ช่วงพักร้อนสามเดือนที่ผ่านมาได้ไปงานเปิดตัวหนังสือของเพื่อนที่ เอสพลานาด ทางทีมงานและสำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์ ได้มอบหนังสือเล่มนี้ ... “ตัดทิ้ง” ชีวิตจริงของสาวประเภทสอง ซึ่งเขียนและดัดแปลงมาจากวิทยานิพนธ์ของ คุณวารุณี แสงกาญจนวนิช อ่านแล้วต้องขอยกนิ้วให้ ว่าเป็นอีกหนังสือคุณภาพที่อ่านแล้วโดนฮ่ะ ได้สาระและความรู้อีกหลายเรื่องราวที่เรายังไม่เคยรู้มาก่อน
ชีวิตจริงของชาน่านั้นเป็นเกย์ ไม่ได้เป็นกะเทย แต่ที่ต้องแต่งสาวเป็นพรางชมพู ก็เพราะไม่อยากให้ทางบ้านรู้ (อันที่จริงคือไม่อยากให้คุณแม่ทราบ แค่คนเดียวเท่านั้นที่แคร์ความรู้สึก ที่เหลือประชากรทั่วจักรวาลไม่เคยคิดที่จะปิดบังเลยเจ้า) ถามว่าเคยคิดอยากจะแปลงเพศหรือไม่ เมื่อก่อนเคยคิด แต่ทุกวันนี้ ความคิดนั้นเปลี่ยนไปซึ่งมีหลายองค์ประกอบ อาจจะเป็นเพราะแก่เกินแปลงร่างกระมังคะ แต่ถ้าแต่งสาวเมื่อไหร่แล้วชอบเป็นการส่วนตัวเชียวล่ะ
ลองอ่านเรื่องจริงของเค้าหรือเธอ ที่ผ่านเป็นตัวหนังสือ จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์ แม้เวลาการพิมพ์จะผ่านไปสองสามปีแต่คุณค่าของหนังสือไม่เคยเปลี่ยนไปตามกาลเวลาเลย
ชีวิตของสาวประเภทสองที่แปลงเพศนั้นจะเป็นเช่นไรใครจะรู้ดีเท่ากับตัวเธอเอง หนังสือเล่มนี้ถ่ายทอด ปอกเปล่าเล่าเปลือยอย่างไม่กั๊ก ซึ่งคนในหนังสือนั้นล้วนเป็นคนจริง เรื่องจริง เจาะลึกลากใส้
คนเราแม้จะเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองปรารถนาได้ หลายคนเถียงว่าทำไมจะเลือกเพศเกิดไม่ได้ หาโครโมโซมให้หมอกำหนดเพศก็เลือกเพศของลูกได้แล้ว นั่นก็จริงแต่บางครั้งเพศที่เกิดมาแล้วก็ขัดแย้งกับความต้องการของเจ้าของหัวใจ และวิญญาณ (ซึ่งบังคับกันไม่ได้) ถ้าจะให้เลือกระหว่างการเปลี่ยนจิตฝังใจกับเปลี่ยนร่างกาย อย่างหลังนั้นยังง่ายกว่าซะอีกในปัจจุบันของคนที่มีแรงกล้าที่คิดจะเปลี่ยนร่าง แปลงเพศให้สอดคล้องกับความต้องการทางจิต
คำนำของผู้เขียนบอกให้เรารู้ว่า * “จุดประสงค์ของหนังสือเล่มนี้ ต้องการฉายภาพสะท้อนและถ่ายทอดข้อเท็จจริงของ “ครรลองชีวิต” เบื้องหลังชีวิต และความเป็นมาเป็นไปของ “ชาย” ที่ผ่านการผ่าตัดเปลี่ยนเพศเป็น “หญิง” หรืออาจเรียกว่า ชายที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนเพศทางร่างกาย “โดยกำเนิด” ไปสู่เพศ “หญิง” ที่จิตใจนั้น พร่ำ “กำหนด”........”
