ผู้ใหญ่บ้านเดินมาหน้าเวที
ยื่นใบแดงให้ฝ่ายชาย 1 ใบ ฝ่ายหญิงอีก 1 ใบ ผู้รับก้มไหว้ในท่าที่คิดว่าสวยที่สุด ยังไม่พอ ผู้ขับซอทั้ง 4 คน ประกอบด้วย สิงห์คำ แจ่มจันทร์ ก้าน ผ่องพรรณ คนหลังนี่เนาวรัตน์จ้องดูเธอมากกว่าใคร เธอสวยทันสมัยถูกใจมาก ทุกคนช่วยกันขับซออ้อนรายต่อไป มีรายชื่อในสมองมากมาย รวมทั้งในกระดาษและที่มีคนกระซิบบอกอีกหลายชื่อ เป็นช่วงเวลาเป็นเงินเป็นทองของพวกเขา สิงห์คำส่งเสียงอ้อนขอเงินภรรยาผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านรีบตะโกนบอกว่า กระเป๋าเดียวกัน ได้ยินเสียงเฮชอบใจ รายต่อไปเป็นพ่อแม่ของสามเณรชุติพงศ์ที่อุปสมบทเป็นพระสงฆ์วันนี้ และที่คณะขับซอหมายตา บรรดาผู้ที่นั่งดื่มสำราญอารมณ์กับผู้ใหญ่บ้านนั่นเอง ภรรยาผู้ใหญ่บ้านตะโกนบอกผู้ขับซอให้เรียกผู้นั่งดื่มในวงเหล้าไปให้รางวัล
“ต่อไปเป็นแม่เลี้ยงจันทร์สมเน้อ”
ผู้ขับซอชายหญิงช่วยกันส่งเสียงขับซอ
อ่อนหวานและยกยอขอเงินต่อไป ผู้ให้เงินแล้ว ก็ไม่ยอมจ่ายเพียงลำพัง สะกิดผู้ขับซอเรียกชื่อเพื่อนข้างเคียง ทำนองฉันจ่ายเธอก็ต้องจ่าย หลายๆคนถูกผู้ขับซอเรียกคำนำหน้า เป็นพ่อเลี้ยงแม่
เลี้ยงกันทั่วหน้า ทางภาคเหนือคำว่า “พ่อเลี้ยง” หมายถึงคนฐานะดีร่ำรวย ถ้าเป็นชายเรียก “พ่อเลี้ยง” ถ้าเป็นหญิงเรียก “แม่เลี้ยง” วันนี้หลายคนในหมู่บ้านกลายเป็นพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงกันหมดถ้วนทั่ว เนาวรัตน์มั่นใจไม่ได้เป็นพ่อเลี้ยงแน่นอน อาจเพราะผู้ขับซอไม่รู้จัก อีกอย่างเพิ่งมาอยู่ในหมู่บ้าน ใครคงไม่กล้าสะกิดผู้ขับซอ ให้อ้อนออดขอรางวัล ฟังนานชักเมื่อย แสงแดดลับยอดไม้ข้างวัดไปแล้ว เนาวรัตน์ลุกขึ้น เดินกลับบ้านข้างวัด ตอนเย็นต้องรดน้ำต้นไม้รอบบ้านราว 17.00 น.เศษ กินข้าวเย็นเวลา 18.30 น. เนาวรัตน์กินและทำงานตรงเวลา อาจเร็วหรือช้าเล็กน้อยทุกวัน ขณะปล่อยน้ำจากสายยางพุ่งรดต้นไม้ เสียงซอเงียบลง ภรรยาบอกว่ากลางคืนจะมีดนตรีลูกทุ่ง ฉลองงานอุปสมบทให้เต็มที่ไปเลย
เนาวรัตน์กินข้าวเสร็จนั่งดูข่าวโทรทัศน์
เสียงดนตรีเริ่มดังกระหึ่ม เหมือนนำวงดนตรีมาเล่นเต็มเวที เสียงนักร้องหญิงแนวลูกทุ่ง ดังกลมกลืนเสียงดนตรี เสียงเธอดีทีเดียว จังหวะร้องเข้ากับเครื่องดนตรี หางเสียงลูกคอตามแบบลูกทุ่ง เสียงนักร้องชายหญิงสลับกันร้อง เป็นเพลงที่คุ้นหูล้วนเป็นเพลงดังช่วงเวลาที่เพิ่งผ่านมา เนาวรัตน์อยากดูอะไรบางอย่าง เพื่อพิสูจน์ความเข้าใจของตน ปิดโทรทัศน์ เดินออกประตูบ้าน ไปยังเวทีซอที่กลายเป็นเวทีดนตรี เขาเดินไปเพียง 20 เมตรถึงหน้าเวที สังเกตผู้ชมมากกว่าตอนกลางวัน แสงสว่างหน้าเวทีพอมองเห็นผู้ชม ที่นั่งเก้าอี้ตามใต้ต้นไม้ ผู้ชมส่วนมากยังเป็นวัยผู้ใหญ่ มีเด็กเล็กมานั่งชมด้วย บนเวทีมีเพียงอิเล็กโทนและนักร้องหญิงคนหนึ่ง เธอสวมรองเท้าดำยาวเกือบถึงหัวเข่า นุ่งกระโปรงสั้นลาย อวดขาขาวอวบพองาม ตัดผมสั้น สวมเสื้อเหมือนเสื้อกล้ามผู้ชายสีดำ เธอขยับแข้งขาตามทำนองเพลง มีท่าทางเขินอายเล็กน้อย ไม่ปล่อยลีลาเต็มที่ แต่เสียงของเธอทำให้เพลงน่าฟังยิ่งขึ้น คนดูถูกสะกดให้นั่งนิ่งฟัง ไม่มีใครคุยกัน เพลงต่อมา เนาวรัตน์อยากปรบมือให้นักร้องหญิง แต่อาการผู้คนนั่งฟังหน้าเวทีนิ่งเฉย คาดเดาอารมณ์ได้ยาก เขาจึงไม่กล้าปรบมือ เกรงเสียงปรบมือจะเรียกใครต่อใคร หันมามองเขาเหมือนสิ่งแปลกประหลาด.