Skip to main content

เราแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่สำเร็จ ที่จริงแก้อะไรอะไรๆ ก็ไม่สำเร็จ เพราะระบบการศึกษาแผนปัจจุบันที่ดำเนินมา 100 กว่าปี ที่ทำให้คนไทยไม่รู้ความจริงของแผ่นดินไทย เพราะเป็นการศึกษาแบบท่องวิชา ที่ต่อท่อความรู้จากยุโรปมาไทย แล้วก็ไปเรียนเมืองนอก การไม่รู้ความจริงของแผ่นดินไทยทำให้แก้ปัญหาไม่ได้ ภูมิปัญญาแบบอาณานิคม เมื่อใช้กับปะเทศไทยที่มี “ภูมิสังคม” แตกต่างกันก็ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง

หมอประเวศก็จะมาจากระบบที่ดำเนินมาเป็น 100 ปีนั้น  แล้วหมอจะบอกว่าตัวเองรู้ความจริงมากกว่าคนอื่นได้อย่างไร  ถ้าเทียบกับ อ.สุลักษณ์  อ.นิธิ  อ.ชาญวิทย์ที่จบเมืองนอกมา  หมอรู้ดีกว่าสามคนนั้นเหรอ

ประเทศตะวันตกอยู่ในเขตหนาว ธรรมชาติขาดแคลน ต้องไปแย่งชิงของคนอื่นมากินมาใช้ ดังที่ชาวยุโรปไปยึดประเทศทั่วโลกเป็นอาณานิคม เพื่อแย่งชิงทรัพยากรของเขา ทำให้ยุโรปร่ำรวย แต่ทำลายฐานทรัพยากรและฐานวัฒนธรรมของประเทศอาณานิคม ระบบเศรษฐกิจแบบตะวันตกมีฐานอยู่ที่การแย่งชิง

เอธิโอเปีย  ขาดแคลนกว่าอีก  ทำไมไม่ไปรุกรานคนอื่น มองโกเลีย อุดมสมบูรณ์ ทำไมไปรุกรานถึงยุโรป   คนที่ขาดแคลนไปรุกรานคนอื่นได้ไง  มีแต่คนที่เข้มแข็งจึงไปรุกรานคนอื่น  หมอคงไม่เคยไปเรียนเมืองนอกเลยเข้าใจอารยธรรมตะวันตกแบบผิดๆ เพี้ยนๆ

ระบบเศรษฐกิจแบบญี่ปุ่น  จีน  เวียตนามไม่อยู่บนฐานที่แย่งชิงหรือ  ภาษิตจีนบอกว่า  อีกาทุกตัวล้วนมีสีดำ

ประเทศไทยอยู่ในเขตร้อนชุ่มชื้น ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ แบบทรัพย์ใน ดินสินในน้ำ ระบบเศรษฐกิจของไทยเป็นระบบเศรษฐกิจฐานทรัพยากร มีกินมีใช้อย่างทั่วถึง ชอบแบ่งปัน เมื่อไปเอาระบบเศรษฐกิจแบบฝรั่งที่เคยทำกับประเทศอาณานิคมมาใช้ ก็เกิดการทำลายฐานทรัพยากร และฐานวัฒนธรรม ทำให้คนส่วนใหญ่ยากจนหมดเนื้อหมดตัว คนส่วนน้อยร่ำรวยขึ้น เกิดความเหลื่อมล้ำมหาศาล ส่งต่อเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอย่างแก้ไขไม่ตก

ไม่จริงหรอกครับ  เศรษฐกิจไทยเป็นระบบขูดรีด  หมอลองไปศึกษาเรื่อง  ไพร่สม  ไพร่ส่วยดูสิครับ  ขูดรีดกันจนทนไม่ไหวต้องกลายเป็นกบถผู้มีบุญ  ระบบนี้มีก่อนฝรั่งเข้ามาครับ  คนส่วนน้อยร่ำรวยเพราะมีระบบชนชั้นครับ  ชนชั้นเจ้า  ชนชั้นขุนนาง  ชนชั้นไพร่  หมอลองไปศึกษาระบบศักดินาไทยสมัยพระบรมไตรโลกนาถดูบ้างนะครับ

ถ้าเราเข้าใจ “ภูมิสังคม” ของเราแล้วพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานทรัพยากรและฐานวัฒนธรรมของเรา จะหายจนหมดทั้งประเทศ และอาจถึงกับรวยแบบไม่รู้โรยก็ยังได้ (รรร. = รวยไม่รู้โรย)

ไม่เข้าใจครับ  ศัพท์บัญญัติคำนี้หมอคงคิดขึ้นมาใช้คนเดียวกระมังครับ

 

 

ต่อไปนี้จะเสนอยุทธศาสตร์ 3 ประการเพื่อแก้วิกฤตเศรษฐกิจ คือ

1. ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจติดแผ่นดิน
2. ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจวัฒนธรรม
3. ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี

ทั้ง 3 เชื่อมโยงส่งเสริมซึ่งกันและกัน


1. ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจติดแผ่นดิน

เศรษฐกิจติดแผ่นดิน หมายถึง การสร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่ของคนทั้งแผ่นดินโดยเน้นที่เศรษฐกิจฐานทรัพยากรของแผ่นดิน  การมีเป้าหมายสัมมาชีพเต็มพื้นที่กับเป้าหมายจีดีพีอย่างเดียวนั้นต่างกัน

สัมมาชีพ หมายถึง อาชีพที่ไม่เบียดเบียนตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เบียดเบียนสิ่งแวดล้อมและมีรายจ่ายน้อยกว่ารายได้ สัมมาชีพจึงเป็นทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และศีลธรรมพร้อมกันไป การมีสัมมาชีพเต็มพื้นที่เป็นปัจจัยให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขและศีลธรรม การที่คนทั้งประเทศหายจนจะมีอำนาจซื้อมากจะทำให้เศรษฐกิจข้างบนตั้งอยู่บนฐานที่มั่นคง ไม่ใช่พึ่งแต่การส่งออกเป็นสำคัญ ซึ่งผันผวน และวิกฤตได้ง่ายตามเศรษฐกิจโลก

 

ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจติดแผ่นดินมีแนวทางการดำเนินการดังนี้


(1) ให้ทุกชุมชน ท้องถิ่น และจังหวัดตั้งเป้าหมายสร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่ โดยให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกัน โดยมีองค์กรปกครองท้องถิ่น ภาคธุรกิจ และภาคการศึกษาเข้ามาเป็นแกนกลาง ระบบการศึกษาไม่ใช่ลอยตัวท่องแต่วิชา แต่ต้องปรับเป็นการเรียนรู้จากชีวิตจริง ปฏิบัติจริง การปฏิบัติจริงที่สำคัญคือการสร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่    

