Skip to main content

ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง

 

 

 

ผมกลัวพายุฝน

กลัวฟ้าร้องโครมครามเหนือศีรษะ แสงจ้าของฟ้าแลบ ความกลัวมันมีที่มา เรื่องราวเป็นอย่างนี้ครับ ราว พ.ศ.2528 ผมอาศัยอยู่บ้านพักครู อำเภอแม่แตง เชียงใหม่ เหตุเกิดเวลาบ่ายวันโรงเรียนปิดประจำสัปดาห์ ลมและฝนเริ่มขึ้นตามปรกติ เหมือนทุกครั้ง ลมพัดมาจากทางทิศใต้ ไม่กี่นาทีต่อมา เมฆฝนดำทะมึนรวดเร็ว แสงแดดหายลับ ลมพัดรุนแรงยิ่งขึ้น เม็ดฝนหนาขึ้น พายุฝนพัดวูบผ่านไปแล้วย้อนกลับมา ผมวิ่งขึ้นบันไดบ้านพัก พายุฝนยังพัดรุนแรงน่ากลัว มีทีท่าจะทวีขึ้นอีก ผมมองเห็นกระเบื้องหลังคาอาคารเรือนไม้สองชั้นหน้าบ้านพักครู ปลิวไปในอากาศสู่ทิศเหนือ 2-3 แผ่น เหมือนแผ่นกระดาษล่องลอย พอลมร้ายผ่านไป ได้ยินเสียงกระเบื้องหล่นดังโครมครามแว่วมา ผมวิ่งถึงกลางบันไดบ้านพัก ต้องรีบแนบหลังกับฝาห้องข้างบันได กระเบื้องซีเมนต์แผ่นใหญ่ ลอยเฉียดหน้าไปอย่างเฉียดฉิว เหมือนพรมวิเศษในหนังแขก บางจังหวะมันขยับตัวโคลงเคลง

ผมรีบซอยเท้าไปยังห้องพักด้านทิศใต้

 เรียกหาลูกชายอายุ 10 ขวบ แกโผจากห้องมาหา ผมย่อตัวกอดแกไว้ มองเข้าไปเห็นฝาห้องที่เป็นแผ่นไม้สักหนาไม่ถึงนิ้ว ถูกพายุพัดกระหน่ำอย่างจัง มันสั่นเสียงดังดึ๋งๆ  เหมือนจอหนังกลางแปลงถูกพายุเล่นงาน แผ่นฝาไม้เจียนอยู่เจียนจะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย บางจังหวะพายุร้ายยังเสียดแทรกเข้ารอยต่อระหว่างไม้ฝาแต่ละแผ่น เกิดเสียงลมหวีดหวิวแหลมสูง ดังเสียงปีศาจร้ายในภาพยนตร์สยองขวัญ หนีหลบไปไหนดี อุ้มลูกชายที่กอดคอแน่นตัวสั่น มาหลบอยู่ห้องกลางบ้านพัก ชั้นบนบ้านพักครูมี 3 ห้องนอน ห้องใต้ผมอยู่อาศัย ห้องเหนืออาจารย์อีกท่านหนึ่งพักอยู่ ห้องกลางว่าง ใช้เก็บของทั้งสองครอบครัว ผมนั่งขัดสมาธิ หูตาคอยสอดส่ายดูฝนฟ้าภายนอก ลูกขยับตัวมานั่งตัก ปรกติแกจะไม่มานั่งตักผม คงจะหวาดกลัวมาก ผมทาบมือหน้าอกซ้ายลูก หัวใจแกเต้นแรงเร็ว ผมก้มหน้าพูดข้างหูปลอบขวัญ กอดตัวแกแนบอก พายุโจมตีอย่างสนุกฝ่ายเดียวราว 20 นาทีก็อ่อนแรงและสงบลง รุ่งขึ้นมีข่าวพายุถล่มภาคเหนือเสียหายมากมาย นับเป็นวาตภัยร้ายแรงครั้งหนึ่งเชียงใหม่

 

