Skip to main content

นายยืนยง


ชื่อหนังสือ           :           824
ผู้เขียน               :           งามพรรณ เวชชาชีวะ
ประเภท              :           นวนิยาย  พิมพ์ครั้งที่ 2 มีนาคม 2552
จัดพิมพ์โดย        :           เวิร์คพอยท์พับลิชชิ่ง จำกัด

หลังจากเงียบงำมาตั้งแต่ต้น ซีไรต์ปีนี้ก็ได้เวลาอวดโฉมกันเสียที ดูจากผลงานที่เข้ารอบและเจ้าของผลงานในฉากแรกแล้ว ไม่มีอันให้ต้องร้องยี้หรือแย้ แม้แต่เล่มเดียว นี่ดูจากคลื่นความถี่ของหัวใจตัวเองเท่านั้น ยังไม่นับว่าจะได้อ่านหรือยัง ซึ่งจริง ๆ แล้ว ยังไม่ได้อ่านสักเล่มเดียว

ถ้าใครยังเชื่อน้ำยาซีไรต์ว่า ยังเป็นเข็มทิศหรือคบไฟทางวรรณกรรมไทยอยู่ล่ะก็ เชิญรอลุ้นผลการตัดสินที่กำลังจะเยื้องกรายมาถึงก็แล้วกัน ก่อนอื่นมาดูหน้าค่าตาของผู้คนและผลงานที่เข้ารอบกัน

30 มิถุนายน 2552 ที่ผ่านมา คณะกรรมการรอบคัดเลือกรางวัลซีไรต์ปีนี้ ได้ประกาศผลหนังสือนวนิยายที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย 7 เล่ม จากผลงานทั้งหมด 76 เล่ม ดังนี้

1.วิญญาณที่ถูกเนรเทศ ของ วิมล ไทรนิ่มนวล
2.เงาฝันของผีเสื้อ ของ เอื้อ อัญชลี
3.ทะเลน้ำนม ของ ชัชวาลย์ โคตรสงคราม
4.ประเทศใต้ ของ ชาคริต โภชะเรือง
5.โรงเรียนที่เงียบที่สุดในโลก ของ ฟ้า
6.โลกใบใหม่ของปอง ของ ไชยา วรรณศรี
7.ลับแลแก่งคอย ของ อุทิศ เหมะมูล

และภายในเดือนสิงหาคมนี้ คณะกรรมการตัดสินจะประกาศผลออกมาว่า "ใคร" จะได้เก้าอี้ซีไรต์ปีนี้
ไม่ชวนให้ร้องยี้ใช่ไหม...

เป็นอันว่า คราวนี้น้ำยาซีไรต์มีรสชวนลิ้มลองไม่ใช่เล่น หากจะลองเชื่อน้ำยาซีไรต์ดูสักคราว ก็เชิญตัวเองไปหาทั้ง 7 เล่มมาอ่านตามสะดวกใจได้ รับรองว่ารสชาติ "ไม่เลว" เริ่มเล็งจาก ทะเลน้ำนม ของ ชัชวาลย์โคตรสงคราม ที่ชื่อเล่มก็อบอวลไปด้วยกลิ่นรสอันเย้ายวนเสียแล้ว เรียกว่าชื่อสวยเอามาก ๆ ทำเอาชื่อเล่มอื่นกลายเป็นวรรณกรรมเหมาโหลไปในพริบตา นี่เอาแค่ชื่อที่เปรียบเสมือนจูบแรกก่อนนะ

ไหน ๆ ก็ปักหลักให้ตัวเองอ่านตาม "หน้า" กรรมการแล้ว ก็จะไปหามาอ่านล่ะ
แถมรับประกันว่าจะเอามาเล่าสู่กันฟังตามประสา สวนหนังสือ ด้วย
ใครอยากแนะนำเล่มไหน บอกกล่าวกันได้ตามอัธยาศัยนะ

คราวนี้หันมาดูที่อ่านแล้ว แต่ไม่ใช่เล่มที่กระโดดเข้ารอบบ้าง ซึ่งก็หาดีได้เหมือนกันนะเออ

