Skip to main content

ฉันไม่รู้ว่าทำไมหอยทากหลายตัวชอบมาซ่อนอยู่ในรองเท้า แม้จะเคาะรองเท้าก่อนแล้ว หากไม่ดูดีๆ ก็อาจจะเผลอเหยียบเข้าไปเต็มๆ เพราะความเหนียวของลำตัวที่เกาะติดอยู่กับผนังรองเท้าผ้า

เวลานี้เข้าฤดูหนาวเต็มที่แล้ว หรือเปลือกหอยจะไม่สามารถกันความหนาวให้มันได้เพียงพอ ทั้งที่พอรู้มาบ้างว่า หอยทากเป็นสัตว์ที่อดทนมาก มีชีวิตได้ทั้งที่แห้ง ที่ป่าชื้น หรือบนภูเขาสูง นอกจากในรองเท้าแล้ว ซอกมุมเล็กๆ ในบ้าน หลังชั้นหนังสือ หรือแม้แต่ใต้เบาะจักรยาน ฉันก็ยังพบหอยทากมาเล่นซ่อนแอบเป็นประจำ จากที่เคยรู้สึกกึ่งรังเกียจ กึ่งขยะแขยง ก็เริ่มคุ้นชินกับสิ่งมีชีวิตชนิดนี้

แล้วความรู้สึกเหล่านั้นก็หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

กลายเป็นความรู้สึกที่ว่า ชีวิตหอยทากนั้นอัศจรรย์ดี มันมีความน่ารักบางอย่างที่น่าสนใจ สัตว์ที่มีลำตัวยืดหยุ่นได้เหมือนทาก(ที่ฉันกลัวมาก) ว่ากันว่ามันไม่มีกระดูกเลย มีแต่กล้ามเนื้อล้วนๆ   มีกระดองหรือเปลือกแบกอยู่บนหลัง ซึ่งนอกจากกระดองแล้ว เขาว่ามันสามารถแบกรับน้ำหนักได้ 12 เท่าของตัวมันเอง จากจะต้องลากอะไรสักอย่าง ก็ลากของงที่หนักถึง 200 เท่าของตัวมันด้วย

อย่างไรก็ดี เจ้าหอยทากก็คลานต้วมเตี้ยม เดินช้าและจะไม่เดินเลยหากเจอคนแปลกหน้าหรือสิ่งมีชีวิตอื่นที่มาอยู่ใกล้ๆ

เช้าวันหนึ่ง ฉันเดินเล่นในสวน ยืนมองต้นสะเดาที่เพิ่งงอกผลิมาใหม่ พลันสายตาก็ไปพบกับหอยทากน้อยที่เหมือนเพิ่งจะลืมตามาดูโลกเช่นกัน

ตัวของมันใสเหมือนวุ้น เพื่อนฉันบางคนคงเรียกว่ามัน "เอเลี่ยน" เป็นแน่แท้ ฉันถ่ายรูปแล้วก็ลองเขย่ากิ่งไม้ ดูว่ามันจะหดตัวไหม แต่กลับเปล่า มันเคลื่อนไหวลำตัวๆ นิดหน่อย จากนั้นก็ทอดตัวติดกับต้นไม้รับแสงแดดยามเช้าอย่างสบายใจ

จะว่าไป พอรู้มาว่า หอยทากนั้นทนแสงแดดมากไม่ค่อยได้ หากรู้สึกร้อนเกินไป ก็จะมุดเข้าไปอยู่ในกระดอง ฉันเฝ้าสังเกตมันอยู่นาน แล้วปล่อยให้มันใช้ชีวิตไปแบบนั้น  ตั้งใจว่าวันต่อไปจะขออนุญาตมาถ่ายรูปมันอีก

