ทั้งที่แค่เป็นเวลาบ่าย แต่บ้านของเราไม่มีแสงแดด
ก้อนเมฆหนาทึบขนาดมหึมาเคลื่อนเร็วเหมือนคลื่นน้ำ แผ่ความเย็นให้วันธรรมดาในฤดูฝนเย็น ให้จับใจขึ้นไปอีก
แน่นอนว่าคนใต้ฟ้าแถวบ้านฉันไม่ได้กลัวเปียก แต่พวกเขากลัวน้ำท่วม แม้ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา คนข้างบ้านฉันยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่า “ที่นี่น้ำไม่ท่วม” เขาบอกว่าเราเป็นตำบลที่อยู่ตรงกลางระหว่างน้ำปิงของเชียงใหม่และลำพูน โดยมีจุดชลประทานอยู่เหนือหมู่บ้าน มีประตูน้ำ ดังนั้นหากน้ำมามากเกินไป ก็จะมีการปิดประตูน้ำ ที่บอกว่ากักเก็บน้ำได้มากโข ความจริงฉันเชื่อในระบบชลประทานหมู่บ้าน แต่สิ่งที่ฉันไม่เชื่อมั่นคือปริมาณน้ำฝนและอากาศที่แปรปรวนเกินไปต่างหาก
“หนูๆ ไปตักกินตรงนั้นก็ได้ลูก”
คุณยายชี้ไปยังกระติกสีเขียวเก่าคร่ำคร่า แต่บรรจุน้ำไว้เต็มพร้อมน้ำแข็ง บนฝามีกระบวยอันหนึ่งวางอยู่ เพื่อบอกว่าทุกคนสามารถใช้ตักกินได้
“ยายเอาน้ำมาบริการให้ฟรี เผื่อใครผ่านไปผ่านมาร้อนๆ จะได้แวะกิน”
กลิ่นน้ำยาอุทัยทิพย์แทรกซึมอยู่ในหยดน้ำ กินแล้วชื่นใจหายสะอึก หันมาอีกทีลุงขี้เมาเดินเข้ามาใกล้ทุกคนแล้ว
“พ่อมีอะไรไม่ทุกข์อกทุกข์ใจหรือ ถึงได้เมาแต่บ่ายแบบนี้”
มีคนถามเขา คนถูกถามทำตาปรือ นิ่งไปสักพักแล้วก็หัวเราะ|
“ก็ไม่มีอะไร๊ กลุ้มใจเรื่องลูกเรื่องหลาน ลูกที่ส่งไปเรียนกรุงเทพ มันจะมีผัว”
“ฮา...เอ้อ...เอ้ย”
ใครไม่รู้หัวเราะมาก่อนเลย ตามด้วยประโยคอุทาน คำว่า “เอ้อเอ้ย” แสดงได้ทั้งความเอ็นดูและอาการถอนหายใจ
“ลูกสาวคนไหน แล้วมันอายุเท่าไหร่ ผัวมันเป็นใคร...?!!”
เสียงระงมถามปลุกวันหม่นหมองให้ตื่น ใครหลายคนมีท่าทีกระชับกระเฉง พวกเขาคงมีเรื่องสนทนาไปอีกนับชั่วโมง ฉันค่อยๆ แทรกตัวจากความวุ่นวายออกมา เดาว่าคุณยายคงไม่ได้ยินเสียงขอบคุณเบาๆ สำหรับน้ำดื่มชื่นใจนั้น
....................
“อ้าว รถยางรั่วมั้งพี่”
เด็กหนุ่มในปั๊มน้ำมันบอกฉัน ทันทีที่เข้าขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่าเข้าไปจอด ฉันเพิ่งจะเอ่ยปากบอกเขาว่าเติมน้ำมัน 50 บาท แต่ชายหนุ่มส่ายหน้าบอกว่าน้ำมันหมดถัง และมันขาดตลาดมาตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้ว
“ตายแล้ว ทำยังไงดี น้ำมันหมด ยางรถรั่ว”
ฉันรำพึง ขมวดคิ้ว
“เอาน้ำมันขวดไหมพี่”
เขากระซิบเบาๆ ฉันทำหน้างงๆ มันคืออะไรกันนะน้ำมันขวด
แววตาของฉันคงแทนคำตอบ ในเมื่อขีดน้ำมันบอกไว้ว่าคงไปได้ถึงแค่ร้านหนังสือ แต่ขากลับไม่รู้จะถึงบ้านหรือเปล่า เพียงสักครู่ที่ชายหนุ่มหายไปจากหน้าร้าน เขาก็กลับมาพร้อมกับขวดมิรินด้าขนาดเล็กราคา 7 บาทแต่ในนั้นบรรจุน้ำมันสีแดง
“25 บาท พี่”
“ค่ะๆ” ฉันตอบพลางรีบล้วงเงินออกมาให้ คำนวณด้วยสมองอันเฉื่อยช้าว่าขวดมิรินด้านี้ไม่น่าจะมีความจุถึงครึ่งลิตร ดังนั้นหากเติม 2 ขวดให้ครบ 1 ลิตร เป็นเงิน 50 บาท