เขาร่วมมือกันไม่ได้หรอกครับ  แนวคิดมันต่างกัน


(2) จัดสรรที่ทำกินให้ประชาชนมากที่สุด ครอบครัวละ 2-3 ไร่ก็พอ ถ้าทำเกษตรแบบอาณานิคม ที่กี่ไร่ก็จะขาดทุนหมด แต่ถ้าทำเกษตรยั่งยืนหรือเกษตรผสมผสาน ที่ 2-3 ไร่ ก็จะพอกินพอใช้ หายจน หลุดหนี้ และมีเงินออมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การมีที่อยู่อาศัยและทำกินจะทำให้เกิดความมั่นคงในชีวิต หายจนอย่างถาวร และส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมให้มีความสามารถในการแข่งขันได้ดีขึ้น

ผมว่าหมอควรจะไปศึกษาที่มาของหนี้ก่อนว่ามาจากไหน  ผูกพันกันอย่างไร  เขามีรายจ่ายอย่างไร    มีระบบอุปถัมภ์ในท้องถิ่นอย่างไร   และหมอควรจะไปดูเอ็นจีโอหลายคนที่ทำเกษตรทางเลือกด้วยว่าเขามีที่กันคนละกี่ไร่  และเขามีรายได้จากทางอื่นอีกไหม   


(3) เมื่อมีที่ก็สามารถมีสระน้ำประจำครอบครัว ใช้เลี้ยงปลา ปลูกผัก ปลูกไม้ยืนต้น สระน้ำประจำครอบครัวจะเก็บน้ำได้มาก ไม่ต้องสร้างเขื่อนให้ทะเลาะกัน ถ้าเลี้ยงปลาได้ก็จะหายจนแล้ว

ห้ที่ 3 ไร่ จะขุดสระกี่ไร่  ขุดแล้วจะเก็บน้ำได้ไหม   รู้ได้ยังไงว่าจะเก็บน้ำได้มาก  มโนเอาเองครับ  หมอเคยเห็นคนเลี้ยงปลาแล้วเจ๊งไหม    ถ้าขุดสระไร่นึง  ที่เหลือปลูกต้นไม้  จะให้ไปซุกหัวนอนกันอยู่ที่ไหน ยังไง  อย่ามโนครับ


(4) ปลูกไม้ยืนต้นให้มากที่สุด เช่น ต้นยางนา ต้นสัก ธกส. ได้ตั้งธนาคารต้นไม้ ใครปลูกต้นไม้ก็เอามาฝากธนาคาร มีเครดิตไปใช้เป็นตัวเงินได้ จากข้อมูลของคุณไสว แสงสว่าง ผู้จัดการธนาคารต้นไม้ แต่ละวันต้นไม้แต่ละต้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 3 บาท ใครมีต้นไม้ 1,000 ต้น แต่ละวันเงินก็งอกออกมา 3,000 บาท ฟรีๆ ต้นไม้ยังช่วยจับคาร์บอนไปคิดคาร์บอนเครดิตได้อีก นอกเหนือไปจากให้ความชุ่มชื้นแก่แผ่นดิน ต้นไม้ยืนต้นยังไปทำประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้หลายอย่างคิดเป็นมูลค่าถึงต้นละ 30,000 บาท กระดานจากต้นไม้มีตลาดไม่มีที่สิ้นสุดทั้งในและต่างประเทศเพราะเอาไปทำ เฟอร์นิเจอร์และปลูกบ้าน นอกจากนั้นไม้ยังเอามาทำงานศิลปะ และต่อเรือขายได้อีก ต่อไปน้ำจะท่วมมากขึ้นเรื่อยๆ ประเทศไทยสามารถส่งออกเรือสวยๆ

ผมว่าหมอไปอ่านประกาศ คสช. ฉบับที่ 106 ก่อนนะ  เขาประกาศไม้หวงห้ามเพิ่มอีกหลายชนิดเลย  พวกธนาคารต้นไม้เขาคัดค้านประกาศฉบับนี้อยู่  ผมคุยกะคุณพงศา  ประธานมูลนิธิธนาคารต้นไม้มา

ถ้ามีที่ 3 ไร่  ปลูกไม้ยืนต้น 2 ไร่ ขุดบ่อเลี้ยงปลาไร่นึง  จะได้ต้นไม้กี่ต้น  ถึง 1,000 ต้นอย่างที่หมอมโนไหม  ต้นสัก เต็มที่ก็ไร่ละ 400 ต้น  แต่ถ้าต้นยางน่าจะน้อยกว่านั้น เพราะทรงพุ่มใหญ่กว่าเยอะ   ลืมไป  หมอถามคุณไสวหรือเปล่าว่าแกมีที่กี่ไร่ 

การตัดไม้หวงห้ามต้องได้รับอนุญาต  ยิ่งถ้าต้องแปรรูปไม้ ชักลากไม้  ก็มีขั้นตอนยุ่งยากเข้าไปอีก  หมอไปอ่าน พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 นะครับ

เอาไม้ไปทำเรือ  มีคนทำเป็นกี่คนครับ  ใครจะใช้ครับ  เดินทะเลเขาใช้เรือที่ทำจากเหล็ก ไม่มีใครต่อเรือสำเภาใช้ใบอีกแล้วครับ   เรือในน้ำจืดหรือในที่น้ำท่วมก็ใช้เรือพลาสติกซะมากแล้ว   หมอรู้ได้ไงว่าต่อไปน้ำจะท่วมมากขึ้นเรื่อยๆ มันมีทั้ง  ลานีญา  เอลนีโญ  ไม่ใช่เหรอ   

ส่งออกเรือสวยๆ หมายความว่าต้องพึ่งต่างชาติอยู่นะครับ  ถ้าไม่มีใครซื้อก็เจ๊ง

โดยสรุปเศรษฐกิจต้นไม้จะสร้างงานและรายได้เต็มประเทศ หายจนกันหมดทุกคน ทั้งนี้ขึ้นกับเงื่อนไขการจัดสรรที่ดินทำกินที่กล่าวในข้อ (2) เงินที่ฝากในธนาคารได้ดอกเบี้ยต่ำนิดเดียว ถ้าเอามาลงทุนปลูกต้นไม้ นอกจากได้ผลประโยชน์เป็นตัวเงินสูงกว่ามาก ยังเกิดประโยชน์อื่นอีกหลายอย่าง

โดยสรุปคือหมอมโนไปเองครับ  ถ้าทุกคนปลูกต้นไม้หมด  ใครจะปลูกผัก  ปลูกข้าวให้หมอกิน  ถ้าหายจนกันหมดใครจะมาเป็นคนเข็นเปลคนไข้  แม่บ้าน  รปภ.  คนขับรถฉุกเฉิน  คนสวน 


