ภูมิวัฒน์ แรงกสิวิทย์
การที่เราจะพูดถึงการ์ตูนนั้น เราต้องเข้าใจต่อสิ่งที่เรียกว่าสารัตถะ ของประเด็นที่เราจะพูดเสียก่อน สารัตถะในที่นี้มีความหมายอิงไปในทางว่า "คุณลักษณะอันเป็นแก่นแท้"
aumaum
*** รับอบรม /สอนกระบวนการทำผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ ติดต่อได้ที่
คุณเปเล่ 089-145-0033 คุณกุ้ง 084-515-6646 หรือ
คุณศรีประไพร 087-261-1784
(ถ้าสนใจโทรมาคุยกันได้นะคะ)
นำเคล็ดลับสีธรรมชาติมาฝาก
สีย้อมธรรมชาติ
การย้อมสีเขียวจากเปลือกต้นเพกา เอาเปลือกเพกามาหั่น หรือสับให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปต้ม 20 นาที ช้อนเอาเปลือกออก ต้มเถาถั่วแปบเอาแต่น้ำใสเติมลงไปใส่น้ำมะเกลือกเล็กน้อย ใส่ปูนขาวและใบส้มป่อยผสมลงไป ทิ้งไว้สักพัก แล้วกรองให้เหลือแต่น้ำสีพร้อมที่จะย้อม นำเอาน้ำย้อมตั้งไฟพออุ่น นำด้ายฝ้ายซึ่งซุบน้ำบิดพอหมาด จุ่มลงในอ่างย้อม ต้มต่อไปนาน 20 นาที จนได้สีที่ต้องการ ยกด้ายฝ้ายออก ซักน้ำสะอาดใส่ราวกระตุกตากจนแห้ง จะได้สีเขียวตามต้องการ
การย้อมสีดำจากเปลือกสมอ ให้เอาเปลือกสมอมาต้มเคี่ยวให้แห้งจนงวดพอสมควร รินเอาแต่น้ำใส่หม้อดิน เอาด้ายฝ้ายที่เตรียมไว้ลงย้อมขณะที่น้ำสียังร้อนอยู่ จะได้สีดำแกมเขียวเข้ม ถ้าต้องการได้สีเขียว ใช้ด้ายฝ้ายที่ผ่านการย้อมสีครามมาย้อมจะได้สีเขียวตามต้องการ
การย้อมสีเขียวจากเปลือกสมอ เอาเปลือกสมอมาต้มเคี่ยวให้แห้งพอสมควร รินเอาแต่น้ำใส่หม้อดิน เอาด้ายฝ้ายที่ผ่านการย้อมครามมาครั้งหนึ่งแล้ว ลงไปย้อมในน้ำสีที่ยังร้อนอยู่ ต้มต่อไปประมาณ 1 ชั่วโมง หมั่นกลับด้ายฝ้ายไปมา เพื่อให้สีดูดซึมอย่างสม่ำเสมอ พอได้สีตามต้องการยกด้ายฝ้ายขึ้นกระตุก ตากให้แห้ง จะได้สีเขียวตามต้องการ
การย้อมสีจากเปลือกรกฟ้า โดยการแช่เปลือกต้นรกฟ้าในปริมาณพอสมควรไว้นาน 3 วันแล้วตั้งไฟต้ม ให้เดือด จนเห็นว่าสีออกหมดดีแล้ว จึงเทน้ำย้อมใส่ลงในอ่างย้อมหมักแช่ไว้ 1 คืน นำเอาเปลือกไม้ผึ่งแดด จนแห้ง เก็บไว้ใช้ต่อไป สีเปลือกไม้นี้ถ้าถูกต้มจะกลายเป็นสีดำได้
