้นบ้าน อุ๊ยล้างจาน ผมแปรงฟันแล้วลงมาผิงไฟ พ่อกินข้าวเสร็จ ได้เดินไปให้อาหารหมู
2 ตัวหลังบ้านอุ๊ย มันเป็นหมูพันธุ์สีขาว กำลังจะโตเป็นหนุ่มสาว ผมนั่งผิงไฟได้ยินเสียงหมูร้องอู๊ดๆ เมื่อพ่อหิ้วถังใส่อาหารไปให้มัน ได้ยินแม่สาดน้ำล้างจานลงจากห้องครัวหลังบ้าน กระทบพื้นดินดังโครม อุ๊ยเดินลงบันไดมา ส่งเสียงเรียกเจ้านาก ยามรักษาการประจำบ้าน มันลุกขึ้นจากกองขี้เถ้าข้างกองไฟช้าๆ เหยียดเท้าหน้าทั้งคู่ไปจนสุดตัว กดหลังลงครู่หนึ่งเหมือนคนยืดเส้นยืดเอ็น ไปหาจานข้างตีนบันไดบ้าน ผมนั่งผิงไฟครู่หนึ่ง สมองคิดไม่ออกว่า วันนี้จะไปไหนดีหันหน้ามองลอดรั้วบ้าน ข้ามถนนไปยังหน้าบ้านของ “อู๊ด” เพื่อนผม อู๊ดอายุมากกว่าผม 1 ปี จึงเรียนชั้นสูงกว่าผมชั้นหนึ่ง

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมฟังเธอไปด้วย จดบันทึกส่วนที่สำคัญๆไปด้วย เนื้อหาบางอย่างใช้สมองจำไว้ เธอซึ่งเป็นผู้เล่าเรื่องราวชื่อ นางอุไร บุญหมั้น อายุ 45 ปี ไม่น่าเชื่อ ดูหน้าตาเหมือนอายุประมาณ 30 กว่าปีเศษเล็กน้อย ผิวขาวปนเหลือง รวบผมยาวไว้ข้างหลัง บรรยากาศเริ่มเป็นกันเอง คงเพราะเราเป็นคนเหนือหรือคนเมืองด้วยกัน เธอเล่าต่อว่า ในเวลานี้หมู่บ้านมี 159 หลัง มีอาชีพทำเครื่องปั้นดินเผา 50 หลัง ผู้สร้างผลงานเครื่องปั้นดินเผานี้อยู่ในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ดินที่ใช้ปั้นเป็นดินในหมู่บ้านส่วนหนึ่ง อีกส่วนจะมีรถบรรทุกมาส่งให้ เมื่อผมเห็นว่าได้ข้อมูลมากพอตามต้องการแล้ว ผมก็กล่าวขอบคุณและกล่าวลา ไม่ลืมซื้อน้ำต้นราคาใบละ…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ขับรถจากอำเภอสันป่าตอง มุ่งไปเชียงใหม่ ด้วยความเร็ว 60-70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วขนาดนี้ถ้าพูดกับพวกตีนผีหรือวัยรุ่นทั้งหลาย จะถูกปรามาสอย่างรุนแรงว่า ไม่ควรเรียกว่าความเร็วเลยลุง น่าจะเรียกว่า การเคลื่อนที่คลานไปแบบเต่าพันปีมากกว่า ก็ไม่รู้สึกอะไร มันเป็นความจริง ผมขับรถชิดเลนซ้ายแบบสบายอารมณ์ พอมาถึงทางแยกหางดง-สะเมิง ผมหยุดรถเพราะติดไฟแดง มองไปข้างหน้า เฉียงไปทางซ้ายมืออย่างไม่ตั้งใจ เห็นน้ำต้น (คนโท) ใบใหญ่สีน้ำตาล ตั้งโดดเด่นตรงข้างซุ้มประตูเข้าหมู่บ้านเหมืองกุง ทำไมมันใหญ่โตปานนี้ ใครเป็นผู้สร้างแล้วสร้างทำไม…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  หากใคร ได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ ได้มีโอกาสไปสักการะอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ซึ่งตั้งอยู่ด้านตะวันออก ของหอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ เมื่อกราบเสร็จยืนขึ้น มองเฉียงไปทางซ้ายมือผ่านถนนไป