Skip to main content

นายยืนยง



ชื่อหนังสือ
:
จำปาขาว ลาวหอม (ลาวใต้,ลาวเหนือ)

ผู้แต่ง : รวงทอง จันดา

ประเภท : สารคดี

จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ทางช้างเผือก พิมพ์ครั้งแรก ตุลาคม 2552



ยินดีต้อนรับสู่พุทธศักราช 2553

ถึงวันนี้อารมณ์ชื่นมื่นแบบงานฉลองปีใหม่ยังทอดอาลัยอยู่ อีกไม่ช้าคงค่อยจางหายไปเมื่อต้องกลับสู่ภาวะของการทำงาน

ปีใหม่นี้ท่านผู้อ่านไปเที่ยวที่ไหนบ้างหนอ สนุกสนานรื่นเริงกันอย่างไร บอกเล่ากันบ้างนะ เผื่อคนเดินทางน้อยอย่างฉันจะได้ร่วมบรรยากาศไปด้วย เมื่อวานนี้ไปลาดตระเวนดูบรรยากาศวันปีใหม่ในตัวเมืองโคราช โอ้โห..ไม่น่าเชื่อเลยว่า ปีใหม่นี้ที่โคราชเงียบหงอยผิดคาด ขนาดสถานท่องเที่ยวประจำเมืองอย่างห้างเดอะมอลล์ยังไม่หนาแน่นเท่าที่ควร ต่างจากปีที่แล้วสิ้นเชิง แม้แต่งานหิมะตกที่โคราชที่จัดเป็นครั้งแรกยังดูไม่คึกคักเลย บรรดาร้านรวงเปิดรับเทศกาลดูเหมือนจะร้างผู้คน ทำให้คิดไปว่าเศรษฐกิจส่อเค้าน่ากลัวตั้งแต่ต้นปีเลยทีเดียว


ถึงจะไม่ได้ไปเที่ยวตามเทศกาลกับเขา ฉันก็ทำตัวเสมือนไปเที่ยวมาสุดฤทธิ์สุดเดช ติดเว้าเป็นภาษาลาวปนพูดกลางโคราช ฟังชุลมุนหูชอบกล ไม่ใช่อะไรหรอก เป็นเพราะฉันได้อ่านสารคดีท่องเที่ยว พาเที่ยวประเทศลาว เริ่มตั้งแต่ลาวใต้จรดลาวเหนือ นำทีมโดยนักเขียนสาวลูกอีสานแท้ เว้าลาวคัก ๆ มัน ๆ ให้ติดใจในความเป็นผู้ชำนาญทางภาษาลาว เธอเป็นผู้เขียนสารคดีเรื่อง จำปาขาว ลาวหอม ทั้งสองเล่ม คือ เล่มลาวใต้และเล่มลาวเหนือ มีนามว่า รวงทอง จันดา


จำปาขาว ลาวหอม ทั้งสองเล่ม เป็นสารคดีนำเที่ยวที่อ่านสนุกเล่มหนึ่ง คือ อ่านแล้วอยากไปเที่ยวสมความตั้งใจของผู้เขียน อีกอย่างหนึ่งคือ อ่านแล้วไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียดทัศนคติของผู้เขียนจนมากมายนัก โดยเฉพาะกับแนวทางการเที่ยวแบบไปสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านธรรมดา กินข้าวข้างถนน พักรีสอร์ทราคาเบา ต่างจากแนวทางการเที่ยวแบบพักโรงแรมหรูที่นำเสนอผ่านนิตยสารอีกกลุ่มหนึ่ง แต่น่าสังเกตว่า แนวทางการเที่ยวแบบไปสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านมักมาพร้อมข้อเสนอเชิงอุดมคติ หรือไม่ก็เชิงอนุรักษ์นิยมอย่างไม่ลืมหูลืมตา สารคดีแบบนี้มักเต็มไปด้วยคำถาม ข้อสังเกตที่น่าคิด หรือไม่ก็คำเหน็บแนมแกมวิเคราะห์อย่างชาญฉลาด