(5) หากส่งเสริมให้ชุมชนมีวิชาช่างทุกชนิดจะหายจน มหาวิทยาลัย วิทยาลัย กองทัพ รวมทั้งผู้มีอาชีพทางช่างเทคนิคต่างๆ เป็นจำนวนมาก ถ้ารวมกำลังเหล่านี้สอนวิชาช่างทุกตำบลจะหายจนทั่วหล้า ต่อไปถนนผ่านตำบลใดก็ให้ตำบลนั้นดูแลซ่อมแซมมีส่วนแบ่งรายได้ ไม่ใช่มีแต่บริษัทใหญ่ๆ ที่มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ต้องกระจายรายได้ไปสู่รายย่อยจึงจะลดความเหลื่อมล้ำ รถใครไปเสียในพื้นที่ตำบลใดก็มีช่างซ่อมได้ที่นั่น และดูแลความปลอดภัยไม่ให้มีจี้ปล้นฆ่าข่มขืน ทุกตำบลต้องสามารถประกาศว่าเป็นตำบลปลอดภัย การที่มีการฆ่าข่มขืนนักท่องเที่ยว ตำรวจที่รวมศูนย์อำนาจคงจะแก้ไม่ได้ ต้องแต่ละพื้นที่ดูแลความปลอดภัย เขาจะทำเช่นนั้นต้องมีส่วนแบ่งรายได้อย่างเป็นธรรม การกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนอย่างเป็นธรรมจึงเป็นหัวใจของความปลอดภัย

หมอไม่เข้าใจอะไรจริงๆ  ผมตอบง่ายๆ เลย หมอไปดูโครงสร้างระบบบริการสาธารณสุขแล้วหมอจะรู้  หมอรู้ใช่ไหมว่าทำไมเขาไม่ไปตั้งโรงพยาบาลตติยภูมิในระดับตำบล  เหมือนกันแหละครับ  ในชุมชนในตำบลเกือบทุกแห่งเขาก็มีร้านมีอู่ของเขา  แต่ก็ทำได้เท่าที่มีเครื่องมือและอะไหล่  เพราะเครื่องมือและอะไหล่บางอย่างราคาแพงและใช้น้อย  และต้องเป็นช่างผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นถึงจะใช้ได้   ส่วนที่บริษัทใหญ่ๆ มีรายได้เป็นกอบเป็นกำนั้นก็เพราะมันมีการโฆษณาชวนเชื่อ  เหมือนกับโฆษณาโรงพยาบาลเอกชนที่หมอเห็นๆ อยู่นั่นแหละครับ 

ส่วนเรื่องตำบลปลอดภัย  ผมว่าก็ปลอดภัยอยู่แล้วนะ  ผมโบกรถเที่ยวพักตามหมู่บ้านก็ยังทำได้ ปลอดภัยดี   หรือเวลาขับรถไปเที่ยวถ้าไม่เจอปั๊มแวะขอเข้าห้องน้ำบ้านไหนก็ได้เหมือนกันในชนบท  มีแต่ในเมืองนี่แหละที่ไม่ค่อยปลอดภัย 

ส่วนเรื่องการรวมศูนย์อำนาจของตำรวจนั้นเห็นด้วย  แต่ผมว่าข้อนี้หมอเสนอมั่วๆ อยู่นะครับ  จากช่างมาตำบลปลอดภัย ไปถึงรวมศูนย์อำนาจตำรวจ  กระจายรายได้   มันจับแพะชนแกะมากกว่าบูรณาการนะครับ


(6) ธุรกิจ และอุตสาหกรรมชุมชน เศรษฐกิจพื้นฐานของชุมชนสามารถต่อยอดทางธุรกิจและอุตสาหกรรมให้มีรายได้ยิ่งๆขึ้น โดยอุตสาหกรรมชุมชนและธุรกิจชุมชน เช่น การแปรรูปสินค้า การพัฒนาหีบห่อผลิตภัณฑ์ การมีตลาดชุมชน การท่องเที่ยวชุมชน รวมทั้งจัดการเรื่องโฮมสเตย์ การตลาดและการส่งออก การเชื่อมโยงระหว่างเศรษฐกิจชุมชนกับเศรษฐกิจมหภาคเข้าด้วยกันอย่างเกื้อกูล และเชื่อมโยงการวิจัยและพัฒนาจากระบบการศึกษาเข้ากับระบบเศรษฐกิจชุมชน จะทำให้ระบบเศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็งมั่นคงยิ่ง แรงงานอุตสาหกรรมที่มีที่พักพิงอยู่กับครอบครัวในชุมชนจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี การมีที่พักและอาหารกินในชุมชนจะทำให้ลดลงแรงกดดันในเรื่องค่าแรง ทำให้ภาคอุตสาหกรรมมีความสามารถในการแข่งขันได้ดีขึ้น

เรื่องนี้ผมไม่มีความรู้   แต่จากประสบการณ์เห็นว่า  หลายชุมชนไม่สามารถทำได้เพราะชาวบ้านไม่ยอมรับทักษะใหม่ ๆ ที่มันขัดต่อวิถีแบบเขา   หลายที่ทำได้ดีเป็นแหล่งดูงาน  แต่ก็ไม่เห็นขยายไปไหนได้   เสนอส่งเดชแบบนี้เหมือนจับตัดตีนยัดเข้าเกือกมากกว่า   การท่องเที่ยวชุมชนในบางที่ก็ทำให้ชุมชนแตกแยกเลยทีเดียว 

แต่ถ้าเศรษฐกิจท้องถิ่นเข้มแข็งคนจะไม่เข้าโรงงานครับ  เมื่อคนไม่เข้าโรงงานๆ ต้องแข่งขันหาคนมาทำงานค่าแรงก็จะสูงขึ้นครับ  ไม่ใช่ลดลง   ต้องนำเข้าแรงงานข้ามชาติมาแทนครับ แล้วใช้วิธีการกดขี่แรงงานข้ามชาติเอา  จึงจะทำให้ต้นทุนภาคอุตสาหกรรมต่ำลงสามารถแข่งขันได้ครับ  
 

(7) พลังงานชุมชน ชุมชนควรได้รับการสนับสนุนให้ผลิตพลังงานทางเลือก เพื่อลดการพึ่งพิงพลังงานจากส่วนกลาง ถ้าทำได้ดีอาจผลิตพลังงานเหลือใช้ขายให้ส่วนกลางได้ด้วย นอกจากเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมของชุมชนเองแล้ว ยังเป็นการประหยัดพลังงานของส่วนกลางเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจมหภาคด้วย

อันนี้ในหลักการเห็นด้วยนะครับ   แต่ต้นทุนในการทำพลังงานทางเลือกก็ไม่น้อยนะครับหมอ  แล้วหมอทำไมไม่เสนอให้เลิกห้างสรรพสินค้าที่ใช้ไฟมาก ๆ เพราะมันแย่งชิงทรัพยากรจากชาวบ้านด้วยล่ะ   หมอทำไมไม่เสนอให้คนเมืองใช้พลังงานโดยประหยัดบ้างละ  ประเทศชาติจะได้ลดการจัดหาไฟฟ้าลงประหยัดงบประมาณไปได้อีก


