ผลพวงแห่งความคับแค้นหรือ The Grapes of Wrath เป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวโจดส์ที่อาศัยอยู่ใน รัฐโอกลาโอมา พวกเขาเป็นหนึ่งในหลาย ๆ หมื่นครอบครัวของชนชั้นระดับรากหญ้าของอเมริกาที่ต้องพบกับความยากลำบากของชีวิตในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ (Great Depression) ในทศวรรษที่ 30 ซึ่งสหรัฐฯเป็นต้นกำเนิดนั้นเอง (ถ้าเทียบกับสยามก็ช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475) พวกเขาต้องพบกับปัญหาภัยทางธรรมชาติ อันนำไปสู่การเก็บเกี่ยวพืชผลไม่ตามเป้าหมาย อีกทั้งเศรษฐกิจไม่ดี จนต้องกู้หนี้ยืมสินเอาที่ดินไปจำนองกับธนาคารและถูกธนาคารยึดในที่สุด (อ่านดูแล้วคุ้นๆ ไหม ก็เหมือนกับกระดูกสันหลังของบ้านเรานั้นแหละ กลายเป็นวงจรอุบาทว์ไป) เรื่องเริ่มต้นเมื่อตัวเอกของนวนิยายและหนังเรื่องนี้คือ ทอม โจด ลูกชายของตาเฒ่าโจดเดินทางกลับมาบ้านภายหลังจากที่ชดใช้กรรมในคุกเสียหลายปีข้อหาฆ่าคนตาย แต่แล้วก็มาพบกับความว่างเปล่าของบ้าน ที่ถูกกระหน่ำด้วยพายุทราย เขาได้ทราบข่าวว่าครอบครัวของตนถูกขับไล่ออกจากแผ่นดินที่ปู่ย่าตาของเขามาตั้งรกรากด้วยน้ำพักน้ำแรงจากธนาคารผู้แสนชั่วร้าย ในที่สุดโจดก็พบกับครอบครัวของเขาที่เป็นครอบครัวขยายคือประกอบด้วยสมาชิกกว่า 11 คน ก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะตัดสินใจเดินทางไปกับรถบรรทุกปุโรทั่งเพียงคันเดียวเพื่อเดินทางไปหาชีวิตใหม่ที่ดีกว่าที่แคลิฟอร์เนีย แต่แล้วทั้งหมดก็พบว่ามีอีกหลายพันหลายหมื่นครอบครัวที่พบชะตากรรมเดียวกับพวกเขาและกำลังเดินทางไปขุดทองที่แคลิฟอร์เนียเช่นกัน...
ยอดผู้กำกับของหนังขาวดำอันยิ่งใหญ่เรื่องนี้คือจอห์น ฟอร์ด (1894-1973) เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายไอริชเพราะพ่อแม่เกิดที่ประเทศไอร์แลนด์ ผลงานของเขาที่คนส่วนใหญ่ชื่นชอบจะเป็นหนังคาวบอย(หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Western Film) อมตะและเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ไม่ว่าเรื่อง Stagecoach (1939) The Searchers (1956) ที่จอห์น เวย์น ดาราเจ้าประจำของฟอร์ดเป็นคาวบอยตามหาหลานสาวที่ถูกลักพาตัวโดยอินเดียนแดง รวมไปถึง The Man Who Shot Liberty Valance (1962) ทั้งนี้ไม่นับ The Informer (1935) เกี่ยวกับขบถที่เกิดขึ้นในไอร์แลนด์เมื่อปี 1922 ที่สำคัญเขาเป็นผู้กำกับเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ของฮอลลีวูดที่ได้รับรางวัลออสการ์สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมถึง 4 ครั้ง !! (ในขณะที่ฮัลเฟรด ฮิตช์ค็อก ซึ่งยิ่งใหญ่พอๆ กันไม่ได้สักรางวัลเลย เอาอะไรกันหนักกันหนากับมาตรฐานของตุ๊กตาทอง ?) ฟอร์ดถือว่าเป็นผู้กำกับที่มีอิทธิพลต่อผู้กำกับรุ่นหลังอย่างมากไม่ว่าอาคิระ คุโรซาวา, อิงมาร์ เบิร์กแมน, แซมเพกินพาห์ หรือแม้แต่ออร์สัน เวลส์ เจ้าของภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในโลกคือ Citizen Kane ก็ยอมรับว่าเขาก็เป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลต่อตนเช่นกัน