วันถัดมา ดูเหมือนกระดองจะแข็งแรงขึ้น มีสีน้ำตาลเข้มอีกนิด ลำตัวใสๆ ก็เริ่มขุ่น มันเคลื่อนย้ายมานอนเล่นอยู่บนใบไม้ที่เปียกชื้นใบหนึ่ง ว่ากันว่า หอยทากเป็นสัตว์ที่ชอบนอนมาก โดยเฉพาะฤดูหนาว หากมีโอกาสมันอาจจะงีบในช่วงสั้นๆ หรือไม่ก็นอนได้เป็นวัน มีคนบอกว่าหอยทากที่อาศัยในทะเลทรายสามารถนอนติดต่อกันได้ถึง 3 ปี

ไม่นานจากนั้น อีกวันหนึ่ง  ตื่นแต่เช้าฉันก็ไปเยี่ยมหอยทากน้อยอีก เปลือกสีน้ำตาลเริ่มขุ่นขึ้นเรื่อยๆ มันคงหนาพอที่ให้ความอบอุ่นได้แล้ว ลำตัวดูเหนียวแน่นขึ้น เหมือนกล้ามเนื้อของเด็กโตที่เริ่มมีกำลังวังชา แล้วฉันก็เริ่มคิดถึงข้อมูลที่ว่า เมื่อหอยทากเริ่มโต เวลาเดินไปไหนจะทิ้งเยื่อหรือเมือกบางๆ ไว้ เหมือนปูพรมป้องกันตัว ดังนั้นหากสงสัยว่าหอยทากเดินได้ยังไงแม้กระทั่งบนใบมีดโกนโดยไม่ระคายผิวเลย ก็เพราะเมือกอันนี้




เริ่มรู้สึกว่าหอยทากร้ายไม่เบา มีวิทยายุทธ์พิเศษ แล้วมีฤทธิ์เดชมากขึ้นอีกเรื่อยๆ หนวดของมันก็จะควานหาของกิน แล้วยืดออกไปเขมือบ ส่วนปลายหนวดเป็นที่ตั้งของลูกตา ให้มองเห็นได้และไวต่อการสัมผัสมาก

3 วันถัดมา ฉันกลับมายังต้นไม้ต้นเดิม เพื่อดูพัฒนาการของหอยทากน้อยอีกครั้ง แต่ก็ต้องแปลกใจมากที่อยู่ๆ ลำตัวของหอยทากก็หายไปแล้ว เหลือแต่กระดองเปล่าๆ ใสๆ ติดอยู่กับกิ่งไม้ มันไม่มีชีวิตรอดแล้วหรืออย่างไร หรือเป็นพัฒนาการอย่างหนึ่ง นึกไปถึงหอยทากตัวอื่นๆ ที่พบในรองเท้า บางตัวมีขนาดใหญ่เท่าลูกมะนาวด้วยซ้ำ เป็นไปได้ว่านอกจากมนุษย์แล้ว ยังมีผู้อื่นปองร้ายกับมันอยู่ไม่น้อย




ฉันรู้ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเสียใจหรอก ระบบนิเวศวิทยาเล็กๆ ในสวนหลังบ้านดูจะมีความสมดุลดีอยู่ ฉันแค่ยิ้มขำๆ ให้กับตัวเองถึงช่วงเช้าที่หมกมุ่นอยู่กับหอยทากหลายวัน จนเพื่อนบ้านมาเห็น แล้วจึงบอกกับฉันว่า
"มันร้ายจะตาย ถ้ากัดกินต้นไม้จะ ฆ่ายังไงก็ไม่หมดซะที"

จริงอย่างพี่เขาว่า หอยทากมีปากที่ไม่ใหญ่ แต่มีฟันเล็กๆ ที่เขาบอกว่ามีนับเป็น 2 หมื่นซี่ทีเดียว แม้จับหอยทากใส่กล่องมันก็กัดกล่อง กัดรองเท้า กัดกระดาษ หรือผ้าได้อีกต่างหาก