(8) มีสถาบันการเงินของชุมชนระดับตำบล ธกส.ได้ส่งเสริมให้ชุมชนระดับตำบล สามารถจัดการสถาบันการเงินของชุมชนได้ โดยมีการออมและการบริหารเงินให้เกิดประโยชน์ทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม บางตำบลมีเงินในสถาบันถึงกว่า 100 ล้านบาท สถาบันการเงินของชุมชน กลายเป็นเครื่องมือในการจัดการของชุมชน เพื่อส่งเสริมการออม การเรียนรู้การอาชีพ การพัฒนาสังคม

หมออย่าดูแต่เรื่องเงินออมนะครับ  ผมว่าหมอลองเจาะลึกดูในเรื่องหนี้สินของสมาชิกกองทุนเงินออมบ้างนะครับ   ความเข้มแข็งของสถาบันเงินออมก็คือตัวชี้วัดอย่างหนึ่งว่าชาวบ้านยังมีหนี้สิน  


(9) ขณะนี้มีชุมชนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ผนึกตัวกันทำทุกอย่างที่ว่าดี รวมทั้งดูแลผู้สูงอายุทั้งหมด ความดีเป็นเครดิตใช้กู้เงินได้ รวมทั้งมีธนาคารความดี บางชุมชนมีศานติสุขประดุจสวรรค์บนดิน และผู้นำชุมชนกำลังขยายเรื่องการทำความดีออกไป โดยมีเป้าหมายสร้างประเทศไทยให้เป็นแผ่นดินแห่งความดีนี้แล ที่เรียกว่ายุทธศาสตร์เศรษฐกิจติดแผ่นดิน

ที่ไหนครับ   ความดีกู้ ธกส.ได้ด้วยเหรอครับ  หรือว่าต้องเป็นลูกหนี้ร่วมกันไม่น้อยกว่า 5 คนถึงไปกู้ได้ 
 

2.  ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจวัฒนธรรม
 
วัฒนธรรม หมายถึง วิถีชีวิตร่วมกันของกลุ่มชนที่สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมหนึ่งๆ เนื่องจากสิ่งแวดล้อมแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน วัฒนธรรมจึงมีความหลากหลายไปตามชุมชนท้องถิ่นต่างๆ ทุกวัฒนธรรมต่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรีมีความเหมาะสมกับพื้นที่ของตัวเอง ไม่ถือว่าใครเหนือใคร ถ้าการพัฒนาเอาวัฒนธรรมเป็นตัวตั้งก็จะกระจายเกียรติและศักดิ์ศรี แต่ถ้าเอาอำนาจรัฐและเงินเป็นตัวตั้งก็จะรวมศูนย์ 

ผมว่าให้ความหมายผิดไปแล้วครับ  หมอน่าจะเคยได้ยินวัฒนธรรมแบบศักดินา  ซึ่งมีระบบเจ้านาย  มีระบบอาวุโส อยู่นะครับ  วัฒนธรรมแบบนี้ไม่เท่าเทียมกันแน่ครับ    และที่สำคัญวัฒนธรรมในสยามประเทศแห่งนี้ส่วนใหญ่เป็นวัฒนธรรมแบบนั้นซะด้วยครับ  ระบบเจ้าโคตรยังมีความสำคัญมากในบางชุมชน   เรายังมีวัฒนธรรมคลานเข่า  เรายังห้ามผู้หญิงเข้าไปในบางศาสนสถาน   เรายังมีการห้ามผู้หญิงอิสลามคลุมฮิญาบ มหาเถรสมาคมห้ามบวชภิกษุณี   นี่หรือครับคือความเท่าเทียม   นี่หรือเกียรติศักดิ์ศรี   เรามีการโฆษณาชวนเชื่อให้เชื่อมั่นในบางสิ่งบางอย่างจนเกินจริง  เพื่อสร้างเป็นวัฒนธรรมที่เป็นไทย  เช่น  ค่านิยม 12 ประการ    ทำไมหมอไม่เสนอให้ยกเลิกวัฒนธรรมโฆษณาชวนเชื่อเหล่านั้น 

การแข่งขันทางเศรษฐกิจ ควรจะแข่งขันจากจุดแข็งของตัวเอง คือจากจุดที่ตัวมีและทำได้ดี ถ้าแข่งขันจากจุดอ่อนของเราแต่เป็นจุดแข็งของของคนอื่นก็มีแต่จะพ่ายแพ้

ใครๆ เขาก็พูดกันแบบนี้แหละครับ

จุดแข็งของไทยที่ไม่มีคนอื่นจะแข่งได้ก็คือวัฒนธรรมไทย เพราะมันเป็นวิถีชีวิตของเราไม่ใช่วิถีชีวิตของคนอื่น เศรษฐกิจที่อยู่บนฐานวัฒนธรรมเรียกว่า เศรษฐกิจวัฒนธรรม


ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของเศรษฐกิจวัฒนธรรม

(1) การท่องเที่ยว ถ้าเราจัดการระบบการท่องเที่ยวให้ครบวงจร ทั้งการท่องเที่ยวภายในประเทศ และการท่องเที่ยวสุวรรณภูมิ หรือ เอเชียอาคเนย์ในฐานะที่เราเป็นประเทศที่อยู่ศูนย์กลางหรือจุดเชื่อมโยงทั้ง 4 ทิศ จะเป็นการพัฒนาทั้งสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการศึกษา การท่องเที่ยวจะเชื่อมโยงกับการขายสินค้าวัฒนธรรมต่างๆ       ถ้าจัดการได้ดีจะสร้างการมีงานทำและรายได้มหาศาล

มีสักกี่คนที่เขามาเที่ยวทางวัฒนธรรม  ส่วนใหญ่เขาแค่สนใจรูปแบบทางวัฒนธรรม  แต่เนื้อหาแบบเขา  เช่น  แต่งชุดไทยมาเต้นอะโกโก้   แต่งชุดไทยเป็นคนเปิดประตู   แล้วเขาก็มาดูอะไรที่มันแปลกหูแปลกตา  มากินอะไรที่มันแปลกลิ้นแปลกรส  ลองไปดูได้ที่พัทยา  ป่าตอง  พีพี  พะงัน  ปาย  ฯลฯ  สินค้าที่ขายดีที่สุดน่าจะเป็นบริการทางเพศ   และในหลายๆ ที่คนขายของแทบจะมากกว่านักท่องเที่ยวก็มี  