เริ่มจาก เจ้าแม่แห่งความสุข งามพรรณ เวชชาชีวะ กันเลย รวบเอานวนิยายใหม่เอี่ยมของเธอถึง 2 เล่ม ในคราวเดียว คือ เดียว และ 824

เดียว นั้นเคยตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ที่นิตยสารดิฉัน ในชื่อเรื่อง เพียงลมหายใจ พอรวมเป็นเล่มก็เปลี่ยนชื่อเสียใหม่ให้สั้นกุดลงเหลือคำเดียว -เดียว- ดำเนินเรื่องผ่านมุมมองของตัวละครแต่ละตัวที่มีต่อเหตุการณ์เดียวกัน โดยแบ่งเป็นภาคอย่างชัดเจน (แหม.. อะไรจะ "เดียว" ได้ขนาดนั้น)

เดียว ว่าด้วยเรื่องราวของการตามหาความสุขให้กลับคืนมาสถิตในวิถีชีวิตของผัวเมียคู่หนึ่ง ที่จู่ ๆ ลูกชายคนเดียวก็ถูกลักพาตัวไป พ่อแม่ออกตามหาสุดกำลังแล้วก็พบแต่ความสิ้นหวัง กระทั่งเลิกหวังสิ้นเชิง

ต่อมาได้พบกับครอบครัวที่มีลูกแฝดชาย-หญิงคู่หนึ่ง ครอบครัวนี้ได้นำพากระแสเหตุการณ์ให้พ่อแม่คู่สิ้นหวังนี้ กลับมามีความหวังครั้งใหม่ว่าจะได้พบลูกชายที่ถูกลักพาตัวไปเมื่อหลายปีก่อน เรื่องจบลงตรงที่ เมื่อพ่อแม่วิ่งตามความหวังอันลุกโชนนี้จนถึงที่สุดแล้ว สิ่งที่ได้รับกลับมาไม่ใช่ตัวต้นธารแห่งความสุขแต่กลับเป็นว่า เขาและเธอได้หัวใจดวงใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่ามาแทน

กล่าวคือ พ่อแม่คู่นั้นตามหาลูกชายที่ถูกหลอกไปใช้แรงงานในเรือประมงเถื่อน ซึ่งทารุณกรรมแรงงานปางตาย กระทั่งพบคนที่พออนุมานตามหลักฐานว่า น่าจะเป็นคนเดียวกับลูกชายที่ถูกลักพาตัวไป ตอนนี้เด็กหนุ่มถูกทำร้ายเข้าขั้นโคม่าแล้ว สุดท้ายก็ตายลงโดยไม่มีใครรู้เลยว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนเดียวกับที่พวกเขาตามหาอยู่หรือเปล่า

นับเป็นผลงานที่สาวกตามหาความสุขทั้งหลายเป็นต้องร้องกรี๊ดอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะงามพรรณกล้าหักมุมจบแบบไม่ถนอมน้ำใจคนอ่านที่มีรสนิยมเดียวกับการดูหนังกลางแปลง ด้วยเหตุผลอันหนักแน่นของงามพรรณเองแท้ ๆ เพราะสารัตถะของ "ความสุข" ที่เธอสถาปนาผ่าน "เดียว" นั้น ไม่ใช่ความสุขสำเร็จรูปที่เราคุ้นเคยอีกต่อไปแล้ว เพราะความสุขอย่างใหม่คือ ความอิ่มเอิบใจที่ได้เผื่อแผ่ความปรารถนาดีไปถึงชีวิตอื่น ซึ่งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ใจ

บอกแล้วว่า งามพรรณ เธอเป็นเจ้าแม่แห่งความสุขโดยแท้ ดูอย่างความสุขของกะทิ นวนิยายซีไรต์งวดก่อนโน้นซี เล่มนี้ สุขกันจนกระฉ่อนออกเนอะ

ส่วนอีกเล่ม คือ 824 นวนิยายชื่อเท่อีกแล้ว และหอบความสุขมาฝากอีกแล้ว

เป็นบทที่ว่าด้วยความรัก น่าสังเกตว่า งามพรรณถนัดเหลือเกินที่จะจัดวางโครงสร้างของเรื่องให้ชัดเจน สอดรับกันอย่างกลมกลืน แถมด้วยภาษาแบบรัดกุม ทันอกทันใจ ซึ่งถือเป็นอาวุธหลักของเธอก็ว่าได้

824 เรื่องราวของแปดชีวิตในยี่สิบสี่ชั่วโมง แบ่งเป็นตอนสั้น ๆ เหมือนความสุขของกะทิเป๊ะ

ตัวละคร "แปดสาแหรก" ที่อาศัยอยู่ในซอยอยู่สบาย ก็ล้วนเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งอย่างใดของเรื่องทั้งสิ้น เช่น ลุงต่อ ที่บ้านแกอยู่กึ่งกลางซอย ระหว่างหน้าซอยที่ถนนลาดคอนกรีตอย่างดีกับท้ายซอยที่งบยังมาไม่ถึง จึงเป็นถนนดินกระโดกกระเดกอยู่ ขณะเดียวกันงามพรรณก็ให้ความสำคัญกับปมหลังของตัวละคร ซึ่งมีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิดและต่อเหตุการณ์ในปัจจุบันด้วย

เรื่องเริ่มจาก 8 ตอนแรกที่เป็นการแนะนำตัวละคร

ที่มีทั้งชายแก่กับหญิงชราป่วย, ลุงขี้เมา (ดิบ) คือ แกล้งเมาอยู่กับขวดเหล้าที่บรรจุน้ำเปล่า กับหมาหัวใจสลาย, กะเทยแก่แรดกับหนุ่มนิสัยดี, พริ้ตตี้สาว "ปอด" สะท้านฟ้ากับพี่ทิดในคราบยามบริษัทจอมซื่อ เป็นภาพสัมพันธ์ระหว่างคนในซอยอยู่สบายแห่งนี้ ในเวลา 24 ชั่วโมง ที่ค่อย ๆ ทวีความเหนียวแน่นขึ้นตามแต่เหตุการณ์จะนำพาไป ที่บางเหตุการณ์นั้นเป็นความบังเอิญเสียมากกว่า

ลุงสุขกับป้าแสงดาว คู่รักนักลีลาศวัยเลยเกษียณที่กว่าจะสุขสมหวังในรักได้ ก็เล่นเอาป้าแสงดาวหัวแตกหัวแตน เพื่อให้ฟื้นคืนความทรงจำที่ขาดหายไป กล่าวได้ว่าสุขวิทย์หรือลุงสุขกับแสงดาวได้พบแสงดาวแห่งความสุขในบั้นปลายชีวิต ที่กิน "เนื้อที่" ของเรื่องไว้ราว 1 ใน 4 นั้น เป็นเพียงฉากหลังที่งามพรรณพยายามแสดงให้เห็นว่า

1.ความรักและความสุขไม่ได้จำกัดในเรื่องของวัยวุฒิ
2.ความรักระหว่างคนคู่นี้เป็นรักในอุดมคติ คือ รักและสามารถรอได้ตราบชั่วฟ้าดินสลาย

ถือเป็นการยืนพื้นเป็นหลักไว้

ส่วนคู่รักอื่น เช่นมีนาพริ้ตตี้สาวกับพี่ยามสันทัด ก็หวานชื่นและช่างสวนกระแสสังคม ที่รู้ ๆ กันว่าพริ้ตตี้สาวมักยอมเป็นเบาะรองนั่งชั่วคราวให้อาเสี่ยที่ไหนก็ได้ ขอให้เงินถึง แต่ไม่ใช่กับพริ้ตตี้อย่างมีนา เพราะเธอใฝ่ฝันถึงรักแท้แบบอุดมคติ

