Skip to main content

ผมจะย้ายกลับบ้านเกิดแล้วนะ”


อีกครั้ง ที่เพื่อนชายคนเดิม คนที่ฉันเคยช่วยเก็บข้าวของเมื่อปีก่อน บอกกับฉันในต้นปลายเดือนมีนาคมของปีนี้ถึงเรื่องการย้ายกลับภูมิลำเนาเกิดไปยังอำเภอฝาง


บ่ายที่แดดจัดจ้านนั้น ฉันจำได้ดีถึงประกายนัยน์ตามุ่งมั่นของเขา เมื่อหกเดือนที่แล้ว


................

 


 

เท่าที่รับรู้และจำได้ สองปีมานี้ เพื่อนชายขนย้ายข้าวของไปมา ไม่ใช่เพียงแค่ข้าวของ แต่เป็น “ชีวิต” ของเขาเองด้วย จากที่เรียนจบในเมือง หางานทำในโรงงาน ออกมาเป็นพนักงานขายของ แล้วก็ไปฝึกเป็นช่างซ่อม เขามีบทสรุปของเขาเองในรอบที่แล้ว และเคยบอกกับฉันว่า


ผมไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตในเมือง อาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ ผ่านไปสิบกว่าปี รู้สึกชีวิตเหมือนเดิม ไม่มีทางจะซื้อบ้านที่นี่ได้ ไม่มีเงินเก็บ และก็ยังรู้สึกเหงาอยู่ลึกๆ”

อย่างน้อย มีเงินกินข้าวก็ยังได้กินกับครอบครัวทุกมื้อ”

เขาบอกฉันแบบนี้ ดูแล้วเขามีสิ่งที่โหยหาอย่างมาก ชีวิตวัยเยาว์ ครอบครัวที่แตกสลาย พ่อแม่หย่าร้างกัน ต่างคนมีครอบครัวใหม่ วิถีชีวิตแบบที่เคยวิ่งเล่นกลางทุ่งนา เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา นี่กระมัง สิ่งที่ไล่ล่าจิตวิญญาณของเขาอยู่ จำได้ว่าเพื่อนฝูงผู้ไม่อาจออกความเห็นใด ช่วยกันเก็บของใส่ท้ายรถกระบะ ล่ำลากันเสร็จสรรพ และอวยพรให้เขาโชคดีเมื่อกลับไปถึงบ้าน


ตอนนั้นเราหมายมั่นปั้นมือกันว่า หากมีเวลาจะยกโขยงไปเยี่ยมเขายังบ้านเกิด


.................


ผ่านไปราวๆ 6 เดือนกว่า ฉันพบหน้าเขาอีกครั้ง พร้อมมอเตอร์ไซค์สีฟ้าคันเดิม จอดอยู่หน้าบ้าน และมายืนอยู่ตรงหน้า


ผมมาหางานทำในเมืองอีกแล้วล่ะ”

อ้าว มาตั้งแต่เมื่อไหร่”

ฉันอุทานพร้อมกับชวนเขาเข้าบ้าน ยกน้ำท่ามาเสริ์ฟตามหน้าที่ ส่วนพัดลมไม่ต้องเปิด เพราะเวลานั้นเป็นฤดูหนาว เขารูปร่างเหมือนเดิม แต่ตัดทรงผมใหม่สั้นเกรียน ดูหน้าตาเป็นเด็กกว่าที่เคยเห็น


มาได้หลายวันแล้ว ตอนนี้กำลังสมัครงานอยู่ล่ะ”

อ้าว ขนของไปตั้งเยอะ แล้วขนกลับมาใหม่เหรอ”

ใช่ ก็ฝากรถแดงมาบางอย่าง แล้วเอามาเองบ้าง ไม่เยอะหรอก เสื้อผ้า ทีวี เครื่องเสียง มอเตอร์ไซค์ สมบัติผมมีแค่นี้” เขาเล่า


อ้อ แล้วที่บ้านเป็นอย่างไรบ้าง”

ฉันยังไม่กล้าถามถึงเหตุผลนัก ในการคิดกลับมา แต่เขาเอง ก็เป็นฝ่ายเริ่มต้นเพื่อสรุปบางสิ่งบางอย่าง


บ้านไม่ใช่อย่างที่คิดหรอก ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว เพื่อนฝูงทุกคนก็ออกมาอยู่ในเมือง เหงาจะตาย ยายผมก็ตายแล้ว ส่วนพ่อเริ่มจำอะไรไม่ค่อยได้ ชุมชนก็เปลี่ยนไป มีแต่เด็กและคนแก่ เด็กวัยรุ่นก็ติดยากันเยอะ มันเปลี่ยนไปมากๆ”

แล้วกลับไปทำอะไรบ้างที่บ้าน” ฉันถาม


ตอนแรกกะว่าจะไปทำสวน ปลูกผัก เลี้ยงปลา แต่แม่เขาให้คนเช่าที่ดินไปแล้ว อีกหลายปีกว่าจะหมดสัญญาน่ะ ผมก็เลยไปสมัครเป็นพนักงานเกี่ยวกับเรื่องไฟฟ้า”

เหรอๆ ได้งานไหม ก็ฟังดูดีนะ”

ก็ได้นะ เป็นลูกจ้างชั่วคราว เขาให้เงินรายวัน ครึ่งเดือนก็ออกที รวมแล้วก็เดือนละสามพันบาท”

อืมม”

ฉันรับฟัง ไม่มีความเห็นเกี่ยวกับจำนวนเงิน จะมากน้อยก็แล้วแต่การดำรงชีวิตของเขา แต่ดูท่าทางแล้วสำหรับเขามันน้อยเกินไปสำหรับความฝัน


ผมก็ใช้เดือนชนเดือนนะ ไปอยู่บ้านเราต้องเลี้ยงดูพ่อแม่เราด้วย ญาติอีก มีงานบุญอะไรทีเราต้องรับผิดชอบเยอะ แล้วทุกคนก็จะคอยถามว่าเรียนจบแล้วทำอะไร ทำไมไม่ทำแบบนั้น หรือทำไมไม่ทำแบบนี้ บางคนก็ถามว่าทำไมไม่มีรถเก๋ง ทำไมไม่มีเมีย กลายเป็นต้องตอบคำถามมากมายไปหมด”


ฮื่อ พอนึกออกนะ แล้วอึดอัดเหรอ”

บอกไม่ถูก ผมรู้สึกว่า มันไม่ใช่ที่ของผมอีกแล้ว ไม่มีใครที่จะคุยภาษาเดียวกัน แบบมันรู้สึกแปลกแยก”


เขาสรุปไว้แบบนั้น ฉันไม่คิดจะถามไถ่อะไรมาก เย็นวันนั้นฉันชวนเขาอยู่กินข้าวด้วยกันที่บ้าน เขาวิ่งออกไปซื้อเบียร์มาดื่ม แล้วก็ร้องฮัมไปกับเพลงที่เปิด ดูเขามีความสุข แม้จะมองเข้าไปในดวงตาเขาแล้วพบว่า มีบางอย่างนั้นหายไป


ถัดจากวันนั้นมา หลายเดือน เขายังหางานทำในเมืองไม่ได้ งานที่เขาไปสมัครไว้ล้วนแล้วแต่ต้องการรับพนักงานที่เพิ่งจบใหม่ไฟแรง หรือไม่ก็ผู้มีประสบการณ์ เขาเทียวไปมาสมัครงานนับหลายสิบแห่ง แล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีข่าวดี จนกระทั่งเพื่อนฝูงจึงช่วยกันฝากฝังงานให้เขาทำไปก่อน เป็นพนักงานขายของในซุปเปอร์มาเก็ต และจำเป็นต้องใช้เงินก้อนหนึ่งเพื่อค้ำประกันตำแหน่ง พร้อมทั้งตัดชุดพนักงาน สิริรวมแล้วเขาต้องผ่อนใช้บริษัทประมาณ 1 ปี กับเงินที่จะต้องจ่ายไปให้ก่อน


………………….


ผมจะย้ายกลับบ้านเกิดแล้วนะ”

เขาย้ำอีกครั้ง ฉันได้แต่พยักหน้า เอ่ยกับเขาว่า ฝากของบางอย่างไว้ที่บ้านก่อนก็ได้ เผื่อต้องเทียวไปมาอีก


ไปคราวนี้จะกลับมาอีกไหมนิ” ฉันแซวเล่นๆ เขาอมยิ้มน้อยๆ แต่ไม่ตอบคำถาม

แววตานั้นต่างไปจากเดิมนัก โลกในอดีตและโลกวันข้างหน้ากำลังซ้อนทับกันอยู่ ความหวัง ความฝัน การใช้ชีวิต อาจจะเป็นปริศนาของผองเราทุกคน จนกว่าเขาจะค้นพบสถานที่ซึ่งเป็น


ที่ๆ เราควรอยู่ ?

