Skip to main content

  

ท้องทุ่งแห่งความทรงจำ มีกลิ่นอบอวลด้วยดอกไม้ ทุ่งหญ้า และกลิ่นชื้นของที่ดินริมแม่น้ำ

พ่อของฉันตื่นนอนก่อนลูกๆ ในเช้าก่อนวันสงกรานต์ เขาส่งเสียงร้องเอื้อนเอ่ยเป็นทำนองของค่าวซอบนเก้าอี้ไม้ หันหน้าไปหาแม่น้ำและดวงอาทิตย์ ในมือถือกระดาษมีเส้น บรรจุตัวอักษรที่เขาเขียนแต่งขึ้นมาเอง และเนื้อหาในนั้นก็กำลังกล่าวถึงวันคืนของปีเก่าที่ผ่านไป
และปีใหม่เมือง ที่กำลังจะมา

"พ่อตื่นเช้าจัง"
ฉันงัวเงียออกมาหากาแฟกิน พ่อดื่มน้ำเต้าหู้ไปเรียบร้อยแล้วจากตลาด แสงอาทิตย์สาดทาบแม่น้ำข้างบ้านเรา พ่ออมยิ้ม แล้วชูกล้ามให้เห็นว่า พ่อแข็งแรงได้ขนาดนี้ก็เพราะตื่นแต่เช้ามาออกกำลังกาย จากนั้นก็ไปตลาด ได้ผักพ่อค้าตีเมียมาหลายมัด เอาไว้แกงใส่ชะอมและเห็ด

จากนั้นพ่อก็เบือนหน้าจากฉันไปหาแผ่นกระดาษต่อ เกร็งช่องท้อง ร้องทำนองเสนาะเสียงดังฟังชัด
เสียงหายใจถี่ๆ และดังๆ นั้นบอกกับฉันว่า ความชรามาอยู่กับเขาแล้ว ชั่วชีวิตที่ผ่านมา ฉันเคยได้ยินพ่อร้องเพลงค่าวซอนับร้อยครั้ง  ทั้งที่บ้าน ที่งานวัด งานบุญประเพณี หรือพิธีมงคลในงานของคนอื่นๆ พ่อเคยร้องได้ไพเราะและชนะเลิศการประกวด ทั้งยังรับจ้างเขียนค่าวซอให้กับคนในท้องถิ่น บนบ้านมีตู้หนังสือเป็นปึกๆ ที่พ่อเก็บค่าวซอเอาไว้ ทั้งแบบเป็นทางการและแบบเขียนเล่นๆ

ฉันจำได้ว่า ในวัยหนุ่ม ค่าวซอของเขามักประกอบไปด้วยสถานการณ์บ้านเมือง ตามมาด้วยสถานการณ์เล็กๆ ในหมู่บ้าน โยงไยไปถึงบุคคลและเรื่องราวที่เขาอยากเล่าอยากพูดถึง และตบท้ายด้วยคำอวยพรหรือคำสอนให้ผู้ฟังได้รู้สึกอิ่มใจ

ผ่านมาจนถึงบัดนี้ ส่วนประกอบของค่าวที่พ่อเขียน ก็ยังคงครบถ้วนเหมือนเดิม ฉันยืนฟังนิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ขออนุญาตถ่ายรูปพ่อ ซึ่งเขาตอบด้วยรอยยิ้มว่า
"ถ่ายๆ ไปเต๊อะ พ่อชินกล้องแล้ว"

  

ฉันหัวเราะ ปล่อยให้เขาฝึกซ้อมร้องทำนองกลอนให้พอใจ แล้วจึงหันไปถามเล่นๆ
"พ่อคิดยังไงกับการเมืองตอนนี้..."
พ่อยังถือกระดาษแผ่นนั้นค้างเอาไว้ ดวงตามองไปยังแม่น้ำและแสงอาทิตย์อ่อนๆ ที่ฉาบทุ่งนาในพื้นดินถัดไป เขาทำหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อยแล้วตอบ
"บ้านเมืองฮ้อนฮ้ายขนาด บ่มีหยังยั่งยืน ตุ๊กก่อต๋าย บ่ตุ๊กก็ต๋าย ซ้ำเตื่อฮบกั๋นตังปู้นมาก๊านเถิงเพ้"
(บ้านเมืองร้อนร้ายมาก ไม่มีอะไรยั่งยืน ทุกข์ก็ตาย ไม่ทุกข์ก็ตาย บางครั้งสู้กันทางโน้นมาแพ้ถึงนี่)