ประเภทที่ต้องการให้ประเทศลาวคงความเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมประเพณี เป็นเมืองที่คงไว้ซึ่งวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ปกป้องความบริสุทธิ์ผุดผ่องของคนลาวเอาไว้ให้พ้นเงื้อมมือของการพัฒนาในรูปแบบต่าง ๆ ทำให้ฉันต้องถามกลับไปว่า ตกลงคุณจะสต๊าฟประเทศลาวเอาไว้เพื่อใช้เป็นที่หย่อนใจของคุณหรือไงไม่ทราบ เก็บลาวเอาไว้เพื่อเป็นที่ท่องเที่ยว ชวนให้ระลึกถึงความหลัง ในยามที่คุณเบื่อหน่ายชีวิตแบบอุดมด้วยความเจริญบรรดามีอย่างนั้นหรือ นี่..สารคดีประเภทนี้มีให้เห็นกันเยอะ แต่ไม่ใช่กับจำปาขาว ลาวหอม


เนื่องจากรวงทอง จันดา ใช้วิธีการเล่าแบบบันทึก ขณะที่เปิดโอกาสให้ผู้คนหรือที่เรียกว่า “วัตถุดิบ” เป็นผู้เล่าเรื่องราวของตัวเองไปพร้อมกับการนำเสนอของเธอ มีการเปรียบเปรยบ้างตามแต่เรื่องราวจะนำพาไป ไม่ใช่มีจุดมุ่งหมายชัดเจนเกี่ยวกับการอนุรักษ์แบบที่กล่าวถึงในย่อหน้าข้างบน จะยกตัวอย่างในเล่มลาวใต้มาให้อ่านกัน


ขณะที่สนทนากันนั้นเราก็ได้ตระหนักถึงทัศนะค่านิยมที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการสร้างโบสถ์ เจ้าอาวาสวัดลาวบอกว่าชาวบ้านอยากให้สร้างเป็นปูน เห็นวัดอื่นเขาทำ เห็นในโทรทัศน์เมืองไทยที่วัดสร้างด้วยปูนดูมีสง่าราศี แข็งแรงและสวยงาม ในขณะนั้นพระไทยก็ยืนยันว่าทำด้วยไม้นั่นแหละสวยที่สุดแล้ว ไม้ก็มีเยอะไม่ต้องซื้อหา เมืองไทยไม่ค่อยมีไม้จึงต้องสร้างด้วยปูน


ถ้าใครอยากให้เข้าลึกถึงจิตใจและความรู้สึกของพี่น้องลาวในปัจจุบัน ก็ต้องลองนั่งไทม์แมชชีนหัวใจย้อนกลับไปดูด้วยทำใจให้เป็นกลาง รำลึกถึงรสนิยม ความชอบ ความหรูหรา ความทันสมัยและความมีหน้ามีตา รวมถึงการอวดประชันขันแข่งกันเน้นวัตถุใหญ่โตมโหฬาร ไม่ว่าจะเป็นวัด บ้าน รถหรือทรัพย์สินเงินทองล้ำค่า


ดังนั้น บทบาทของนักเขียนสารคดีไม่ใช่ชี้ถูกผิดให้ผู้อ่านหรือผู้คนที่ตนได้เข้าไปสัมผัสในเรื่องราวอยู่เสมอไป หากแต่ควรอย่างยิ่งที่จะเคารพเรื่องราวของผู้คน เคารพในวัตถุดิบของตัวเอง อย่างน้อยที่สุดนักเขียนสารคดีก็เป็นเพียงผู้ผ่านทาง เป็นนักเดินทาง นักท่องเที่ยว เดินทางไปถึงจุดหมายแล้วก็ต้องกลับออกมา หาใช่ผู้คนในเรื่องราวที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นทุกเมื่อเชื่อวันแต่อย่างใด