“สงสัยปั๊มกักน้ำมันแล้วขายของเถื่อน”
เสียงใครบางคนแทรกมาแทนคำตอบ ทั้งดูไม่เกรงใจและไม่พอใจนัก เด็กหนุ่มในปั๊มทำตาขวางใส่ แต่การค้าก็จบลงด้วยดี ในเมื่อทุกคนที่เข้าปั๊มมาต้องการให้รถเคลื่อนต่อไปได้
บางครั้งในความเงียบ ก็มีความวุ่นวายอยู่อึดอัดแน่นอยู่
“เติมแล้วเดี๋ยวพี่ขี่ไปปะร้านถัดไปนะ ยางจะได้ไม่เสีย”
ฉันพยักหน้า ค้นหาเศษตังค์ค่าเติมลมจากกระเป๋าพัลวัล ได้ยินเสียงบอกตามมา
“เติมฟรีครับ”
ขอบคุณเขาแล้วก็มุ่งหน้าไปยังมุมเติมลม เม็ดฝนเริ่มโปรยมาบางเบา กระดาษข้างผนังที่เขียนเอาไว้ด้วยลายมือโย้เย้ว่า “ทุกท่านเติมลมได้ฟรีครับ แต่ช่วยกันปิดวาวด้วยเพราะค่าไฟแพง” เริ่มจะซีดจางมองไม่ค่อยเห็น แต่ใครหลายคนที่มุ่งตรงเข้ามาคงคุ้นชินและไม่ต้องอาศัยป้ายอีกต่อไปแล้ว
ฉันทำตามคำแนะนำ เมื่อเติมเสร็จก็ปิดวาวให้เขาเรียบร้อย แล้วมุ่งหน้าไปยังร้านปะยาง
เจ้าของร้านเป็นชาวจีนวัยกลางคนต้อนรับอย่างดี จากนั้นก็สั่งลูกน้องในร้านให้ปะยางด้วยเสียงอันห้าวเหี้ยม เด็กหนุ่มกุลีกจอทำงานแทบไม่มีเสียงพูด บรรยากาศในร้านมีพลังบางอย่างที่ชวนอึดอัด ฉันจึงพยายามนั่งรออย่างเงียบๆ ได้ยินแต่เสียงเฮียบ่นลูกจ้างเรื่องวางของเกะกะ วันหยุด วันมาสาย พร้อมลำเลิกบุญคุณที่พามาทำงาน มีข้าวให้กิน ตบท้ายด้วยการสอนให้ขยันขันแข็ง
เฮียหันมายิ้มให้ลูกค้าอย่างฉันเป็นระยะๆ ในขณะที่เขานั่งเอกเขนกดูโอลิมปิกไปพร้อมกับกินลำไยในถาดไม้
............
ปะยางเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันวนรถย้อนกลับมาทางเดิม เพื่อไปทำธุระตามที่ตั้งใจเอาไว้
ผ่านหน้าแผงขายผัก ผู้คนยังชุลมุนคงเดิม หันไปยิ้มอีกครั้งให้กับคุณยายที่มองมา แต่ทันใดนั้นมอเตอร์ไซค์กันเก่าเจ้ากรรมก็เร่งไม่ขึ้น แผ่วลง แผ่วลง แล้วก็ค่อยๆ ดับลงไป
พยายามสตาร์ทเท่าไหร่ก็ไม่ติด ความรู้เรื่องเครื่องยนต์อันน้อยนิดแถมยังขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ค่อยคล่อง ทำให้ฉันต้องลงมาจูงมันอย่างช้าๆ ผ่านหน้าแผงขายผักไป ท่ามกลางสายตาหลายคู่
สงสัยวันนี้เป็นวันที่ดีเกินไป ฉันคิดแบบขำๆ ก็หลังจากฝนโปรยไม่กี่นาที ก็มีแดดจัดจ้านสาดทาบเข้ามา เสียงคนร้องโห่เบาๆ ให้กับแสงแดด ถ้าฝนหยุดตกเสียแต่วันนี้ น้ำก็คงจะไม่ท่วมบ้านเราแล้ว มีแต่เหงื่อที่ท่วมตัวอยู่ระหว่างการเข็นรถไปซ่อม
เอาเถอะ สงสัยวันนี้จะไม่ได้ออกไปไหนแล้ว อะไรที่คั่งค้างก็แค่เสียเวลาไปอีกหนึ่งวัน แม้ฝนจะตก พรุ่งนี้น้ำจะท่วม ราคาน้ำมันจะพุ่งพรวด หรือโลกจะวุ่นวายขึ้นไปเรื่อยๆ เรื่องที่คนคุยกันในแผงผัก ราคาหมู ราคาข้าวสาร ฉันรู้ว่าทุกอย่างกำลังกระทบกระเทือนและให้บทเรียนกับเราอยู่
แต่อย่างน้อย บนถนนสายนี้ ฉันก็ยังชื่นใจกับกระติกน้ำดื่มฟรี ลมยางไม่คิดเงิน เด็กหนุ่มในร้านปะยางที่ช่วยใส่น้ำมันเบรคแถมให้โดยไม่คิดค่าแรง
เรื่องเล็กๆ เหล่านี้กระมัง ที่ทำให้เรายังยิ้มได้ ในวันที่มีพายุแบบนี้.