การย้อมสีกากีแกมเขียวจากเปลือกเพกากับแก่นขนุน เอาเปลือกเพกาสด ๆ มาล้างน้ำ ผึ่งแดดสัก 2-3 แดด พักทิ้งไว้ เอาแก่นขนุนหั่นหรือไสให้เป็นชิ้นบาง ๆ แบ่งเอามา 1 ส่วน ผสมกับเปลือกเพกา 3 ส่วน ต้มเคี่ยวให้น้ำเดือดแล้วกรองเอาแต่น้ำ เวลาย้อมเติมน้ำสารส้มเล็กน้อยเพื่อให้สีติดดีและทนทาน การย้อมเอาด้ายฝ้ายซึ่งชุบน้ำแล้วบิดพอหมาดลงในอ่างย้อมหมั่นกลับด้ายฝ้ายไปมา เพื่อให้สีติดสม่ำเสมอ ไม่ด่าง จึงยกด้ายฝ้ายขึ้นซักน้ำให้สะอาดบิดกระตุก ตาก
การย้อมสีน้ำตาลแก่จากเปลือกไม้โกงกาง นำเอาเปลือกไม้โกงกางที่แห้งพอหมาด มาล้างน้ำให้สะอาด แช่น้ำไว้ 1 คืน แล้วต้มเคี่ยวไว้ 2 วัน กรองเอาแต่น้ำย้อมใส่สารเคมีไฮโดรเจนซัลไฟต์ ผสมลงในน้ำย้อมเล็กน้อย เพื่อให้สีติดดีขึ้น เอาด้ายฝ้ายที่ชุบน้ำพอหมาดจุ่มลงในน้ำย้อม ตั้งไฟต้มนาน 30 นาที ยกด้ายฝ้ายขึ้นซักน้ำ บิดให้แห้ง กระตุกด้ายฝ้ายให้กระจาย ตากแดด
การย้อมสีเปลือกไม้โกงกาง แช่เปลือกไม้โกงกางในปริมาณพอสมควรไว้นาน 3 วัน แล้วตั้งไฟต้มให้เดือด จนเห็นว่าสีออกหมดดีแล้ว จึงเทน้ำย้อมใส่ลงใสอ่างย้อม หมักแช่ไว้ 1 คืน นำเอาเปลือกไม้ผึ่งแดดจนแห้งเก็บไว้ใช้ต่อไป สีเปลือกไม้นี้ถ้าถูกต้มจะกลายเป็นสีดำได้ แต่ทนน้ำเค็ม
การย้อมสีด้วยรากยอ เอารากยอแห้งที่มีอายุสักหน่อย เพื่อจะให้ได้สีเข้มมาสับหรือหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปต้มน้ำเดือด น้ำสีจะเป็นสีแดงจึงยกลง กรองเอาแต่น้ำสี นำเอาด้ายฝ้ายซึ่งเตรียมจะย้อมชุบน้ำให้เปลือกพอหมาดลงแช่ในน้ำสีประมาณ 30 นาที หรือกว่านั้น หมั่นยกด้ายฝ้ายกลับไปกลับมาเพื่อให้สีติดด้ายฝ้ายอย่างทั่วถึง แล้วนำด้ายฝ้ายที่ย้อมขึ้นจากหม้อบิดพอหมาด นำไปล้างน้ำสะอาด แล้วผึ่งให้แห้ง จะได้ด้ายฝ้ายที่ย้อมเป็นสีแดงตามต้องการ
การย้อมสีด้วยเมล็ดคำแสด วิธีเตรียมสีจากเมล็ดคำแสด แกะเมล็ดออกจากผลที่แก่จัด แช่น้ำร้อนหมักทิ้งไว้หลาย ๆ วัน จนสารสีตกตะกอน แยกเมล็ดออก นำน้ำสีที่ได้ไปเคี่ยวจนงวดเกือบแห้งแล้วนำไปตากแดด จนแห้งเป็นผงเก็บไว้ใช้
วิธีย้อมสีผ้าฝ้าย ละลายสีเช่นเดียวกับการย้อมผ้าฝ้าย แต่นำผ้าไหมที่ต้องการย้อมแช่ไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง และเติมสบู่ลงเล็กน้อยลงไปในสีที่ใช้ย้อม ถ้าต้องการให้ผ้ามีสีเหลืองเพิ่มขึ้นให้เติมกรด tataric ลงไปเล็กน้อย ผ้าที่ย้อมด้วยสีจากเมล็ดคำแสดที่จะไม่ตกง่ายเมื่อถูกับสบู่ หรือกรดอ่อน ๆ
