Skip to main content

วันก่อนได้คุยกับเพื่อนชาวต่างชาติ เค้าแนะนำให้ชาน่าไปหาอ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ Prayers for Bobby ซึ่งมีการนำหนังสือเล่มนี้มาทำเป็นหนังทีวีด้วย ด้วยความที่อยากรู้ จึงเสาะแสวงหา ค้นหาเรื่องราวเกี่ยวกับหนังสือและหนังเรื่องนี้ โดยชาน่าคิดว่ามันน่าจะเป็นตัวอย่างของสมาชิกภายในครอบครัวในทุกสังคมได้ดี ไม่ว่าจะเป็นสังคมนั้นจะนับถือศาสนาใด จะมีความเคร่งครัด ระเบียบจัดแค่ไหน

เนื้อเรื่องย่อคือ เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มน้อยวัยสี่สิบ ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ วัยรุ่นวัยอันตราย เกิดมาในครอบครัวที่นับถือศาสนาคริสต์อย่างเคร่ง คุณแม่ชื่อแมรี่ กริฟฟิฟ เลี้ยงดูลูกชายอย่างเคร่งครัดทางศาสนาและวัฒนธรรม  หลังจากลูกชายบอกพี่ชายว่าเค้าอาจจะเป็นเกย์ ทุกสิ่งทุกอย่างภายในครอบครัวก็เปลี่ยนไป ความรู้สึกของพ่อและแม่ต่างกังวลและสับสนจะหาหนทางออกให้ลูกชายอย่างไรดี แต่เธอก็เชื่อว่าพระเจ้าจะช่วยรักษาเยียวยาให้เค้ากลับไปเป็นลูกผู้ชายอีกครั้ง


เธอพาเค้าไปหานักจิตวิทยา หรือแม้กระทั่งพาลูกชายของตัวเองเข้าโบสถ์เพื่อขอพระเจ้าให้หลุดพ้นจากความเป็นเกย์เพื่อที่จะเปลี่ยนเค้าให้ได้แต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเลย


ความอับอายขายหน้าและทรมานที่เห็นแม่ถูกประนามจากสังคม เค้าได้ตัดสินหนีตัวเองเพื่อไปอยู่ที่อื่น โดยเพียงหวังว่าสักวันแม่ของเค้าจะยอมรับในตัวเขาได้ ซึ่งเค้าอพยพไปอยู่รัฐโอเรกอน เค้ายกเลิกความตั้งใจที่จะเปลี่ยนไปเป็นชาย แต่กลับใช้ชีวิตอย่างเกย์ๆ ในรัฐนี้ โดยพบแฟนในคลับแห่งหนึ่ง นามว่าเดวิด ผู้ซึ่งไม่เคยซื่อสัตย์ต่อเค้าเลย ด้วยความผิดหวังและความทุกข์ทรมานในการใช้ชีวิตของเค้า รวมทั้งเสียใจที่ไม่สามารถเป็นลูกผู้ชายของแม่ได้ สุดท้าย เค้าจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย ด้วยการโดดจากสะพานสูงบนถนนไฮเวย์ แล้วโดนรถบรรทุกสิบแปดล้อทับตายคาที่


นางแมรี่ได้รับความโศกเศร้าเสียใจ และเธอได้เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองและสังคมว่า ทำไมเธอถึงไม่เข้าใจในตัวลูกชายของเธอเลย จนเธอตัดสินใจอาสาสมัครช่วยเหลือองค์กรเกย์ และเข้าร่วมประชุม Parents, Families and Friends of Lesbians and Gays (PFLAG) โดยเธอบอกว่า "God did not heal him because there was nothing wrong with him" "พระเจ้าไม่ได้ช่วยรักษาเค้าเพราะเค้าไม่ได้มีอะไรผิดปกติเลย" เสียใจ และเธอจากประสบการณ์และบทเรียนที่แสนแพงอันต้องแลกด้วยชีวิตของลูกชายอันเป็นที่รักของเธอนั้น เธอจึงช่วยเหลือ และร่วมรณรงค์เกี่ยวกับเกย์ โดยจุดประสงค์หลักของเธอคือ อยากให้ครอบครัวได้ยอมรับลูกที่เกิดมาเป็นเกย์ แม้กระทั่งการเดินทางไปเยือนเมืองซาน ฟรานซิสโก เพื่อร่วมงาน เกย์ ไพรด์ พาเหรด ซึ่งในขณะนั้นเธอได้เห็นเกย์หนุ่มรูปร่างคล้ายลูกชายเธอ เธอจึงเข้าไปสวมกอด


