Skip to main content


ถนอมรัก เดือนเต็มดวง


วันเสาร์
โรงเรียนเปิดครึ่งวัน ผมเรียนชั้น ป. 4  เป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียนเอกชนโรงหนึ่ง ห้องเรียนอยู่ชั้น 2  ด้านขวาของอาคารเรียนไม้ 2 ชั้น มุงหลังคาด้วยดินขอ(กระเบื้องขนาดเล็ก) หันหน้าไปทิศตะวันตก ด้านซ้ายชั้น 2 เป็นชั้น ป.3 ครูสมศักดิ์สอนควบ ป.3-4 ชั้นล่างสุดเป็นชั้น ป.1 กับ ป.2 หน้าอาคารเรียนไม้สองชั้นเป็นบ้านพักครูใหญ่และครอบครัว ครูใหญ่ไม่สอนหนังสือ ทำหน้าที่ฝ่ายบริหารและเจ้าของโรงเรียน มอบให้ครูวิไลลูกสาวคนเล็กสอนชั้น ป.1 และให้ครูอรุณหรือชื่อจริงครูประพันธ์ลูกชายสอนชั้น ป.2

ขอเล่าเรื่องครูใหญ่
ขณะผมอยู่ชั้นมูลสักเล็กน้อย จะข้ามไปไม่ได้เลยเพราะมีเกร็ดน่าสนใจ ราว 1-2 สัปดาห์ต่อครั้ง ผมจำได้ไม่แม่นยำ พอนักเรียนเข้าห้องเรียนได้พักหนึ่ง เวลาคงประมาณ 9 -10 โมงเช้า ครูใหญ่ก้าวลงบันได แกแต่งตัวตามสบาย เสื้อแขนสั้นสะอาดเรียบปล่อยชาย เห็นรอยเสื้อกล้ามข้างในที่บ่า สร้อยคอทองคำเส้นใหญ่อร่ามที่ข้างลำคอ สวมแว่นสีชาเข้ม จะเห็นดวงตาดูกระด้างของแกต้องจ้องดูระยะใกล้ๆ แล้วนักเรียนคนใดจะกล้าเข้าไปดูใกล้ๆได้ นักเรียนทั้งหมดโรงเรียนกลัวครูใหญ่อันดับ 1   รองลงมาเป็นครูประพันธ์ลูกชายคนเดียวของแก เวลาครูใหญ่พูดจะเห็นฟันทองข้างหน้า 2-3 ซี่ บนล่างสลับกัน ยุคนั้นนิยมใส่ฟันทอง เพราะแสดงถึงฐานะมั่งคั่งทางการเงิน อีกทั้งเป็นความโก้เก๋ มักเห็นอาเสี่ยใส่ฟันทองกันเกร่อ ชอบพูดและยิ้มง่ายโดยไม่ต้องขำหรือมีเหตุผลใดๆ ให้ได้อวดฟันทองเป็นพอใจแล้ว ครูใหญ่เดินลงบันไดมาแล้ว สวมกางเกงขายาว ข้อมือซ้ายที่เอ็นโปนสวมนาฬิกาเรือนทอง รูปร่างแกร้องแกร้ง แกต้องเดินผ่านห้องชั้นเทียบ แกจึงมักแวะดูนักเรียน นักเรียนจะนั่งตัวหดตัวงอเป็นกุ้งแห้งทั้งห้อง แกเดินเข้าไปช้าๆอย่างพญาเสือ มองซ้ายแล้วมองขวา แล้วดิ่งไปหานักเรียนชายคนหนึ่ง แก่ชี้นิ้วให้อ่านคำในหนังสือบนโต๊ะข้างหน้า ผมและเพื่อนอยู่ในห้องชั้นมูลข้างห้องชั้นเทียบที่ครูใหญ่กำลังยืนค้ำหัวนักเรียนขณะนั้น พวกเราต่างสะกิดให้กันดู ต่างนั่งนิ่งแต่ตาแอบชำเลืองดูครูใหญ่เงียบๆ ไม่มีใครพูดกัน ถ้านักเรียนอ่านได้ครูใหญ่จะส่งเสียงฮือฮาพอใจ แต่ถ้าเกิดสุ่มไปเจอนักเรียนอ่านไม่คล่องตะกุกตะกัก หรือทุกครั้งเคยอ่านได้แต่กลัวครูใหญ่มากไปจนเกร็งหรือกลัว อ่านได้กลายเป็นอ่านฝืดคล้ายติดอ่างละก็ เสียงดังราวตีกลองปังจะดังก้อง มันคือฝ่ามือครูใหญ่ฟาดลงกลางหลังนักเรียนค่อนข้างแรง

                   “หือ ทำไมอ่านไม่ออก อยู่ชั้นเทียบแล้วนะ”

ผมรู้สึกกลัวจนไม่อยากฉี่อยากถ่าย เด็กถูกทุบหลังเครื่องในไม่ช้ำหมดหรือ ตาครูใหญ่ขุ่นขวางกราดดูนักเรียนไปทั่ว ฟาดหางไปถึงครูประจำชั้นด้วย สักครู่แกก็เดินออกห้องลัดสนามออกกอง(ซอย)ไป

ครูใหญ่ไปไหนนะ
นักเรียนชั้นสูงกว่าผม กระซิบกระซาบกันว่าไปสูบฝิ่น ผมตกใจอึ่งครู่หนึ่งถามจริงหรือที่ไหน รุ่นพี่ยอดนักสืบบอกว่า ได้ยินผู้ใหญ่พูดกันว่าไปสูบฝิ่นในซอยข้างร้านสรรพสินค้าชื่อดัง บนถนนท่าแพ ผมกลับบ้านมาถามย่า ย่าตอบว่า
                  “ ฟังเขาอู้กัน จริงบ่จริงบ่ฮู้ อย่ารีบเชื่อเขา เพราะเฮาบ่เห็นกับตา
               ครูใหญ่อาจบ่สูบก็ได้ ถ้าบ่จริงครูใหญ่จะเสียหายเน้อ ”
                  “ แต้ๆนะอุ๊ย รักว่าครูใหญ่คงบ่ได้สูบ แต่ว่าคนที่สูบ
               เขาไปสูบที่ไหนกันหา”
                   “คนที่ติดฝิ่น เขาจะไปสูบที่โฮงฝิ่นในกอง(ซอย)ข้างร้านสรรพสินค้า
               กองนี้อยู่ตรงข้ามกองเมรุ โดยมีถนนท่าแพคั่นกลาง”
                   “ สูบได้กาอุ๊ย เพราะอะหยังตำรวจบ่จับ”
                   “ มันเป็นโฮงสูบฝิ่นที่ถูกกฎหมาย”
                   “ เพราะอะหยังต้องสูบฝิ่น มันเป็นยาเสพติด ของบ่ดี บ่ใจ่กาอุ๊ย”
                   “ คนมันติดเสียแล้ว ถ้าสูบแล้วจะอารมณ์ดีแจ่มใส ถ้าบ่ได้สูบจะหงุดหงิด
                 อารมณ์เสียได้ง่ายๆ ผ่ออะหยังขวางหูขวางตาไปหมด เขาว่ากันว่า คนสูบฝิ่นผิวจะสวย
                  เหลืองงาม อุ๊ยได้ยินว่าพระเอกลิกาจะสูบฝิ่นเพื่อให้ผิวสวย แต่งองค์ทรงเครื่องลิเก
                 พระเอกจะหล่อนางเอกจะงามผิดกว่าเวลาปรกติ คนดูถึงได้ติดอกติดใจกันนัก”

                                             ……………………………………………………………

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
                                                            
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง