Skip to main content


วันนี้ไปปราสาทสมบอรไปรกุก ออกไปนอกเมืองเสียมเรียบอย่างไกล ประทับใจเส้นทางและชีวิตชนบท ผู้รู้บอกเล่าว่า กลุ่มปราสทานี้เป็นแบบ "ก่อนพระนคร" ร่วมสมัยกับปราสาทจามที่เวียดนาม เป็นอิฐก่อแล้วสลักอิฐ เร่ิมมีหินสลักบ้างบนทับหลัง

แต่เมื่อวาน ตะลุยปราสาทสำคัญๆ อย่างหนักหน่วง จนนึกถึงว่าถ้าสังขารแย่กว่านี้คงเอ็นฉีกและลมจับเป็นระยะแน่ ถ้าเล่าย้อนไป คือไปชมปราสาทเนี้ยกปัง (นาคพัน) เปรียขัน (พระขรรค์) และตาพรม ที่เด่นคือตาพรมที่มีรากไม้พันเกี่ยวกอดก่ายปราสาทและกำแพง


แต่ช่วงเช้าวานอุทิศให้กับนครวัด ที่เขาว่าชมนครวัดแล้วตายตาหลับ ที่จริงอยากบอกว่า ชมนครวัดแล้วแทบจะตาย คือทั้งร้อนทั้งเดินไกลทั้งปีนป่ายสูงชัน แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่มีทางพบได้ในโบราณสถานใดๆ ของตอแหลแลนด์อย่างเด็ดขาด

ที่นครวัด ตั้งแต่ปากทางเข้า แค่เพียงประตูแนวแรก ก็เพลิดเพลินตะลึงงันกับนางอัปสร จนสาละวนอยู่นาน พอดีแดดสวย จึงทั้งถ่ายภาพและชื่นชมอย่างละเลียด กระทั่งใกล้เวลานัด จึงนึกขึ้นมาได้ว่า ยังไม่ได้ชมภาพกองทัพ "เสียมกุก" ตามคำอ่านและการตีความของจิตร ภูมิศักดิ์

เมื่อไปหาดูที่กำแพงทิศใต้ ทีแรกกังวลว่าจะหาภาพกองทัพเสียมกุกเจอไหม เพราะเหลืออยู่ตัวคนเดียว ไกด์กับชาวคณะล่วงหน้่าไปก่อนแล้ว แต่ก็หาพบจนได้ คงเพราะเห็นรูปนี้จนชินตาจากการอ่านงานของจิตร

เมื่อเห็นแล้วก็เข้าใจได้ว่า ทำไมจิตรถึงเห็นภาพความเกรียงไกรกองทัพเสียมกุก เพราะขนาดของภาพสลักเสียมกุกใหญ่กว่าที่คิดมาก ภาพสะดุดตาคือตัวแม่ทัพ การแต่งกาย และอากัปกิริยาที่พิศดารไร้ระเบียบแปลกตาต่างไปจากกองทัพอื่นๆ 

ภาพกองทัพสักสิบกว่ากองได้เรียงรายอยู่บนผนังระเบียง และหนึ่งในนั้นคือเสียมกุก ทำให้เข้าใจได้อีกเช่นกันว่า เสียมกุกน่าจะยิ่งใหญ่พอให้ถูกบันทึกไว้บนระเบียงนครวัดได้
 

 

บล็อกของ ยุกติ มุกดาวิจิตร

ยุกติ มุกดาวิจิตร
 การที่ประธานรัฐสภาปัดข้อเรียกร้องของประชาชนกว่า 3 หมื่นคน ที่นำโดยคณะนิติราษฎร์และคณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 ด้านหนึ่งนับเป็นความขลาดเขลาของประธานรัฐสภา ด้านหนึ่งสะท้อนความขลาดเขลาของพรรครัฐบาลที่บอกปัดข้อเสนอนี้มาตั้งแต่ ครก.112 เริ่มรณรงค์
ยุกติ มุกดาวิจิตร
 บ้านเก่าเมืองหลัง เป็นสำนวนของคนไทดำในเวียดนาม เมื่อก่อน พอได้ขึ้นไปเยี่ยมเยือนพี่น้องชาวไทดำที่เซอนลาแต่ละครั้ง ก็จะถูกพวกคนเฒ่าคนแก่ล้อว่า “เหมือนพวกหลานๆ กลับมาเยี่ยมบ้านเก่าเมืองหลังสินะ” ในความหมายที่ว่า เหมือนผมได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดเมืองนอนนั่นเอง ทั้งๆ ที่ตอนนั้น ก็ห่างหายไปแค่เพียงหลายเดือน หรืออย่างมากก็ในรอบปี
ยุกติ มุกดาวิจิตร
  ขอบอกว่า วันนี้นอยกับบูราวอย (Michael Burawoy) พอสมควร
ยุกติ มุกดาวิจิตร
ผมติดตามละคร "แรงเงา" อย่างใกล้ชิด...จากที่เพื่อนๆ เล่ากันน่ะ ไม่ได้ดูเองหรอก (เพราะไม่มีทีวีดู ไม่ชอบดูทีวี และไม่ดูทีวีมาหลายปีแล้ว) แต่ก็เกิดสงสัยว่า "ทำไมไอ้ผอ.มันโง่งี้(วะ)" ถ้าจะตอบว่า "ผู้ชายหล่อก็เหมือนผู้หญิงสวยนั่นแหละ มันโง่" ก็คงจะดูโง่ไปหน่อย ก็เลยลองคิดต่อดูว่า หนึ่ง ที่จริงไม่ได้มีแต่ ผอ.ในละครแรงเงาโง่อยู่คนเดียวหรอก พระเอกละครไทยกี่เรื่องต่อกี่เรื่อง มันก็โง่แบบนี้กันทั้งนั้นแหละ ส่วนใหญ่เลยนะผมว่า 
ยุกติ มุกดาวิจิตร
ปิดเทอมนี้อดพานักอ่านตัวยงคนหนึ่งที่บ้านไปงานสัปดาห์หนังสือ เพราะเธอขาแพลง เจ็บถึงขั้นเข้าเฝือกและใช้ไม้เท้าเดิน เธอบอก "เอาไว้มีงานอีกครั้งลุงต้องพาหนูไปนะ" วันนี้ก็เลยขอเขียนอวยนักเขียนสักหน่อย (คนเราไม่ต้องคอยหาทางวิจารณ์ข้อด้อยคนอื่นกันทุกเมื่อเชื่อวันก็คงสามารถจรรโลงสังคม
ยุกติ มุกดาวิจิตร
ผ่านมาสี่วัน ถ้าจะให้บอกว่าประทับใจอะไรกับปราสาทหินบ้าง คงยากที่จะบอก เพราะวิ่งผ่านหินก้อนต่างๆ มากมายเสียจนไม่ทันได้หยุดคิดกับอะไรต่างๆ ดีที่ได้นักโบราณคดี นักประวัติศาสตร์ และนักมานุษยวิทยามากมายมาให้ความรู้ข้างๆ หูเวลาท่านถกเถียงกัน จึงพอจะเก็บเกี่ยวเชื่อมโยงอะไรมาได้บ้าง
ยุกติ มุกดาวิจิตร
ยุกติ มุกดาวิจิตร