เพลงประกอบในตอนสุดท้ายของหนังเรื่องนี้คือ "Here I Am" (ฉันอยู่นี่) โดย Leona Lewis และนอกจากนี้ยังมีอีกเพลงคือ "I Need You to Listen" (ฉันต้องการให้เธอฟังฉันบ้าง) โดย Marty Haugen และ "Bullseye" โดย Megan McCormick

ในส่วนของหนังสือเขียนโดย Leroy Aarons ในปี 1989 ผู้ซึ่งเป็นสื่อมวลชนเกย์ และนักกิจกรรม ในทันใดที่เค้าได้อ่านจากหนังสือพิมพ์ถึงข่าวการฆ่าตัวตายของลูกชาย โดยต่อต้านแม่และสังคมที่ต้องการและอธิษฐานให้เค้าไม่เป็นเกย์ Prayers for Bobby: A Mother's Coming to Terms With the Suicide of Her Gay Son หนังสือเล่มแรก จัดพิมพ์โดย Harper Collins ในปี 1996 ส่วนหนังได้ทำการสร้างและออกฉายโดยชื่อว่า Prayers for Bobby ในวันที่ 24 มกราคม ปี 2009 ในช่อง Lifetime

ผลการตอบรับจากหนังเรื่องนี้นั้น มีคนดูมากกว่า 3.8 ล้านคน รอบก่อนออนแอร์ หนึ่งวันถัดมา คนดูเพิ่มอีก 2.3 ล้านคนซึ่งคนดูสามารถเข้าไปชมได้จากเว็บไซด์ mylifetime.com
หนังเรื่องนี้ อำนวยการสร้างโดย Russell Mulcahy สร้างโดย Stanley M. Brooks (Executive Producer) David Permut (Executive Producer) Daniel Sladek (Executive Producer) Chris Taaffe (Executive Producer) Damian Ganczewski (Producer) บทภาพยนตร์โดย Katie Ford นำแสดงโดย Sigourney Weaver Henry Czerny Ryan Kelley ดนตรีโดย Christopher Ward ความยาวของเรื่อง 95 นาที จัดจำหน่ายโดย Lifetime Television

เป็นอีกหนึ่งเรื่องจาก Base on true story ที่เกิดขึ้นในทุกสังคมไม่ว่าจะอยู่ส่วนใด มุมไหนของโลก แม้แต่เมืองไทยเมื่อหลายปีก่อนเคยติดตามข่าวของน้องคนจังหวัดเดียวกัน (เชียงราย) ผู้ซึ่งฆ่าตัวตาย ด้วยการแขวนคอตัวเอง อันเนื่องมาจากปัญหามรสุมในชีวิต โดยผู้ปกครองเบี่ยงประเด็นไปที่เรื่องของการสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่จะมีใครสักกี่คน (แม้แต่แม่และพ่อของเค้าเอง) ที่จะรู้ว่า ความชอบและความต้องการทางเพศ ทางสังคมของน้องคนนี้นั้น เค้าเป็นเก้ง หรือเกย์ ที่ผู้ปกครองไม่อาจจจะหยั่งรู้ได้ ทำไมชาน่าถึงรู้ ... แหม...แหม...คนทั้งหมู่บ้านเค้าฟันธงรู้กันให้ทั่ว หลังจากการตายของน้องคนนี้ หนุ่มรูปงาม มียศฐาบรรดาศักดิ์ เจ้าใหญ่นายโต ที่แสดงตัวว่าเป็นคนอันเป็นที่รักของเค้าก็ปรากฎตัวแสดงความเสียใจ บ้างก็บอกว่าน้องเค้าหาทางออกไม่ได้ เป็นเกย์แล้วแม่และสังคมก็ไม่ยอมรับ ครั้นจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ใช่ง่ายในคณะที่ท่านคาดหวัง จึงตัดสินใจปลิดชีพด้วยการลาโลก จนทุกวันนี้ผู้ปกครองของเค้าก็ยังไม่รู้ซึ้งถึงความต้องการของลูกชายตัวเองแท้ ๆ เสียที นี่ล่ะคะปัญหาที่หาทางออกได้ แค่ทุกคนหันหน้าเข้าหากัน สังคม ชีวิต และครอบครัวก็คงจักเป็นสุขได้ไม่น้อยเลยทีเดียว....แล้วเราจะคงจะไม่เสียเลือดเสียเนื้อ หรือเสียชีวิตอีกต่อไป.....

 

 

 

บล็อกของ ชาน่า

ชาน่า
ภาษาใครคิดว่าไม่สำคัญ บางคนบอกว่า แหม ... บางครั้งไม่จำเป็นต้องพูด ใช้ภาษาใบ้เอาก็ได้ แต่บังเอิญคนที่คุณใบ้ด้วยไม่เก็ตก็แย่สิฮะ.. หากพอมีเวลาว่างใช้เวลาในการศึกษาภาษาเพิ่มเติมชาน่าว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ดีทีเดียว  อย่างเวลาชาน่าไปแต่ละเมืองแต่ละประเทศนั้น จำเป็นต้องพอรู้ว่าไปไหนมา สามวาสองศอก หรือแม้แต่ภาษาเฉพาะในหมู่ชาวเรา ทำให้  "ง่ายสำหรับคุณค่ะ"
ชาน่า
วันนี้เรือจอดอยู่ประเทศบาฮามัส พรุ่งนี้จะเข้าฟลอริด้า นั่งทำงานเป็นโอเปอเรเตอร์รับโทรศัพท์จองห้องอาหารคนเดียว  เสี้ยวหนึ่งของวันทำงาน จู่ ๆ ก็เกิดอาการเป็นสุข จนต้องระบาย หยิบปากกามาจิกเขียน ถ่ายทอดความสุข ส่งตรงสู่เมืองไทย  
เค้าบอกว่า คนเราจะสุขหรือทุกข์นั้นขึ้นอยู่ที่ใจ บางครั้งกว่าจะสุขได้ก็ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างไม่ว่าจะเรื่องของสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การเมือง สังคม ส่วนตัว และจิตใจ เป็นต้น
บางครั้งเจ้า “ความทุกข์”  มักจะมาเยือน  นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดาสามัญบ้าน ๆ ทั่วไป ที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ปุถุชนคนเดินดินอย่างเราท่านทั้งหลาย   แต่เราจะหาวิธีการดับทุกข์เช่นไร…
ชาน่า
ชีวิตที่ต้องเกี่ยวข้องของคนหลากเพศชายจริง หญิงแท้ หรือแม้แต่เกย์ กะเทย นั้นย่อมมีปะปนกับชนและคนทุกชนชั้นวงการไม่เว้นแม้แต่ชีวิตของนักศึกษา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตแห่งชาติ เป็นลูกเป็นหลานเราๆ ท่านๆ เนี่ยล่ะฮะวันนี้ชาน่าอ่านข่าวคราวจาก นสพ.คงชักเล็ก พิมพ์ผิดฮ่า คมชัดลึก เกี่ยวกับชีวิตของกะเทยหรือสาวประเภทสองที่ต้องแต่งตัวเป็นนักศึกษาหญิงไปมหาวิทยาลัย จึงหยิบมาฝากผู้อ่านประจำคอลัมน์ “พาเม้าท์ชีวิตชาวเกย์” ณ ประชาไทกันบ้างเชื่อหรือไม่ว่า ชีวิตของคนเป็นเกย์ อีแอบ นั้นไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องของความขัดแย้งในการแต่งกายเลย เพราะพวกเค้าก็คือเพศชายดีๆ ที่คุณเห็นนั่นแหล่ะ…
ชาน่า
ความรักหากใครไม่เคยสัมผัสก็ยากจะอธิบายให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงแก่นและก้นบึ้งของหัวใจ “ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์”  ประโยคหนึ่งที่เคยได้ยินมาแต่ไหนแต่ไร ตอนเป็นเด็กไร้เดียงสา ก็แค่อ่าน ได้ยิน และเข้าใจ แต่ไม่ได้สัมผัส รับรสของความรักและความทุกข์โลกวันนี้ได้ผ่านเข้า และผ่านไปจากบทเรียนและประสบการณ์ของชีวิตโลกแห่งความจริงกับสิ่งที่ฝันบางครั้งมันห่างไกลกันเหลือคณานับ  ทุกคนฝันอยากมีรักที่สวยงาม รักที่ทำให้ชีวิตนี้มีความสุข แต่หากเมื่อไหร่ รักนั้นไม่เป็นดังหวัง  ไม่เหมือนในฝัน มันย่อมเกิดทุกข์กับความรักคนที่ไม่เคยอกหัก  ก็เพราะเขาไม่เคยมีความรัก…
