Skip to main content


ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ผมบอกพ่อ
จะไม่ไปตัดผมร้านลุงหน้อยอีกแล้ว ปัตตาเลี่ยนไม่คม ตัดผมไม่ขาดดึงเส้นผมติดไปทำให้ผมเจ็บ เวลาผมม่อยหลับขณะตัดผม ลุงหน้อยไม่สุภาพ ใช้ปัตตาเลี่ยนกระแทกหัวหลายครั้ง แทนที่จะบอกด้วยวาจาสุภาพ คำพูดคำจาไม่รื่นหูเลย เราเสียค่าตัดผม ง้อตัดกับมันทำไม พ่อหัวเราะแหะๆ ยิ้มแห้งๆ เกาหัวที่ผมสั่นเต่อยิกๆ คราวต่อไปผมจะไปตัดผมร้านบรรจงเกศา
ข้างโรงหนังศรีนครพิงค์ คนละฝั่งร้านลุงหน้อย เยื้องไปทางใต้หน่อยหนึ่ง เป็นร้านที่ใช้ปัตตาเลี่ยนไฟฟ้า

ผมนั่งบนเก้าอี้ตัดผม
ช่างยืนด้านข้างวางหวีบนศีรษะในแนวขนานพื้น เคลื่อนปัตตาเลี่ยนไฟฟ้าจากด้านหลัง บริเวณใกล้ขวัญหัวไปด้านหน้า แล้วขยับมาตัดด้านข้าง แล้วแต่งรอบศีรษะ จะเห็นศีรษะเป็นลานเรียบ แล้วย้ายมาด้านหลัง ตัดผมให้พองทุยหน่อยหนึ่ง ช่างเอียงหน้าซ้ายขวา พินิจผลงาน จัดการแต่งตามขอบศีรษะอีกรอบ เมื่อเสร็จจะได้ทรงผมที่นิยมยุคนั้นว่า “ทรงลานบิน” มีความหมายเชิงเปรียบเทียบว่าหมายถึงลานสนามบินที่ราบเสมอกัน ไม่เอียงด้านใดด้านหนึ่ง ใช้เวลาตัดครู่เดียวก็เสร็จเรียบร้อย  ทิ้งท้ายด้วยการใช้นิ้วมือบีบบ่าแรงพอประมาณ คลายเส้นทำนองนั้น ยังไม่พอช่างใช้มือทั้งสองประสานการแล้วสับลงบ่นบ่าเสียงกร็อบๆ  แล้วเลื่อนมาบีบหัวไหล่อีกครั้งเป็นการตบท้าย ผมเคลิ้มหลับตา คงเพื่อให้ลูกค้ารุ่นเยาว์ประทับใจ ชอบๆครับ ขอสัก 5 นาทีจะดีมากเลย ผมนึกในใจทำนองได้คืบจะเอาศอก ปัจจุบัน พ.ศ.2556 ร้านบรรจงเกศายังเปิดบริการ แต่ย้ายมาใกล้สี่แยก จุดนัดพบระหว่างถนนท้ายวังกับถนนราชวงค์ อยู่ฝั่งตะวันตก

ดอกกว๋าว(ทองกวาว)
ชูดอกสีส้มกลางป่าโปร่งใกล้บ้าน เป็นสัญญาณย่างเข้าสู่เดือนมีนาคม ต้นกว๋าว(ต้นทองกวาว)เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดเชียงใหม่  แต่ถ้าเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดนั้น ดอกกว๋าว(ดอกทองกวาว)ได้เป็นดอกไม้ประจำจังหวัดถึง 4 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ลำพูน อำนาจเจริญ และอุดรธานี  ต้นกว๋าวจะขึ้นตามตามหัวไร่ปลายนา ริมถนนบ้าง ปี พ.ศ.2556 ผมมองดูตามทุ่งนาข้างถนนสายเชียงใหม่-ฮอด ทางหลวงหมายเลข 108  กิโลเมตรที่ 33-34 เห็นต้นกว๋าวเพียง 2 ต้น ปี พ.ศ.2554 ดอกกว๋าวเลื่อนไปบานราวเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม พอปี พ.ศ.2555 ไม่เห็นดอกกว๋าวบานเลย