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อย ๆ ที่นำมาแสดงให้เห็นว่า บทบาทที่แท้จริงของงานเขียนประเภทสารคดีมีขีดจำกัดอยู่ที่ไหน เพราะทุกวันนี้งานเขียนประเภทสารคดีได้แบ่งแยกเป็นประเภทย่อย ๆ ลงมาอย่างหลากหลายมากขึ้น


สารคดีกับกระบวนการจัดวางข้อมูล

ช่วงเวลาที่ผ่านมา มีข้อเสนอจากนักเขียนสารคดีบางกลุ่ม ให้คณะกรรมการรางวัลซีไรต์บรรจุงานเขียนประเภทสารคดีเข้าประกวด เพิ่มเติมจากงานเขียนประเภทเรื่องสั้น นวนิยาย และกวีนิพนธ์ แต่งานเขียนประเภทสารคดีมีลักษณะเฉพาะอยู่ตรงที่ข้อมูลที่ใช้ในงานเขียนต้องเป็นข้อเท็จจริงที่ถูกต้องตามหลักวิชา ทั้งในแง่ของเวลา สถานที่ ซึ่งถือเป็นเรื่องเฉพาะทาง ข้อเสนอนี้จึงยังค้างคาอยู่ในความทรงจำหรือในแฟ้มเอกสารของผู้เกี่ยวข้อง เป็นความค้างคาอันเงียบงันและไร้เสียงไต่ถามใดใด


อีกอย่างหนึ่ง ธรรมชาติของข้อเท็จจริงนั้นมีการเคลื่อนไหวอยู่เสมอ ไม่มีความแน่นอนตายตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลเชิงสถิติ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงเหตุการณ์ทางการเมือง ทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมออีกด้วย ทั้งนี้นักเขียนสารคดีจำเป็นต้องบริหารข้อเท็จจริงให้อยู่หมัด คนที่จัดการกับข้อเท็จจริงได้ย่อมมีอำนาจเหนือกว่า สำหรับนักเขียนสารคดีแล้วย่อมต้องยอมรับภาระต้นทุนตรงนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะทันทีที่หนังสือของคุณวางแผง ข้อเท็จจริงของคุณอาจกลายเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้วก็ได้ นอกเสียจากคุณจะคาดการณ์ความเป็นไปได้อย่างแม่นยำ


แม้ว่างานเขียนประเภทสารคดีจะอิงอยู่กับข้อเท็จจริงเพียงใด แต่มันก็ไม่ใช่งานเขียนแบบวิชาการ อีกอย่างหนึ่งจะมีผู้อ่านสักกี่คนกันที่เรียกร้องข้อเท็จจริงของข้อมูลเชิงลึก นอกเสียจากข้อมูลแบบใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เพราะอะไร รวมถึงเรียกร้องความเพลิดเพลินในการอ่าน หรืออาจอ่านสารคดีเพื่อเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กว้างไกลขึ้น เพราะข้อเท็จจริง หรือข้อมูลเชิงลึกนั้น ผู้อ่านไม่สามารถตัดสินถูกผิดได้ ฉะนั้นเราจะได้อ่านสารคดีในแบบที่ละเว้นที่จะกล่าวถึงข้อมูลเชิงลึก ขณะเดียวกันก็ได้จำแนกสารคดีออกเป็นประเภทต่าง ๆ อย่างหลากหลาย เช่น สารคดีเชิงประวัติศาสตร์ สารคดีท่องเที่ยว ฯลฯ ซึ่งในแต่ละประเภทต่างก็ได้รับความนิยมจากผู้อ่าน มีการจัดพิมพ์สารคดีกันมากขึ้น หลากหลายรูปแบบขึ้น กลายเป็นสารคดีท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สารคดีประวัติศาสตร์เชิงวิชาการ สารคดีท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ที่แต่ละประเภทก็ได้ให้ข้อเท็จจริงจำเพาะลงไปตามเนื้อหา


