Skip to main content

บล็อกกาซีน ประชาไท

เมธัส บัวชุม
ผมเฝ้ารอคอยดูผลสำเร็จ (หรือไม่สำเร็จ) ของนโยบาย "5 รั้ว" ซึ่งเป็นนโยบายทางด้านยาเสพติดของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะทำได้มากน้อยเพียงใด ทำให้ยาเสพติดลดลงได้จริงหรือไม่ "5 รั้ว" ที่ว่าคือ รั้วชายแดน รั้วชุมชน รั้วสังคม รั้วโรงเรียน และรั้วครอบครัว ทั้ง "5 รั้ว" จะช่วยเป็นเกราะป้องกันต้านทานการทะลักเข้ามาของยาเสพติด พร้อมไปกับการปราบปรามอย่างจริงจังเป็นรูปธรรม
สุมาตร ภูลายยาว
เช้านี้เหมือนกับทุกเช้าในช่วงนี้พ่อท่อน ยาแก้วเดินทอดน่องในสวนบนดอนทรายริมฝั่งแม่น้ำโขงเพื่อดูแปลงมะเขือราว ๔ ไร่ ในใจพ่อท่อนเองไม่อยากเก็บมะเขือในตอนนี้แม้ว่าจะถึงช่วงเวลาในการเก็บแล้ว สาเหตุที่ทำให้พ่อท่อนไม่อยากเก็บมะเขือในตอนนี้ เพราะราคามะเขือต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ปีนี้มะเขือหนึ่งหมื่น (๑๒ กิโลกรัม) ขายส่งจากสวนได้เงิน ๑๒ บาท
Hit & Run
ภาพจาก: http://imaim.wordpress.com แรงกระเพื่อมของสังคมไทยในช่วงที่ผ่านมา ต่อเรื่อง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทำให้ต้องมานั่งนับวันว่า เมื่อไหร่จะถึงวันที่กฎหมายฉบับนี้นี้จะเขาที่ประชุม ครม.เพื่อลุ้นเอาแค่กฎหมายฉบับนั้นจะผ่านครม.เข้าสู่สภาฯ ได้หรือไม่ แล้วค่อยไปว่ากันต่อด้วยเรื่องหน้าตาว่าจะออกมาสวย หล่อ เพียงใด ตามที่ รมว.คลัง ท่านบอกผ่านสื่อมวลชนไว้ เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา มีกำหนด 2 สัปดาห์ นี่ก็คงอยู่ในช่วงระยะเวลานัดหมายแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ล่าสุด รมว.คลังกล่าวผ่านสื่อว่า กระทรวงการคลังยังเดินหน้าแนวคิดการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยจะนำเสนอร่าง พ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเดือน ส.ค.นี้
โอ ไม้จัตวา
คนปาย
รวิวาร
  29 พฤษภาฯ 52ตุ่นน้อยลูกรักเช้าวันนี้ ฤดูฝนมาแล้ว อากาศเย็นสบาย ภูเขาของเราซ่อนตัวอยู่ในเมฆหมอก ดูสิ แม้แต่ฤดูกาลเปลี่ยนแม่ก็อยากบอกลูก อยากคุยกับลูก ชี้ชวนกันดู ตอนเช้า แม่นั่งฟังเสียง ‘กะโล๊กโป๊ก' ที่เอามาจากมะขามป้อม ลูกจำได้ไหม วันของเล่นจาก "ลม" ไง ปิดเทอม ตอนที่ลูกอยู่ แม่ไม่ได้เอาขึ้นไปแขวน แต่ว่าวันก่อน น้ารจกับน้ากาน และน้องนานามา น้าเขาถามว่านี่อะไรดูเหมือนหน้าไม้ แม่ก็เลยถือโอกาสจัดแจงตามที่ค้างคาใจ แม่ถอดด้ามพัดไม้ไผ่ที่ซื้อมาจากคุณยายแก่ๆ หน้ากรุงเก่า อยุธยามาผูกห้อยแทนไม้ไผ่สานรับลม แล้วขอปะป๊าเอาขึ้นไปแขวนตรงเสาสำหรับเถาดอกสายน้ำผึ้ง ทีนี้มันดูโดดเด่นเห็นชัด เสียงดัง กังวานดีทั้งวันทั้งคืน ฟังสิ เพราะจังนะ ถ้าเราลองเอาไม้ไผ่มาตีกันให้เกิดเสียง มันจะไม่เพราะอย่างนี้ แต่สายลมที่พลิ้วมาลูบไล้ รัวเบา ๆ หรือพัดสนุกเกรียวกราว ทำให้เกิดโทนเสียงแตกต่าง แม่มองและฟังมันอย่างมีความสุข ผิวไม้ไผ่เริ่มแห้งดูเรียบงามไปอีกอย่างหนึ่ง ไม่ใช่สวยแบบโมบายเปลือกหอย หรือกังสดาลหลากสี เป็นของเล่นบ้าน ๆ ของเล่นจากธรรมชาติไงจ๊ะ คนแต่ก่อนรู้จักเล่นกับน้ำ แดดและลม ต้นไม้ใบหญ้าก็นำมาให้ลูกหลานเล่นได้ เหมือนต้นหญ้าที่มีลูกพอง ๆ กลม ๆ ที่เรานำมาตบดังปุ๊นั่นไง ปะป๊าตัดหญ้าแล้ว แต่เราระวังไม่ตัดของเล่นจากธรรมชาติที่ลูกหวง เพราะฉะนั้น วางใจได้เลยนะจ๊ะตุ่นน้อย ถ้ามันยังไม่ตาย ปิดเทอมหน้า ลูกก็จะได้กลับมาเล่นอีกครั้ง
