Skip to main content

ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง

 

ช่วงนี้ชีวิตยังไม่เงียบเหงา

มีข่าวให้ตื่นเต้น ตื่นตระหนก ชวนให้ติดตามทุกวัน เรื่องแรก ข่าวแพทย์วินิจฉัยโรคผิด ทำให้รักษาผิดทาง ที่สุดเด็กชายอายุ 12 ขวบเสียชีวิตด้วยโรคไข้เลือดออก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ออกมายืดอกยอมรับ(1 ก.ค.2556) เด็กเสียชีวิตเพราะแพทย์วินิจฉัยผิดพลาด เชื่อว่าเป็นโรคกระเพาะอาหาร โดยย้ำว่า ไม่มีใครต้องการให้เรื่องนี้เกิดขึ้น และได้กำชับให้แพทย์จบใหม่ จะต้องเพิ่มความระมัดระวังในการรักษา ทางโรงพยาบาลเตรียมทำการเยียวยาให้ครอบครัว 4 แสนบาท...เรื่องราวอย่างนี้ เป็นข่าวให้รับรู้เป็นพักๆ ผู้อำนวยการย้ำว่า “ไม่มีใครต้องการให้เรื่องนี้เกิดขึ้น.” ฟังดูเป็นคำพูดชวนให้ซึ้ง แต่ว่าพูดแล้วได้อะไรขึ้นมา ความผิดพลาดของหมอเสียหายมาก ผิดพลาดแล้วคนตาย เป็นว่ายึดแนวปฏิบัติตามตามกฎหมายที่เกี่ยวของดีกว่า


เรื่องที่สอง

การปรับคณะรัฐมนตรี “ปู 5.” คุณปวีณา หงสกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นผู้ได้รับการแต่งตั้งเหมาะสมที่สุด เพราะมีผลงานดีเด่นประจักษ์ต่อสังคม เป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิ ปวีณา ทำงานด้านสังคมสงเคราะห์เกี่ยวกับปัญหาผู้หญิงและเยาวชน มีผลงานช่วยเหลือสตรีและเด็กปรากฏตามสื่อโดดเด่นสม่ำเสมอมา ท่านได้รับความชื่นชมสูงสุดเป็นอันดับ 1 จากหลายฝ่าย ได้รับขนานนามว่า “แม่พระ.” บทบาทของท่านทำให้ผมนึกถึงแม่ชีเทเรซา(พ.ศ.2453-2540)ชาวอัลบาเนีย ผู้อุทิศตนช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อนทุกข์ยาก ทั้งในประเทศยากจนและร่ำรวย ทำงานนานถึง 48 ปี จึงได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี พ.ศ.2552 ขณะอายุได้ 66 ปี


เรื่องที่สาม

กระทรวงพาณิชย์ได้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เป็น รมว.พาณิชย์ฯ ได้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายยรรยง พวงราช เป็น รมช.พาณิชย์ฯ รวมพลังเต็มพิกัดเพื่อแก้ปัญหากรณีการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เป็นการวางตัวน่าสนใจน่าวิเคราะห์ยิ่ง ใช้บุคคลที่พร้อมลุยงานหนักและพร้อมชี้แจงตอบโต้การโจมตีเป็นระลอกจากฝ่ายค้าน เดิมรัฐบาลรับจำนำข้าวตันละ 15,000 บาท ต่อมาลดเหลือตันละ 12,000 บาท ถูกคัดค้านจากชาวนาและฝ่ายค้าน รัฐบาลจึงพลิกลำปรับเป็นข้าวตันละ 15,000 บาท ฝ่ายค้านโจมตีอีกว่า รัฐบาลโลเลเหมือนไม้ปักเลน นโยบายไม่แน่นอน ไม่มั่นคงในจุดยืน ท่านณัฐวุฒิต้องออกมาพูด พูดสั้นๆแต่กระชับและแหลมคม ประชาธิปัตย์จะเอาอย่างไรแน่ ลดราคาจำนำข้าวก็ด่า เพิ่มราคาข้าวขึ้นมาก็โจมตี ควรหยุดพูดได้แล้ว


