ท้องฟ้าอ้อยสร้อยแบบนั้นแหละ ที่คนแถวบ้านฉันรำพึงกันว่า เป็นความชุ่มฉ่ำต้อนรับเทศกาลเข้าพรรษา
ฝนตกเอื่อยๆ พรมความชื้นไปทั่วถนนเล็กๆ ของหมู่บ้านเรา แต่ก็ไม่มีใครย่อท้อที่จะออกไปทำบุญ ดอกไม้ธูปเทียน อาหารคาวหวาน ข้าวตอกดอกไม้ คนข้างบ้านของฉันซึ่งเป็นครอบครัวที่ขยันทำงานไม่มีวันหยุด ก็ยังเอ่ยปากบอกว่า หยุดงานสักวันสองวันดีกว่า นอกจากไปทำบุญแล้ว ก็ยังได้หยุดอยู่บ้านกับครอบครัวอีกด้วย
ฉันจึงรู้สึกว่าวันเข้าพรรษาเหมือนวันของครอบครัวอีกวัน เสียงเครื่องจักรคัดลำไยของข้างบ้านที่กระหึ่มอยู่ทุกวัน ก็เริ่มเงียบลง
เปลี่ยนเป็นเสียงเพลงทั้งช้าและเร็ว สลับกันไป พร้อมบรรยากาศของการล้อมวงกินข้าว แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสะอาด
ดูจะเป็นวันที่มีความสุข เช่นเดียวกับรอยยิ้มของใครอีกคนที่พลัดหลงมาอยู่ในชุมชนของเรา
ฉันไม่รู้จักชื่อเธอหรอก แต่เธอก็ดูจะอยู่วัยเดียวกันกับหญิงสาวข้างบ้าน เธอสวมเสื้อสีฟ้า ซึ่งเป็นเสื้อของพนักงานประจำร้านก๋วยเตี๋ยวใหญ่ของอำเภอแห่งหนึ่ง ที่นี่เป็นร้านเล็กๆ ที่คนมากินกันแน่นร้านแทบทั้งวัน
“รอหน่อยนะคะ วันนี้คนเยอะ”
เธอเดินมาบอกฉัน พร้อมถามว่าจะรับน้ำอะไรดี เธอพูดจาสุภาพ แม้จะมีสำเนียงที่ไม่ชัดและบอกว่าเธอไม่ใช่คนไทย
เธอเดินวนเวียนเสิร์ฟน้ำ เสิร์ฟก๋วยเตี๋ยว อยู่รอบโต๊ะ สายตามองไปยังครอบครัว คู่รัก เด็กน้อย คุณลุง คุณป้า ที่มากินด้วยกันในวันหยุดด้วยความกระตือรือร้น ฉันอดคิดไม่ได้ว่า วันพระใหญ่แบบนี้ หากเป็นที่บ้านของเธอ เธอจะทำอะไรบ้าง ใส่ชุดอะไรไปทำบุญ และบ้านของเธอจะทำขนมเองไหม
“รอหน่อยนะคะ”
เธอเดินมาบอกอีกครั้ง เธอคงต้องทำหน้าที่นี้ ในเมื่อร้านที่คนขายเป็นชายหญิงคู่สามีวัยกลางคนนั้นกำลังทำแทบไม่ทัน หลายคนกำลังรอพร้อมหน้าตาหิวบึงตึง ฉันพยักหน้าและยิ้มให้เธอเพื่อบอกว่า ไม่เป็นไรนะ ฉันรอได้ ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ ในเมื่อร้านนี้มีของอร่อยขนาดนี้
ฉันชำเลืองมองไปยังรอบๆ ร้าน อย่างฆ่าเวลา แล้วจึงเหลือบไปเห็นถังน้ำพร้อมดอกไม้ที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งหน้าร้าน
ป้ายกระดาษลายมือโย้เย้นั้นเขียนไว้ว่า “ดอกเข้าพรรษา”
ดอกเข้าพรรษา ออกดอกในช่วงฤดูฝน และบานสะพรั่งในช่วงเข้าพรรษา
แต่ละกำมัดรวมกันไว้ประมาณ 7-8 ก้าน ดอกไม้สีขาวที่เป็นพวงระย้า ห้อยลงมาก้านละพวง ใบของมันใหญ่เหมือนใบขิงหรือสมุนไพรอื่นๆ กลีบละมุนและบอบบาง จนอดไม่ได้ที่จะเดินไปชมใกล้ๆ
“กำละ 20 บาทค่ะ”