เมื่อผู้อ่านและนักเขียนในสารคดีบางประเภทต่างพร้อมใจในการละเว้นข้อมูลเชิงลึกกันมากขึ้น เช่น สารคดีท่องเที่ยว เป็นตัวอย่างแรก ๆ สิ่งที่ผู้อ่านจะได้รับคือ แนวคิดของนักเขียนสารคดีที่มาพร้อมกับข้อมูลที่ถูกตัดต่อและจัดวางเพื่อส่งเสริมแนวคิดนั้นให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ยกตัวอย่าง สารคดีท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ก็มุ่งเน้นนำเสนอข้อมูลในเชิงอนุรักษ์ เชิงนิเวศน์ ร้ายกว่านั้นคือการนำเสนอข้อมูลเพียงด้านเดียวสุดแล้วแต่นักเขียนจะมีแนวคิดอย่างไร มีทัศนคติอย่างไร และมีจุดมุ่งหมายอย่างเข้มข้นเพียงไรในการเขียนสารคดีชิ้นนั้น


ดังนั้นจะกล่าวได้ไหมว่า นักเขียนสารคดีมีอำนาจบริหารข้อเท็จจริงเพื่อสนองตอบต่อแนวคิดของตัวเอง และในขณะเดียวกันข้อเท็จจริงที่นักเขียนไปพบเจอก็พร้อมที่จะส่งผลกระทบต่อแนวคิดและทัศนคติของนักเขียนไปพร้อมกันด้วย


ฉะนั้น งานเขียนประเภทสารคดีนอกจากจะเป็นการเขียนที่อิงอยู่กับข้อเท็จจริงแล้ว และเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงแล้ว ยังเป็นงานเขียนที่อิงอยู่กับแนวคิดของผู้เขียนซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นมโนทัศน์เฉพาะตัว ซึ่งจุดนี้เองที่เป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งทำให้งานเขียนประเภทสารคดีเหมือนกับวรรณกรรมประเภทนวนิยาย เรื่องสั้นหรือกวีนิพนธ์


หน้าที่ของผู้อ่าน

หน้าที่ของผู้อ่านงานเขียนประเภทสารคดีคืออะไร เมื่อลองพิจารณาถึงกระบวนการอ่าน

งานเขียนทุกประเภทนั้น เมื่อถูกอ่าน และตีความโดยผู้อ่าน การเคลื่อนไหวของความหมายยิ่งเพิ่มมิติ เนื่องจากมันได้สัญจรผ่านทัศนคติของผู้อ่าน ผ่านประสบการณ์การอ่าน ผ่านรสนิยม เรียกให้เท่ว่าผ่านจิตวิญญาณเฉพาะของผู้อ่านแต่ละคน เพราะฉะนั้นการตีความจึงเป็นเรื่องที่เป็นอิสระจากนักเขียนอย่างยิ่ง แต่หากผู้อ่านคนใด ยินยอมจะตีความคล้อยตามนักเขียน ปลดปล่อยอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกไปตามเจตนารมของนักเขียน การอ่านจะเป็นดั่งพันธะสัญญาระหว่างผู้ส่งสาร คือ นักเขียน กับ ผู้รับสาร คือ ผู้อ่าน


เพราะฉะนั้น การอ่านก็เป็นหน้าที่ที่ต้องอาศัยวิจารณญาณอย่างยิ่ง ขณะเดียวกัน นักเขียนยิ่งต้องอาศัยวิจารณญาณให้มากขึ้นในการที่จะส่ง “สาร” ที่เจือปนกับแนวคิดเฉพาะตัวของตัวเอง มิเช่นนั้นงานเขียนประเภทสารคดีจะกลายเป็นงานเขียนที่อิงกับข้อเท็จจริงที่มีสารปนเปื้อนเข้ามาจนก่อเป็นพิษได้