จะเห็นวัดร้าง ที่เหลือให้เห็นเพียงเจดีย์และพระพุทธรูปองค์ใหญ่ วัดร้างนี้เดิมชื่อ “วัดสะดือเมือง” หรือ “วัดอินทขีล” สถานที่นี้ในปัจจุบันคือ หอประชุมติโลกราช ติดๆกันจะเป็นร้านข้าวมันไก่ลือชื่อของเชียงใหม่ วัดร้างนี้เดิมเป็นที่ตั้งของ “เสาอินทขีล” หรือ “สะดือเมือง”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 เมื่อตอนที่ผมเรียนชั้นมัธยมต้น ที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย สนามฟุตบอลของโรงเรียนได้ใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่เสมอๆ เช่น การแข่งขันกีฬากรีฑานักเรียน การจัดงานวันปิยมหาราช จัดงานฤดูหนาวในอดีต ก่อนย้ายไปจัดที่สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ จัดการแข่งขันฟุตบอลประชาชนของเชียงใหม่ และที่กรุงเทพฯ ก็มีการจัดแข่งขันฟุตบอลประชาชน แบ่งทีมเป็นถ้วย ก, ข, ค และ ฯลฯ ถ้วย ก. นั้นผู้เล่นมีฝีเท้าจัดระดับทีมชาติ ที่กระจายไปเล่นในทีมต่างๆ จำได้ว่ายุคนั้น ทีมทหารอากาศดังมาก เป็นแชมป์ถ้วย ก.หลายปีติดต่อกัน ที่เชียงใหม่ ก็จัดการแข่งขันฟุตบอลประชาชนที่สนามโรงเรียนยุพราชฯ เช่นกัน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ปีการศึกษา   2528ทางกระทรวงศึกษาธิการ   มีนโยบายจะส่งเสริมพระพุทธศาสนาแก่นักเรียน   จึงได้จัดสร้างพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์   และจัดสรรให้แก่โรงเรียนทั่วประเทศ   ในรุ่นแรกจะมอบให้แก่โรงเรียนนำร่องก่อน   ปีต่อไปจึงจะทยอยมอบให้   จนครบทุกโรงเรียน   โดยมีจุดมุ่งหมายให้โรงเรียนนำพระพุทธรูป   ไปประดิษฐานข้างๆเสาธง   เพื่อให้นักเรียนทำกิจกรรมหน้าเสาธงในตอนเช้า   ครบทั้ง  3  สถาบัน  คือชาติ  ศาสนา   พระมหากษัตริย์  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 อีกคืนหนึ่งผมไปเที่ยวงานฤดูหนาวกับเพื่อนเช่นเคย คราวนี้ชวนกันเข้าชมบ้านผีสิง กลัวก็กลัว อยากดูก็อยากดู ลำโพงหน้าบ้านผีสิง เปิดเทปได้ยินเสียงพระสวดพึมพำ ฟังดูขลังนัก สวดไปสักพัก ได้ยินเสียงหมาหอน เสียงโหยหวน เย็นลึก เหมือนดังมาจากป่าทึบที่มืดน่าสะพรึงกลัว มันวังเวง สั่นคลอนอารมณ์เหลือประมาณ ผู้เข้าชมส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นชายหญิง ที่พากันมาเป็นกลุ่ม กลุ่มผมเดินผ่านประตูเข้าไป ข้างในค่อนข้างมืด มีไฟจากข้างทางเดินสว่างเป็นระยะ ให้พอมองเห็นทางได้บ้าง เราเดินเบียดกันแบบกล้าๆกลัวๆ เดินเข้าไปได้ 2-3 ก้าว มีผีจำแลงโผล่หน้าพรวดออกมา พวกเราตกใจขยับตัวถอยหนี เพื่อนผมเป็นนักมวยต่อยเปรี้ยงสวนออกไป…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เป็นการป้องกันวัวควายตกลงมาขณะรถวิ่ง