หญิงสาวบอก ฉันสำรวจเงินในกระเป๋า อืม ซื้อไว้สักกำ แล้วก็อยากจะซื้อไปฝากพี่สาวอีกด้วย งั้นเอาสองกำก็แล้วกัน
“ปลูกเองเหรอคะ”
“ค่ะ บ้านเจ๊เขาปลูก ช่วยตัดมาขาย”
ฉันยิ้มกว้าง อยากเห็นต้นของมันจังเลย หากนับดูในถังใบนั้น น่าจะมีดอกเข้าพรรษาอยู่สัก 20 กำได้ แต่ยังไม่หมดแค่นั้น ในร้านยังมีกำที่แช่น้ำเอาไว้รอขายอีกไม่ต่ำกว่า 20 กำ
“โห มีเยอะจัง มันขึ้นเยอะเลยเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ มีเต็มเลย กำลังบานสะพรั่ง ออกดอกเฉพาะช่วงนี้ เดี๋ยวก็หมดแล้ว”
เธอช่วยอธิบาย ฉันไม่รีรอที่จะจ่ายเงิน พร้อมปล่อยให้เธอจัดแจงห่อใส่กระดาษ มัดด้วยหนังยาง พร้อมแนะนำฉันว่า
“หมั่นเปลี่ยนน้ำนะคะ อยู่ได้เป็นเดือนทีเดียวค่ะ”
ฉันยิ้มขอบคุณ ฉันคงทำตามที่เธอบอกแน่นอน แต่นอกเหนือจากนั้น ฉันอยากเอาต้นมาปลูกที่บ้านเสียเลยด้วยซ้ำ
กำลังจะอ้าปากถามไถ่ถึงต้นกล้า ว่าจะพอมีขายบ้างไหม เสียงตะโกนของคนในร้านก็เรียกเธอให้ไปเสิร์ฟน้ำ ส่วนฉันกลับไปนั่งที่โต๊ะ ก๋วยเตี๋ยวของเรามาเสริ์ฟแล้ว แต่น้ำดื่มยังมาไม่ถึง ฉันค่อยๆ ปรุงรสในชามตัวเองอย่างช้าๆ แม้จะรู้สึกหิวแค่ไหน แต่ฉันยังตื่นเต้นกับดอกไม้อยู่ ซึ่งอีกไม่นานนัก หากเธอมัดใส่ห่อเสร็จแล้วก็จะนำมาให้ที่โต๊ะ
แต่แล้ว แววตาของเธอก็เปลี่ยนไป
ด้วยว่าดอกไม้ที่เธอหยิบมาให้ เดินชนกับคนในร้านที่รีบผลุนผลันออกไปด้วยความโมโหหิว เขายังไม่ได้ก๋วยเตี๋ยวของเขา และเวลานี้ก็น่าจะใกล้บ่ายแล้ว
เด็กสาวทำหน้าจ๋อย แต่เธอไม่บ่น ไม่นึกต่อว่าใครนอกจากตัวเธอเอง
“ขอโทษด้วยค่ะ ดอกไม้มันช้ำไปแล้ว พี่จะเปลี่ยนช่อใหม่ไหม”
ฉันเลิกคิ้ว มองไปยังดอกไม้กำนั้น ไม่เป็นไรหรอก แม้จะเปลี่ยนช่อใหม่ กว่าจะกลับถึงบ้านฉัน ดอกไม้ก็อาจจะช้ำกว่านี้ เพราะดอกเข้าพรรษากลีบบางและช้ำง่าย ไม่เหมือนดอกไม้ชนิดอื่น
ฝนยังตกโปรยปรายไม่หยุด เมื่อเดินออกจากร้านมา เด็กสาวเดินตามมาเอ่ยขอโทษอีกครั้ง เธอดูผูกพันกับดอกไม้เหลือเกิน เธออาจจะอยากหอบกลับไปบ้าน หรือไม่ก็ปลูกมันเอาไว้แล้วก็เป็นได้
แล้วก็เป็นอย่างที่ฉันคิด ดอกไม้ช้ำกว่าเดิม กว่าจะฝ่าฝันแรงลมและฝนบนมอเตอร์ไซค์กลับมาถึงบ้าน
ฉันแกะใส่แจกันเอาไว้ ใส่น้ำและเกลืออย่างที่เธอบอก อดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องถ่ายรูปมาถ่ายเก็บเอาไว้
พร้อมกับความรู้สึกลึกๆ ในคืนวันฉ่ำฝนนั้นว่า
ไม่เป็นไรหรอก ถ้าดอกไม้จะช้ำลงไปบ้าง เพราะมีบางอย่างผลิบานและงอกงาม ไม่ช้ำ ไม่โรยรา
แต่ฉันไม่รู้จะหาคำนิยามเรียกสิ่งเหล่านั้นว่าอย่างไร เท่านั้นเอง.