Skip to main content

ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง

 

ผมสืบค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต
ได้ความว่า ในพงศาวดารโยนกกล่าวว่า พระเจ้าเมืองแก้วหรือพระเจ้าศิริธรรมจักรพรรดิราชหรืออีกพระนามคือพระเจ้าติลกปนัดดาธิราชกษัตริย์รัชกาลที่ 14 แห่งราชวงศ์มังราย ที่ครองอาณาจักรล้านนา ได้โปรดให้สร้างพระเจ้าเก้าตี้อองค์นี้ขึ้น ในปี พ.ศ.2048 จึงสำเร็จบริบูรณ์ องค์พระมีที่ต่อ 8 แห่ง และในปี พ.ศ.2052 จึงได้มีการชักพระพุทธรูปปฏิมากรองค์นี้ เข้าประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดบุบผาราม(วัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ ในปัจจุบัน)


      
ศาสตราจารย์สรัสวดี  อ๋องสกุล ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เขียนหนังสือ “ประวัติศาสตร์ล้านนา” หน้า 170 ระบุว่า “พญาแก้วได้สร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ คือ “พระเจ้าเก้าตื้อ” ในปี พ.ศ.2059 เมื่อเปิดหนังสือ “ชินกาลมาลีปกรณ์” เขียนโดย พระยาประชากิจกรจักร ในหน้า 158 ระบุว่า พระเมืองแก้วประสูติ พ.ศ.2026 สวรรคต พ.ศ.2069 เมื่อพระชนมายุ 43 ปี และเปิดลำดับกษัตริย์ราชวงศ์มังราย ในภาคผนวกหนังสือ “ประวัติศาสตร์ล้านนา” ของศาสตราจารย์สรัสวดี อ๋องสกุล ปรากฏว่า พญาแก้ว (พระเมืองแก้ว)ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ.2038-2068

จึงกล่าวสรุปได้ว่า พระเจ้าเก้าตื้อเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดสวนดอกในปัจจุบัน สร้างในสมัยพระเจ้าเมืองแก้ว(หนังสือชินกาลมาลีปกรณ์ แห่งราชวงศ์มังราย ระบุใน พ.ศ.2026-2069)หรือพระเมืองแก้วหรือพระติลกปนัดดาธิราชกษัตริย์รัชกาลที่ 14 โดยสร้าง พระเจ้าเก้าตื้อในปี พ.ศ.2059 ส่วนพระประธานในวิหารวัดทุ่งแป้ง(วัดมงคล)ที่เรียกนามว่า “พระเจ้าเก้าตื้อ”นั้น ไม่ใช่องค์ที่พระเจ้าเมืองแก้วสร้าง เพราะหลักฐานยืนยันว่า พระองค์สร้างพระเจ้าเก้าตื้อที่ประดิษฐาน ณ วัดสวนดอก เชียงใหม่ องค์เดียวเท่านั้น จึงสันนิษฐานได้เพียงว่า องค์ที่ประดิษฐานในวิหารวัดทุ่งแป้ง(วัดมงคล)เป็นองค์จำลอง และสร้างโดยยึดพุทธลักษณะจากองค์จริงที่วัดสวนดอก จึงเป็นที่มาของการไปสู่คำตอบว่า วิหารวัดทุ่งแป้ง(วัดมงคล)คงสร้างในปี พ.ศ.เดียวกับพระเจ้าเก้าตื้อของวัดทุ่งแป้ง หรืออาจสร้างหลังเล็กน้อย จึงอนุมานว่า วิหารวัดทุ่งแป้ง(วัดมงคล)ถูกสร้างขึ้นพร้อมพระเจ้าเก้าตื้อองค์จำลอง คือใน พ.ศ.2059 จึงเป็นข้อยุติได้ว่า วิหารวัดทุ่งแป้ง(วัดมงคล)และพระเจ้าเก้าตื้อองค์จำลอง ที่เป็นพระประธานในวิหาร มีอายุ 496 ปีในปัจจุบัน(ปัจจุบันเป็น พ.ศ.2555)