การย้อมสีดำจากลูกมะเกลือ นำเอาลูกมะเกลือมาตำละเอียด แล้วแช่ในน้ำ ในน้ำที่แช่นี้เอารากลำเจียก หรือต้นเบงตำปนกับลูกมะเกลือ แล้วเอาด้ายฝ้ายที่ลงน้ำแล้วบิดพอหมาดลงย้อมในน้ำย้อม สัก 3-4 ครั้ง การย้อมทุกครั้งต้องตากแดดให้แห้งจนเห็นว่าดำสนิทดี ถ้าต้องการให้ผ้าเป็นเงาใช้งาดำตำละเอียด นำด้ายฝ้ายมาคลุกเคล้าให้ทั่ว ผึ่งไว้สักพัก กระตุกตาก
การย้อมอีกวิธีหนึ่งคือ เอาลูกมะเกลือที่แช่น้ำทิ้งไว้นั้นในปริมาณที่ต้องการมาตำให้ละเอียดพร้อมกับใบหญ้าฮ่อมเกี่ยวแล้วเอาไปแช่ในน้ำด่าง (ได้จากต้นมะขามเผาไฟให้เป็นขี้เถ้า แล้วละลายน้ำกรองเอาน้ำใส ๆ จะได้น้ำย้อมที่ต้องการ) นำเอาด้ายฝ้ายที่ลงน้ำบิดพอหมาด จุ่มลงในอ่างย้อม ใช้มือช่วยบีบด้วยฝ้ายเพื่อให้สีดูดซึมอย่างทั่วถึง ปล่อยทิ้งสักพักแล้วยกขึ้นจากอ่างน้ำย้อม ซักให้สะอาดกระตุกตากให้แห้ง
การย้อมสีแดงจากดอกคำฝอย นำดอกคำฝอยมาตำให้ละเอียด ห่อด้วยผ้าขาวบางผสมน้ำด่างเพื่อให้เกิดสี (น้ำด่างได้จากการนำต้นผักขมหนามที่แก่จนเป็นสีแดงหรือน้ำตาลมาตากให้แห้งสนิทแล้วนำไปเผาไฟให้เป็นขี้เถ้า ผสมกับน้ำทิ้งให้ตกตะกอน รินเอาแต่น้ำใส ๆ มาผสมกับสี) ส่วนวิธีย้อมทำโดยนำดอกคำฝอยมาต้มให้น้ำออกมาก ๆ จนเหนียว เก็บน้ำสีไว้ จากนั้นเอาแก่นไม้ฝางมาไสด้วยกบบาง ๆ แล้วต้มให้เดือดนานประมาณ 6 ชั่วโมง ช้อนกากทิ้ง เวลาจะย้อมฝ้าย นำเอาน้ำย้อมที่ต้มแล้วทั้งสองอย่างมาเทรวมเข้าด้วยกัน แล้วเติมสารส้มลงไปเล็กน้อย คนให้เข้ากันดีนำฝ้ายที่ชุบน้ำและตีเส้นให้กระจายลงย้อมในอ่างย้อม
การย้อมสีเขียวจากใบหูกวาง เอาใบหูกวางมาตำคั้นเอาแต่น้ำสีกรองให้สะอาดต้มให้เดือดเอาฝ้ายที่เตรียมไว้ ลงย้อมจะได้เป็นสีเขียวอ่อน หมั่นยกด้ายฝ้ายกลับไปกลับมา เพื่อไม่ให้ด้ายฝ้ายด่าง และสีย้อมจะได้ติดทั่วถึง พอได้ความเข้มของสีติดด้ายฝ้ายตามต้องการจึงยกขึ้นบิดพอหมาด ซักน้ำสะอาดผึ่งให้แห้ง
การย้อมสีจากคราม ตัดต้นครามมาม้วนและมัดเป็นฟ่อน ๆ นำไปแช่น้ำไว้ในภาชนะที่เตรียมไว้ประมาณ 2-3 วัน จนใบครามเปื่อย จึงแก้มัดครามออกเพื่อให้ใบครามหลุดออกจากลำต้น นำลำต้นทิ้งไป เอาปูนขาวในอัตราส่วนที่เหมาะสมกันกับน้ำที่แช่ครามผสมลงไปแทนต้นคราม จากนั้นนำเอาขี้เถ้าซึ่งได้จากเหง้ากล้วยเผาจนดำ ผสมลงไป ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 