ฉันเลิกคิ้วกับคำว่า
"แพ้" ของพ่อ อาจจะต้องขยายความอีกยาวเหยียด อาจหมายถึงการยอมรับ การจำยอม หรืออะไรอีกมากมายที่ซ่อนไว้เบื้องหลัง?!?
แต่ฉันกับพ่อนั้น จริงๆ เราคุยกันเรื่องการเมืองน้อยครั้ง บ้านของเรามีสมาชิกอยู่หลายคน และเชื่อว่าต่างเคารพในอุดมการณ์ที่ใครจะเชื่อถือและศรัทธา

"ไม่มีอะไรยั่งยืน" พ่อบอกอีกครั้ง ฉันทบทวนเงียบๆ อยู่ข้างหลังพ่อ มองชายชราที่เกิดในปี พ.ศ.2475 นั้นอย่างพินิจพิเคราะห์


เพื่อนของพ่อหลายคน เคยเลือกสีเสื้อเมื่อปีก่อน วันหนึ่งก็ตั้งคำถามและเลิกเห็นด้วย บางคนเคยเชื่อมั่นรัฐบาล ต่อมาก็เกลียดตำรวจ วันหนึ่งเขาต่อต้านทหาร และต่อมาเขาก็รังเกียจคนเสื้อแดง บางที การเดินทางภายในใจของคนๆ หนึ่ง ก็อาจแปรผันเป็นร้อยครั้งพันครั้งในแต่ละวันเดือนปี อยู่ที่เขาจะมองเห็นอะไรอยู่ในตอนนั้น

"วันนี้พ่อจะไปเป็นกรรมการประกวดค่าวซอน่ะ"
พ่อบอกหน้าตายิ้มแย้ม ฉันเหลือบไปมองคณะดนตรีไทยของหมู่บ้านที่รวมตัวกันผ่านหน้าบ้านเราไป ทุกคนมีสีหน้าร่าเริง ใส่ผ้าเมืองใหม่เอี่ยม คนแก่บางคนมวยผมติดประดับด้วยดอกเอื้อง พวกเขาอยู่บนลานบ้านและถนนคอนกรีตเล็กๆ ของหมู่บ้าน ปิดประตูบ้านให้สนิทและปิดโทรทัศน์ เพื่อไปรวมตัวกันที่วัดแทน

พ่อของฉันร้องเพลงค่าวจบแล้ว วางกระดาษลงแต่ยังเดินร้องเพลงเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาทำเหมือนหลายๆ คนที่ไม่สนใจข่าวสารการเมืองที่กำลังร้อนระอุอยู่ในจอทีวี

แต่ก่อนไป พ่อกระซิบเบาๆ กับฉันว่า
"ข่าวโทละทัดซ้ำเตื่อก็บ่ไจ่แต๊ เปิ้นตึงว่าพรรคมันก่อคือพวก จาวบ้านหยั่งเฮาก็เป็นตัวประกอบไปติกๆ"
(ข่าวทีวีบางครั้งก็ไม่จริง เขาจึงว่าพรรคมันก็คือพวก ชาวบ้านอย่างเราก็เป็นตัวประกอบไปทุกที)
"ค่ะ...พ่อ"
ฉันตอบเบาๆ แล้วปล่อยให้ชายชรากับกระดาษค่าวซอของเขา เดินทางออกจากบ้านไป ขณะที่ผักพ่อค้าตีเมียสดๆ และผักพื้นบ้านหลายชนิดที่เก็บจากรั้ว วางนิ่งรอการกลับมาของเขา

อยู่ตรงนั้น.

 

บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
"ได้กินเห็ดถอบหรือยังลูก"คำถามแรกจากหญิงวัยใกล้ชราซึ่งเอื้อนเอ่ยแข่งกับเสียงฝนตกเปาะแปะอยู่นอกชานเรือน เธอเป็นแม่คนที่สองของฉัน ที่รักใคร่เอ็นดูเหมือนแม่แท้ๆ กวักมือเรียกให้ไปช่วยดาขันโตก แม้ฉันจะทำท่าแบ่งรับแบ่งสู้เพราะไปเยือนบ้านเกิดวันนี้ตั้งใจจะไปกินข้าวมื้อกลางวันกับพ่อ แต่ทำยังไงได้ในเมื่ออาหารการกินสำรับเตรียมไว้เพียบพร้อม ฉันนึกถึงคำของแม่แท้ๆ ที่บอกว่าถ้าผู้ใหญ่ชวนทานข้าว ก็อย่าได้ทำให้เขาเสียใจ
วาดวลี
  1."ผมชอบรถคันนั้นจริงๆ"เพื่อนชายวัย 33 ปีของฉันบอก หลังจากนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่นานหลายชั่วโมง ภาพเวบไซต์แห่งหนึ่งปรากฏภาพรถคันเล็กๆ สีขาวทั้งคัน เป็นรถเฟี๊ยสที่ฉันจำปี พ.ศ.และรุ่นไม่ได้ รู้แต่ว่ามันน่าจะมีอายุเกือบเท่าๆ เขาด้วยซ้ำ
วาดวลี
  ท้องทุ่งแห่งความทรงจำ มีกลิ่นอบอวลด้วยดอกไม้ ทุ่งหญ้า และกลิ่นชื้นของที่ดินริมแม่น้ำ พ่อของฉันตื่นนอนก่อนลูกๆ ในเช้าก่อนวันสงกรานต์ เขาส่งเสียงร้องเอื้อนเอ่ยเป็นทำนองของค่าวซอบนเก้าอี้ไม้ หันหน้าไปหาแม่น้ำและดวงอาทิตย์ ในมือถือกระดาษมีเส้น บรรจุตัวอักษรที่เขาเขียนแต่งขึ้นมาเอง และเนื้อหาในนั้นก็กำลังกล่าวถึงวันคืนของปีเก่าที่ผ่านไปและปีใหม่เมือง ที่กำลังจะมา
วาดวลี
"บนท้องฟ้านั้นมีความจริงอยู่ครึ่งหนึ่ง"  ฉันไม่รู้ว่าจำประโยคนี้มาจากไหน  แล้วก็มีคนเคยเห็นด้วยอย่างปักใจว่าบางทีท้องฟ้าก็โกหกเราได้  สีฟ้าแบบนี้ไม่ควรจะมีฝน  ประกายสีส้มจากดวงตะวันแบบนั้น  มองเผินๆ  คล้ายเตือนว่าพายุจะมา  แต่สุดท้ายก็เหลือแค่อากาศร้อนอบอ้าว
วาดวลี
 