คู่ฮอตของเรื่องคือ กะเทยเฒ่าอย่างป้าแหวงกับวิชา หลานห่าง ๆ ในบัญชาการรัก ที่ทั้งคู่มีบทพิสูจน์รักอย่างโลดโผนโจนทะยานที่สุดในเรื่อง วิชาถึงขั้นบุกไฟที่โหมไหม้เพื่อไปช่วยชีวิตป้าแหวง ผู้มีพระคุณของเขา แต่เป็นการเข้าใจผิดไปถนัด เพราะคนที่ติดอยู่ในกองไฟ ไม่ใช่ป้าแหวงแต่เป็นมิเชล ทำให้หนุ่มฝรั่งเศส ผู้ไม่มีญาติพี่น้องมาเคาะประตูร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง ไม่มีเพื่อนฝูง ที่จะนึกถึงในยามคับขัน รอดชีวิตมาได้  สุดท้ายวิชาบอกให้ป้าแหวง "รอ" แล้วผมจะกลับมาหาพี่ครับ วิชาจะกลับมาอย่างที่พูดจริงหรือเปล่า ป้าแหวงไม่รู้ นั่นเป็นเรื่องของอนาคต แต่หัวใจรักของป้าแหวงสิ้นสุดการเดินทางที่ยืดเยื้อมายาวนาน และหยุดพักอย่างสุขสงบ ณ ตรงนี้ แล้วนับจากวันนี้สืบไป

ลุงต่อ ที่รักษาหน้าตา ไม่ยอมให้ใครดูถูกว่า "จน" ด้วยการแอบไปขายเลือดมาประทังชีวิต สู้อุตส่าห์เก็บงำความจนอันแสนลึกลับไว้ แต่เมื่อถึงคราวก็ต้องสารภาพ ระบายความอัดอั้นตันใจกับมิเชล หนุ่มฝรั่งเศสคลั่ง "ของ"ไทย แม้แกจะจนแต่ยังมีแก่ใจอุปการะไอ้มอมแมม สุนัขจรจัดหัวใจสลายไว้ในตอนสุดท้าย

เรื่องจบลงที่ ศาลเจ้า อันถือเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อมั่นศรัทธาในศาสนา ที่เมื่อก่อนเคยรุ่งเรืองแต่เดี๋ยวนี้กลับซบเซา มีเพียงเจ๊ศรีเป็นคนดูแลศาลเจ้าแทนสามี ที่ตายจากไป ทั้งเจ๊ศรีและศาลเจ้ามีบุคลิกดุจเดียวกันคือ หงอยเหงา หดหู่เหมือนถูกทิ้งร้าง สุดท้ายก็ได้ตายไปพร้อมกันจริง ๆ

เมื่อมีเศรษฐีใหญ่ต้องการทำบุญศาลเจ้าครั้งใหญ่ อันเป็นเหตุให้เกิดไฟไหม้ลามไปถึงบ้านช่องห้องหอของบรรดาตัวละครสำคัญในเรื่อง

เมื่อสัญลักษณ์ของศูนย์รวมใจผู้คนอย่างศาลเจ้าถูกทำลายลง (น่าสังเกตว่าผู้ที่เข้ามาทำลายศรัทธาในศาสนาอย่างศาลเจ้านี้ คือ เศรษฐี นับเป็นสัญลักษณ์ของลัทธิบริโภคนิยมด้วย)  ความรักและศรัทธาระหว่างมนุษย์ด้วยกันจึงแตกหน่อก่อใบขึ้น เป็นศูนย์รวมใจอย่างใหม่ที่งามพรรณได้ลงแรงสถาปนาผ่านตัวละครของเธอ

กล่าวได้ว่า 824 ก็เป็นผลงานที่งามพรรณภูมิใจเสนอในนามของ "ความสุขที่พัฒนาแล้ว" อีกเล่มหนึ่งด้วย

เมื่อมองมุมกว้างแล้ว ความสุขที่ก่อร่างมาจากกองทุกข์ที่งามพรรณนำเสนอต่อเรานั้น ล้วนเป็นความสุขในแบบกระจายและช่างแจกแจงจนเกินไป ขณะเดียวกันกลับทันสมัย และเข้ากระแสแห่ง

"วิธีการแสวงหาความสุข" ของชนชั้นกลางอย่างปฏิเสธไม่ได้เลย เนื่องจากเป็นความสุขแบบที่ยกระดับขึ้นจากความสุขสมหวังในวัตถุเงินทอง ชื่อเสียงอันเป็นสุขอย่างจำเพาะ หรือเฉพาะตัวบุคคล อย่างที่เรียกว่าเป็นความสุขของชนชั้นกลางเก่า ที่ยังไม่มีท่าทีจะกระเตื้องขึ้นจะเป็นชนชั้นที่สูงขึ้นไปหรือเรียกว่าชนชั้นกลางระดับไฮคลาส