มีข้อสงสัยอีกประการหนึ่ง ที่หน้าบัน(จั่ว)วิหารวัดทุ่งแป้ง มีลวดลายเป็นรูปต่างๆแทนศิลปะแห่งยุคสมัย มีลายเด่นที่สำคัญลายหนึ่งเรียกว่า “ลายเมฆไหล” มีผู้มาเยี่ยมชมวัดท่านหนึ่งบอกว่าเป็นลายของจีน มีอายุเป็นพันๆปี จึงเกิดการขัดแย้งกับข้อมูลที่สรุปไว้เบื้องต้นว่า วิหารวัดทุ่งแป้งมีอายุได้ 496 ปี ในปัจจุบัน(ปัจจุบันเป็น พ.ศ.2555)จริงหรือ ผู้ค้นคว้าได้ไปสืบค้นเกี่ยวกับ “ลายเมฆไหล” จากอินเทอร์เน็ต จากหัวเรื่องที่ค้น ศิลปะสถาปัตย์” ได้อธิบายว่า

“ลายปูนปั้นรูปชื่อดอกไม้ และก้านเปลวทำเป็นลายเมฆไหล ประดับฉากหลังของเทวดายืนประนมมือ ที่ผนังสถูปเจดีย์เจ็ดยอดแสดงให้เห็นถึงแบบอย่างลวดลาย ที่ได้รับอิทธิพลศิลปะจีน ซึ่งแฝงเข้ามาในรูปเครื่องลายครามจีน ในสมัยราชวงศ์หงวน(ประมาณ พ.ศ.1803-1991)และราชวงศ์หมิงหรือเหม็ง(ประมาณ พ.ศ.1911-2187) แต่ล้านนาได้นำมาดัดแปลงจนกลายเป็นแบบอย่างเฉพาะตัว(ในภาพประกอบจะเห็นลายน้ำไหลคล้ายเชือกสีเหลืองขดตัวขึ้นลง
แถวหนึ่ง)

พิจารณาปีพุทธศักราชที่สร้างวิหารและพระประธานนามว่าพระเจ้าเก้าตื้อองค์ ที่สอง ซึ่งเป็นองค์จำลองที่สร้างในปี พ.ศ.2059 จะตรงกับสมัยราชวงศ์หมิง จึงกล่าวได้ว่า “ลายเมฆไหล” ที่หน้าวิหารวัดทุ่งแป้ง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นแบบล้านนา ซึ่งได้มาจากอิทธิพลราชวงศ์หมิงด้วยประการฉะนี้.
                    