วาดวลี
   ๑.หัวเราะกับความแยบยลของชีวิตที่บางครั้งตกหลุมพรางความหยาบกระด้างเมื่อรู้สึกได้กับความละเอียดอ่อนก็เห็นค่าจนไม่อยากจะสูญเสีย
วาดวลี
 ฉันนั่งมองกลีบดอกไม้สีชมพูที่หน้าตาเหมือนๆ กัน ผ่านทางกระจกรถ ขณะคิดในใจว่า เดือนกุมภาพันธ์ที่ฉันรักได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว เดือนที่อากาศเย็นแสนทรมานจะค่อยๆ คลายตัวลงเป็นเย็นสบายกำลังดี ดอกไม้สีเหลือง สีขาว สีส้ม และสีชมพูจะบานสะพรั่งเต็มต้น เรียงรายตลอดถนน แสงแดดเช้าและบ่ายนั้นสวยงาม เช่นเดียวกับท้องฟ้าที่โปร่งใส มีก้อนเมฆสีขาวฟูฟ่องลอยไปมาแต่ความเป็นจริงเวลานี้คือวิทยุกำลังประกาศซ้ำๆ เรื่องมลภาวะเป็นพิษเพราะหมอกควัน และเน้นย้ำให้เราป้องกันตัวเองด้วยการสวมหน้ากากป้องกันฝุ่น
วาดวลี
ชายชรายิ้มหวานให้ฉัน ทันทีที่เขารู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นแล้ว ยิ้มบนริมฝีปากเบี้ยวๆ หนังตากระตุก ใบหน้าเหี่ยวย่น แต่ฉันรู้สึกได้ในตอนนั้นว่าเป็นยิ้มที่แสนหวานกว่าใครๆ ทีเดียว และเชื่อว่าเป็นยิ้มแรกของวันนี้ก่อนหน้านี้หลายนาที เขาพาตาช้ำๆ ย่างก้าวมาอย่างเซๆ ออกจากห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาล ตอนที่เจอกันฉันยกมือไหว้ สวมกอดเขาหลวมๆ พาเขาไปนั่งลงตรงระเบียง เขาพยายามสื่อสารทั้งที่อาการไม่หายดีนัก เขาเล่าว่าวันนี้ตื่นแต่เช้ามืดเช่นทุกวัน นึ่งข้าวทิ้งไว้แล้วก็มาบริหารร่างกาย จากนั้นก็วิ่งเหยาะๆ แล้วจบท้ายที่การบริหารอีกรอบ แต่อยู่ๆ แขนขาซีกหนึ่งก็ไม่มีแรง เบานุ่นเหมือนสำลี…
วาดวลี
“จะทำอะไรบ้างคะน้อง...” พี่ช่างผมคนใหม่ยิ้มกริ่ม เมื่อต้อนรับลูกค้าอย่างฉันแล้วพาไปนอนบนเปลสระผมในบ่ายแก่ๆ ของวันหยุด ฉันยิ้มให้เขา หยุดคิดในใจนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบไปเบาๆ ว่า “ช่วยตัดเล็มปลายผมแค่นั้นก็พอค่ะ” “แล้วสระกับไดร์ด้วยไหม” ฉันพยักหน้า เธอตอบรับด้วยท่าทางคล่องแคล่ว จากนั้นก็โน้มศีรษะฉันให้ลงพอดีกับอ่าง เปิดน้ำจากสายยางเย็นเจี๊ยบราดรดลงไปบนศีรษะ เธอจับเส้นผมฉันเบาๆ อย่างเกรงใจ แล้วกระซิบมาข้างๆ หู “ถ้าแรงไปก็บอกนะ พี่มักจะเผลอตัว ถ้าไม่ให้นวดหัวก็บอกได้”
วาดวลี
"ยี่เป็ง” เป็นชื่อแมวของฉันเอง ซึ่งตั้งให้แมวตัวสีขาวลายสีเทา ทรงหน้าเหลี่ยม หางกุด ตัวเท่ากำปั้น ที่กระโดดขึ้นมาอยู่บนตักขณะกินจิ้มจุ่มในวันลอยกระทงเมื่อ 2 ปีก่อน และจากนั้นมาอีก 1 ชั่วโมง ฉันก็ถามตัวเองอีกครั้งว่า เราจะมีลูกแมวเลี้ยงเพิ่มอีกหนึ่งตัวหรือนี่ ทั้งที่การมีแมวแสนไฮเปอร์ชื่อ “พี่แม้ว” แค่ตัวเดียวนั้นยังรับมือแทบจะไม่ไหว แต่นั่นเป็นการถามตัวเองเมื่อกลับมาถึงบ้านโดยมียี่เป็งในอ้อมแขน
วาดวลี
ในฐานะที่ต้นพืชต้นนี้ถูกฉันเรียกว่าเป็น “ถั่ววิเศษ” หากมันพูดได้ มันคงสงสัยในตัวฉันว่า จะคอยจับจ้องมันไปถึงไหน ทั้งเช้าทั้งเย็น นอกจากวนเวียนรดน้ำแล้วก็ยังแอบถ่ายรูป สังเกตสังกา พาเพื่อนมาชมแปลงถั่ว เฝ้าจับจ้องแมลงตัวน้อยนิดที่บินมาเกาะ มากัดกิน พลางครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรไม่ให้กิ่งใบของมันเสียหายก่อนเวลาอันสมควร ถั่ววิเศษอาจกำลังสอนฉันว่า อย่าคาดหวังในตัวมันมากเกินไปกระมัง ในแปลงผักแปลงเดียว เมล็ดพันธุ์ที่หยอดหว่านลงไปนั้น กำลังเติบโตได้อย่างแตกต่างกัน บางต้น อวบอิ่ม สีเขียวสด ยืดลำต้นตั้งตรง สูงประมาณ 10 เซนติเมตรได้ ขยายใบเล็กๆ นั้นกลายเป็นใบกว้าง เติบใหญ่อย่างมีสุขภาพดี
วาดวลี
  ปีนี้ฉันได้ของขวัญปีใหม่เป็นเมล็ดถั่วมันเป็นเมล็ดแห้งๆ ที่นอนเรียงตัวอยู่ในฝักสีน้ำตาล ห่อมาในถุงพลาสติกใช้แล้วยับยู่ยี่ คนที่ยื่นให้บอกฉันว่าด้วยแววตาล้อเลียนว่า "มันเป็นถั่ววิเศษ"