สำหรับจำปาขาว ลาวหอม ทั้งเล่มลาวใต้และลาวเหนือ ผลงานของ รวงทอง จันดา สารคดีท่องเที่ยวปลอดมลพิษสองเล่มนี้ ผู้อ่านคนใดอยากอ่านก็เชิญฝากอีเมลไว้ได้เลย จะจัดส่งไปให้ถึงบ้าน ด้วยความเต็มใจ


ถือว่ามาร่วมเดินทางฉลองปีใหม่ 2553 ด้วยการไปเที่ยวลาวแบบสัญจรผ่านถนนสายสารคดีก็แล้วกัน

 

 

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
นายยืนยง ถ้าเปรียบสวนหนังสือเหมือนผืนดินแห่งหนึ่งแล้วล่ะก็ ผู้เขียนเองก็ได้แสดงความคิดเห็นต่อหนังสือ จากการอ่านผลงานทางวรรณกรรมของบรรดานักประพันธ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะรูปแบบเรื่องสั้น นวนิยาย หรือกระทั่งกวีนิพนธ์บางเล่ม ข้อเขียนที่มีต่อหนังสือบางเล่มหรือเรื่องบางเรื่อง อาจแบ่งเป็นผลรับตามสูตรคณิตศาสตร์ได้ไม่ชัดเจน ใช้หลักต้องใจต้องอารมณ์และความนึกหวังเป็นหลักก็ว่าได้
สวนหนังสือ
นายยืนยง   ชื่อหนังสือ : จักรวาลผลัดใบ การเกิดใหม่ของจิตสำนึก ผู้เขียน : กลุ่มจิตวิวัฒน์ ประเภท : ความเรียง พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์มติชน  
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ           :           ชะบน ผู้เขียน               :           ธีระยุทธ  ดาวจันทึก ประเภท              :           นวนิยาย   พิมพ์ครั้งที่ 1 เมษายน 2537 จัดพิมพ์โดย        :    …
สวนหนังสือ
นายยืนยง  ชื่อหนังสือ : มนุษย์หมาป่า ผู้แต่ง : เจน ไรซ์ ผู้แปล : แดนอรัญ แสงทอง จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์หนึ่ง พิมพ์ครั้งแรก : สิงหาคม 2552
สวนหนังสือ
นายยืนยง   ชื่อหนังสือ : บันทึกนกไขลาน (The Wind-up Bird Chronicle) ผู้เขียน : ฮารูกิ มูราคามิ (Haruki Murakami) ผู้แปล : นพดล เวชสวัสดิ์ พิมพ์ครั้งที่ 1 : กันยายน 2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์แม่ไก่ขยัน   “หนูอยาก...อยากจะได้มีดผ่าตัดสักเล่ม หนูจะกรีดผ่า ชะโงกหน้าเข้าไปมองข้างใน ไม่ใช่ผ่าศพคนนะ... แค่ก้อนเนื้อแห่งความตาย หนูแน่ใจว่าจะต้องมีอะไรสักอย่างซ่อนอยู่ในนั้น ก้อนกลมเหนียวหยุ่นเหมือนลูกซอฟต์บอล แก่นกลางแข็งเป็นเส้นประสาทพันขดแน่น หนูอยากหยิบออกมาจากร่างคนตาย เอาก้อนนั้นมาผ่าดู อยากรู้ว่าเป็นอะไรกันแน่... (ภาคหนึ่ง, หน้า 36)
สวนหนังสือ
นายยืนยง  เมื่อวานนี้เอง ฉันเพิ่งถามตัวเองอย่างจริงจัง แบบไม่อิงค่านิยมใด ๆ ถามออกมาจากตัวของความรู้สึกอันแท้จริง ณ เวลานี้ว่า ทำไมฉันชอบอ่านวรรณกรรมมากที่สุดในบรรดาหนังสือทั้งหลาย คุณเคยถามตัวเองด้วยคำถามเดียวกันนี้หรือเปล่า
สวนหนังสือ