ผู้ที่ค่อนข้างมีอิทธิพลกับภาพยนตร์ของบทความนี้พอๆ กับฟอร์ดก็คือผู้อำนวยการผลิต มือทองอย่างดาร์รีล เอฟ ซานุก ผู้ตัดสินใจซื้อนวนิยาย Grapes of Wrath ของจอห์น สไตน์เบ็ค เจ้าของรางวัลโนเบล ปี 1962 ด้วยจำนวนเงินถึงหนึ่งแสนเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่ามากมายมหาศาลในสมัยนั้น ผลพวงแห่งความคับแค้นได้รับการตีพิมพ์ในปี 1939 และได้รางวัลพูลิเซอร์ในปีถัดมา กระนั้นทันทีที่หนังสือลืมตาขึ้นมาดูโลกวรรณกรรม ทางการรีบสั่งแบนด้วยเหตุผลแสนไร้สาระคือภาษาหยาบเกินไปและมีตอนโป๊ปนอยู่ด้วย ตอนที่โป๊นั้นคือผู้หญิงเปลือยอกให้นมลูก แน่นอนว่ามันต้องมีเรื่องของการเมืองมาเกี่ยวข้องเป็นแน่
ผู้แสดงของภาพยนตร์เรื่องนี้โดยมากทั้งมืออาชีพและไม่อาชีพสามารถแสดงได้ดีลดหลั่นกันไป สำหรับเฮนรี ฟอนดา บิดาของดาราดังยุคทศวรรษที่ 70 อย่างปีเตอร์และเจน ฟอนดา ดาราผู้มากด้วยพรสวรรค์สามารถแปลงโฉมเป็นทอม ผู้ชายอารมณ์รุนแรงและหัวขบถได้อย่างถึงแก่นของวิญญาณ สไตน์เบ็คเจ้าของนวนิยายนี้ถึงกลับออกปากชมว่าฟอนดาทำให้เขา "เชื่อมั่นในประโยคที่ตัวเองเขียน" ผู้ที่มีบทบาทที่เด่นที่สุดในเรื่องอีกคนหนึ่งคือ แม่ของทอม (แสดงโดยเจน ดาร์เวลล์) ในฐานะเสาหลักของครอบครัวสามารถทำให้ผู้ชมเข้าใจถึงพลังแฝงของผู้หญิงต่อครอบครัวและเกิดความสะเทือนใจต่อชะตากรรมของชนชั้นรากหญ้าผ่านสายตาของแม่และเมียได้อย่างดี และเธอนี่แหละที่ได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงหญิงสมบทยอดเยี่ยมไป สำหรับฟอนดานั้นน่าเสียดายที่ไม่ได้อะไรเลยแต่ก็นับว่า หนังเรื่องนี้เป็นใบเบิกทางจะทำให้เขาได้รับบทดัง ๆ อีกหลายเรื่องจนมีชื่อเสียงในเวลาต่อมา แต่การที่ฟอร์ดที่ได้รางวัลออสการ์สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากหนังเรื่องนี้ก็ไม่น่าประหลาดใจอะไรเพราะความอัจฉริยะของเขาในการนำตัวหนังสือมาเป็นภาพโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มโดยได้รับคำชมจากเจ้าของนวนิยาย และแฟน ๆ โดยมีหลายครั้งที่ผู้กำกับจำนวนมากโดนก่นด่าจากคนเหล่านั้นเพราะไปปู้ยี่ปู้ยำวรรณกรรมที่แสนรักของตน กระนั้นฟอร์ดได้ซื่อสัตย์ต่อนวนิยายชนิดหน้าต่อหน้าเฉพาะในช่วงแรก ๆ แต่ในช่วงหลังเริ่มมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ของสไตน์เบ็คจงใจเขียนให้ตัวละครพบกับความหายนะของชีวิตแต่ของฟอร์ดจะให้คนเหล่านั้นได้มีชีวิตที่ดีกว่า อาจเพราะเหตุผลทางการตลาด นั่นคือไม่ต้องการทำร้ายจิตใจคนดูจนเกินไป และต้องการเอาใจทางการอยู่บ้าง เพราะพวกโจดได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากค่ายสงเคราะห์คนจนของรัฐบาล
ภาพจาก filmlinc.org
มีการผสมผสานระหว่างแนวคิดที่แตกต่างกันอย่างน่าประหลาดในหนังเรื่องนี้ ในขณะที่ฟอร์ดนิยมชมชอบพรรคเดโมแครต และหลายคนคิดว่าเขาเป็นพวกขวาจัดเพราะชอบคบค้าสมาคมกับนักแสดงหัวเอียงไปทางนั้นเช่นจอห์น เวยน์ หรือเจมส์ สจ๊วต ส่วนสไตน์เบ็คได้รับอิทธิพลจากศาสนาคริสต์เช่นชื่อเรื่องเขาก็เอามาจากเพลงปลุกใจที่หยิบยืมคำมาจากทางศาสนา และชื่อ Joad ก็เพี้ยนมาจากคำว่า Job ในพระคัมภีร์ อีกเช่นกัน แต่ ผลพวงแห่งความคับแค้น ทั้งนวนิยายและภาพยนตร์ก็ถูกประนามว่าเป็นโฆษณาชวนเชื่อของพวกซ้าย หรือพวกคอมมิวนิสต์ ด้วยการพรรณนาถึงความคับแค้นใจของชนรากหญ้าต่อปัญหาเรื่องปากและท้อง แถมถูกกระหน่ำโดยการกดขี่ข่มเห่งจากนายทุนและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ฉ้อฉล บ้าอำนาจ สำหรับบ้านเรา นวนิยายได้รับการแปลโดยคุณ ณรงค์ จันทร์เรืองและมีชื่อตรงกับภาษาอังกฤษเป๊ะเลยนั่นคือ "ผลพวงแห่งความคับแค้น" ซึ่งน่าจะสอดคล้องกับอารมณ์ของหนุ่มสาวในช่วงทศวรรษที่ 10-20 ที่ดื่มด่ำกับแนวคิดสังคมนิยม