(2) อาหารไทยคือวัฒนธรรมไทย อาหารไทยเป็น 1 ใน 5 ของอาหารโลก คือ จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อิตาเลียน อาหารไทยนอกจากอร่อยแล้วยังเป็นอาหารสุขภาพ เพราะมีไขมันต่ำ เส้นใยสูง ป้องกันโรคหัวใจ โรคมะเร็ง นอกจากนั้นยังมีหอมกระเทียม พริก ซึ่งป้องกันการแข็งตัวของเลือด และละลายลิ่มเลือด ทำให้คนไทยเป็นโรคหลอดเลือดอุดตันน้อย ขณะที่เป็นสาเหตุการตายที่สำคัญที่สุดของฝรั่ง เราจะต้องเอาความรู้เหล่านี้มาเป็นจุดขายนอกเหนือไปจากความอร่อยของอาหารไทย เราจะต้องทำให้อาหารไทยขายดีไปทั่วโลก และพัฒนาหีบห่อที่สามารถ เก็บ ส่ง ปรุงได้สะดวก ประเภท Instant ต้มยำ

หมอครับ  ลาบ  ก้อย  ส้า  หลู้  บูดู   นี่น่าจะไม่ใช่วัฒนธรรมไทยนะครับ  

หอม กระเทียม พริก  คนต่างชาติเหม็นและเผ็ด  ไม่ค่อยกินกันหรอกครับ  ต้มยำกุ้งที่โด่งดังนักหนาถ้าเอามาให้ผมๆ ก็ไม่กินครับ  มันคนละรสคนละชาติกันครับ  

หมอครับคนไทยทุกวันนี้กินอาหารต่างชาติมากกว่าอาหารไทยครับ  ตอนเช้ากินกาแฟ  ชา  นม ฯ กับแซนด์วิช   อาหารว่างก็ เค้ก  พาย  ฯลฯ  อาหารกลางวันก็  ก๋วยเตี๋ยว  ซูชิ  พิซซ่า  อาหารเย็นก็เบียร์  ไวน์     อะไรแบบนี้แหละครับ   หมอครับหมอรู้ไหมว่าในสมัยนี้ไม่ค่อยมีคนทำกับข้าวแล้วครับ  เขากินข้าวนอกบ้านหรือไม่ก็ซื้อแกงถุงมากิน  แกงถุงแบบคนจนก็คุณภาพต่ำ  รสชาติไม่ได้เรื่อง  แต่ก็ต้องทนกินให้มันอิ่มๆ ท้องไปครับ   จะหารสมือดีๆ ได้ก็ต้องพวกคนรวยกินครับ 

อาหารฮาลาลปัตตานี ควรจะทำให้อาหารฮาลาลปัตตานีเป็นแบรนด์ที่ดังไปทั่วโลก โดยมีจุดขายที่นอกเหนือไปจากการทำโดยคนมุสลิมแล้ว คือมีความอร่อยแบบอาหารไทย และใช้วิทยาศาสตร์ดีเอ็นเอตรวจรับประกันว่าไม่มีเนื้อหมูเจือปนแม้แต่นาโนกรัมเดียว นอกจากนั้นการจัดการให้อุตสาหกรรมฮาลาลปัตตานีเชื่อมโยงกับการยกระดับรายได้ของเกษตรและชาวมุสลิมภาคใต้ก็เป็นจุดขาย และมีความสำคัญต่อการสร้างสันติสุข

อันนี้ไม่มีความรู้  เลยไม่มีความเห็นครับ 


(3) ไทยเป็นมหาอำนาจทางผลไม้ การปลูกผลไม้เก่งเป็นวัฒนธรรมไทย เราจึงมีผลไม้ดีๆ มากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มะม่วง สับปะรด เงาะ มังคุด ลำใย ลางสาด ทุเรียน เราจะต้องลงทุนวิจัยอย่างจริงจังให้เก็บทน ทำหีบห่อที่สวยงาม แปรรูป ให้สามารถส่งไปขายได้ไกลๆ ทั่วโลก ให้คนอื่นได้มีความสุขที่ได้กินผลไม้ดีๆ และเรามีรายได้เป็นกอบเป็นกำ

ราคาผลไม้ตกต่ำมาก  จนเขาโค่นสวนผลไม้ไปปลูกสวนยางสวนปาล์ม ไม่รู้เท่าไรแล้วครับ  เหลือกี่ชนิดกันที่ยังมีราคา   ส้ม  แอปเปิล  สาลี่  จากจีนเข้ามาแย่งตลาดไปไม่รู้เท่าไรแล้วครับ   อันนี้เพราะการเปิดการค้าเสรีครับ  


(4) การแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทย การแพทย์แผนไทยเป็นวัฒนธรรมไทย การแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทยหลายอย่างได้ผลดี ความนิยมการแพทย์ตะวันตกไปเสียหมดโดยไม่จำเป็นทำให้เราเสียดุลเทคโนโลยีไปอย่างมหาศาล ทุกตำบลควรมีศูนย์การแพทย์แผนไทยที่ให้บริการขั้นต้น 3 อย่าง คือ นวดแผนไทย ประคบด้วยสมุนไพร และขายยาสมุนไพรที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริง สมุนไพรหลายอย่างพิสูจน์แล้วว่าได้ผลดี บางอย่างดีกว่ายาฝรั่ง เช่น ขมิ้นชัน เป็นยาแก้ปวดท้อง และเป็นยาอายุวัฒนะป้องกันมะเร็งได้ เพราะมีสารแอนติออกซิแดนท์อย่างแรงคือ เคอร์คิวมิน

อันนี้คงเป็นความเห็นของหมอและพรรคพวกส่วนหนึ่ง  ไม่ใช่พรรคพวกของหมอทั้งหมดด้วยซ้ำไป  ผมเคยได้ยินคนที่ใกล้ชิดหมอวิจารณ์เรื่องการนวดและสมุนไพรไทยจนผมตกใจมาก  ไม่นึกว่าพี่เขาจะพูดขนาดนั้น  ดังนั้นควรจะไปเคลียร์กันในหมู่พรรคพวกของหมอเสียก่อนครับ  แล้วค่อยว่าใน สธ. อีกที  ส่วนชาวบ้านน่ะเขาเชื่อเรื่องพวกนี้กันอยู่แล้วครับ

ถ้าทุกบ้านใช้ขมิ้นชันเป็นยาสามัญประจำบ้าน จะกระตุ้นการปลูก การผลิตยา การค้าขาย สร้างรายได้ให้คนไทยมหาศาล ถ้าทำยุทธศาสตร์การแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทยให้ครบวงจรจะประหยัดเงินของประเทศ สร้างอาชีพ สร้างรายได้เป็นเศรษฐกิจอย่างมหาศาล เรื่องนี้จะปล่อยให้กรมการแพทย์แผนไทยคุ้ยเขี่ยหากินเองเตาะๆ แตะๆ ไปตามเรื่องตามราวไม่เป็นพลังพอ แต่รัฐบาลต้องทำให้เป็นยุทธศาสตร์