ผมซื้อกล้าทองกวาวมา 1 ต้น

จากกาดนัดวันเสาร์ อำเภอสันป่าตอง เชียงใหม่ ราคากล้าละ 80 บาท ตั้งใจจะนำมาปลูกที่ว่างหลังบ้าน แต่มีหลายคนทักท้วง เขาไม่นิยมปลูกในบ้าน จึงได้ย้ายมาปลูกข้างรั้วริมถนนข้างบ้าน ฉีกถุงพลาสติกดำที่หุ้มโคนกล้าออก ขุดหลุมแล้วกลบ โกยดินโคนต้นให้พูนรอบๆ ระยะแรกกล้าทองกวาวทำท่าจะตาย ใบเล็กที่ติดมาร่วงหมด ผมกัดฟันรดน้ำไปเรื่อยๆ วันนี้ต้นสูง 2 วา 1 ศอก ใบเขียวเต็มต้น ปลูกเพื่อเป็นตัวแทนความทรงจำวัยเด็ก ทั้งแสดงสัญลักษณ์ให้คนในหมู่บ้านได้รับรู้ถึงต้นไม้ที่เติบโตคู่กับทุ่งนา ต้นข้าว ชาวนา กลิ่นโคลนสาบควาย แดดกล้า สายลม นกร้อง ยืนต้นลำพังและรอคอย

ดอกกว๋าวนี้
เป็นสัญลักษณ์ใกล้ถึงการสอบปลายปีแล้ว ป่าโปร่งที่ผมเรียกนี้  เป็นที่ว่างริมถนนดินที่ทอดจากหมู่บ้านเกิดทะลุถึงถนนราชวงค์ อำเภอเมือง เชียงใหม่ ป่านี้เนื้อที่ราว 11 ไร่เศษ เป็นที่ว่างมีหญ้าและหนองน้ำคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ ป่าริมใกล้บ้านผมมีต้นตองขึ้น 2 ต้น ถัดเข้าไปถึงกึ่งกลางป่ามีต้นงิ้วขึ้นสูงลิ่ว ต้องแหงนคอดูยอด นกปิ๊ดจะลิว(นกหัวขวานหรือนกกรงหัวจุก) มักจะบินมาจิกกินดอกงิ้ว ส่งเสียง ปิ๊ดๆ ปิ๊ดจะลิว จิกกินไปก็ขยับหัวคล้ายทหารสวมหมวกแก๊ปด้วยระแวงภัยเป็นพักๆ ใกล้ต้นงิ้วจะมีต้นกว๋าวขึ้นเคียงข้าง ประกาศความเด่นสวย คล้ายยามผู้พิทักษ์ซ้ายขวา ถัดจากกึ่งกลางป่าโปร่งแนวต้นงิ้ว จะเป็นหนองรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นหนองตื้นไม่ค่อยมีปลา ขอบหนองด้านใต้มีทางเดินกว้างราวศอกเศษทอดแนวตะวันตกสู่ตะวันออก หากสุดทางแล้วเลี้ยวขวาจะเป็นพื้นที่วางหลังโรงแรมแม่ปิง ข้างทางมีกอไผ่ขึ้นเป็นระยะ เศษใบไผ่แห้งกองสุมโคนต้น ขยับไปทางทิศใต้อีกหน่อยเป็นหนองน้ำอีกแล้ว แต่เป็นรูปตัวแอลในภาษาอังกฤษ มุมหนองตัวแอลมีกอไผ่ขึ้นเป็นระยะ เวลาลมพัดลำต้นไผ่จะเสียดสีกันดังอี๊ดอ๊าด ดังลำนำเพลง อากาศบริเวณนี้จะเย็นเยือกกว่ารอบๆ ทั้งมีความเงียบและวังเวง แม่บอกว่านั่งเรือตกปลาจะเคลิ้มง่วงนอน คล้ายมีอะไรมาสะกดครอบงำ ยังมีศาลไม้ขรึมหลังหนึ่ง มุงหลังคาด้วยดินขอ(กระเบื้องดินขอ) ปูด้วยไม้สัก เสาคู่หน้าฝังริมตลิ่ง อีกคู่จมอยู่ในน้ำ พื้นศาลที่เราเรียกว่าหอ สูงเสมอลานดินกว้างราว 5 ไร่เศษ มีต้นชมพู่ผลสีขาว 2 ต้นอยู่ค่อนด้านหน้าซ้ายขวา หน้าหอเป็นป่าโปร่งเช่นเดียวกัน ต้นไม้ยืนต้นเป็นมะพร้าว ยืนต้นประปราย บริเวณนี้อยู่หลังโรงแรมแม่ปิง ปัจจุบันเป็นด้านหลังโรงแรมปริ้นซ์

ด้านตะวันตก
ของป่าโปร่งมีหนองน้ำอีก 1 แห่ง หนองน้ำนี้มีปลาชุกชมกว่าหนองอื่นที่กล่าวมา หนองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทางทิศใต้หนองมีร่องน้ำทะลุถึงน้ำแม่ข่า ปลาจากน้ำแม่ข่าจึงเข้ามาอาศัยในหนองนี้ หนองจะมีคนในหมู่บ้านเวียนมาวิดน้ำในหนองหาปลาเสมอ บางทีเว้นวันสองวันมาวิดน้ำ บางทีเช้ากับบ่าย ปลาเหมือนจะหมดแต่ก็ไม่หมด ใครมาวิดจะได้ปลาไม่มากก็น้อย ปลาใหญ่เป็นปลาช่อนปลาดุก รองลงมาเป็นปลาหมอ ปลาตะเพียนขนาดต่างๆ ปลากัดจีน ปลากระดี่ หอย กุ้งมีบ้าง

ใต้โคลนเหนียวเลอะยังมีปลาไหลอาศัยอยู่ ข้างหนองตรงกลางจะมีต้นตองขึ้น 1 ต้น ต้นข่อย ต้นเล็บแมวเรียงรายออกไป ต้นมะพร้าวขึ้นใต้หนอง 1 ต้น ถัดออกไปริมน้ำแม่ข่าเป็นต้นฉำฉ่า(จามจุรี)2 ต้น ใหญ่ขนาดสองคนโอบ ให้ร่มเงากว้างใหญ่
บริเวณนี้จะเป็นที่ตกปลาของคนในหมู่บ้าน จะเห็นกระดองปูที่ถูกเกี่ยวเหยื่อเนื้อข้างในเป็นเหยื่อปลา ทิ้งเกลื่อน เห็นมดเดินแถวไต่ตอมเป็นแห่งๆ

ในหนองน้ำที่มีปลาชุกชุม
คนมาวิดหาปลาบ่อยๆนั้น เขาจะโกยดินใต้น้ำในหนองขึ้นมาปั้นเป็นคันแนวยาวกลางหนอง น้ำในหนองลึกราวโคนขาผู้ใหญ่ ผู้วิดหาปลาสำหรับเช้านี้จะไปยืนริมสุดด้านขวาหนอง ใช้คุ(ถังน้ำ)จ้วงน้ำในหนอง จากฟากหนึ่งซัดโครมข้ามคันดินที่ปั้นขวางไปอีกฟากหนึ่งของหนอง ได้ยินเสียงน้ำซัดโครมๆถนัดถนี่.


                                        …………………………………………………………………………..