เรื่องสุดท้าย

เรื่องสำคัญชวนติดตามนัก เรื่องหลวงปู่เณรคำ ปปง.เข้าตรวจสอบเส้นทางเงินบริจาค 200 ล้านบาท ทองคำบริจาค 8,000 กิโลกรัม พฤติกรรมเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน ส่วน DSI ตรวจสอบใน 3 ประเด็นได้แก่ ที่มาที่ไปของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก การแอบอ้างให้น่าเชื่อถือและพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมของหลวงปู่เณรคำ รวมทั้งการให้ข้อมูลต่างๆของหลวงปู่เณรคำจากหลวงปู่พุทธอิสระ เจาอาวาสวัดอ้อน้อย อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม...เข้มข้น น่าระทึกไม่ด้อยกว่าละครดังในทีวี


เหนืออื่นใด

เพื่อดำรงไว้ซึ่งความเป็นธรรม ควรให้โอกาสหลวงปู่เณรคำได้ชี้แจง ตอบคำถาม เรื่องราวต่างๆก่อนสังคมจะตัดสินความ  ดูจะเป็นทางที่เหมาะที่ควร แม้แต่ในศาล ศาลยังต้องรับฟังทั้งโจทย์และจำเลยก่อนพิพากษาตัดสินคดีความ.

 

                                            .........................................................