หมอคงทำธุรกิจไม่เป็น  ไม่รู้จักดีมานด์  ซับพลาย  อะไรถ้ามันมีมากมันก็ราคาตกสิครับ   มันจะได้ราคาได้ไง  หมออย่าลืมว่ายุทธศาสตร์แรกของหมอบอกให้ปลูกไม้ยืนต้นเยอะๆ นะครับ  นี่ต้องมาปลูกสมุนไพรอีก  พอไม้ใหญ่โตสมุนไพรบางตัวก็โตไม่ได้นะครับ  เอิ่ม  แล้วก็มีที่แค่ 3 ไร่ด้วยนะครับ  ต้องขุดเลี้ยงปลาด้วยนะครับ 


(5) ไทยเป็นมหาอำนาจทางการพยาบาล พยาบาลไทยเป็นพยาบาลที่ดีที่สุดในโลก เพราะมีความสามารถทางการพยาบาลบวกวัฒนธรรมไทยที่อ่อนโยน ความต้องการการพยาบาลนั้นมีมากทั้งในประเทศและประเทศต่างๆ ทั่วโลก ยิ่งเป็นสังคมผู้สูงอายุเท่าใดยิ่งต้องการการพยาบาลมากเท่านั้น บุคคลากรทางการพยาบาลตลอดสายเป็นที่ต้องการทั้งสิ้น ตลอดไปจนถึงผู้บริบาลซึ่งหมายถึงคนที่จบ ม.6 แล้วฝึกอบรม 6 เดือน – 1 ปี ให้สามารถดูแลผู้สูงอายุได้ เราต้องมีนวัตกรรมการผลิตพยาบาลให้ได้มาก เรามีโรงพยาบาลทั่วประเทศทั้งของรัฐและเอกชน ต้องมีนโยบายของรัฐบาล วิธีบริหารจัดการ และการมีส่วนร่วมขององค์กรพยาบาล มีสภาการพยาบาลเป็น อาทิ ให้โรงพยาบาลต่างๆ สามารถผลิตพยาบาลและผู้บริบาลให้ได้มาก เราจะสามารถดูแลผู้สูงอายุได้หมดทั้งประเทศ โดยเฉพาะดูแลที่บ้านและในชุมชน อาจรับผู้สูงอายุชาวต่างชาติ เช่น ญี่ปุ่นที่ต้องการมาอยู่และรับการดูแลในประเทศไทย รวมทั้งส่งพยาบาลที่ต้องการหาประสบการณ์ในต่างประเทศไปทำงานในประเทศต่างๆ ทั่วโลก นอกจากสร้างรายได้เข้าประเทศแล้วยังเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยอันอ่อนโยนผ่านการพยาบาลออกไปทั่วโลก การสร้างผู้บริบาลให้มีจำนวนมากพอจะเป็นการสร้างการมีงานทำให้คนจำนวนมาก และเป็นงานที่สร้างเสริมคุณภาพชีวิต

ผมว่าผู้หญิงไทยถูกกดขี่ทางเพศมานานนะครับ  ผู้หญิงเราถูกบังคับให้อ่อนโยนครับ มันเป็นวัฒนธรรมศักดินาที่ถ่ายทอดมายังไพร่ครับ  อีกเรื่องหมอเป็นอาจารย์ หมอคงไม่ได้ใช้บัตรทองเหมือนผม  หมอเลยไม่เคยเจอพยาบาลปากร้าย  หน้างอ ใช่ไหมครับ    หรือไม่หมอก็เข้าแต่โรงพยาบาลเอกชนแบบจ่ายเองหรือบริษัทประกันจ่าย  นั่นไม่ใช่อ่อนโยนแต่หมอครับ  อ่อนโยนตั้งแต่ รปภ. ไปถึงผู้อำนวยการเลยทีเดียว 

เราผลิตพยาบาลได้ไม่น้อยเลยนะครับ  แต่มากระจุกตัวอยู่ในเมืองเยอะ  แถมที่มาเรียกร้องให้บรรจุเป็นราชการก็ไม่น้อย  เรื่องแค่นี้เรายังจัดการไม่ได้เลยครับ    หมออย่าลืมด้วยนะครับว่า ระบบสุขภาพความมีมาตรฐานเดียวกัน  เพื่อความเท่าเทียมครับ  เหมือนที่พี่หงวนทำ สปสช.ไว้ไงครับ สปสช.นี่ของจริงครับ  ส.อื่นๆ นี่มโนครับ


(6) สินค้าวัฒนธรรม ชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวประเทศไทยเขาคงไม่อยากซื้อสินค้าดาษดื่นที่มีขายทั่วๆ ไปในประเทศต่างๆ แต่อยากซื้อสินค้าวัฒนธรรมท้องถิ่นมากกว่า สินค้าวัฒนธรรมจึงเป็นจุดขายไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะ หัตถกรรม สิ่งทอ ต้องพัฒนาฝีมือให้ประณีต หีบห่อสวยงามมีศิลปะ ออกแบบให้น่าใช้ ควรศึกษาวิจัยด้วยว่าชาติต่างๆ มีรสนิยมอย่างไร ซึ่งสามารถออกแบบสินค้าวัฒนธรรมไทย แต่มีรูปแบบที่เหมาะกับชาติต่างๆ เราต้องเอาจริงเอาจังกับการพัฒนาการผลิตสินค้าวัฒนธรรมให้ครบวงจร ซึ่งนอกจากจะเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจ แล้วยังเป็นการจรรโลง และพัฒนาทักษะทางศิลปะและวัฒนธรรมไทย

ผมเห็นเขาซื้อเสื้อสกรีนราคาถูกๆ ตามชายหาด  บาติกแบบโหล   ไม่เห็นมีใครซื้อกระบุง  ตะกร้า  แห  ระนาด  ปี่ไฉน  ที่ไม่เห็นเขาซื้อแต่เคยเห็นโชว์บ่อยๆ คือเศียรพระ  จะทำขายไหมล่ะครับ   คนที่ซื้อสินค้าส่วนใหญ่ก็คือคนไทยด้วยกันเองครับ   และที่เขาซื้อแน่ๆ คืออาหารการกิน


(7) ศิลปะ การแสดงและภาพยนตร์ ภาพยนตร์ฮอลลีวูดทำเงินเข้าประเทศและสร้างความนิยมอเมริกันมาเกือบศตวรรษ อินเดียทำเรื่องบอลลีวูด เกาหลีได้ขายวัฒนธรรมผ่านการละครและภาพยนตร์ ประเทศไทยก็มีศิลปะการแสดงที่งดงามผมเคยไปประชุมคณะกรรมวัฒนธรรมที่จังหวัดแพร่ มีนักเรียนโรงเรียนนารีรัตน์มารำและยิ้มส่งกระแสความสุขให้ทั่วทั้งห้อง ประชุม เกิดความรู้สึกว่ารำไทยนี่น่าจะไปสร้างความสุขเอาสตางค์จากประเทศที่เขาเครียดๆ โขนนี่ฝรั่งเล่นไม่เป็นแน่ เราควรจะสามารถผลิตภาพยนตร์ดีๆ ที่คนดูกันได้ทั่วประเทศและทั่วโลก ถ้าทำได้จะเกิดประโยชน์ทั้งทางเศรษฐกิจและจิตใจ

วัฒนธรรมไทยเราไม่ส่งเสริมเรื่องเต้นกินรำกินกระมังครับ  โขนเลยหาคนเล่นได้น้อย  เห็นแต่ลิเกเล่นขอข้าวกิน   ภาพยนตร์เราก็มีดีๆ เยอะครับ  นเรศวร  สุริโยทัย  บางระจัน  ก้านกล้วย  หมอได้ดูบ้างไหมครับ  น่าส่งไปฮอลลีวูดไหมครับ ? 