                                  ..............................................................................
 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมฟังเธอไปด้วย จดบันทึกส่วนที่สำคัญๆไปด้วย เนื้อหาบางอย่างใช้สมองจำไว้ เธอซึ่งเป็นผู้เล่าเรื่องราวชื่อ นางอุไร บุญหมั้น อายุ 45 ปี ไม่น่าเชื่อ ดูหน้าตาเหมือนอายุประมาณ 30 กว่าปีเศษเล็กน้อย ผิวขาวปนเหลือง รวบผมยาวไว้ข้างหลัง บรรยากาศเริ่มเป็นกันเอง คงเพราะเราเป็นคนเหนือหรือคนเมืองด้วยกัน เธอเล่าต่อว่า ในเวลานี้หมู่บ้านมี 159 หลัง มีอาชีพทำเครื่องปั้นดินเผา 50 หลัง ผู้สร้างผลงานเครื่องปั้นดินเผานี้อยู่ในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ดินที่ใช้ปั้นเป็นดินในหมู่บ้านส่วนหนึ่ง อีกส่วนจะมีรถบรรทุกมาส่งให้ เมื่อผมเห็นว่าได้ข้อมูลมากพอตามต้องการแล้ว ผมก็กล่าวขอบคุณและกล่าวลา ไม่ลืมซื้อน้ำต้นราคาใบละ…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ขับรถจากอำเภอสันป่าตอง มุ่งไปเชียงใหม่ ด้วยความเร็ว 60-70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วขนาดนี้ถ้าพูดกับพวกตีนผีหรือวัยรุ่นทั้งหลาย จะถูกปรามาสอย่างรุนแรงว่า ไม่ควรเรียกว่าความเร็วเลยลุง น่าจะเรียกว่า การเคลื่อนที่คลานไปแบบเต่าพันปีมากกว่า ก็ไม่รู้สึกอะไร มันเป็นความจริง ผมขับรถชิดเลนซ้ายแบบสบายอารมณ์ พอมาถึงทางแยกหางดง-สะเมิง ผมหยุดรถเพราะติดไฟแดง มองไปข้างหน้า เฉียงไปทางซ้ายมืออย่างไม่ตั้งใจ เห็นน้ำต้น (คนโท) ใบใหญ่สีน้ำตาล ตั้งโดดเด่นตรงข้างซุ้มประตูเข้าหมู่บ้านเหมืองกุง ทำไมมันใหญ่โตปานนี้ ใครเป็นผู้สร้างแล้วสร้างทำไม…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  หากใคร ได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ ได้มีโอกาสไปสักการะอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ซึ่งตั้งอยู่ด้านตะวันออก ของหอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ เมื่อกราบเสร็จยืนขึ้น มองเฉียงไปทางซ้ายมือผ่านถนนไป จะเห็นวัดร้าง ที่เหลือให้เห็นเพียงเจดีย์และพระพุทธรูปองค์ใหญ่ วัดร้างนี้เดิมชื่อ “วัดสะดือเมือง” หรือ “วัดอินทขีล” สถานที่นี้ในปัจจุบันคือ หอประชุมติโลกราช ติดๆกันจะเป็นร้านข้าวมันไก่ลือชื่อของเชียงใหม่ วัดร้างนี้เดิมเป็นที่ตั้งของ “เสาอินทขีล” หรือ “สะดือเมือง”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 เมื่อตอนที่ผมเรียนชั้นมัธยมต้น ที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย สนามฟุตบอลของโรงเรียนได้ใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่เสมอๆ เช่น การแข่งขันกีฬากรีฑานักเรียน การจัดงานวันปิยมหาราช จัดงานฤดูหนาวในอดีต ก่อนย้ายไปจัดที่สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ จัดการแข่งขันฟุตบอลประชาชนของเชียงใหม่ และที่กรุงเทพฯ ก็มีการจัดแข่งขันฟุตบอลประชาชน แบ่งทีมเป็นถ้วย ก, ข, ค และ ฯลฯ ถ้วย ก. นั้นผู้เล่นมีฝีเท้าจัดระดับทีมชาติ ที่กระจายไปเล่นในทีมต่างๆ จำได้ว่ายุคนั้น ทีมทหารอากาศดังมาก เป็นแชมป์ถ้วย ก.หลายปีติดต่อกัน ที่เชียงใหม่ ก็จัดการแข่งขันฟุตบอลประชาชนที่สนามโรงเรียนยุพราชฯ เช่นกัน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ปีการศึกษา   2528ทางกระทรวงศึกษาธิการ   มีนโยบายจะส่งเสริมพระพุทธศาสนาแก่นักเรียน   จึงได้จัดสร้างพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์   และจัดสรรให้แก่โรงเรียนทั่วประเทศ   ในรุ่นแรกจะมอบให้แก่โรงเรียนนำร่องก่อน   ปีต่อไปจึงจะทยอยมอบให้   จนครบทุกโรงเรียน   โดยมีจุดมุ่งหมายให้โรงเรียนนำพระพุทธรูป   ไปประดิษฐานข้างๆเสาธง   