นายยืนยง ฉันวาดหวังสวยหรูไว้กับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงบนผืนดินห้าไร่เศษ ที่ดินผืนสวยซึ่งพรั่งพร้อมไปด้วยปัจจัยแห่งกสิกรรม มีไม้ใหญ่ให้ร่มเงา มีบ่อน้ำขนาดใหญ่สองบ่อ และกระท่อมน้อยบนเนินเตี้ย ๆ รายล้อมไปด้วยทุ่งข้าวเขียวขจี แต่ระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน มายาแห่งหวังก็พังทลายลงต่อหน้าต่อตา ฉันจำเก็บข่มความขมขื่นไว้กับชีวิตใหม่ ในที่พำนักใหม่ ซึ่งไม่ใช่ผืนดินแห่งนี้
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ  : ความมั่งคั่งปฏิวัติ Revolutionary Wealth ผู้เขียน  : Alvin Toffler, Heidi Toffler ผู้แปล  : สฤณี  อาชวานันทกุล จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์มติชน   พิมพ์ครั้งที่ 2  มกราคม  2552
สวนหนังสือ
  และแล้วรางวัลซีไรต์ปี 2552 รอบของนวนิยายก็ประกาศผลแล้ว ปรากฏเป็นผลงานนวนิยายเรื่อง ลับแลแก่งคอย ของอุทิศ เหมะมูล โดยแพรวสำนักพิมพ์เป็นผู้จัดพิมพ์ (ประกาศผลเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2552 ที่ผ่านมา)ใครเชียร์เล่มนี้ก็ได้ไชโยกัน ฉันเองก็มีเล่มนี้เป็นหนึ่งในหลายเล่มด้วย รู้สึกสะใจลึก ๆ ที่อุทิศได้ซีไรต์ เนื่องจากเคยเชื่อว่า งานดี ๆ อย่างที่ใจเราคิดมักพลาดซีไรต์เป็นเนืองนิตย์ ผิดกับคราวนี้ที่งานดี ๆ ของนักเขียน "อย่างอุทิศ" ได้รางวัล
สวนหนังสือ
นายยืนยง   ชื่อหนังสือ           :           นัยน์ตาของโคเสี่ยงทาย ผู้แต่ง                 :           วิสุทธิ์ ขาวเนียม ประเภท              :           กวีนิพนธ์รางวัลนายอินทร์อะวอร์ดครั้งที่ 10 จัดพิมพ์โดย        : …
สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ : ลับแล, แก่งคอยผู้แต่ง : อุทิศ เหมะมูลประเภท : นวนิยายจัดพิมพ์โดย : แพรวสำนักพิมพ์ พิมพ์ครั้งแรก 2552
สวนหนังสือ
  นายยืนยงชื่อหนังสือ : ประเทศใต้ผู้เขียน : ชาคริต โภชะเรืองประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2552จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ก๊วนปาร์ตี้ ข้อเด่นอย่างแรกที่เห็นได้ชัดจากนวนิยายเรื่องประเทศใต้ หนึ่งในผลงานที่เข้ารอบสุดท้ายรางวัลซีไรต์ปีนี้ คือ วิธีการดำเนินเรื่องที่กระโดดข้าม สลับกลับไปมา อย่างไม่อาจระบุว่าใช้รูปแบบความสัมพันธ์ใด ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง หรืออย่างที่สกุล บุณยทัต เรียกในบทวิจารณ์ว่า "ไร้ระเบียบ" แต่อย่าลืมว่านวนิยายเรื่องนี้ได้เริ่มต้นที่ "ชื่อ" ของนวนิยาย ซึ่งในบทนำได้บอกไว้ว่า "ผม" ได้รับต้นฉบับนวนิยายเรื่องหนึ่งจาก "เขา" ในฐานะที่เป็นคนรู้จักกัน มันมีชื่อเรื่องว่า…