กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ท้องฟ้าและท้องน้ำดูจะละลายตัวเข้าหากัน หากไม่มีอ่าวริมน้ำแห่งนั้นขวางกั้นเอาไว้ ...ปลายสุดของสะพานฝั่งมอญ หมู่บ้านคนมอญสงบงัน ไร้เสียง เหมือนชีวิตของพวกเค้า ...\พี่เย็นเกิดที่เมืองไทย พ่อแม่มาจากฝั่งโน้น(ฝั่งพม่า) ถือบัตรสีชมพู (ผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่า) ก่อนจะแปลงสัญชาติเพิ่งได้สัญชาติไทยมาหนึ่งปี ส่วนสามีไม่มีบัตรอะไรทางอำเภอได้เข้ามาสำรวจแล้วแต่ยังไม่ได้ถ่ายบัตร ตอนนี้ถือหางบัตรพี่เย็นมีลูก 2 คน ชายหนึ่งคน หญิงหนึ่งคน เรียนที่โรงเรียนบ้านเด็กป่าลูกชายมีสูจิบัตรและได้รับสัญชาติไทยพร้อมแม่ ส่วนลูกสาวแจ้งเกินกำหนดไป 2 วันและจะต้องไปหาพยานมายืนยันว่าเกิดที่ดินแดนไทยและต้องจ่ายค่าพยานเป็นเงินจำนวนหนึ่งจนแล้วจนรอดไม่มีใครเป็นพยานให้วันนี้ ลูกสาวของเธอยังเป็นเด็กไม่มีสัญชาติ...เด็กๆ กำลังสนุกสนานกับการกระโดดน้ำบนสะพานมอญผืนน้ำสีเขียวจะแตกกระจายในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าใต้สะพาน ชีวิตพี่เย็นว่างเปล่าลูกชายของเธอสภาพความเป็นอยู่ของพี่เย็น
วาดวลี
๑.ฤดูมาเร็ว ราวกระพริบตารู้สึกดังว่า เพิ่งผ่านเมื่อวานฝนหมาดถนน เพิ่งโดนแดดทักลมหนาวก็พัดมาจุมพิตผ่านแม่น้ำสีเหลืองลำเลียงเศษไม้เผลอมองวูบไหวหัวใจสะท้านฝนพอหรือยัง? หรือคั่งค้างอยู่รอการพรั่งพรู ไหลมาท่วมบ้าน ๒.ต้นข้าวสีเขียว เคยซีดเซียวยับนิ่งงันสดับ กับทางน้ำผ่านเจ้าชูช่อใหม่ ในตุลาฤดูไม่อาจหยั่งรู้ หรือไม่คิดสะท้าน?ผีเสื้อกลัวไหม ไอหนาวจะมาหอบหมอกห่มฟ้า พัดป่าแห้งกร้านควันคลุ้งคลุมเมือง กลายเป็นเรื่องเล่าไฟฟอนแผดเผา เราไม่อาจต้าน ๓.ไปหมดแล้วหรือ ที่คือฝันร้ายปัดกวาดบ้านใหม่ ไว้รอเพื่อนบ้านกลางคืนสงบ รอพบวันพรุ่งหวังเห็นสายรุ้ง ลา-วสันต์กาลรอยฝนกันยา ตุลารำลึกลบความคิดนึก เท่าสายฝนผ่าน?สัญญาลอยลม ชมในอากาศลืมแล้วภาพวาด ในวิมานหวาน ๔.ทุกอย่างต้องเปลี่ยน เธอเพียรวานบอกไม่ให้เย้าหยอก กับอดีตกาลฉันอดไม่ได้ หัวใจรู้สึกหวาดกลัวลึกลึก กับฤดูผ่านทุกอย่างช่างเร็ว ราวกระพริบตารู้สึกเหมือนว่า จากมาไม่นานกับคราบน้ำตา และฟ้าเปลี่ยนสีผิดไหมใจที่ มีตะกอนถ่าน ๕กับนาฬิกา และฟ้าเคลื่อนไหลช่างไม่ไว้ใจ ในฤดูกาลบนหนทางก้าว ที่ยาวออกไปบางอย่างไหวไหว อยู่ในโลกอุดมการณ์