พี่สาวข้างบ้านทำหน้าจริงจังบอกกับฉันว่า
"ตอนเด็กๆ มันก็น่ารักอยู่หรอก พอโตมาเอาไว้ไม่ได้ ยิ่งเวลาตั้งท้องทีออกไข่มาเป็นหลายสิบใบ แพร่พันธุ์เร็วมาก"
"โรยปูนขาวก็แล้ว กวาดทิ้งก็แล้ว สุดท้ายต้องไปซื้อยาฆ่าหอยจากตลาดนัดมาฉีด"

ฉันเข้าใจชาวสวนดี จึงได้แต่พยักหน้ารับรู้ เมื่อลองเปิดภาพหอยทากเด็กจากกล้องดิจิตอลให้พี่เขาดู แกหัวเราะชอบใจ แล้วบอกว่า

"มันก็น่ารักดีเนอะ เหมือนเด็ก แบบนี้ก็ฆ่าไม่ลงนะ ให้กระดองมันหนาๆ ทึบๆ ลำตัวใหญ่ๆ ก็ค่อยว่ากัน ตอนนั้นน่ะแปลว่ามันร้ายพอตัวแล้ว โดยเฉพาะถ้าหนวดมันแข็งๆ น่ะ"

พี่เขาให้ความรู้ฉันเพิ่ม ฉันหัวเราะเบาๆ แล้วตอบไปเล่นๆ ว่า
"แสดงว่าหอยทากยังดี มีเปลือกที่เห็นชัดว่าร้ายแค่ไหน ไม่เหมือนคนเรา"
"ใช่ๆ น้องพูดถูก คนเราสวมหน้ากากใสๆ มองไม่เห็น บางคนเห็นกันแต่เด็ก ไม่มีทางรู้เลยว่าโตขึ้นจะจิตใจเป็นยังไง"

ฉันหัวเราะอีกครั้ง แล้วเปลี่ยนเป็นสะดุ้ง ก่อนจะรีบเดินหนี หลังจากที่ได้ยินเสียงดัง "ต๊อบ
!!" ซึ่งพี่เขาแสดงให้ดูว่าหอยทากนั้นร้ายแค่ไหน แต่ก็ตายได้ง่ายๆ แค่เหยียบให้กระดองมันแตกเท่านั้นเอง

นั่นแหละ เช้านั้นฉันจึงได้แต่ฮัมเพลง "น้ำตาหอยทาก" ของน้าหมู พงษ์เทพ ที่บอกว่า "เห็นน้ำตาหอยทากหลั่งนอง เมื่อถูกเหยียบย่ำ เปลือกบางบางก็แตกสลาย" อยู่ทั้งวัน




บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
"ปีใหม่ไปเที่ยวไหนบ้างหรือเปล่าคะ"พี่สาวข้างบ้านไม่ตอบคำถามฉันเลย  แต่คลี่ยิ้มแล้วเดินพาฉันไปหยุดอยู่ตรงเสื่อผืนนั้น  เสื่อที่ปูบนลานซีเมนต์โล่งๆ หน้าบ้าน  ข้างกายมีกองผักกาดขนาดใหญ่  จำนวนนับร้อยต้น ข้างๆ  มีถังน้ำ  มีกะละมัง  มีเครื่องปั่นเสียบไฟฟ้า และมีถุงพลาสติกกองอยู่"พี่กำลังทำโปรเจ็คใหม่"แกบอกด้วยสายตาโอ้อวด  โปรเจ็คที่ว่าคือหนึ่งในอาชีพใหม่ที่แกเพิ่งริเริ่มทำ นั่นก็คือการทำ "น้ำผัก" ขาย
วาดวลี
   บุ้งตัวนี้คงมีพิษร้ายมาก ฉันรู้สึกอย่างนั้น จากหนามแหลมๆ ที่พวงพุ่งออกมารอบตัวมัน และจากประสบการณ์ในวัยเด็กที่เคยเอามือไปโดนตัวบุ้ง แล้วคันคะเยอไปทั้งสัปดาห์ แถมมือยังบวม แสบๆ อีกด้วยตอนเด็กๆ แม่จึงพร่ำสอนเสมอ บุ้งหน้าตาแบบนี้มีพิษร้าย มันกินไม่ได้ จับมาเล่นไม่ได้ และสำคัญที่สุดให้หลีกเลี่ยงระวังอย่าได้สัมผัส เมื่อจำมาตลอด ดังนั้นฉันจึงระวังที่สุดที่จะเดินย่องเข้าไปขอถ่ายรูปในระยะใกล้ เจ้าบุ้งจากที่นิ่งๆ อยู่ คงรู้สึกได้ถึงคนแปลกหน้า มันยิ่งพองตัวอวดหนามให้ตั้งชูชันขึ้นมาอีก ความซุ่มซ่ามของฉันที่เอาตัวไปโดนกิ่งไม้ให้ไหวๆ เผลอทำให้มันตกใจมากกว่าเดิม พอมันขยับหันหัวมา…
วาดวลี
การเดินทางตามใครสักคนไป คงไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะการเดินทางตามฝูงมด ที่มันเคลื่อนที่ช้ากว่าเราหลายเท่าตัว ฉันเองก็นึกไม่ถึงว่าจะมีเวลามากพอที่จะเฝ้าสังเกตมดสักตัว หรือสักฝูง แล้วยังมีมดหลายชนิดให้ต้องแยกแยะอุปนิสัยอีกด้วยแต่ลองคิดกลับกันดู หากมดจะเดินทางตามเราบ้าง นั่นคงเป็นเรื่องลำบากยิ่งกว่า ก็แค่เดินสัก 2 ก้าว มดก็ตามเราไม่ทันแล้ว
วาดวลี
  หากนี่เป็นสนามรบสักแห่งหนึ่ง รังเล็กๆ ที่สร้างจากไยแมงมุมมองดูคล้ายกับดักขนาดใหญ่ที่สุดในอาณาจักรแห่งนี้ ที่สามารถสร้างความตื่นเต้น วิตก ให้กับศัตรูและเหยื่อได้มาก แถมยังประจานผู้พ่ายแพ้ต่อหน้าประชาชนอย่างเห็นกันโจ้งๆในกับดักนั้นประกอบด้วยสรรพสิ่งที่เป็นซากชีวิต ไม่ว่าจะเป็นตัวหนอน ผีเสื้อ มดแดง มดดำ แมลงวัน พวกมันตายหมดแล้ว เป็นสุสานขนาดใหญ่ที่ห้อยโหนโตงเตงด้วยแรงยึดไยแมงมุม แขวนไว้กับต้นไม้ในเช้าวันหนึ่งของฤดูหนาวฉันบอกกับตัวเองว่า นี่มันช่างน่าอัศจรรย์ดีจัง ตอนเด็กๆ ฉันทั้งเกลียดและกลัวแมงมุม ขณะเดียวกันแม่ซึ่งพยายามเอาชนะแมงมุมด้วยการกินมัน ก็สร้างเมนูรสเลิศด้วยการเอาแมงมุมไปย่างไฟ…