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
พอได้จังหวะ ผู้ชายที่ห้อยหัว ก็เหวี่ยงผู้แสดงชายที่จับเขาอยู่ กลับคืนมาหาบาร์เดิมของเขา คนดูบางคนทนไม่ไหวส่งเสียงร้อง เขาจับบาร์ได้ เสียงปรบมือให้กำลังใจดังขึ้น ผู้แสดงที่ห้อยหัว หกตัวขึ้นนั่งบนบาร์พักร่างกายครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ห้อยหัวลงมาอีก แข็งแรงและทรหดมาก ผู้หญิงสาวสวยจับบาร์เหวี่ยงตัวเข้าหาบ้าง ผู้ชมคงเอาใจช่วยมากขึ้น เธอปล่อยมือจากบาร์ พุ่งเข้าหาผู้แสดงที่หัวห้อยรออยู่ มือเกือบถึงแต่ไม่ถึง เธอลอยหล่นลงมา คนดูส่งเสียงฮือ บางคนลุกขึ้น เธอตกลงมาตาข่ายปลอดภัย ตัวลอยเด้งขึ้นสองสามครั้ง ตามแรงดีดของตาข่าย เธอรีบลุกขึ้น…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมสอบถามเรื่องราว จากลูกของป้า ซึ่งย้ายมาปลูกบ้านหลังสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2500 เล่าว่า ราวปี พ.ศ. 2503-2504 มีละครสัตว์มาแสดงในงานฤดูหนาวเชียงใหม่ 2 ปีติดต่อกัน ละครสัตว์คณะนี้เป็นชาวภารตะ ละครสัตว์น่าดูและน่าตื่นเต้นมาก หลังคาโรงละครสัตว์เป็นรูปโดมสูง ภายในมีอัฒจันทร์คนดูเรียงรายเป็นวงกลม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ก่อนงานวันแรก มีเครื่องบินโปรยใบปลิว เชิญเที่ยวงานฤดูหนาวเชียงใหม่จากท้องฟ้า ท้องฟ้ายามนั้นเต็มไปด้วยใบปลิวมันค่อยลอยต่ำลงมา พลิกตัวเล่นลมน่าดู ชวนให้ผู้คนคึกคักไม่น้อย ภาพเด็กวิ่งไล่เก็บใบปลิวที่ลอยลงสู่พื้น บางทีเรานั่งอยู่ในบริเวณบ้าน ใบปลิวหล่นกระจายทั่วบ้าน หลังคาบ้านเอย ลานบ้านเอย นั่งมองขึ้นไปดูใบปลิวสีสวย ยังลอยมาสู่มือให้รับอย่างสบายๆ ตอนบ่ายจะได้ยินเสียงคำรามของรถจักรยานยนต์ตามถนน ถนนสายโน้นสายนี้ มุ่งสู่สนามกีฬาที่จัดงานฤดูหนาว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
สว่างแล้ว ผมค่อยเปิดหน้าต่างห้องนอน ซึ่งอยู่ชั้นล่างของบ้านเช่า ลมเย็นสะอาดพัดเข้ามา ผมรู้สึกสดชื่น ปอดขยายตัวเต็มที่ สูดหายใจเข้าไปเต็มปอด รู้สึกปลอดโปร่งกระปรี้กระเปร่า เป็นลมพัดจากทุ่งนากว้างข้างบ้าน มองเห็นนาข้าวผืนใหญ่ จากทิศใต้หักมุมฉากทอดไปทิศตะวันตก ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นไทยใหญ่ มีบ้างเป็นคนไทย อาชีพก็ทำนาทำสวน ไม่กี่รายมีอาชีพค้าขาย ทางซ้ายมือผมเป็นถนนดิน พุ่งตรงไปทิศใต้ของหมู่บ้านเวียงแหง มีบ้านปลูกเรียงรายไปตามถนน สูงขึ้นไปเป็นดอยซ้อนๆ กัน ยอดดอยสูงสุดเป็นดอยสามหมื่น แนวดอยนี้อ้อมโค้งไปทางซ้ายและขวาเป็นวงกลม หมู่บ้านเวียงแหง เหมือนถูกล้อมด้วยดอยสลับซับซ้อน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ขอมองย้อนหลัง เกี่ยวกับงานฤดูหนาวเชียงใหม่ แล้วค่อยมายืนกอดอก มองภาพที่เห็นในปัจจุบัน งานฤดูหนาวเชียงใหม่ จะจัดระหว่างปลายเดือนธันวาคม ถึงต้นเดือนมกราคม เป็นงานออกร้าน และงานรื่นเริงประจำปีของจังหวัด ถือว่าเป็นงานใหญ่ประจำปีของเชียงใหม่ทีเดียว กิจกรรมสำคัญของงานคือ การออกร้านของเอกชนและรัฐ และกิจกรรมการกุศลของกาชาด ในยุคแรกงานนี้ จัดที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จนถึงปี พ.