โอ ไม้จัตวา
วันนี้พาไปเดินเล่นในดอยกับพญาช้างสารอันแสนน่ารัก ด้วยการทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวไปกับแพ็คเก็จทัวร์ของปางช้างแม่ตะมาน สนนราคา 1000 บาทสำหรับคนไทย และ 1500 บาทสำหรับชาวต่างชาติ ออกจากเมืองเชียงใหม่แปดโมงครึ่ง ไปถึงที่นั่นราวเก้าโมงกว่า ๆ ไปเล่นกับช้างน้อยใหญ่ พาช้างไปอาบน้ำ ช้างเป็นสัตว์ขี้ร้อน แต่ช้างที่นี่ดูมีความสุข เพราะมีลำน้ำแม่ตะมานที่กว้างพอสมควรให้ช้างอาบน้ำทุกวัน ดูเหล่าช้างเล่นน้ำกันสนุกสนาน มีพ่นน้ำใส่คนที่ยืนเชียร์อยู่บนฝั่งด้วย ก่อนจะพากันขึ้นจากน้ำมาตีระฆัง เชิญธงชาติ ทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเป่าเม้าท์ออแกน เตะฟุตบอล นวดให้ควาญ และเดินสวนสนามดูไปดูมาฉันเห็นช้างยิ้ม ดูช้างโชว์เสร็จก็ถึงเวลาอันน่าตื่นเต้นเล็กน้อยสำหรับฉัน ที่ทำใจมาแล้ว เคยมาแล้วก็อดกลัวไม่ได้ ช่วงเวลาบนหลังช้างค่ะ พยายามนึกว่าคนขี่หลังเสือลงยากกว่าหลังช้าง ซึ่งแม้จะตัวใหญ่แต่ก็เดินช้า ๆ ทว่ามั่นคง ช้างที่ฉันนั่งชื่อบุญมี อายุ 40 ปี เป็นช้างพัง ฉันทักทายบุญมีเพราะอายุใกล้เคียงกัน ขี่ช้างต้องทำตัวโยกเยกไปตามจังหวะการเคลื่อนของช้าง เวลาลงเนินก็หวาดเสียวนิด ๆ แต่ก็มั่นใจในตีนช้างช้างตัวใหญ่ แต่ใช้ทางเดินแคบ ๆ ไม่เหมือนคนตัวเล็กแต่สร้างถนนกินบ้านกินเมืองมากมายควาญเล่าว่า ช้างเป็นสัตว์ขี้เหงา ต้องอยู่กับคน ความคิดว่าจะสร้างสถานที่แล้วนำช้างเป็นร้อยเชือกมารวมกันไว้โดยไม่มีควาญ แล้วสร้างกำแพงล้อม เหนือกำแพงเป็นร้านอาหารให้คนนั่งดื่มกินดูช้าง เป็นความคิดที่ไม่รู้จักช้าง นั่งอยู่บนหลังช้างชมนกชมไม้อยู่ในป่า ขึ้นเขาลงห้วยด้วยทางของช้าง นึกถึงคนโบราณเวลาเขาเดินทางในป่าไปกันอย่างนี้นี่เอง จบจากทางช้างที่ห้างนาแห่งหนึ่ง ต่อด้วยเกวียนเทียมวัวอีกสักสิบนาที ผ่านกลางหมู่บ้าน กลับเข้าสู่ปางช้าง กินอาหารกลางวัน (อาหารธรรมดา ๆ แต่อร่อย) แวะชมแกลอรีภาพเขียนของช้างจากทั่วโลก จิบกาแฟยามบ่ายริมน้ำแม่ตะมาน ก่อนลงแพล่องไปตามลำน้ำแม่ตะมาน ไปขึ้นที่ท่าแพโดยมีรถมารอรับกลับเชียงใหม่ กลางสายน้ำยามบ่ายมีเพียงความเงียบสงบ เสียงลม เสียงน้ำไหล คลื่นน้ำ กิ่งไม้แห้ง ป่าเขียว นกสีฟ้าบินผ่านหน้า คนถ่อแพชี้ให้ดู บางครั้งการมาคนเดียวก็ทำให้ได้ยินเสียงที่ไม่ค่อยได้ยิน...