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมฟังเธอไปด้วย จดบันทึกส่วนที่สำคัญๆไปด้วย เนื้อหาบางอย่างใช้สมองจำไว้ เธอซึ่งเป็นผู้เล่าเรื่องราวชื่อ นางอุไร บุญหมั้น อายุ 45 ปี ไม่น่าเชื่อ ดูหน้าตาเหมือนอายุประมาณ 30 กว่าปีเศษเล็กน้อย ผิวขาวปนเหลือง รวบผมยาวไว้ข้างหลัง บรรยากาศเริ่มเป็นกันเอง คงเพราะเราเป็นคนเหนือหรือคนเมืองด้วยกัน เธอเล่าต่อว่า ในเวลานี้หมู่บ้านมี 159 หลัง มีอาชีพทำเครื่องปั้นดินเผา 50 หลัง ผู้สร้างผลงานเครื่องปั้นดินเผานี้อยู่ในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ดินที่ใช้ปั้นเป็นดินในหมู่บ้านส่วนหนึ่ง อีกส่วนจะมีรถบรรทุกมาส่งให้ เมื่อผมเห็นว่าได้ข้อมูลมากพอตามต้องการแล้ว ผมก็กล่าวขอบคุณและกล่าวลา ไม่ลืมซื้อน้ำต้นราคาใบละ…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ขับรถจากอำเภอสันป่าตอง มุ่งไปเชียงใหม่ ด้วยความเร็ว 60-70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วขนาดนี้ถ้าพูดกับพวกตีนผีหรือวัยรุ่นทั้งหลาย จะถูกปรามาสอย่างรุนแรงว่า ไม่ควรเรียกว่าความเร็วเลยลุง น่าจะเรียกว่า การเคลื่อนที่คลานไปแบบเต่าพันปีมากกว่า ก็ไม่รู้สึกอะไร มันเป็นความจริง ผมขับรถชิดเลนซ้ายแบบสบายอารมณ์ พอมาถึงทางแยกหางดง-สะเมิง ผมหยุดรถเพราะติดไฟแดง มองไปข้างหน้า เฉียงไปทางซ้ายมืออย่างไม่ตั้งใจ เห็นน้ำต้น (คนโท) ใบใหญ่สีน้ำตาล ตั้งโดดเด่นตรงข้างซุ้มประตูเข้าหมู่บ้านเหมืองกุง ทำไมมันใหญ่โตปานนี้ ใครเป็นผู้สร้างแล้วสร้างทำไม…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  หากใคร ได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ ได้มีโอกาสไปสักการะอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ซึ่งตั้งอยู่ด้านตะวันออก ของหอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ เมื่อกราบเสร็จยืนขึ้น มองเฉียงไปทางซ้ายมือผ่านถนนไป จะเห็นวัดร้าง ที่เหลือให้เห็นเพียงเจดีย์และพระพุทธรูปองค์ใหญ่ วัดร้างนี้เดิมชื่อ “วัดสะดือเมือง” หรือ “วัดอินทขีล” สถานที่นี้ในปัจจุบันคือ หอประชุมติโลกราช ติดๆกันจะเป็นร้านข้าวมันไก่ลือชื่อของเชียงใหม่ วัดร้างนี้เดิมเป็นที่ตั้งของ “เสาอินทขีล” หรือ “สะดือเมือง”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 เมื่อตอนที่ผมเรียนชั้นมัธยมต้น ที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย สนามฟุตบอลของโรงเรียนได้ใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่เสมอๆ เช่น การแข่งขันกีฬากรีฑานักเรียน การจัดงานวันปิยมหาราช จัดงานฤดูหนาวในอดีต ก่อนย้ายไปจัดที่สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ จัดการแข่งขันฟุตบอลประชาชนของเชียงใหม่ และที่กรุงเทพฯ ก็มีการจัดแข่งขันฟุตบอลประชาชน แบ่งทีมเป็นถ้วย ก, ข, ค และ ฯลฯ ถ้วย ก. นั้นผู้เล่นมีฝีเท้าจัดระดับทีมชาติ ที่กระจายไปเล่นในทีมต่างๆ จำได้ว่ายุคนั้น ทีมทหารอากาศดังมาก เป็นแชมป์ถ้วย ก.หลายปีติดต่อกัน ที่เชียงใหม่ ก็จัดการแข่งขันฟุตบอลประชาชนที่สนามโรงเรียนยุพราชฯ เช่นกัน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ปีการศึกษา   2528ทางกระทรวงศึกษาธิการ   มีนโยบายจะส่งเสริมพระพุทธศาสนาแก่นักเรียน   จึงได้จัดสร้างพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์   และจัดสรรให้แก่โรงเรียนทั่วประเทศ   ในรุ่นแรกจะมอบให้แก่โรงเรียนนำร่องก่อน   ปีต่อไปจึงจะทยอยมอบให้   จนครบทุกโรงเรียน   โดยมีจุดมุ่งหมายให้โรงเรียนนำพระพุทธรูป   ไปประดิษฐานข้างๆเสาธง   เพื่อให้นักเรียนทำกิจกรรมหน้าเสาธงในตอนเช้า   ครบทั้ง  3  สถาบัน  คือชาติ  