พ.ศ.เปลี่ยนไป

ตำแหน่งในหน้าที่การงานก็เปลี่ยนไปด้วย ผมย้ายไปทำงานที่อำเภอเวียงแหง ปี พ.ศ.2528 ขณะนั้นยังเป็นกิ่งอำเภอเวียงแหง ลมไม่พัดแรง ฝนตกบ่อยตามดอยสูง แต่อากาศเย็นหนาว อาบน้ำบ่อเวลา 15.00 น.ยังสั่นน้อยๆ ทำงานได้ 13 เดือนได้ย้ายไปทำงานที่อำเภอแม่อาย ดินแดนแห่งสวนลิ้นจี่และสวนส้มที่อำเภอฝาง ที่อำเภอแม่อาย ภัยธรรมชาติที่เกิดบ่อยที่สุดคือแผ่นดินไหว ส่วนใหญ่ศูนย์กลางอยู่ในพม่า มันจะส่งแรงสะเทือนมาที่แม่อายก่อน เพราะผืนดินติดต่อกัน ทำงานได้ 3 ปีครึ่ง ผมก็ย้ายมาทำงานที่อำเภอเชียงดาว ผมทำงานที่    เชียงดาวนานทีเดียว ที่นี่มีหลายเหตุการณ์ที่จำได้ มีเหตุการณ์หนึ่งที่ผมนึกถึงทีไรขนลุกขนพองทุกที

 

พรุ่งนี้เป็นวันประชุม

คณะครูทั้งหมดของอำเภอเชียงดาว เวลาบ่ายก่อนวันประชุมจริง คณะกรรมการจัดสถานที่ได้มาเตรียมการ จัดเก้าอี้นวมเป็นแถวๆจำนวน 300 ตัว จัดม้าหมู่บูชาที่มุมซ้ายเวที กลางเวทีวางโต๊ะยาวสำหรับประธานพร้อมเก้าอี้นั่งตัวอวบโอ่อ่า มีไมล์ขาสั้นวางบนโต๊ะเรียบร้อย เช็คเครื่องเสียง วางโต๊ะยาวสำหรับรับรายงานตัวที่ประตูห้องประชุม ทำงานได้ราวครึ่งค่อน สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิด  มันเริ่มอย่างเชื่องช้า พอทุกอย่างพร้อม มันก็เกิดเหตุการณ์ที่รวดเร็ว รุนแรง จนพวกเราตั้งตัวไม่ทัน เรื่องราวมันเป็นอย่างนี้ครับ.

 

                                                ......................................................................