แม้นว่าตัวละครในเรื่องจะเป็นการผสมผสานระหว่างชนชั้นล่างถึงกลางก็ตาม ฉะนั้นความผิดพลาดของงามพรรณก็คือมุมมองที่เธอมองเห็น และได้จำลองภาพตัวละครออกมาให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ จะว่าเธอไม่รู้จักคนชั้นล่าง ผู้ทุกข์ทนปนสุขจิ๊บ ๆ อย่างดีพอก็ว่าได้ แต่อาจถูกหาว่าอคติเกินไป

อย่างไรก็ตาม นี่ยังไม่เป็นประเด็นสำคัญมากไปกว่า เจตนาแฝงที่งามพรรณได้สื่อไปถึงคนอ่าน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นชนชั้นกลาง ฉะนั้นก็เท่ากับว่าเธอได้ลงแรงผ่านนวนิยายของเธอ เพื่อสถาปนาความสุขสูตรใหม่ ป้อนให้ชนชั้นกลางผู้นิยมชมมหรรสพ อันเต็มไปด้วยข้อคิดและอรรถประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น (คล้ายคำปฏิญาณตนของลูกเสือ)

คล้ายกับว่า งามพรรณได้นำพาอุดมคติอย่างใหม่ มาแนะนำตัวเองต่อหน้าชนชั้นกลางที่กำลังพยายามอย่างยิ่งที่จะเป็นชั้นผู้นำของสังคม ในนามของพลังใหม่ ดังที่ฝ่ายการเมืองได้ช่วยกันสถาปนาขึ้นและยกให้เป็นของขวัญปลอบใจแด่ชนชั้นกลาง นัยว่าพวกเขาล้วนเปี่ยมด้วยพลังมหาศาลที่จะเปลี่ยนแปลงสังคม โดยมีประกาศนียบัตรมอบให้ พร้อมจารึกอักขระว่าเป็นชนชั้นกลางเปี่ยมคุณภาพ

หากวรรณกรรมมีเจตนารมในเชิงสังคมอย่างเดียว จะถือว่างามพรรณสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างเลอเลิศแล้วล่ะ แต่วรรณกรรมไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น เพราะวรรณกรรมคือศิลปะ ที่ต่อให้ไม่มีอุดมการณ์ทางชนชั้นแม้เพียงวลีเดียว ก็งดงามและทรงพลังได้ เนื่องจากศิลปะย่อมซึมซ่านเข้าสู่หัวใจของมนุษยชาติได้ทุกชนชั้น โดยไม่ต้องมีความพยายามใด ๆ จากปัจจัยทางการเมืองหรือสังคมมาชี้นำ อีกอย่างหนึ่ง วรรณกรรมย่อมไม่ใช่บทบรรยายทางคุณธรรม หรือชี้ให้เห็นทุกข์-สุขแบบกามตายด้าน หรือคุณว่าไง.

 