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการจัดโดยสมาคมภาพยนตร์อเมริกันให้เป็นอันดับที่ 7 ใน 100 ภาพยนตร์อเมริกันยอดเยี่ยมในรอบ100 ปี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ควรจะดูหนังเรื่องนี้บ่อย ๆ จะได้เข้าอกเข้าใจชาวบ้านบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ใส่ใจกับกระเป๋าของนายทุน เหมือนรัฐบาลของประเทศหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
บล็อกของ อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
ตัวละครบางตัวได้แรงบันดาลใจมาจากอิ๊กคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญา The Abbot and The Noble (1) In our village , Abbot Akisada was enormously respected by most of our
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
เรื่องความแค้นของผีตายทั้งกลม This (real) horror short story is partly inspired by the ghost tale told by the popular YouTuber like Ajarn Yod. Or it is in fact from the amateurish storytellers participating in Ghost Radio or The Shock more or less.
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
My Moment with the Romanov It is based on some historical facts and persons , but it is still fictitious anyways. Chapter 1 St.
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
This is the second play I have written in my entire life. Now I hope some of my styles of language , cheekily imitating the Elizabethan writer I didn't mention the name here before : William Shakespeare, won't disturb you much.
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
นวนิยายเรื่องนี้ถูกเขียนประมาณ ปี 2005 หรือ 2006 ผู้เขียนเองก็จำไม่ค่อยได้ ตัวเอกหรือผู้บรรยายเป็นคนไทยแต่ไปสอนวรรณคดีที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเบอร์ลินในเยอรมันช่วงที่นาซีกำลังเรืองอำนาจ อนึ่งไม่ได้มีการตรวจสอบภาษาไทยเท่าไรนัก จึงต้อขออภัยหากมีความผิดพลาดทางภาษาเกิดขึ้น&nbs
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
(newly compiled and edited) This is the first play I have ever written in my entire life.It is a sublime story about ghost, inspired by The Shock , the popular radio program of horror story telling from fan clubs via telephone. I am also truly impressed wi
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
เมื่อประมาณต้นเดือนตุลาคม เกาหลีเหนือได้จัดพิธีเดินสวนสนามของกองทัพเพื่อฉลองครบรอบการก่อตั้งพรรคแรงงานหรือ Worker's Party ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดของเกาหลีเหนือ (ความจริงยัง
อรรถสิทธิ์ เมืองอินทร์
เมื่อไม่กี่วันมานี้ ทรัมป์ได้สร้างความฮือฮาให้กับคนไทยเพราะเผลอไปเรียก Thailand เป็น Thighland หรือดินแดนแห่ง "ต้นขา" โดยคนไทยทั่วไปไม่ซีเรียส เห็นว่าเป็นเรื่องสนุกสนานไป เพราะรู้มานาน