SenseMaker
จากบทความที่แล้วในหัวข้อ การจัดระเบียบโลกใหม่ การเมืองไทย และICT ข้าพเจ้าได้ชี้ให้เห็นว่า เพราะความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ICT ในปัจจุบัน ทำให้ความสามารถของมนุษย์ ในการจัดการและจัดเก็บข้อมูล ซึ่งหากอาศัยเพียงประสาทสัมผัสของมนุษย์ จะไม่สามารถเข้าถึงและจัดการได้ และความด้วยความก้าวหน้านี้ ทำให้มนุษย์สามารถเห็นและรับรู้ ในข้อมูลที่เคยยากที่จะเห็นและรับรู้ อีกทั้งยังทำให้เข้าใจในสิ่งที่เคยยากต่อการวิเคราะห์
นาโก๊ะลี
ความเป็นเด็กบ้านนอกด้วยก็เป็นได้  และความจริงก็มักเป็นอย่างนั้นเสมอ  คือ...เรื่องมีอยู่ว่า เวลาที่เราต้องขึ้นรถโดยสารสาธารณะระหว่างเมืองหนึ่งสู่เมืองหนึ่ง  ก่อนโน้นคราวที่เรายังเด็ก รถรายังไม่ได้มีมากนักในสังคมชนบท  ว่าก็เมื่อก่อนชาวบ้านยังไม่รู้วิธีกูเงิน หรือหาเงินทีละเยอะๆ นั่นเอง   ดังนั้นเวลาเดินทาง ผู้คนจำนวนมากจึงต้องอาศัยรถโดยสารเป็นสำคัญ  ทีนี้เรื่องมันก็มีต่อไปว่า  เด็กรถ กระเปารถ มันจะดุมากๆ มันไม่รู้จะดุไปทำไม  แล้วชาวบ้านก็ไม่กล้าว่าอะไรมัน ด้วยท่าทางวางท่าแบบอันธพาลของมัน(เราจะเรียกคนแบบนี้ว่าอันธพาล ไม่ใช่นักเลง เพราะนักเลงคือคนกล้าที่จะปกป้องคนอื่น)  บางทีเราก็สงสัยอยู่ว่า เวลาที่มันบอกให้ "เดินในหน่อยเพ่ เดินในหน่อยเพ่" ด้วยเสียงที่ดุดันนั้น  มันได้ดูหรือเปล่าว่า มันเดินไปไม่ได้แล้ว  หรือเพียงแต่มันก็ใช้อำนาจของมันไป ซึ่งมันนึกว่ามันเหนือกว่าชาวบ้านขณะนั้น  แทนที่มันจะดำรงตนในฐานะผู้ให้บริการ
ชนกลุ่มน้อย
    เป็นเวลา 10 กว่าปี ที่ผมไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับพ่อใต้ชายคาเดียวกันนานๆ แต่คราวนี้ พ่ออยู่กับผมนานถึง 90 วัน พ่อในวัย 74 เพิ่งผ่านการบำบัดรักษาหัวใจอย่างชนิดลุ้นเส้นยาแดงผ่าแปดกันมา และต้องควบคุมตัวเองเรื่องการดื่ม กิน เคลื่อนไหว และเคร่งครัดกับขนาดจำนวนยารักษาอย่างชนิดห้ามขาดเกินเวลา
SSNE
    มนุษย์ที่เกิดมาต้องมีการอุปโภคและบริโภคในสิ่งที่ดีและมีคุณภาพ  
vhappy
วันหนึ่งม้าแก่นอนแผ่ชูคอ เด็กสิบรอขอขี่ทุกวัน บ้างว่าแก่ไปจะไม่ขี่มัน เก้าคนพากันอยู่บ้านพอใจ มีเด็กหนึ่งคนซนจะขี่ม้า เอาไม้ตีขาให้พาวิ่งไป ม้าล้มเด็กแย่ล้มแผ่ลงไป ม้าวิ่งไม่ได้ล้มทับเด็กซน
suwit
  เป็น หมาที่น่ารัก
beerlaw