ชาน่า
ช่วงพักร้อนสามเดือนที่ผ่านมาได้ไปงานเปิดตัวหนังสือของเพื่อนที่ เอสพลานาด ทางทีมงานและสำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์ ได้มอบหนังสือเล่มนี้ ...   “ตัดทิ้ง” ชีวิตจริงของสาวประเภทสอง  ซึ่งเขียนและดัดแปลงมาจากวิทยานิพนธ์ของ คุณวารุณี แสงกาญจนวนิช   อ่านแล้วต้องขอยกนิ้วให้ ว่าเป็นอีกหนังสือคุณภาพที่อ่านแล้วโดนฮ่ะ  ได้สาระและความรู้อีกหลายเรื่องราวที่เรายังไม่เคยรู้มาก่อน ชีวิตจริงของชาน่านั้นเป็นเกย์ ไม่ได้เป็นกะเทย แต่ที่ต้องแต่งสาวเป็นพรางชมพู ก็เพราะไม่อยากให้ทางบ้านรู้ (อันที่จริงคือไม่อยากให้คุณแม่ทราบ แค่คนเดียวเท่านั้นที่แคร์ความรู้สึก…
ชาน่า
 “ฮีธ เลดเจอร์” ขวัญใจชาวเกย์, พระเอกBrokeback Mountainเกิด – แก่ – เจ็บ – ตาย นั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางครั้งก็ยากจะทำใจได้  โดยเฉพาะหากใครสักคนอันเป็นที่รัก และผูกพัน แม้กระทั่งแค่ชื่นชม ปลื้ม ๆ ของคุณจากไปก่อนวัยอันสมควร   “เค้าหลับสบายไปแล้วล่ะ คงเหลือแต่เราที่จะก้าวต่อไป สู้ต่อไปตราบเท่าที่ลมหายใจยังอยู่แม้มันจะทรมาน ปวดร้าวแค่ไหน  ขอเวลาตั้งตัว ขอทำใจหน่อยได้ไหมคนดี”วันที่ 23 ม.ค. 2008 เป็นวันที่พระเอกในดวงใจของผมจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เขาผู้นั้นคือ  ฮีธ เลดเจอร์ หนุ่มน้อยหน้าไม่หล่อแต่เร้าใจวัยซาวแปด  ชาวออสซี่ …
ชาน่า
การแสดงความรักและความใคร่ที่ขาดไม่ได้สำหรับชาวเกย์ ส่วนหนึ่งคงหนีไม่พ้นการร่วมเพศ แต่จะเป็นเพศร่วมแบบไหนคงทายได้ไม่ยากนัก  ซึ่งอันที่จริงแล้วก็เป็นธรรมชาติของเกย์ กะเทยที่ต้องใช้ทวารยังหวานอยู่ภายในร่างกายเพื่อประกอบกามกิจ (อยู่บ้าง)  ซึ่งภาระนี้จะตกอยู่กับฝ่ายรับ จนเกย์คิงหลายคนบอกว่า “ผมไม่ชอบรับ ผมชอบรุก เพราะเป็นฝ่ายรับมันเจ๊บบบบ เจ็บ”  ขออนุญาตทำความเข้าใจกับคนที่ยังอ่อนต่อวิชาเกย์ศาสตร์ ว่า ฝ่ายรับคือ ผู้ให้ (ทวารยังหวานอยู่) ส่วนฝ่ายรุกคือผู้กระทำ
ชาน่า
คงไม่มีใครจะกล้าปฎิเสธได้ว่า ความใฝ่ฝันของเกย์กะเทย เก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซ็นต์ อยากจะทำหน้าที่ของการประกวดความงาม คุณค่าที่เธอคู่ควร ไม่ว่าจะเป็นเวทีใด ๆ ก็ตามที่จัดขึ้น ตอนเป็นเด็กชายอยู่บ้านนอกคอกนา เคยไปงานฤดูหนาวที่ทางจังหวัดหรืออำเภอเค้าจัดประกวด “นางฟ้าจำแลง” ตอนนั้นด้วยความไร้เดียงสา ใคร่รู้เยี่ยงนัก คำว่านางฟ้าจำแลงคืออะไร พอเติบโตขึ้นจึงเริ่มเข้าใจความหมายและเข้าใจตัวเองมากขึ้น “ฉันอยากเป็นนางฟ้าจำแลงจังเลย” พร่ำบ่นพึมพำในใจคนเดียว เพราะอิชั้นมีแววตั้งแต่จำความได้แล้วล่ะฮะ “โฉมเอย โฉมงาม อร่ามแท้แลอรุณ.......” เพลงที่ใช้ประกวดเมื่อครั้งจำความได้…
ชาน่า