คืน จนกว่าน้ำที่กวนใส รินน้ำที่ใสออกทิ้ง จะได้น้ำสีครามตามต้องการ อาจใช้ผ้าขาวบางกรองเพื่อจะได้น้ำสีครามที่ละเอียด นำด้ายไปขยำในหม้อคราม พยายามอย่าให้ด้ายฝ้ายพันกัน ให้น้ำสีกินเข้าไปในเนื้อด้ายฝ้ายอย่างทั่วถึง จนกระทั่งได้สีเข้มตามต้องการ จึงยกด้ายฝ้ายขึ้นจากหม้อ บิดให้หมาดล้างน้ำสะอาด นำไปขึ้นราวตากให้แห้ง
การย้อมสีชมพูจากต้นมหากาฬและต้นฝาง เอาเปลือกของต้นมหากาฬมาสับให้ละเอียดต้มในน้ำเดือดประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วช้อนเอาเปลือกออก เติมไม้ฝางซึ่งผ่าเป็นชิ้นเล็ก ๆ ลงไปต้มในน้ำเดือดนาน 1 ชั่วโมง เติมใบส้มป่อยลงไปอีก 1 กำ ต้มต่อไปอีกเล็กน้อย ช้อนเอากากออกแล้วเติมน้ำด่างลงไป จะได้น้ำย้อมสีชมพูจึงเอาด้ายฝ้ายที่ชุบน้ำบิดพอหมาด จุ่มลงไปในอ่างย้อม ตั้งไฟต้มนาน 30 นาที ยกขึ้นจากอ่างย้อมนำไปซักน้ำบิดให้แห้งกระตุกให้เส้นด้ายกระจายตากแดด
การย้อมสีเหลืองจากแก่นขนุน นำแก่นขนุนที่แห้งแล้วมาหั่นหรือไสด้วยกบเบา ๆ ใช้มือขยำให้ป่นละเอียด ห่อด้วยผ้าขาวบาง แล้วต้มประมาณ 4 ชั่วโมง ดูว่าสีนั้นออกตามความต้องการหรือยังเมื่อใช้ได้ช้อนเอากากทิ้งกรองเอาน้ำใสเติมน้ำสารส้มเล็กน้อย เพื่อให้สีติดดี เอาด้ายฝ้ายซึ่งชุบน้ำพอหมาด จุ่มลงในอ่างย้อม กลับด้ายฝ้ายไปมานาน 1 ชั่วโมง เอาขึ้นจากอ่างย้อม ซักน้ำสะอาดกระตุกตาก
การย้อมสีเหลืองจากแก่นแกแล ใช้ส่วนของแก่นแกเลย้อมผ้าจะได้สีเหลือง ซึ่งจะมีสารสีเหลืองชื่อ Morin อยู่ประมาณ 1% ให้นำเอาแก่นแกแลมาตากให้แห้งแล้วผ่าให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่หม้อต้มเดือด จนน้ำต้มสีเป็นสีเหลืองจึงยกลง และนำเอาไปกรองเก็บน้ำสีไว้ เอาแกแลที่กรองไว้ไปต้มน้ำให้เดือดต่อไปจนได้น้ำสีจากแกแล ซึ่งสีอ่อนกว่าหม้อแรก เก็บน้ำสีไว้ทำแบบเดียวกัน จนได้น้ำสีครบ 3 หม้อ จะได้น้ำสีอ่อนสุดถึงแก่สุด นำเอาด้ายฝ้ายที่เตรียมไว้ลงย้อมในน้ำสีหม้อที่ 3 ซึ่งเป็นสีอ่อนสุดยกด้ายฝ้ายกลับไปกลับมาเพื่อให้น้ำสีเข้าไปในเนื้อฝ้ายได้ทั่วถึงไม่ด่าง ทิ้งไว้สักพักจึงยกด้ายฝ้ายขึ้นบิดพอหมาด นำไปย้อมในหม้อที่ 2 และหม้อที่ 1 ทำแบบเดียวกัน จนย้อมได้ครบ 3 หม้อ นำด้ายฝ้ายขึ้นซักน้ำสะอาดจนสีไม่ตก เอาเข้ารางผึ่งให้แห้ง