  สวัสดีท่านผู้อ่านที่รักและเคารพ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ยูงทองได้มีโอกาสมาพบกับท่าน ณ จุลสารฉบับนี้ (เป็นทางการไปหรือเปล่านี่ ) เอาละงั้นเริ่มคุยเรื่องของเรา เอ๊ย เรื่องที่ได้รับมอบหมายให้มาพูดคุยกับท่านผู้อ่านเลยแล้วกันนะครับ อ้อ ลืมไป ก่อนจะไปต่อก็ต้องแนะนำตัวให้รู้จักกันเสียก่อนตามมารยาทแห่งอารยะชน อันตัวกระผมนี้มีนามที่อยากจะให้ท่านทั้งหลายได้รู้จักไว้ว่า “ นายยูงทอง รักธรรม “ ส่วนที่ว่าตัวของยูงทองเป็นใคร มาจากไหน ประวัติความเป็นมามีอะไรบ้างถ้าจะบรรยายละก็คงต้องใช้พื้นที่หน้ากระดาษมากพอควรละครับ เพราะฉะนั้นก็ขอแจ้งให้ทราบเฉพาะแค่ชื่อนามสกุลก็พอนะครับ          คราวนี้ก็มาถึงเรื่องที่อยากบอกกล่าวเล่าสู่กันฟังตามประสานักกฎหมายที่ไม่ค่อยมีสาระ (หมายถึงว่า ไม่มีสาระจนเครียด ) เสียที ในช่วงที่ผ่านมาคงไม่มีเหตุการณ์ใดที่อยู่ในความสนใจของทุกท่านเท่ากับเหตุการณ์ที่มีกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งได้รวมตัวชุมนุมกันในนามของ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย “ โดยอ้างเอาสิทธิตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักดิราช ๒๕๕๐ มาตรา ๖๓ ส่วนรายละเอียดของมราตรา ๖๓ บัญญัติไว้ว่าอย่างไรนั้นยูงทองจะไม่ขอกล่าวไว้ ณที่นี้ก็แล้วกัน จะกล่าวเฉพาะสาระสำคัญที่ควรจะทราบไว้ดังนี้คือ มาตรา ๖๓ ได้บัญญัติให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ในการชุมนุมกันโดยสงบและปราศจากอาวุธ ซึ่งกลุ่มคณะบุคคลดังกล่าวก็ได้อ้างเอาประโยคนี้ละครับชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลออกไป คำถามต่อมาก็คือว่า การกระทำดังกล่าวสามารถกระทำได้ตามกฎหมายหรือไม่ ยูงทองขอฟันธง เอ๊ย ขอตอบว่าย่อมกระทำได้ครับ เพราะกฎหมายได้ให้อำนาจไว้ให้มีสิทธิ์กระทำได้ ข้ออ้างของกลุ่มคณะบุคคลนี้ถ้าพูดตามภาษาของศาลก็ต้องบอกว่า “ฟังขึ้น “ ส่วนที่ว่า กลุ่มคณะบุคคลคณะนี้ได้กระทำการที่พวกเขาบอกใครต่อใครว่าเป็น การกระทำที่เรียกว่า “อาริยะขัดขืน “ นั้น อันนี้ตอบแบบฟันธง เหมือนคำถามแรกไม่ได้นะ เพราะต้องทำความเข้าใจกันเสียก่อนว่า อาริยะขัดขืนคืออะไร ซึ่งความหมายของคำคำนี้ดูจะเป็นสิ่งใหม่สำหรับคนไทยก็ว่าได้ และถ้าจะให้อธิบายความหมรายแบบแจกแจงสี่เบี้ย ห้าเบี้ย ยูงทองว่าคงใช้เวลาเป็นหลายวัน และที่สำคัญท่านบรรณาธิการคงไม่ชอบใจเนื่องจากใช้พื้นที่เกินกว่าที่มอบให้เพียงหนึ่งหน้ากระดาษเท่านั้น ก็เลยจะขอสรุปให้เข้าใจเลยแล้วกันนะว่า อาริยะขัดขืนต้องเป็นการกระทำที่ต่อต้านความไม่ชอบธรรมของรัฐบาล และที่สำคัญต้องไม่กระทบถึงสิทธิหรือไปละเมิดสิทธิ์คนอื่นเขา เช่น เมื่อไม่พอใจการให้บริการของหน่วยงานของรัฐหน่วยงานหนึ่ง สมมุติว่าเป็นกรมรถไวก็แล้วกันนะ เราก็ไปขวางทางที่รถไว ถ้ามีการจับกุมก็ยอมให้จับไป พอปล่อยมาก็ไปขวางใหม่ อย่างนี้จึงจะเรียกว่าเป็นอาริยะขัดขืน ไม่ใช่การขู่ตัดน้ำตัดไฟของบ้านคนที่เราไม่พอใจการกระทำของเขา แบบนี้ยูงทองรู้สึกว่าจะเป็นการตีความคำว่าอาริยะขัดขืนผิดไป แต่อย่างไรก็ตามอดันนี้ก็เป็นความเห็นของยูงทองนะ ใครจะเห็นต่างเห็นด้วยก็ไม่ว่ากัน           เอาละ พอหอมปากหอมคอนะคราวนี้ เอาไว้มีโอกาสคงได้มาพบท่านผู้อ่านอีก ด้วยจิตคารวะ           ยูงทอง รักธรรม  

แท็กล่าสุด

แท็กยอดนิยม