เสียงของตัวเองศิลปินช้างตบหัวแปะ ๆอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนวดให้ควาญช้างเป่าเม้าท์ออแกนช้างยิ้มช่วงเวลาอันแสนสุขเส้นทางช้างควาญช้างที่นี่ส่วนใหญ่เป็นช่างภาพด้วย แต่ควาญคนนี้เด็ดมาก กลับหลังหันถ่ายรูป แจ๋วจริง ๆอยากมีเพื่อนแบบนี้บ้างอุเหม่ เจ้าไก่น้อย วิ่งไปวิ่งมากลางดงตีนช้าง
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ง่ายๆ เราเจอกันที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินบางซื่อ ..อาสาสมัครสอนหนังสือเด็กในชุมชน กลางเมืองหลวง..กับครูปู่ กลุ่มซ.โซ่อาสา (รู้จักครูปู่และกลุ่มซ.โซ่อาสา www.volunteerspirit.org)ผมนัดกับนุ้งนิ้งเพื่อขอเข้าไปถ่ายรูป อาสาสมัครและเด็กๆ กลางเมืองหลวงในชุมชนตึกแดง ..ถามคนแถวนั้นว่าทำไมต้องตึกแดง ง่ายๆ อีกเหมือนกันครับว่า เมื่อก่อนตึกแถวนี้ทาสีแดง คนเลยเรียกติดปากว่าย่านตึกแดง ...แล้วทำไมต้องทาสีแดง อันนี้ไม่ได้ถามครับ ?จากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินบางซื่อ เรา อาสาสมัครต้องนั่งรถสามล้อเครื่องเข้าไปถึงหน้าชุมชนแล้วเดินต่อเข้าไปอีกหน่อย ..ทางเดินแคบๆ นำเราไปยังลานโพธิ์มีเด็กๆ มากกว่า 50 คน รอให้เราเข้าไปสอน...เล็กสุดชั้นอนุบาลไปจนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6... นั่งทำแบบเรียนภาษาไทย คณิตศาสตร์และระบายสีใครอยากลองสัมผัสนัดเจอกันทุกวันเสาร์อาทิตย์ คลิกเข้าไปดูรายละเอียดที่นี่ (http://www.volunteerspirit.org/readthis_info.asp?pid=67) นุ้งนิ้ง - จิระพงค์ รอดภาษา 081-515-8564ระหว่างทางเดิน คุณยายสองท่านกำลังประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ อีกหนึ่งอาชีพของคนในชุมชนตึกแดงจิตอาสาเพื่อในหลวง ลงมือปฏิบัติงาน คับพ๊ม บรรยากาศ ภาพเด็กและหนุ่มสาวผู้มีจิตใจอาสาสมัคร คุณครูอาสาสอนผมบวกลบเลขครับ โดเรมอน ภาพระบายสียอดฮิต เรียกสมาธิสาวน้อย ดูหน้าตาหนุ่มน้อยออกจะตั้งใจระบายสีมาก หนุ่มใส่แว่นเป็นพี่น้องกับหนุ่มเสื้อเขียว ส่วนหนูน้อยอีกคนกำลังเมามันกะคุ๊กกี้ ใครตั้งใจมากกว่ากันดูวุ่นวายสักหน่อยแต่สนุกดีครับ