ขอขอบคุณข้อมูลดีดี มีประโยชน์จากเว็บไซต์
www.kobfapasuay.igetwab.com
มีภาพตัวอย่างผลิตภัณฑ์จากผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ
สมุดทำมือ ทำได้เองไม่ต้องพึ่งพาโรงงาน
ผ้าเช็ดหน้าลายกิ๊บเก๋
ผ้าพันคอสุดเท่
จะนำไปฝากคนที่เรารักก็คงเข้าที
กางเกง+เสื้อ ก็มีนะ
ผ้าเช็ดหน้าลายหวาน
(ขอได้รับความขอบคุณจาก "ปนเป" ผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ ที่กรุณาเอื้อเฝื้อรูปภาพสวยๆ ขอบคุณจากใจจริง)
สนใจติดต่อ 089-1450-033(คุณเปเล่)
หรือ 084-5156-646(คุณกุ้ง)
"ไม่ซื้อไม่ว่า....โทรมาคุยกันก็ได้ อยากแบ่งปันสิ่งดี ดี"
พบกับผลิตภัณฑ์งานศิลป์ ที่ผ่านการถ่ายทอดฝีมือระดับแนวหน้า เสกสรรค์งานผ่านความเป็นธรรมชาติ "เน้นง่าย แต่งดงาม"
การย้อมผ้าด้วยสีธรรมชาติ
การย้อมผ้าด้วยสีธรรมชาติมีมาตั้งแต่ปู่ย่าตาทวด ด้วยวิถีชีวิตที่ผูกพันและพึ่งพิงกับทรัพยากรธรรมชาติ ประกอบกับเทคโนโลยีที่ยังไม่ค่อยก้าวหน้า เป็นเหตุผลให้คนพึ่งพาตนเองสูง การดำเนินชีวิตที่ต้องอาศัยปัจจัย ๔ ในการดำเนินชีวิต อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค ในที่นี้จะขอพูดถึงเฉพาะเรื่องของเครื่องนุ่มห่มเท่านั้น
ชาวบ้านสมัยก่อน หรือในปัจจุบันก็ยังมีให้เห็นกันอยู่ตามชนบท มีวิธีการสร้างเครื่องนุ่งห่มให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการปลูกฝ้าย การเลี้ยงไหม เพื่อนำมาทอผ้า ซึ่งก่อนที่จะนำมาทอก็จะมีกระบวนการย้อมสี เพื่อให้เกิดความสวยงาม
สีทอผ้าได้มาจากไหน ? น่าจะเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย แน่นอนว่าเราอยู่กับธรรมชาติสีที่ใช้ก็จะต้องมาจากธรรมชาติ จากใใบไม้ กิ่งไม้ เปลือกไม้ แก่นไม้ หรือส่วนต่างๆของต้นไม้ อาจจะไม่เฉพาะเจาะจง ช่วงแรกผู้เขียนคิดว่าจะต้องมีการลองผิดลองถูกอยู่หลายต่อหลายครั้ง และเมื่อได้ผลประการใดก็จะจดจำไว้ใช้ คือ เมื่อเลือกใช้ต้นไม้ต้นนี้ได้สีสวยงาม ครั้งต่อไปก็อาจจะเลือกใช้อีก(เพราะผู้เขียนเองก็เคยลองทำมาเหมือนกัน) เมื่อได้ชุดความรู้เหล่านี้แล้วก็จะสืบทอดให้กับลูกหลาน โดยถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นนั่นเอง