ศ. 2491 คงมองออก พื้นที่หลักในการจัดงาน เป็นสนามฟุตบอลของโรงเรียน ผู้เขียนนึกภาพงานไม่ออก ไล่อายุคงราว 8-9 ขวบ มันเลือนราง เหมือนเห็นภาพตนเอง กำลังยืนซื้อโรตีสายไหมกับพ่อ ตรงใกล้ประตูฟุตบอลด้านทิศใต้…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เพื่อนผมเรียนหนังสือรุ่นเดียวกัน อาชีพล่าสุดเป็นข้าราชการครูเหมือนกัน แต่เขาอยู่สายผู้บริหารสถานศึกษา ผมอยู่สายนักวิชาการ อยู่คนละอำเภอ เมื่อแยกย้ายไปเรียนต่อ ไปประกอบอาชีพ เราจึงไม่ได้พบไม่ได้ติดต่อกัน ทราบข่าวอีกครั้ง เสียชีวิตเสียแล้ว จากสาเหตุต้นยางโค่นล้มลงมาทับ ขณะขับรถยนต์มาตามถนนสายเชียงใหม่-สารภี ยังไม่พอ ต่อมาน้องสาวคนสวยแสนดีของเพื่อนเสียชีวิตขณะยืนรอรถโดยสารใต้ต้นยาง ไม่มีวี่แววฝนจะตก ลมพัดมาก่อน ลมอะไรไม่ทราบกระโชกมาอย่างรุนแรงวูบหนึ่ง กิ่งต้นยางหักโครมลงมาบนร่างบอบบาง น้องสาวของเพื่อนเสียชีวิตไปอีกคน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ราวเดือนพฤศจิกายน เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ กับแรม 1 ค่ำ วันแรกลอยกระทงเล็ก วันที่สองลอยกระทงใหญ่ มีบริษัท หน่วยงานต่างๆ ส่งเข้าประกวด งานลอยกระทงก็อาศัยแม่น้ำปิงเป็นสถานที่จัดงาน พอหัวค่ำ หน้าเทศบาลนครเชียงใหม่ พระจันทร์กลมโตกว่าปรกติ ทอแสงสีนวลอ่อนโยน เหนือยอดไม้ด้านทิศตะวันออก แสงสีเหลืองอ่อนอร่ามทั่วฟ้า ยังกระจายไปทั่วลำน้ำและเหนือสะพานนครพิงค์ ในแม่น้ำสว่างไสวด้วยแสงไฟจากเทียนในกระทง ที่ผู้คนมาลอยกระทงพร่างพราวตา ดูละลานตาทั่วแม่ปิง ผิวน้ำสะท้องแสงไฟเหมือนมีไฟใต้น้ำ บอกไฟวี้พุ่งขึ้นท้องฟ้าตลอดเวลา ขีดฟ้าเป็นทางขาว เหมือนสายแพรสีขาวสะอาด บางเบา ของเหล่าบริวารนางฟ้า สะบัดเริงระบำ…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมสามคน ธาตรี วิชาญ และผม กินข้าวเดือนที่ร้านอาโกกับเจ๊อิ้ดทุกวัน อาหารมื้อละ 3 อย่าง มีข้าราชการอำเภอเวียงแหง มากินข้าวเดือนเช่นเดียวกันอีกหลายชุด เรากินไปคุยกันไป ฟังโต๊ะอื่นคุยกันแบบไม่ตั้งใจฟังเท่าไร ด้วยเสียงที่คนนั้นพูดดังพอสมควร บางเรื่องทำให้เราตื่นเต้น อยากรู้ ตั้งใจฟังจนเอียงตัวเข้าไปใกล้ แกล้งเคี้ยวอาหารทำไม่สนใจ บางเรื่องก็ธรรมดาทั่วๆไป