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ : ผู้คนใกล้สูญพันธุ์ ผู้เขียน : องอาจ เดชา ประเภท : สารคดี จัดพิมพ์โดย : พิมพ์บูรพา พ.ศ.2548 ได้อ่านงานเขียนสารคดีที่เป็นบทบันทึกช่วงชีวิตของอ้ายแสงดาว ศรัทธามั่น ที่กลั่นร้อยจากความมุ่งมั่นขององอาจ เดชา นักเขียนสารคดีหนุ่มมือเอกแล้ว มีหลายความรู้สึกที่อยากเล่าสู่กันฟัง อีกทั้งทำให้อยากลุกมาเขียนจดหมายถึงคนต้นเรื่องคนนั้นด้วย กล่าวถึงงานเขียนสารคดีสักครู่หนึ่งเถอะ... สารคดีเป็นงานเขียนที่ดำรงอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ข้อมูลทุกรายละเอียดล้วนเคารพต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันงานเขียนสารคดีเล่ม ผู้คนใกล้สูญพันธุ์ นี้ เป็นลักษณะกึ่งอัตชีวประวัติ…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ม่านดอกไม้ ผู้เขียน : ร. จันทพิมพะ ประเภท : รวมเรื่องสั้น จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ดอกหญ้า พ.ศ.2541 ไม่นานมานี้มีโอกาสไปเยี่ยมชมวังเก่าที่เมืองโคราช เจ้าของบ้านเป็นครูสาวเกษียณราชการแล้ว คนวัยนี้แล้วยังจะเรียก “สาว” ได้อีกหรือ.. ได้แน่นอนเพราะเธอยังเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ทั้งน้ำเสียงกังวานและแววตาที่มีความฝันเปี่ยมอยู่ในนั้น วังเก่าหลังนั้นอยู่ใกล้หลักเมือง วางตัวสงบเย็นอยู่ใจกลางแถวของอาคารร้านค้า ลมลอดช่องตึกทำให้อากาศโล่ง เย็นชื่น พวกไม้ดอกประดับแย้มใบเขียวสดรับละอองฝน…
สวนหนังสือ
นายยืนยง      ชื่อหนังสือ     : ชีวิตและงานกวีเอกของไทย ผู้เขียน          : สมพงษ์ เกรียงไกรเพชร จัดพิมพ์โดย   : สำนักพิมพ์ผ่านฟ้าพิทยา พิมพ์ครั้งแรก  : 27 มีนาคม พ.ศ.2508 ตั้งแต่เครือข่ายพันธมิตรประชาชนฯ เริ่มชุมนุมเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เสียงจากสถานีเอเอสทีวีก็กังวานไปทั่วบริเวณบ้านที่เช่าเขาอยู่ มันเป็นบ้านที่มีบ้านบริเวณกว้างขวาง และมีบ้านหลายหลังปลูกใกล้ ๆ กัน ใครเปิดทีวีช่องอะไรเป็นได้ยินกันทั่ว คนที่ไม่ได้เปิดก็เลยฟังไม่ได้สรรพ…
สวนหนังสือ
 นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : มาตุภูมิเดียวกัน ผู้เขียน : วิน วนาดร ประเภท : รวมเรื่องสั้น จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรกเมื่อกันยายน 2550   ปี 2551 นี้รางวัลซีไรต์เป็นรอบของเรื่องสั้น สำรวจดูจากรายชื่อหนังสือที่ส่งเข้าประกวด ดูจากชื่อนักเขียนก็พอจะมองเห็นความหลากหลายชัดเจน ทั้งนักเขียนที่ส่งมากันครบทุกรุ่นวัย แนวทางของเรื่องยิ่งชวนให้เกิดบรรยากาศคึกคัก มีสีสันหากว่ามีการวิจารณ์หนังสือกันที่ส่งเข้าประกวดอย่างเป็นธรรม ไม่เลือกค่าย ไม่เลือกว่าเป็นพรรคพวกของตัว อย่างที่เขาว่ากันว่า เด็กใครก็ปั้นก็เชียร์กันตามกำลัง นั่นไม่เป็นผลดีต่อผู้อ่านนักหรอก…
สวนหนังสือ
นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : นกชีวิต ประเภท : กวีนิพนธ์ จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ในดวงใจ พิมพ์ครั้งแรกเมื่อมีนาคม 2550 ผู้เขียน : เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ เคยสังเกตไหมว่าบางครั้งบทกวีก็สนทนากันเอง ระหว่างบทกวีกับบทกวี ราวกับกวีสนทนากับกวีด้วยกัน ซึ่งนั่นหาได้สำคัญไม่ เพราะความรู้สึกเหล่านั้นไม่ได้หมายถึงการแบ่งแยกระหว่างผู้สร้างสรรค์ (กวี) กับผู้เสพอย่างเรา ๆ แต่หมายถึงบรรยากาศแห่งการดื่มด่ำกวีนิพนธ์ เป็นการสื่อสารจากใจสู่ใจ กระนั้นก็ตาม ยังมีบางทัศนคติที่พยายามจะแบ่งแยกกวีนิพนธ์ออกเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ เป็นกวีฉันทลักษณ์ เป็นกวีไร้ฉันทลักษณ์…