วาดวลี
ฉันไม่รู้ว่าทำไมหอยทากหลายตัวชอบมาซ่อนอยู่ในรองเท้า แม้จะเคาะรองเท้าก่อนแล้ว หากไม่ดูดีๆ ก็อาจจะเผลอเหยียบเข้าไปเต็มๆ เพราะความเหนียวของลำตัวที่เกาะติดอยู่กับผนังรองเท้าผ้าเวลานี้เข้าฤดูหนาวเต็มที่แล้ว หรือเปลือกหอยจะไม่สามารถกันความหนาวให้มันได้เพียงพอ ทั้งที่พอรู้มาบ้างว่า หอยทากเป็นสัตว์ที่อดทนมาก มีชีวิตได้ทั้งที่แห้ง ที่ป่าชื้น หรือบนภูเขาสูง นอกจากในรองเท้าแล้ว ซอกมุมเล็กๆ ในบ้าน หลังชั้นหนังสือ หรือแม้แต่ใต้เบาะจักรยาน ฉันก็ยังพบหอยทากมาเล่นซ่อนแอบเป็นประจำ จากที่เคยรู้สึกกึ่งรังเกียจ กึ่งขยะแขยง…
วาดวลี
๑. ผีเสื้อติฉินดอกไม้ ว่ามีน้ำหวานน้อยเกินไป ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนปลูก ชาวสวนลุกมาพรวนดิน เผลอเคืองขุ่นแมลงหิวโหย แม่บ้านบ่นกับเม็ดฝน ที่ทำให้น้ำยาปรับผ้านุ่มไร้ความหมาย นิมิตกลายเป็นความโศก เมื่อล็อตเตอรี่ไม่ตรงกับที่ตีความมา
วาดวลี
เพลงคุ้นเคยหลายเพลงดังแว่วมาจากวิทยุข้างบ้าน สลับกับการเล่าเรื่องของดีเจ เธอบอกว่าเทศกาลลอยกระทงปีนี้ไม่คึกคักอย่างปีก่อนๆ คงเพราะบรรยากาศทางการเมือง บวกกับงานราชพิธีและผลจากพิษเศรษฐกิจ นักท่องเที่ยวจึงบางตา ประเพณีจึงไม่สวยงามอย่างเคยเป็นแต่นั่นเป็นเรื่องที่สวนทางกับภาพที่ฉันกำลังได้เห็นคุณลุงบรรจงทำซุ้มอย่างช้าๆ สบายๆ กับแดดยามสายคุณลุงข้างบ้านตื่นแต่เช้า เช่นเดียวกับทุกวัน แต่วันนี้ลุงไม่ไปทำงานในไร่ เช่นเดียวกับพี่สาวบ้านตรงข้ามที่ปกติออกไปขายเสื้อผ้าแต่เช้ามืด พวกเขามายืนผิงแดดอุ่นอยู่หน้าบ้าน แล้วทำความตกลงเจรจาแลกเปลี่ยนทรัพยากรจากสวนหลังบ้าน ไม่ว่าจะเป็นก้านมะพร้าว ดอกดาวเรือง…
วาดวลี
ว่ากันว่า บนหน้าผาสูงใหญ่แห่งนี้ในอดีตกาลชายหญิงคู่หนึ่ง เดินทางมาหยุดมองหุบเหวกว้างใหญ่ในเวลาดึกสงัด  เบื้องลึกเป็นผืนน้ำ ด้านข้างเป็นโขดหินกัดเซาะขรุขระน่ากลัว พวกเขาคงรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบและเวิ้งว้างไปจนสุดขั้วหัวใจ ถ้าเผลอตกลงไป อย่าหวังว่าชีวิตจะเหลือรอดให้กลับบ้านหากแต่บางที การมีชีวิตอยู่โดยปราศจากความรักนั้น  บางทีอาจเวิ้งว้างยิ่งกว่าหรือมีรักแต่ไม่สมหวัง อาจเจ็บปวดกว่าการจากโลกนี้ไป
วาดวลี