พื้นที่ส่วนนี้ประมาณ 3 ไร่ ใกล้กันนั้นมีสุ่มไก่วางเต็มลานดิน บางคนอุ้มไก่ บางสุ่มมีไก่ขังไว้ ที่นี่เป็นตลาดไก่ชน มีหลายราคาแล้วแต่จะตกลงกัน เมื่อชมจนพอใจก็เดินขึ้นทางทิศเหนือแล้วเลี้ยวขวา จะพบสถานที่ขายรถจักรยานยนต์ จอดเต็มพื้นที่ราดคอนกรีต หลังคาสูง ประมาณสี่คูหา ที่ติดกันเป็นร้านขายรถจักรยานอีก 1 คูหา มีคนสนใจมากพอๆกับรถที่จอดรอซื้อขาย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เมื่อรถจักรยานยนต์ คันแรกในชีวิตถูกโจรจี้ไป แจ้งตำรวจแล้ว อีกทางก็รอเวลาไปไถ่รถตามที่เจ้าโจรตัวแสบบอก ขณะจะขับขี่รถหนีไป ทุกอย่างยังเงียบสงบ ผมต้องวิ่งวุ่นติดตามข่าวสาร ต้องเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า หากมีใครถาม พอบ่อยๆเข้าผมชักหมดแรงจะเล่า บางคนบอกว่า ลองไปดูที่กาดงัว อำเภอสันป่าตอง เพราะที่นั่นเป็นแหล่งขายรถจักรยานที่ใหญ่มาก ผมได้รู้จักชื่อกาดงัวของอำเภอสันป่าตองครานั้น มันเป็นกาดซึ่งมีลักษณะอย่างไร ขนาดใหญ่โตแค่ไหน รถลักขโมยนำมาขายได้หรือ เดินทางไปไม่ถูก รถยนต์ส่วนตัวก็ไม่มี เพื่อนที่สนิทไม่มีรถยนต์เช่นกัน ปล่อยเวลาผ่านไปแบบไม่รู้จะทำอะไรดีกว่านี้ได้…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ในปี พ.ศ. 2507 ผมเรียนชั้นสูงสุดของมัธยมต้น ในโรงเรียนชายประจำจังหวัด ครูบางท่านและนักเรียนชั้นนี้ ได้รับมอบหมายจากฝ่ายจัดงานฤดูหนาวเชียงใหม่ ให้ทำหน้าที่ขายบัตรหน้างาน เป็นเจ้าหน้าที่เก็บบัตรผ่านประตูงาน รวมทั้งเวทีนางงามด้วย คณะครูผู้รับผิดชอบ ได้คัดเลือกนักเรียนไปช่วยงานนี้ ผมได้รับคัดเลือกเก็บบัตรที่ประตูงาน ต้องแต่งตัวลูกเสือ มี 2 ผลัด ผลัดกลางวันกับผลัดกลางคืน ทุกคนทำงานสลับผลัดกันทุกวัน เรียนหนังสือตอนเช้า ตอนบ่ายรีบกลับบ้าน แต่งชุดลูกเสือปั่นจักรยานไปทำงาน พอดีพ่อซื้อนาฬิกาข้อมือให้เรือนหนึ่งยี่ห้อโอริส เป็นเรือนแรกในชีวิต จำได้ว่าเห่อนาฬิกามาก เก็บบัตรไปดูนาฬิกาไป…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ผมและเพื่อนๆเดินเลียบมาตามรางรถไฟ ผ่านเวทีวงดนตรี "สุรพล สมบัติเจริญ" ได้ยินนักร้องลูกวง ออกมาร้องเพลง อวดลูกคอแบบฉบับลูกทุ่งเต็มที่ ผมกับเพื่อนเดินไปยังสถานีรถไฟเล็กในงาน ซื้อบัตรขึ้นไปนั่งกับเพื่อน ผู้คนมากจริงๆ มีผู้ปกครองและเด็กเล็กมากกว่ากลุ่มอื่น รางรถไฟถูกสร้างขึ้นเป็นวงกลม ล้อมรอบอัฒจันทร์และสนามฟุตบอล หัวรถไฟค่อยๆลากขบวนไปช้าๆ ชายหญิงที่เป็นคู่รักกัน นั่งเบียดกัน คงช่วยให้คลายหนาวจากอากาศได้บ้าง รถไฟแล่นมาครึ่งรอบ มันค่อยแล่นเข้าถ้ำ ซึ่งสร้างจำลองขึ้นมา ถ้ำมืดสนิท มีเฉพาะไฟหน้ารถ ในถ้ำบางคนแอบมาปัสสาวะ รถไฟวิ่งเขาไป ถ่ายยังไม่เสร็จก็ต้องรีบก้มหัวซ่อนหน้า…