ขั้นตอนการย้อมสีแบบง่าย ๆ (เอาเป็นว่าเป็นสมัยของผู้เขียนเลยละกัน) เริ่มต้นจากการหาต้นไม้ที่เราต้องการสี เช่น ต้นหูกวาง เราจะใช้ใบของต้นหูกวางเป็นหลัก เมื่อได้ใบมามากพอสมควรแล้ว(แล้วแต่ความต้องการ) จัดการหั่นใบหูกวาง และนำไปต้มในหม้อที่เตรียมไว้ ควรใช้ถ่าน หรือฟืนในการต้ม เพราะจะใช้เวลานาน ต้มจนกว่าจะมองเห็นสีเกิดขึ้น หรือได้สีที่ต้องการ
ขั้นตอนการเตรียมผ้า ควรเลือกใช้ผ้าฝ้ายจะย้อมสีได้สวยกว่า ตัดแต่งผ้าตามความต้องการว่าจะนำผ้าชิ้นนั้นไปทำอะไร เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าคลุมไหล ผ้าพันคอ เสื้อ กระโปรง กางเกง ตามความต้องการ จากนั้นนำไปซักเพื่อล้างแป้งที่ติดมากับผ้าให้สะอาด นำผ้าที่ซักแล้วมาทำลวดลายโดยการพับ การขยุบ และการมัด เมื่อได้ลวดลายตามความต้องการแล้วก็นำผ้าลงไปย้อมสีที่ต้อมไว้ โดยต้มผ้าไปพร้อมกับต้มสี ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที หลังจากนั้นให้นำมาขึ้นมาผึ่งลม
ขั้นตอนการจับสี ตัวจับสีที่ใช้ อาจจะใช้นำสนิม(ได้จากการแช่เศษเหล็ก) น้ำขี้เถ้า น้ำปูนใส หรือสารส้มก็ใช้ได้ ให้นำผ้าที่ย้อมแล้วมลงมาแช่ในตัวจับสีประมาณ 10 นาที จากนั้นก็นำไปซักด้วยน้ำเปล่า บดพอหมาด ผึ่งลม และเมื่อแกะเชือกที่มัดออกแล้วเราก็จะพบสิ่งมหัศจรรย์ชิ้นสำคัญของโลก เพราะมันคือฝีมือของเราเอง อาจจะทำซ้ำกระบวนการเดิมก็ได้หากอยากให้สีที่คงทน หรืออาจจะได้สีใหม่เพิ่มขึ้นหลังจากทำกระบวนการซ้ำอีกครั้ง
เอกลักษณ์ของผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ คือ มีชิ้นเดียวในโลก ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร พร้อมทั้งเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง เพราะเกิดจากไอเดีย และฝีมือของเราเองทั้งนั้น นี่คือขั้นตอนอย่างง่ายของการทำผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ ที่สำคัญเป็นการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ผสมผสานกับศิลปะ หรืออาจจเรียกได้ว่าเป็น "ศิลปะวิทยาศาสตร์" ก็ได้ เราอาจจะชวนน้องๆ หนู ๆ มาทำผ้ามัดย้อมกันในวันหยุด ก็เป็นกิจกรรมที่น่าสนุกสนานของครอบครัว ฝึกกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม และผ่านประสบการณ์ตรง อีกอย่างก็ยังช่วยลดปัญหาโลกร้อนได้ด้วยนะ ...สิบอกให้...