(8) เทคโนโลยีบวกวัฒนธรรมไทย ผมทราบมาว่าเครื่องบินต่างชาติชอบมาซ่อมที่ประเทศไทย ทีแรกผมก็ไม่เชื่อเพราะเรื่องการสร้างและซ่อมแซมเครื่องบินไม่ใช่จุดแข็งของไทย           มีโอกาสถามช่างซ่อมเครื่องบินที่รู้จักกัน เขาตอบว่าจริง เป็นเพราะช่างซ่อมไทยนั้นเมื่อซ่อมไปเจอจุดที่เสียหาย แต่ไม่ได้อยู่ในสัญญาก็ซ่อมแถมให้ด้วย ของฝรั่งเขาจะเถรตรงเดินตามสัญญาเป๊ะ ความมีน้ำใจเป็นวัฒนธรรมไทย

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อญี่ปุ่นจับฝรั่งเป็นเชลยสร้างทางรถไฟที่เมืองกาญจน์ ชาวบ้านไทยก็สงสารเชลยฝรั่ง เอากล้วยอ้อยมาให้กิน ตอนหลังฝรั่งจับญี่ปุ่นเป็นเชลย ชาวบ้านไทยก็ไปสงสารญี่ปุ่นอีกเหมือนกัน อดีตเชลยชาวออสเตรเลียที่ได้รับน้ำใจจากไทยไปรายงานต่อรัฐบาลของเขา รัฐบาลออสเตรเลียตอบแทนโดยสร้างถนนสายตาก-แม่สอดให้ฟรีๆ ละยังจัดทุนสนับสนุนศัลยแพทย์ไทยไปฝึกอบรมในออสเตรเลียเป็นเวลาหลายปี  

ความมีน้ำใจและวัฒนธรรมไทยที่อ่อนโยนทำให้ชาวต่างชาตินิยมมาเที่ยวประเทศไทย ในการทำงานทางเทคโนโลยีต่างๆ เราต้องไม่ลืมที่จะผนวกวัฒนธรรมไทยเข้าไปด้วย จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของเรา เรื่องพยาบาลไทยก็เป็นตัวอย่างของเทคโนโลยี (การพยาบาล) บวกวัฒนธรรมความอ่อนโยนของไทย ที่ทำให้พยาบาลไทยเป็นพยาบาลที่ดีที่สุดในโลก

หมอเคยได้ยินว่าไทยเราส่งข้าวหอมมะลิผสมไปขายเมืองนอกไหมครับ  หรือส่งข้าวเคมีไปแล้วบอกว่าข้าวอินทรีย์  เคยได้ข่าวข่มขืนเด็กบนรถไฟไหมครับ   ได้ข่าวสามจังหวัดภาคใต้ไหมครับ   นี่น้ำใจคนไทยด้วยใช่ไหมครับ

พยาบาลไทยอาจจะดีที่สุดในโลกในสายตาของหมอ  แต่หมอลองมาถามคนไข้บัตรทองบ้างนะครับ   ไม่ใช่ทุกคนหรอกครับหมอ 

เหล่านี้เป็นตัวอย่างของเศรษฐกิจวัฒนธรรม ถ้าทำให้ดีจะหายจนกันหมดและสร้างความร่ำรวยให้ประเทศ  รัฐบาลควรช่วยสร้างแบรนด์ประเทศไทย ทำนอง The Best of Thailand ที่ธุรกิจโรงแรมและสินค้าต่างๆ สามารถยกระดับมาตรฐานสินค้าของตนและได้รับการรับรองให้ใช้แบรนด์ประเทศไทย เอกชนไม่มีกำลังที่จะทำได้ แต่รัฐมีเครื่องมือมือมากมายที่จะสร้างแบรนด์ประเทศไทย

ผมว่ายุทธศาสตร์นี้ยิ่งแย่เข้าไปอีก  แก้ไม่ตรงจุด  เอาวัฒนธรรมไปขายต่างชาติ  เอาต่างชาติเป็นสรณะ  ในขณะที่คนไทยยังขาดแคลน 

 

3.  ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ควรจะเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีอยู่ในระบบการศึกษา และอยู่ในกองทัพ แต่ที่แล้วมา เราพัฒนาอย่างแยกส่วน

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระบบการศึกษา และในกองทัพ ไม่ได้นำมาพัฒนาเศรษฐกิจ คือ ระบบการศึกษาก็ทำหน้าที่สอน กองทัพก็ทำหน้าที่รบ ต่อไปต้องพัฒนาแบบเชื่อมโยงหรือบูรณาการ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต้องนำมาสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ โดย

(1) ระบบการศึกษา และกองทัพ ต้องนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปสนับสนุนยุทธศาสตร์ที่ 1 คือ ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจติดแผ่นดินและยุทธศาสตร์ที่ 2 คือยุทธศาสตร์เศรษฐกิจวัฒนธรรม ทำให้การผลิตและการจัดการได้ผลดีขึ้นครบวงจร

ระบบการศึกษามันห่วยแตกแบบที่หมอเกริ่นในตอนแรก  แล้วมันจะไปช่วยได้ยังไง   เทคโนโลยีอะไรของกองทัพที่จะเอาไปช่วย  จีที 200  หรือเรือเหาะครับ

(2) ภาคอุตสาหกรรมที่ความสามารถในการแข่งขันของเราถดถอยลงไปเรื่อยๆ เพราะฝีมือแรงงานด้อยคุณภาพ และขาดการวิจัยและนวัตกรรม ระบบการศึกษาจะต้องเข้ามาพัฒนาฝีมือแรงงาน มหาวิทยาลัยจะต้องนำนักวิทยาศาสตร์และนักเทคโนโลยีเก่งๆ เข้ามาทำงานกับภาคอุตสาหกรรม โดยการวิจัยและนวัตกรรม อะไรที่จะทำให้คนไทยเก่งและแข่งขันได้ก็ต้องทำ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมอะไรที่เราทำได้ หรือจะเป็นดิจิตัลอีโคโนมีก็ตาม

น่าจะไม่ใช่กระมังครับหมอ  เรามีโรงผลิตรถยนต์  เรามีโรงกลั่น  ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์  และอะไรอีกหลายอย่าง  พวกนี้ใช้แรงงานที่มีทักษะทั้งนั้น   พวกโรงงานที่ใช้เครื่องจักรสมัยเก่าปิดตัวไปมากแล้ว   หรือไม่ก็ย้ายฐานไปใช้แรงงานในชนบทหรือตามแนวชายแดน 

ภาคอุตสาหกรรมมันทำลายสิ่งแวดล้อมนะครับ  หมอจะสนับสนุนอีกหรือ?