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมฟังเธอไปด้วย จดบันทึกส่วนที่สำคัญๆไปด้วย เนื้อหาบางอย่างใช้สมองจำไว้ เธอซึ่งเป็นผู้เล่าเรื่องราวชื่อ นางอุไร บุญหมั้น อายุ 45 ปี ไม่น่าเชื่อ ดูหน้าตาเหมือนอายุประมาณ 30 กว่าปีเศษเล็กน้อย ผิวขาวปนเหลือง รวบผมยาวไว้ข้างหลัง บรรยากาศเริ่มเป็นกันเอง คงเพราะเราเป็นคนเหนือหรือคนเมืองด้วยกัน เธอเล่าต่อว่า ในเวลานี้หมู่บ้านมี 159 หลัง มีอาชีพทำเครื่องปั้นดินเผา 50 หลัง ผู้สร้างผลงานเครื่องปั้นดินเผานี้อยู่ในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ดินที่ใช้ปั้นเป็นดินในหมู่บ้านส่วนหนึ่ง อีกส่วนจะมีรถบรรทุกมาส่งให้ เมื่อผมเห็นว่าได้ข้อมูลมากพอตามต้องการแล้ว ผมก็กล่าวขอบคุณและกล่าวลา ไม่ลืมซื้อน้ำต้นราคาใบละ…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ขับรถจากอำเภอสันป่าตอง มุ่งไปเชียงใหม่ ด้วยความเร็ว 60-70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วขนาดนี้ถ้าพูดกับพวกตีนผีหรือวัยรุ่นทั้งหลาย จะถูกปรามาสอย่างรุนแรงว่า ไม่ควรเรียกว่าความเร็วเลยลุง น่าจะเรียกว่า การเคลื่อนที่คลานไปแบบเต่าพันปีมากกว่า ก็ไม่รู้สึกอะไร มันเป็นความจริง ผมขับรถชิดเลนซ้ายแบบสบายอารมณ์ พอมาถึงทางแยกหางดง-สะเมิง ผมหยุดรถเพราะติดไฟแดง มองไปข้างหน้า เฉียงไปทางซ้ายมืออย่างไม่ตั้งใจ เห็นน้ำต้น (คนโท) ใบใหญ่สีน้ำตาล ตั้งโดดเด่นตรงข้างซุ้มประตูเข้าหมู่บ้านเหมืองกุง ทำไมมันใหญ่โตปานนี้ ใครเป็นผู้สร้างแล้วสร้างทำไม…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  หากใคร ได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ ได้มีโอกาสไปสักการะอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ซึ่งตั้งอยู่ด้านตะวันออก ของหอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ เมื่อกราบเสร็จยืนขึ้น มองเฉียงไปทางซ้ายมือผ่านถนนไป จะเห็นวัดร้าง ที่เหลือให้เห็นเพียงเจดีย์และพระพุทธรูปองค์ใหญ่ วัดร้างนี้เดิมชื่อ “วัดสะดือเมือง” หรือ “วัดอินทขีล” สถานที่นี้ในปัจจุบันคือ หอประชุมติโลกราช ติดๆกันจะเป็นร้านข้าวมันไก่ลือชื่อของเชียงใหม่ วัดร้างนี้เดิมเป็นที่ตั้งของ “เสาอินทขีล” หรือ “สะดือเมือง”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 เมื่อตอนที่ผมเรียนชั้นมัธยมต้น ที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย สนามฟุตบอลของโรงเรียนได้ใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่เสมอๆ เช่น การแข่งขันกีฬากรีฑานักเรียน การจัดงานวันปิยมหาราช จัดงานฤดูหนาวในอดีต ก่อนย้ายไปจัดที่สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ จัดการแข่งขันฟุตบอลประชาชนของเชียงใหม่ และที่กรุงเทพฯ ก็มีการจัดแข่งขันฟุตบอลประชาชน แบ่งทีมเป็นถ้วย ก, ข, ค และ ฯลฯ ถ้วย ก. นั้นผู้เล่นมีฝีเท้าจัดระดับทีมชาติ ที่กระจายไปเล่นในทีมต่างๆ จำได้ว่ายุคนั้น ทีมทหารอากาศดังมาก เป็นแชมป์ถ้วย ก.หลายปีติดต่อกัน ที่เชียงใหม่ ก็จัดการแข่งขันฟุตบอลประชาชนที่สนามโรงเรียนยุพราชฯ เช่นกัน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ปีการศึกษา   2528ทางกระทรวงศึกษาธิการ   มีนโยบายจะส่งเสริมพระพุทธศาสนาแก่นักเรียน   จึงได้จัดสร้างพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์   และจัดสรรให้แก่โรงเรียนทั่วประเทศ   ในรุ่นแรกจะมอบให้แก่โรงเรียนนำร่องก่อน   ปีต่อไปจึงจะทยอยมอบให้   จนครบทุกโรงเรียน   โดยมีจุดมุ่งหมายให้โรงเรียนนำพระพุทธรูป   ไปประดิษฐานข้างๆเสาธง   เพื่อให้นักเรียนทำกิจกรรมหน้าเสาธงในตอนเช้า   ครบทั้ง  3  สถาบัน  คือชาติ  