ศาสนา   พระมหากษัตริย์  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 อีกคืนหนึ่งผมไปเที่ยวงานฤดูหนาวกับเพื่อนเช่นเคย คราวนี้ชวนกันเข้าชมบ้านผีสิง กลัวก็กลัว อยากดูก็อยากดู ลำโพงหน้าบ้านผีสิง เปิดเทปได้ยินเสียงพระสวดพึมพำ ฟังดูขลังนัก สวดไปสักพัก ได้ยินเสียงหมาหอน เสียงโหยหวน เย็นลึก เหมือนดังมาจากป่าทึบที่มืดน่าสะพรึงกลัว มันวังเวง สั่นคลอนอารมณ์เหลือประมาณ ผู้เข้าชมส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นชายหญิง ที่พากันมาเป็นกลุ่ม กลุ่มผมเดินผ่านประตูเข้าไป ข้างในค่อนข้างมืด มีไฟจากข้างทางเดินสว่างเป็นระยะ ให้พอมองเห็นทางได้บ้าง เราเดินเบียดกันแบบกล้าๆกลัวๆ เดินเข้าไปได้ 2-3 ก้าว มีผีจำแลงโผล่หน้าพรวดออกมา พวกเราตกใจขยับตัวถอยหนี เพื่อนผมเป็นนักมวยต่อยเปรี้ยงสวนออกไป…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เป็นการป้องกันวัวควายตกลงมาขณะรถวิ่ง พื้นที่ส่วนนี้ประมาณ 3 ไร่ ใกล้กันนั้นมีสุ่มไก่วางเต็มลานดิน บางคนอุ้มไก่ บางสุ่มมีไก่ขังไว้ ที่นี่เป็นตลาดไก่ชน มีหลายราคาแล้วแต่จะตกลงกัน เมื่อชมจนพอใจก็เดินขึ้นทางทิศเหนือแล้วเลี้ยวขวา จะพบสถานที่ขายรถจักรยานยนต์ จอดเต็มพื้นที่ราดคอนกรีต หลังคาสูง ประมาณสี่คูหา ที่ติดกันเป็นร้านขายรถจักรยานอีก 1 คูหา มีคนสนใจมากพอๆกับรถที่จอดรอซื้อขาย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เมื่อรถจักรยานยนต์ คันแรกในชีวิตถูกโจรจี้ไป แจ้งตำรวจแล้ว อีกทางก็รอเวลาไปไถ่รถตามที่เจ้าโจรตัวแสบบอก ขณะจะขับขี่รถหนีไป ทุกอย่างยังเงียบสงบ ผมต้องวิ่งวุ่นติดตามข่าวสาร ต้องเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า หากมีใครถาม พอบ่อยๆเข้าผมชักหมดแรงจะเล่า บางคนบอกว่า ลองไปดูที่กาดงัว อำเภอสันป่าตอง เพราะที่นั่นเป็นแหล่งขายรถจักรยานที่ใหญ่มาก ผมได้รู้จักชื่อกาดงัวของอำเภอสันป่าตองครานั้น มันเป็นกาดซึ่งมีลักษณะอย่างไร ขนาดใหญ่โตแค่ไหน รถลักขโมยนำมาขายได้หรือ เดินทางไปไม่ถูก รถยนต์ส่วนตัวก็ไม่มี เพื่อนที่สนิทไม่มีรถยนต์เช่นกัน ปล่อยเวลาผ่านไปแบบไม่รู้จะทำอะไรดีกว่านี้ได้…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ในปี พ.ศ. 2507 ผมเรียนชั้นสูงสุดของมัธยมต้น ในโรงเรียนชายประจำจังหวัด ครูบางท่านและนักเรียนชั้นนี้ ได้รับมอบหมายจากฝ่ายจัดงานฤดูหนาวเชียงใหม่ ให้ทำหน้าที่ขายบัตรหน้างาน เป็นเจ้าหน้าที่เก็บบัตรผ่านประตูงาน รวมทั้งเวทีนางงามด้วย คณะครูผู้รับผิดชอบ ได้คัดเลือกนักเรียนไปช่วยงานนี้ ผมได้รับคัดเลือกเก็บบัตรที่ประตูงาน ต้องแต่งตัวลูกเสือ มี 2 ผลัด ผลัดกลางวันกับผลัดกลางคืน ทุกคนทำงานสลับผลัดกันทุกวัน เรียนหนังสือตอนเช้า ตอนบ่ายรีบกลับบ้าน แต่งชุดลูกเสือปั่นจักรยานไปทำงาน พอดีพ่อซื้อนาฬิกาข้อมือให้เรือนหนึ่งยี่ห้อโอริส เป็นเรือนแรกในชีวิต จำได้ว่าเห่อนาฬิกามาก เก็บบัตรไปดูนาฬิกาไป…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ผมและเพื่อนๆเดินเลียบมาตามรางรถไฟ ผ่านเวทีวงดนตรี "สุรพล สมบัติเจริญ" ได้ยินนักร้องลูกวง ออกมาร้องเพลง อวดลูกคอแบบฉบับลูกทุ่งเต็มที่ ผมกับเพื่อนเดินไปยังสถานีรถไฟเล็กในงาน ซื้อบัตรขึ้นไปนั่งกับเพื่อน ผู้คนมากจริงๆ มีผู้ปกครองและเด็กเล็กมากกว่ากลุ่มอื่น รางรถไฟถูกสร้างขึ้นเป็นวงกลม ล้อมรอบอัฒจันทร์และสนามฟุตบอล หัวรถไฟค่อยๆลากขบวนไปช้าๆ ชายหญิงที่เป็นคู่รักกัน นั่งเบียดกัน คงช่วยให้คลายหนาวจากอากาศได้บ้าง รถไฟแล่นมาครึ่งรอบ มันค่อยแล่นเข้าถ้ำ ซึ่งสร้างจำลองขึ้นมา ถ้ำมืดสนิท มีเฉพาะไฟหน้ารถ ในถ้ำบางคนแอบมาปัสสาวะ รถไฟวิ่งเขาไป ถ่ายยังไม่เสร็จก็ต้องรีบก้มหัวซ่อนหน้า…