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ผมขับรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าสีแดง ซึ่งเป็นรถสำหรับผู้หญิงใช้งาน จากบ้านที่อำเภอแม่แตง เดินทางสู่กิ่งอำเภอเวียงแหง สวมรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อ เสื้อกางเกงเนื้อหนาราคาถูก สีทึมทึบ หมวก แว่นตา และถุงมือ เป็นอันว่าครบชุดออกเดินทางเวลาบ่ายโมงเศษ กินข้าวที่เชียงดาว แล้วพารถสู่ปากทางบ้านแม่จา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสู่เส้นทางไปกิ่งอำเภอเวียงแหง นำรถจักรยานยนต์ไปครั้งนี้ เพื่อไว้ใช้งานในเรื่องต่างๆ เช่น เยี่ยมโรงเรียน ไปเยี่ยมครูตามบ้านพักหลังเวลาราชการ ครูพักค้างกันตามบ้านพัก เราไปเยี่ยมพูดคุยกับเขา บรรยากาศแบบกันเอง มีอะไรก็นำมารับประทานด้วยกัน พูดคุยกันเรื่องผ่อนคลาย โดยหัวหน้าการของผมนำคณะเราไป…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมนั่งรถประจำทาง จากตัวเมืองเชียงใหม่ มุ่งสู่อำเภอแม่ริม รถวิ่งราว 16 กิโลเมตรก็ถึงอำเภอ ผมลงตรงหน้าสถานีตำรวจภูธรแม่ริม เดินเข้าซอยข้างๆ สถานีตำรวจ มือหิ้วกระเป๋าเดินทาง เพื่อเข้าไปในค่ายดารารัศมี ซึ่งเป็นค่ายของตำรวจตระเวนชายแดน โดยมีจุดมุ่งหมาย จะขอโดยสารไปกับเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจ ที่มีราชการไปอำเภอเวียงแหง โดยเราเพียงบอกว่า เป็นข้าราชการทำงานในอำเภอ ทางเจ้าหน้าที่รับทราบก็จะอนุเคราะห์ทุกครั้ง เป็นการช่วยเหลือในวงราชการด้วยกัน ผมเดินไปครู่เดียวก็ถึง เห็นเฮลิคอปเตอร์ลายเขียวน้ำตาลจอดอยู่ลำหนึ่ง ผมชำเลืองดูรอบบริเวณ เห็นมีผู้คนจะขึ้นไปด้วย 3-4 คน กระเป๋าและสัมภาระวางบนพื้นระเกะระกะ…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เมื่อถึงช่วงสงกรานต์ หน่วยงานที่รับผิดชอบจะปล่อยน้ำ ทำให้ระดับน้ำแม่ปิงสูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้คนตักน้ำแม่ปิงไปรดน้ำได้สะดวก จุดศูนย์กลางเล่นน้ำสงกรานต์อยู่ที่ขัวเหล็ก (สะพานนวรัฐ) คนจะยืนข้างสะพานทั้งสองข้างเต็มไปหมด กลางขัวเหล็กนั้น คนเดินสวนกันไปมาหนาแน่น ใส่เสื้อม่อฮ่อมเป็นส่วนใหญ่ มือถือขัน กระป๋องน้ำ ปืนฉีดน้ำ บางคนใช้เชือกผูกกระป๋อง หย่อนจากสะพานลงตักน้ำแม่ปิงด้านล่างมารดกัน ด้านล่างของขัวเหล็ก จะเห็นคนนั่งแช่น้ำแม่ปิง สาดน้ำกัน ชายหนุ่มหญิงสาวยืนคุยกันด้วยท่าทีเปี่ยมไมตรีจิต ถ้อยคำพิเศษที่รับรู้เพียงสองคน บางแห่งก็ชกต่อยกันประปราย ที่เล่นน้ำขยายมาถึงถนนหน้าพุทธสถาน ตลอดถนนท่าแพ…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมยืนขึ้นก้าวไปข้างหน้า น้ำถึงราวนม เท้าจับทรายไม่อยู่ รู้สึกทรายเคลื่อนตัวลง ตัวผมจมลงไป รู้ทันทีว่าทรายดูดหรือ "ทรายมาน" ใจหายวาบ รีบใช้มือตีน้ำ ผ่อนน้ำหนักที่เท้า บิดตัวถอยหลังอย่างฉับพลัน ใช้เท้ายันพื้นทราย เท้าจับทรายได้แล้ว ถอยเท้าอย่างรวดเร็ว รีบขึ้นหาดทราย ประมาทไม่ได้เลยกับภัยในน้ำ เหลียวดูเพื่อน เขากลับลงเล่นน้ำกันอีก