ศาสนา   พระมหากษัตริย์  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 อีกคืนหนึ่งผมไปเที่ยวงานฤดูหนาวกับเพื่อนเช่นเคย คราวนี้ชวนกันเข้าชมบ้านผีสิง กลัวก็กลัว อยากดูก็อยากดู ลำโพงหน้าบ้านผีสิง เปิดเทปได้ยินเสียงพระสวดพึมพำ ฟังดูขลังนัก สวดไปสักพัก ได้ยินเสียงหมาหอน เสียงโหยหวน เย็นลึก เหมือนดังมาจากป่าทึบที่มืดน่าสะพรึงกลัว มันวังเวง สั่นคลอนอารมณ์เหลือประมาณ ผู้เข้าชมส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นชายหญิง ที่พากันมาเป็นกลุ่ม กลุ่มผมเดินผ่านประตูเข้าไป ข้างในค่อนข้างมืด มีไฟจากข้างทางเดินสว่างเป็นระยะ ให้พอมองเห็นทางได้บ้าง เราเดินเบียดกันแบบกล้าๆกลัวๆ เดินเข้าไปได้ 2-3 ก้าว มีผีจำแลงโผล่หน้าพรวดออกมา พวกเราตกใจขยับตัวถอยหนี เพื่อนผมเป็นนักมวยต่อยเปรี้ยงสวนออกไป…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เป็นการป้องกันวัวควายตกลงมาขณะรถวิ่ง พื้นที่ส่วนนี้ประมาณ 3 ไร่ ใกล้กันนั้นมีสุ่มไก่วางเต็มลานดิน บางคนอุ้มไก่ บางสุ่มมีไก่ขังไว้ ที่นี่เป็นตลาดไก่ชน มีหลายราคาแล้วแต่จะตกลงกัน เมื่อชมจนพอใจก็เดินขึ้นทางทิศเหนือแล้วเลี้ยวขวา จะพบสถานที่ขายรถจักรยานยนต์ จอดเต็มพื้นที่ราดคอนกรีต หลังคาสูง ประมาณสี่คูหา ที่ติดกันเป็นร้านขายรถจักรยานอีก 1 คูหา มีคนสนใจมากพอๆกับรถที่จอดรอซื้อขาย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เมื่อรถจักรยานยนต์ คันแรกในชีวิตถูกโจรจี้ไป แจ้งตำรวจแล้ว อีกทางก็รอเวลาไปไถ่รถตามที่เจ้าโจรตัวแสบบอก ขณะจะขับขี่รถหนีไป ทุกอย่างยังเงียบสงบ ผมต้องวิ่งวุ่นติดตามข่าวสาร ต้องเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า หากมีใครถาม พอบ่อยๆเข้าผมชักหมดแรงจะเล่า บางคนบอกว่า ลองไปดูที่กาดงัว อำเภอสันป่าตอง เพราะที่นั่นเป็นแหล่งขายรถจักรยานที่ใหญ่มาก ผมได้รู้จักชื่อกาดงัวของอำเภอสันป่าตองครานั้น มันเป็นกาดซึ่งมีลักษณะอย่างไร ขนาดใหญ่โตแค่ไหน รถลักขโมยนำมาขายได้หรือ เดินทางไปไม่ถูก รถยนต์ส่วนตัวก็ไม่มี เพื่อนที่สนิทไม่มีรถยนต์เช่นกัน ปล่อยเวลาผ่านไปแบบไม่รู้จะทำอะไรดีกว่านี้ได้…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ในปี พ.ศ. 2507 ผมเรียนชั้นสูงสุดของมัธยมต้น ในโรงเรียนชายประจำจังหวัด ครูบางท่านและนักเรียนชั้นนี้ ได้รับมอบหมายจากฝ่ายจัดงานฤดูหนาวเชียงใหม่ ให้ทำหน้าที่ขายบัตรหน้างาน เป็นเจ้าหน้าที่เก็บบัตรผ่านประตูงาน รวมทั้งเวทีนางงามด้วย คณะครูผู้รับผิดชอบ ได้คัดเลือกนักเรียนไปช่วยงานนี้ ผมได้รับคัดเลือกเก็บบัตรที่ประตูงาน ต้องแต่งตัวลูกเสือ มี 2 ผลัด ผลัดกลางวันกับผลัดกลางคืน ทุกคนทำงานสลับผลัดกันทุกวัน เรียนหนังสือตอนเช้า ตอนบ่ายรีบกลับบ้าน แต่งชุดลูกเสือปั่นจักรยานไปทำงาน พอดีพ่อซื้อนาฬิกาข้อมือให้เรือนหนึ่งยี่ห้อโอริส เป็นเรือนแรกในชีวิต จำได้ว่าเห่อนาฬิกามาก เก็บบัตรไปดูนาฬิกาไป…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ผมและเพื่อนๆเดินเลียบมาตามรางรถไฟ ผ่านเวทีวงดนตรี "สุรพล สมบัติเจริญ" ได้ยินนักร้องลูกวง ออกมาร้องเพลง อวดลูกคอแบบฉบับลูกทุ่งเต็มที่ ผมกับเพื่อนเดินไปยังสถานีรถไฟเล็กในงาน ซื้อบัตรขึ้นไปนั่งกับเพื่อน ผู้คนมากจริงๆ มีผู้ปกครองและเด็กเล็กมากกว่ากลุ่มอื่น รางรถไฟถูกสร้างขึ้นเป็นวงกลม ล้อมรอบอัฒจันทร์และสนามฟุตบอล หัวรถไฟค่อยๆลากขบวนไปช้าๆ ชายหญิงที่เป็นคู่รักกัน นั่งเบียดกัน คงช่วยให้คลายหนาวจากอากาศได้บ้าง รถไฟแล่นมาครึ่งรอบ มันค่อยแล่นเข้าถ้ำ ซึ่งสร้างจำลองขึ้นมา ถ้ำมืดสนิท มีเฉพาะไฟหน้ารถ ในถ้ำบางคนแอบมาปัสสาวะ รถไฟวิ่งเขาไป ถ่ายยังไม่เสร็จก็ต้องรีบก้มหัวซ่อนหน้า…