สวนหนังสือ
นายยืนยงประเภท          :    วรรณกรรมแปลจัดพิมพ์โดย      :    สำนักพิมพ์ดอกหญ้า (พิมพ์ครั้งที่ 2 เมษายน 2530)ผู้ประพันธ์     :    Bhabani Bhattacharyaผู้แปล         :    จิตร ภูมิศักดิ์
สวนหนังสือ
นายยืนยง"ความรู้รสในกวีนิพนธ์เป็นเรื่องเฉพาะตัว ตัวใครก็ตัวใคร จะมาเกณฑ์ให้มีความรู้สึกเรื่องรสของศิลปะเหมือนกันทีเดียวไม่ได้  ถ้าทุกคนรู้รสของศิลปะแห่งสิ่งใดเหมือนกันไปหมด สิ่งนั้นก็เป็นสามัญไม่ใช่มีค่าแห่งศิลปะที่สูง” ท่านเสฐียรโกเศศเขียนไว้ในหนังสือ รสวรรณคดี (พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.๒๕๐๓) ครั้นแล้วความซาบซึ้งในรสของกวีนิพนธ์อันเป็นเรื่องเฉพาะตัวของคุณผู้อ่านเล่าเป็นอย่างไรหนอ ในสถานการณ์ที่กระแสข่าวเน้นนำเสนอทางด้านเศรษฐกิจการเมือง ความเป็นอยู่ของกวีนิพนธ์จึงดูเหมือนจะซบเซาเหงาเงียบไป ทั้งที่เราต่างก็เติบโตมาท่ามกลางเบ้าหลอมแห่งศิลปะของกวีนิพนธ์ด้วยกัน ทั้งจากเพลงกล่อมเด็ก…
สวนหนังสือ
นายยืนยง(หมายเหตุ ภาพนี้เป็นภาพปก ฉบับที่ ๔ ปีที่ ๓๒ เดือน มีนาคม - เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑)ภาพจาก : http://burabhawayu.multiply.com/reviews/item/16 ชื่อนิตยสาร : ปาจารยสาร ฉบับที่ ๓ ปีที่ ๒๘ เดือนมีนาคม – เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๕จัดพิมพ์โดย : บริษัท ส่องศยาม
สวนหนังสือ
นายยืนยงบทวิจารณ์นวนิยาย:    สมัญญาแห่งดอกกุหลาบ THE NAME OF THE ROSEผู้ประพันธ์    :    อุมแบร์โต เอโก  UMBERTO ECOผู้แปล         :    ภัควดี  วีระภาสพงษ์   จากฉบับแปลภาษาอังกฤษ ของ วิลเลียม วีเวอร์ บรรณาธิการ      :    วิกิจ  สุขสำราญสำนักพิมพ์      :     โครงการจัดพิมพ์คบไฟ  พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม พ.ศ. 2541
สวนหนังสือ
นายยืนยง  บทวิจารณ์นวนิยาย:    สมัญญาแห่งดอกกุหลาบ THE NAME OF THE ROSEผู้ประพันธ์            :    อุมแบร์โต เอโก  UMBERTO ECOผู้แปล                 :    ภัควดี  วีระภาสพงษ์   จากฉบับแปลภาษาอังกฤษ ของ วิลเลียม วีเวอร์ บรรณาธิการ         :    วิกิจ  สุขสำราญสำนักพิมพ์        …
สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ         :      พี่น้องคารามาซอฟ (The Karamazov Brother)ผู้เขียน              :      ฟีโอโดร์  ดอสโตเยสกีประเภท             :      นวนิยายรัสเซียผู้แปล               :      สดใสจัดพิมพ์โดย       :      สำนักพิมพ์ทับหนังสือ พิมพ์ครั้งที่สาม  ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๓
สวนหนังสือ
ชื่อหนังสือ         :      พี่น้องคารามาซอฟ (The Karamazov Brother)ผู้เขียน              :      ฟีโอโดร์  ดอสโตเยสกีประเภท             :      นวนิยายรัสเซียผู้แปล               :      สดใสจัดพิมพ์โดย       :      สำนักพิมพ์ทับหนังสือ พิมพ์ครั้งที่สาม  ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