 

20401

 

20402

 

20403

 

20404


บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
“พี่ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ใครจะฟ้องร้องเอาอะไร ก็ไม่มีให้เขา มันเสียไปหมดแล้ว” รถโดยสารของความอึดอัดกำลังเคลื่อนขบวน โดยมีเราอยู่ในนั้น ฉัน และเขา “ผู้เช่าบ้าน” และ “ผู้ให้เช่า” ตามภาษาในเอกสารสัญญาของเรา กำลังยืนอยู่ตรงหน้ากัน  ด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยเป็น และอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อน..........จำได้ว่าเมื่อ 1 ปีก่อน ตอนที่ฉันพบเขาครั้งแรก เขาไขกุญแจรั้วบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีป้ายติดประกาศว่า “ให้เช่า” ด้วยท่าทีอ่อนโยน ดวงตาเป็นประกาย พาฉันเดินเยี่ยมชมอย่างต้อนรับขับสู้ ริมฝีปากนั้นไม่เคยขาดรอยยิ้ม เขาเล่าว่า ทาวเฮาส์หลังนี้ซื้อไว้เมื่อ 10 ปีก่อนเพื่อให้แม่อาศัย…
วาดวลี
----------ภายใต้แสงจันทร์  ที่ริมฝั่งนั้นพี่ยังจำได้ จงกลับคืนมาหารักดังเก่า  ลืมเรื่องร้ายคลายเศร้า เจ้าอย่าทำเมินไฉน พะเยารอเธอ  รอรักด้วยความห่วงใย  จะนานแสนนานเท่าไหร่  ขอให้เธอนั้นกลับมา----------“เพลงแปลกหูดีนะ ร้องเพลงอะไรเหรอ” “เพลงของเมืองที่เรากำลังจะไปนี่ไงล่ะ”คนตอบหักพวงมาลัย ซ้ายที ซ้ายที ขณะรถของเรากำลังไต่อยู่บนเส้นทางคดโค้งโอบล้อมไปด้วยภูเขา ฉันพยายามเอียงตัวเพื่อจะถ่ายรูป ฟ้ายามบ่ายสดใสเหมือนไม่มีเค้าฝน ฟังเพลงนั้นอย่างตั้งใจ “อ๋อ เพลงพะเยารอเธอ ใช่ไหม” ฉันถามอีกครั้งให้แน่ใจ คนร้องพยักหน้าหงึกหงัก ความทรงจำเก่าๆ ของเพลงต้นฉบับล่องลอยมาแต่ไกล…
วาดวลี
ระหว่างทุ่งนาเขียวขจีของฤดูฝน หรือ ถนนดินแดงเต็มไปด้วยผงฝุ่นฤดูแล้ง ยามหนึ่งในอดีตกาล ในความนึกคิดวัยเยาว์จำความได้ว่า ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว ฉันและเพื่อนต่างจ้ำอ้าวออกจากประตูโรงเรียนแทบไม่คิดชีวิต เปล่าหรอก เราไม่ได้เกลียดโรงเรียนขนาดนั้น ไม่ได้เบื่อคุณครู เพียงแต่เราคิดถึงพื้นที่อิสระ ที่เราไม่ต้องใส่ชุดกระโปรงแล้วกลัวเปื้อน มีที่วิ่งเล่น ได้ทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ มีขนมกิน  มีคนดูแล และมีหนังสืออ่าน และพื้นที่ที่ว่านั้น ก็คือบ้านของเราเองบ้านของฉันห่างจากโรงเรียนไม่ถึงกิโลเมตร แค่ออกจากบ้านมาสัก 10 ก้าว ก็เห็นเสาธงตั้งโด่เด่ติดกับวัดของหมู่บ้าน ดังนั้น…
วาดวลี
“อีกนานเลยสินะ กว่าจะได้เจอกัน”สุ้มเสียงคนพูดเจือปนความอาวรณ์ ขณะโยนถุงใบเล็กใหญ่ใส่หลังรถกระบะสีขาวเก่าๆ ของเพื่อนผู้มีน้ำใจ เจ้าของรถหยอกเอินในฐานะเพื่อนสนิทว่า“ตอนมามีเสื้อผ้าชุดเดียว ขากลับทำไมมีของเยอะนัก”เขากำลังจะกลับบ้านชายหนุ่มรูปร่างผอมบาง ตัวเล็กๆ ที่รู้จักกันมาได้ปีกว่าแล้ว เขาเล่าว่า สมัยที่มาอยู่เชียงใหม่แรกๆ เพิ่งเรียนจบมัธยมสาม หางานทำในอำเภอไม่ได้ก็ลองเข้าเมืองมาเสี่ยงโชค เวลานั้น กราบลาพ่อแม่ แล้วนั่งรถโดยสารมาด้วยราคา 45 บาท กับระยะทาง 100 กว่ากิโลเมตรมาอาทิตย์แรก ตระเวนขออาศัยยังหอพักเพื่อนที่พอรู้จัก จะอยู่บ้านใครนานก็เกรงใจคนอื่น ตะลอนหางานทำ ตั้งแต่พนักงานขนของ…