เนาวรัตน์กวาดสายตา
เข้าไปในตัวบ้านไม้ชั้นเดียว พื้นบ้านต่ำกว่าระดับถนนคอนกรีตเล็กน้อย ข้างฝามีปฏิทิน มีรูปคณะซอ มีรูปแม่จันทร์สม สายธารา นั่งคู่กับผู้ชายวัยใกล้เคียงกัน เนาวรัตน์คาดคะเนว่า คงเป็นครูคำผาย นุปิง ทั้งคู่อยู่ในชุดคนเมือง ข้างหลังนั่งล้อมวง สวมเสื้อหม้อฮ่อม ปี่ 3 คน ซึง 1 คน เนาวรัตน์มองดูที่หน้าบ้านริมถนน มีสิ่งก่อสร้าง คล้ายโรงครัวเล็กๆ มีป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดข้างฝา บอกชื่อแม่จันทร์สม สายธารา ที่อยู่ ข้อความท้ายสุดระบุศิลปินแห่งชาติ ปี 2539
“ แม่อยู่คนเดียวหรือครับ ผมคุยกับแม่ตั้งนาน ยังไม่เห็นใครสักคน ?”
“ ตอนกลางวัน แม่อยู่คนเดียว ตอนเย็นลูกสาวคนเล็กกลับจากทำงาน ก็อยู่กัน 2 คน ลูกบางคนแยกไปมีครอบครัวอยู่ที่อื่นกันหมดแล้ว”
“ ผมสงสัยจริงๆครับ วงปี่ซึงที่เล่นคลอขณะขับซอ เขาเล่นทำนองเดียวหรือหลายทำนอง ผมฟังดู ทำนองคล้ายกันตลอดเวลาที่เล่น.”
“ มีหลายทำนอง เช่น ปราสาทไหว ล่องแม่ปิง ฤาษีหลงถ้ำ ลาวเดินดง แหย่งหลวง พม่า กุหลาบเชียงใหม่ สาวไหม ล่องน่าน ฯลฯ และอีกหลายๆเพลง”
“ แม่มีคำร้องในการขับซอไหมครับ ?”
“ แม่ไม่ได้จดบันทึกไว้ ที่ซอได้ก็ใช้การท่องจำจากตำราที่ครูสอนให้.”
“ แสดงว่า แม่ต้องความจำดีเยี่ยม ซิครับ ?”
“ ก็ต้องจำให้ได้ จำสืบทอดกันมา ฝึกเป็นปีๆ แล้วสอนคนรุ่นต่อไป ไม่ได้จดบันทึกอะไรมากมาย.”
“ ผมขอถามอีกคำถามเถอะแม่ คุยกับแม่นานๆกลัวแม่เหนื่อยนะครับ...การซอทำไม
ต้องมีเรื่องเพศ คำร้องมีสองง่ามสองแง่ บางทีมีคำหยาบๆ ไม่มีได้ไหมครับแม่ ?”
“ มันแล้วแต่คน จะร้องหรือไม่ร้องก็ได้ สำหรับแม่เป็นต้นแบบซอพื้นเมือง ยึดศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยม ความเชื่อ ภาษาล้านนา อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เนื้อหาพุทธศาสนา คติธรรมในการดำรงชีวิต ไม่ใช่เน้นสนุกสนานอย่างเดียว”
“ ผู้ขับซอละครับแม่ ต้องเป็นคนอย่างไร ?”
“ ต้องมีไหวพริบปฏิภาณ ในการพูดจาโต้ตอบกัน ในลักษณะคำคล้องจอง มีความรู้ภาษาคำเมืองที่แท้จริง”
“ แม่ถามคุณบ้างนะ คุณนำเรื่องราวของแม่ไปทำอะไร ?”
คำถามสำคัญที่ผมคาดการณ์ไว้ ได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมจริงๆ
“ ผมบอกแม่ตามตรงนะครับ ผมจะเขียนเรื่องของแม่ เรื่องราวที่เกี่ยวกับซอ นำไปเขียนลงเวบไซท์หรือเขียนส่งไปตามหนังสือที่เขาต้องการ เพื่อเผยแพร่ นำเสนอเรื่องราวการซอพื้นเมืองว่า การซอนั้นมีคุณค่าน่าสนใจอย่างไร มีลักษณะอย่างไร เช่น มีลักษณะเป็นการร้องและพูดโต้ตอบระหว่างชายหนึ่งหญิงหนึ่ง โดยมีดนตรีเล่นคลอ ได้แก่ปี่และซึง เป็นการละเล่นพื้นบ้านอย่างหนึ่ง คงคล้ายหมอลำทางภาคอีสาน หรือคล้ายลำตัดทางภาคกลางนั่นเอง ทั้งนี้เพื่ออนุรักษ์ของดีบ้านเรา ไว้ให้คนรุ่นต่อไปได้ศึกษาและสืบสานต่อไปครับแม่.”