เรื่องการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมนั้นพูดกันมานานแล้วแต่ไม่เกิด ต้องพิจารณาถึงการจัดองค์กร อาจารย์ที่อยู่ในคณะและภาควิชานั้นมีภาระท่วมท้นในการสอน ทำให้มาทำวิจัยและพัฒนากับภาคอุตสาหกรรมได้ยาก ที่เกาหลี ศาสตราจารย์ ชอย เสนอให้ตั้ง KIST (Korean Institute of Science and Technology) ใช้เงินลงทุน 20 ล้านดอลลาร์ ทำวิจัยสนับสนุนอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมเจริญหมุนมาหนุนการวิจัยของสถาบัน สถาบันจะไม่ต้องใช้งบประมาณจากรัฐบาลอีกเลย

ตอนศาสตราจารย์ชอย เสนอไม่มีคนเข้าใจ มีอยู่คนเดียวที่เข้าใจ คือประธานาธิบดีปักจุงฮี ผู้ซึ่งตบโต๊ะให้ทำเลย อุตสาหกรรมและการวิจัยของเกาหลีก็ทะยานขึ้นฟ้า

เมื่อหมอเขียนมาแบบนี้ผมก็คงต้องสรุปว่าหมอฝักใฝ่เผด็จการ


ของไทยจะทำไปเรื่อยๆ แบบเดิม ก็คงจะไม่สำเร็จ ต้องบริหารเชิงยุทธศาสตร์ สร้างองค์กรบางอย่างขึ้นมาที่นักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เก่งๆ ในมหาวิทยาลัย จะสามารถทำงานวิจัยกับภาคอุตสาหกรรม และใช้การวิจัยกับภาคอุตสาหกรรมนั้นเป็นงานของนักศึกษาปริญญาโท ปริญญาเอก ภาคอุตสาหกรรมและการวิจัยของเราก็ส่งเสริมซึ่งกันและกัน เกิดความเข้มแข็งทั้งทางเศรษฐกิจและทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

การบริหารเชิงยุทธศาสตร์

ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจทั้ง 3 ที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าบริหารไปตามวาระปรกติของกระทรวงทบวงกรมต่างๆ จะไม่สำเร็จ เพราะการบริหารงานของกระทรวง ทบวง กรม เป็นการ “แยกส่วน”  แยกส่วนแม้ในกระทรวงเดียวกัน แต่การพัฒนาต้องการประกอบเครื่อง “เชื่อมโยง” กันเข้ามา เหมือนรถยนต์ ถ้าเครื่องมันหลุดออกจากกันเป็นส่วนๆ มันก็วิ่งไม่ได้ นั่นแหละราชการไทย จึงทำอะไรไม่สำเร็จ รถยนต์ถ้าประกอบเครื่องครบ มันก็วิ่งได้สบายๆ ไปสู่เป้าหมายตามต้องการ
เราต้องประกอบเครื่องเศรษฐกิจให้ครบ แล้วมันก็จะวิ่งไปได้เอง

ฉะนั้น จึงต้องการการบริหารเชิงยุทธศาสตร์ ที่จะทำให้องค์ประกอบต่างๆ เข้ามาเชื่อมโยงกัน และสามารถแก้ข้อติดขัดที่ทำให้เชื่อมโยงกันไม่ได้ให้ได้โดยรวดเร็ว

นายกรัฐมนตรีควรจะเข้าใจในเรื่องนี้ และมีคณะทำงานเชิงยุทธศาสตร์ที่ทำงานใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมาเราทำอะไรๆ ไม่สำเร็จเพราะบริหารไปตามกระทรวง จึงเสมือนประเทศเครื่องหลุด

แต่สมัยนี้เป็นสมัยปฏิรูป เราจะต้องปฏิรูปให้สามารถบริหารเชิงยุทธศาสตร์ได้ เรามีทรัพยากรต่างๆ มากมาย เราไม่ควรยากจนอย่างที่เป็นอยู่ ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจติดแผ่นดิน ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจวัฒนธรรม และยุทธศาสตร์เศรษฐกิจวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงกัน จะทำให้เศรษฐกิจไทยอยู่บนฐานที่มั่นคง จึงยั่งยืน และคนไทยหายจนอย่างถาวร


หมอน่าจะเข้าใจผิดครับ   สมัยนี้เป็นสมัยเผด็จการครับ  ไม่ใช่สมัยปฏิรูป 

สุดท้าย ข้อเสนอของหมอมาจากปัจจัยภายในเป็นหลัก  โดยที่แทบจะไม่มองปัจจัยภายนอกเลย  เช่น  การเปิดการค้าเสรี  มันจึงไม่รอบด้านพอ   ผมเห็นว่าหมอเป็นครูบาอาจารย์มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย  การจะเสนออะไรควรจะต้องมีการศึกษาวิจัยและนำเสนออย่างรอบคอบ  เพราะอาจจะมีคนนำไปอ้างผิดๆ ก่อให้เกิดความเสียหายได้  ผมจึงจำเป็นต้องท้วงติงมาด้วยประการฉะนี้ครับ  

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

วิธีแก้วิกฤตเศรษฐกิจ ด้วย 3 ยุทธศาสตร์ ประเวศ วะสี
มายาคติ ‘ความจริงของแผ่นดินไทย’ แบบประเวศ วะสี

บล็อกของ บารมี ชอบมีปัญหา

บารมี ชอบมีปัญหา
 ปัญหาความขัดแย้งที่มันเกิดขึ้นและดำรงอยู่ในปัจจุบันมันเป็นปัญหาอันเนื่องมากจากการเอาเปรียบขูดรีดทางชนชั้น  พวกเราต้องลุกขึ้นต่อสู้เพื่อขับไล่ไอ้พวกคนที่ขี่หลังขี่คอพวกเราให้ลงมาอยู่บนพื้นดินอย่างเสมอหน้ากัน
บารมี ชอบมีปัญหา
อดีตคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าชี้แจงข้อเท็จจริงของระบบสุขภาพบางประการที่สื่อมวลชนนำเสนอข้อมูลที่คลาดเคลื่อน
บารมี ชอบมีปัญหา