เพื่อให้นักเรียนทำกิจกรรมหน้าเสาธงในตอนเช้า   ครบทั้ง  3  สถาบัน  คือชาติ  ศาสนา   พระมหากษัตริย์  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 อีกคืนหนึ่งผมไปเที่ยวงานฤดูหนาวกับเพื่อนเช่นเคย คราวนี้ชวนกันเข้าชมบ้านผีสิง กลัวก็กลัว อยากดูก็อยากดู ลำโพงหน้าบ้านผีสิง เปิดเทปได้ยินเสียงพระสวดพึมพำ ฟังดูขลังนัก สวดไปสักพัก ได้ยินเสียงหมาหอน เสียงโหยหวน เย็นลึก เหมือนดังมาจากป่าทึบที่มืดน่าสะพรึงกลัว มันวังเวง สั่นคลอนอารมณ์เหลือประมาณ ผู้เข้าชมส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นชายหญิง ที่พากันมาเป็นกลุ่ม กลุ่มผมเดินผ่านประตูเข้าไป ข้างในค่อนข้างมืด มีไฟจากข้างทางเดินสว่างเป็นระยะ ให้พอมองเห็นทางได้บ้าง เราเดินเบียดกันแบบกล้าๆกลัวๆ เดินเข้าไปได้ 2-3 ก้าว มีผีจำแลงโผล่หน้าพรวดออกมา พวกเราตกใจขยับตัวถอยหนี เพื่อนผมเป็นนักมวยต่อยเปรี้ยงสวนออกไป…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เป็นการป้องกันวัวควายตกลงมาขณะรถวิ่ง พื้นที่ส่วนนี้ประมาณ 3 ไร่ ใกล้กันนั้นมีสุ่มไก่วางเต็มลานดิน บางคนอุ้มไก่ บางสุ่มมีไก่ขังไว้ ที่นี่เป็นตลาดไก่ชน มีหลายราคาแล้วแต่จะตกลงกัน เมื่อชมจนพอใจก็เดินขึ้นทางทิศเหนือแล้วเลี้ยวขวา จะพบสถานที่ขายรถจักรยานยนต์ จอดเต็มพื้นที่ราดคอนกรีต หลังคาสูง ประมาณสี่คูหา ที่ติดกันเป็นร้านขายรถจักรยานอีก 1 คูหา มีคนสนใจมากพอๆกับรถที่จอดรอซื้อขาย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เมื่อรถจักรยานยนต์ คันแรกในชีวิตถูกโจรจี้ไป แจ้งตำรวจแล้ว อีกทางก็รอเวลาไปไถ่รถตามที่เจ้าโจรตัวแสบบอก ขณะจะขับขี่รถหนีไป ทุกอย่างยังเงียบสงบ ผมต้องวิ่งวุ่นติดตามข่าวสาร ต้องเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า หากมีใครถาม พอบ่อยๆเข้าผมชักหมดแรงจะเล่า บางคนบอกว่า ลองไปดูที่กาดงัว อำเภอสันป่าตอง เพราะที่นั่นเป็นแหล่งขายรถจักรยานที่ใหญ่มาก ผมได้รู้จักชื่อกาดงัวของอำเภอสันป่าตองครานั้น มันเป็นกาดซึ่งมีลักษณะอย่างไร ขนาดใหญ่โตแค่ไหน รถลักขโมยนำมาขายได้หรือ เดินทางไปไม่ถูก รถยนต์ส่วนตัวก็ไม่มี เพื่อนที่สนิทไม่มีรถยนต์เช่นกัน ปล่อยเวลาผ่านไปแบบไม่รู้จะทำอะไรดีกว่านี้ได้…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ในปี พ.ศ. 2507 ผมเรียนชั้นสูงสุดของมัธยมต้น ในโรงเรียนชายประจำจังหวัด ครูบางท่านและนักเรียนชั้นนี้ ได้รับมอบหมายจากฝ่ายจัดงานฤดูหนาวเชียงใหม่ ให้ทำหน้าที่ขายบัตรหน้างาน เป็นเจ้าหน้าที่เก็บบัตรผ่านประตูงาน รวมทั้งเวทีนางงามด้วย คณะครูผู้รับผิดชอบ ได้คัดเลือกนักเรียนไปช่วยงานนี้ ผมได้รับคัดเลือกเก็บบัตรที่ประตูงาน ต้องแต่งตัวลูกเสือ มี 2 ผลัด ผลัดกลางวันกับผลัดกลางคืน ทุกคนทำงานสลับผลัดกันทุกวัน เรียนหนังสือตอนเช้า ตอนบ่ายรีบกลับบ้าน แต่งชุดลูกเสือปั่นจักรยานไปทำงาน พอดีพ่อซื้อนาฬิกาข้อมือให้เรือนหนึ่งยี่ห้อโอริส เป็นเรือนแรกในชีวิต จำได้ว่าเห่อนาฬิกามาก เก็บบัตรไปดูนาฬิกาไป…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ผมและเพื่อนๆเดินเลียบมาตามรางรถไฟ ผ่านเวทีวงดนตรี "สุรพล สมบัติเจริญ" ได้ยินนักร้องลูกวง ออกมาร้องเพลง อวดลูกคอแบบฉบับลูกทุ่งเต็มที่ ผมกับเพื่อนเดินไปยังสถานีรถไฟเล็กในงาน ซื้อบัตรขึ้นไปนั่งกับเพื่อน ผู้คนมากจริงๆ มีผู้ปกครองและเด็กเล็กมากกว่ากลุ่มอื่น รางรถไฟถูกสร้างขึ้นเป็นวงกลม ล้อมรอบอัฒจันทร์และสนามฟุตบอล หัวรถไฟค่อยๆลากขบวนไปช้าๆ ชายหญิงที่เป็นคู่รักกัน นั่งเบียดกัน คงช่วยให้คลายหนาวจากอากาศได้บ้าง รถไฟแล่นมาครึ่งรอบ มันค่อยแล่นเข้าถ้ำ ซึ่งสร้างจำลองขึ้นมา ถ้ำมืดสนิท มีเฉพาะไฟหน้ารถ ในถ้ำบางคนแอบมาปัสสาวะ รถไฟวิ่งเขาไป ถ่ายยังไม่เสร็จก็ต้องรีบก้มหัวซ่อนหน้า…