ส่งท้ายปลายปี  ความหนาวเข้ามาเยือนเหมือนใจหวิว ๆ  หลายคนเปรียบเปรยถึงความอ้างว้างว้าเหว่ ในช่วงฤดูหนาว  ช่างเข้ากันนัก  แต่ที่นี่ในต่างแดนเขตทะเลแคริบเบี้ยน สำหรับคนท้องถิ่นไม่รู้จักคำว่าหนาวเหน็บนอกจากอากาศเย็น ๆ  ณ วันนี้ที่เกาะท้องฟ้ามืดมน ตั้งเค้าฝนจะตก  บ่อยครั้งที่ฝนฟ้าและอากาศเป็นใจมักจะปล่อยใจฝัน แบบบิวด์อารมณ์ได้ไม่ยากนักสำหรับหัวโปกไร้นม อารมณ์เกินหญิงของเกย์อย่างเรา  ฉันนั่งอยู่บาร์เล็ก ๆ แห่งหนึ่งของเกาะ Antigua and Barbuda เขตทะเลแคริบเบี้ยน  หลังจากที่เราสามคนเกย์เพื่อนรัก พากันออกจาก รีสอร์ทหรูราคาสี่ร้อยล้านเหรียญ หรือที่รู้จักกันดี…
ชาน่า
สังคมที่เปิดกว้างและยอมรับโลกแห่งความเป็นจริงได้เกิดขึ้นอีกระดับหนึ่ง เมื่อได้เห็นหนังไทย หนังดี หนังเด่นแนวหน้าแห่งปีนี้  เรื่อง “รักแห่งสยาม” หนังที่สะท้อนให้เห็นถึงความรักหลากอารมณ์ ของสังคมเมืองไทย ในความเหมือนที่แตกต่างของสังคม(อีกแล้วครับท่าน) เป็นกระแสแรงได้จิต สั่นสะเทือนหลายริกเตอร์ เขย่าให้เห็นถึงภาพสะท้อนของสังคมไทยในยุคปัจจุบัน  เมื่อ  “รักแห่งสยาม”  ผ่านสายตามหาชน   ทั้งพลพรรคคนรักเกย์ แอนตี้เกย์ รักครอบครัว รักเพื่อน รักแฟน รักเพศไหนๆ ยังไงก็ตาม“คงเป็นหนังวัยรุ่นกุ๊กกิ๊ก ทั่ว ๆ ไป  สปอยหรือเปล่าน๊า”“แหวะ ... หนังเกย์ แน่ ๆ เลยเท้อออ !”“โอ้โห…
ชาน่า
กลับมาตามหัวใจเรียกร้องอีกครั้งหลังจากพักร้อนเมืองไทย  กลับไปอ่านหนังสือของสาวสองเภท หรือสาวประเภทสองที่บุกตลาดเมืองไทยตามแผงหนังสือชั้นนำทั่วไป  อดไม่ไหวจึงขอหยิบมาฝากแนะนำเผื่อใครสนใจอยากอ่านเรื่องราวหลากหลาย มากมายมุมมอง สามารถอ่านได้จากหนังสือที่สาว ๆ เธอเขียนถ่ายทอดเพื่อเป็นสื่อสร้างสรรค์ผ่านตัวหนังสือ มีเล่มไหน ยังไงบ้างนั่งปูเสื่ออ่านได้ค่ะเกริ่นนำส่วนตัวก่อนว่า  สมัยก่อนตอนอยู่นอกเมือง ไม่ใช่เมืองนอก (บ้านนอก) เคยอ่านนิตยสารเล่มหนึ่ง จำไม่ได้ว่าเป็นสกุลไทย หรือขวัญเรือน  มีคอลัมน์ที่เค้าเขียนถึง “กะเทยไทยในต่างแดน” ตอนนั้นยังเป็นเด็กชาย อีแอบ ไม่แสดงออก…
ชาน่า
ห่างหายไปนานหลังจาก เปิดตัวหนังสือ “เม้าท์แตก...ชาวเรา” ได้สองวันก็ลัดฟ้า กลับไปทำงานต่อที่เรือสำราญ ณ อเมริกา  กว่าจะตั้งตัวได้เหนื่อยเอาการทีเดียวค่ะหมกมุ่นกับการทำงานและการปรับตัวสักระยะ จึงเริ่มออกไปพักผ่อนหย่อนใจ ตามประสาคนทำงาน ลอยล่องท่องไป ในโลกกว้าง  วันว่างหลังการทำงานหนักเป็นนางแบกอินเตอร์ (แบกถาดอาหารคาวหวาน)วันนี้หลังจากทำงานกลางวันรับจองห้องอาหารทางโทรศัพท์เสร็จจึงรีบออกไปเที่ยวหาดเกย์ ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนชาวเกย์อันเลื่องชื่อของพลเมืองชาวเกาะของประเทศอเมริกา ที่อยู่ทะเลแคริบเบี้ยน  นามว่า “ St.Thomas”  U.S.V.I ย่อมาจาก United State Virgin Island.…