  ฉันเพิ่งยอมรับความล้มเหลวอย่างหนึ่งของตัวเองในการปลูกต้นไม้นั่นคือ ปลูกต้นกุหลาบแล้วไม่มีดอกตอนเด็กๆ พ่อของฉันคือคนสอนปลูกต้นไม้คนแรก พ่อขุดดินให้เป็นหลุม หย่อนต้นกล้าลงไป กลบดินแล้วรดน้ำ พ่อบอกด้วยสายตาโอ้อวดว่านี่ไง มันง่ายจะตายไป ที่เหลือเป็นหน้าที่ของดิน น้ำ และแดด จากนั้นให้ฉันทำเหมือนกัน สิบกว่าวันผ่านไป พ่อและฉันยืนมองต้นกุหลาบของเราที่กึ่งรอดกึ่งตาย กิ่งใบเหี่ยวแห้ง ฉันจึงถามพ่อว่า "คนมือร้อน มือเย็นนี่อยู่มีจริงไหม"พ่อเดินไปนั่งบนแคร่ มวนยาเส้น จุดสูบด้วยแววตานักคิด แล้วตอบว่า "ก็จริงอยู่นะ แต่มือเป็นอาวุธของใจ คนใจเย็นปลูกอะไรก็เป็น ใจร้อนก็ปลูกแล้วตาย"พ่อพูดแล้วหัวเราะเบาๆ…
วาดวลี
หลายต่อหลายครั้ง ที่ฉันจดจำภาพของสถานที่ เรื่องราว ผู้คน แม้ไม่เคยรู้จักกัน และไม่เคยไปพบเจอ แต่กลับฝังลึกลงความทรงจำถึงขนาดเก็บไปฝัน แน่นอนฝันนั้นเป็นฝันดี และพอตื่นจากฝัน ก็พบกับความจริงที่ว่า สิ่งเหล่านั้นไม่ได้อยู่ไกลเกินไปนักหรอก สิ่งที่พูดถึงความงาม ความพอดี เหมือนหยดน้ำใสบนคลองเล็กๆ ที่เลียบไปกับแม่น้ำใหญ่ หรือบางทีอาจเป็นดอกหญ้าต้นเล็กๆ ที่แทรกตัวอยู่ในสวนกุหลาบ แต่แท้จริงเป็นสมุนไพรเยียวยาโลกได้ด้วยซ้ำ สิ่งที่ฉันพูดถึงอยู่นี้ คือชีวิตของเด็กนักเรียนตัวเล็กๆ ที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนชำฆ้อพิทยาคม จังหวัดระยองเด็กน้อยเหล่านี้…
วาดวลี
๑. ประชาธิปไตย สูงใหญ่ ใต้เพดาน เราไต่ เราคลาน เหยียบข้าม ขึ้นคว้าไป เราเรียน เราศึกษา เราค้นหา เราพินิจ เปรียบเทียบ ถูกผิด เท่าที่ เราคิดได้ ในสมุดมีสอน ในกลอนมีให้อ่าน ในหนังสือมีวิจารณ์ เปลี่ยนผ่านไปอย่างไร ในเคเบิ้ลมีรหัส แปลงเห็นเป็นภาพชัด นิ่ง-เลือน-และเคลื่อนไหว เราเก็บเราสะสม เพาะบ่มความคิด เธอว่าถูก-ผิด คิดเห็นเป็นอย่างไร เรารู้-ไม่รู้ เท็จจริง และลวง แต่เราก็ห่วง ห่วงประชาธิปไตย
วาดวลี
ทั้งที่แค่เป็นเวลาบ่าย แต่บ้านของเราไม่มีแสงแดด ก้อนเมฆหนาทึบขนาดมหึมาเคลื่อนเร็วเหมือนคลื่นน้ำ แผ่ความเย็นให้วันธรรมดาในฤดูฝนเย็น ให้จับใจขึ้นไปอีก   แน่นอนว่าคนใต้ฟ้าแถวบ้านฉันไม่ได้กลัวเปียก แต่พวกเขากลัวน้ำท่วม แม้ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา คนข้างบ้านฉันยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่า “ที่นี่น้ำไม่ท่วม” เขาบอกว่าเราเป็นตำบลที่อยู่ตรงกลางระหว่างน้ำปิงของเชียงใหม่และลำพูน โดยมีจุดชลประทานอยู่เหนือหมู่บ้าน มีประตูน้ำ ดังนั้นหากน้ำมามากเกินไป ก็จะมีการปิดประตูน้ำ ที่บอกว่ากักเก็บน้ำได้มากโข ความจริงฉันเชื่อในระบบชลประทานหมู่บ้าน…