ศัลยกรรมการแปลงเพศ จึงเข้ามามีบทบาทต่อพวกเค้าหรือเธอ แม้มันจะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของ “มนุษย์” ในการคิดค้น ความก้าวหน้า วิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ช่วยให้พวกเธอนั้นได้ทำตามฝัน สักครั้งของชีวิตในชาตินี้
จากผลการวิจัย ในต่างประเทศ มีสาวประเภทสองต้องการเปลี่ยนเพศ โดยมีปริมาณดังนี้ ** อเมริกาเท่ากับ 1 : 100,000 ประเทศเยอรมัน 1 : 42,000 ประเทศสวีเดน 1 : 37,000 ประเทศอังกฤษ 1 : 34,000 ประเทศออสเตรเลีย 1 :24,000 ประเทศเนเธอร์แลนด์1 : 11,900 ส่วนในประเทศไทยยังไม่มีการสำรวจอย่างเป็นทางการ แต่เกรงว่าตัวเลขก็คงจะไม่ทิ้งห่างจากต่างประเทศนัก หรือคุณว่าไง
เหตุผลหลักของการแปลงร่าง ... หรือแปลงเพศ นั้น เกิดจากความไม่สอดคล้องระหว่างเพศและจิตใจฮ่ะ เกิดในร่างชายแต่ใจเป็นหญิง แม้แพทย์จะบอกว่าเป็นความเจ็บป่วยทางจิตประเภทหนึ่ง ถึงแม้จะพยายามรักษาโรคด้วยวิธีการทางจิตบำบัดแต่ก็ไม่สำเร็จ จนหลายคนยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงร่างกายให้สอดคล้องกับจิตยังง่ายกว่าค่ะ จึงเป็นที่มาของการแปลงเพศ แต่กว่าจะแปลงร่างและเพศได้นั้นก็ไม่ใช่ แค่คลิ๊กปุ๊บแปลงปั๊บ เหมือนไอ้มดแดง หากต้องผ่านกรรมวิธีกระบวนการหลายขั้นตอน เช่น อันดับแรกจะต้องผ่านการทดสอบสภาพทางจิตว่าต้องการจริง ๆ หรือแค่อารมณ์ชั่ววูบ การใช้ฮอร์โมนทดแทน และการทดลองดำเนินชีวิตแบบเพศตรงข้ามอย่างเต็มเวลา เพื่อทดสอบว่าผู้จะได้รับการผ่าตัดมีความพร้อมหรือไม่
* วัตถุประสงค์ของการผ่าตัดเปลี่ยนเพศ
๑. เพื่อปรับเปลี่ยนร่างกายให้สอดคล้องกับเพศทางจิต
๒. เพื่อเปลี่ยนลักษณะภายนอก เช่น เต้านม อวัยวะเพศ รูปร่าง และใบหน้า ต่าง ๆ ให้มีลักษณะคล้ายคลึงกับเพศที่ต้องการมากที่สุด โดยอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
๓. เพื่อเอื้ออำนวยให้ผู้ที่ได้เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนเพศดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติชน
เกณฑ์ขั้นต่ำในการวินิจฉัยบุคคลที่จะเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนเพศ เช่น
มีอายุครบตามกฎหมายของประเทศตน
มีการใช้ฮอร์โมนทดแทนอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 12 เดือน
ประสบความสำเร็จในการทดลองดำเนินชีวิตแบบเพศที่จะเปลี่ยนเป็นเวลา 12 เดือน
ได้รับการอธิบายในเรื่องเงือนไขและค่าใช้จ่าย ค่ารักษาพยาบาล ปัญหาหลังการผ่าตัด
เป็นต้น
กระบวนการผ่าตัดเปลี่ยนเพศจากชายเป็นหญิงนั้น สลับซับซ้อนอย่างเช่น สร้างช่องคลอด ตัดลูกอัณฑะออก ลูกออกไม่พอ องค์ก็ต้องออกด้วยนะคะ องค์ที่ว่านั้นคือ องคชาติ เมื่อตัดแล้วก็ต้องเพิ่มเติมสร้างคลิตอริส อันนี้ขออธิบายหลายคนบอกว่า พอแปลงเพศแล้วจะไม่มีความรู้สึกทางเพศ หรือจะไม่ถึงจุดนั้น หมอก็ไม่ยอมน้อยหน้าขอตัดแต่งเพิ่มเติม โดยเอาเลือดและเส้นประสาท ซึ่งไวต่อการกระตุ้นให้ถึงจุดนั้น (ไม่ใช่จุดนัดฝันนะเค๊อะ) มาสร้างเป็นคลิตอริส ที่ลืมไม่ได้คุณหมอหัดใหม่ห้ามลืมก็คือ ต้องสร้างรูเปิดของท่อปัสสาวะ ไม่งั้น...ลำบาก หารูออกไม่ได้แย่เลยค่ะ ขั้นตอนสุดท้ายก็ต้องสร้างแคม ไม่ใช่เว็บแคมนะคุณ ต้องสร้างแคมนอก แคมในให้เหมือนจริงมากที่สุด
ร้อยเกือบทั้งร้อยเมื่อถึงขั้นผ่าตัดแปลงเพศแล้ว สาว ๆ ทั้งหลายจะต้องผ่าตัดทำศัลยกรรมอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น การเสริมจมูก จิ้มคาง ผ่าตัดรูปหน้าไม่ให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู หรือว่าสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตัดกราม ดึงแนวผมให้ต่ำลง รวมทั้งการเหลาลูกกระเดือกให้บางลง คุณหมอทำได้ค่ะ
หลังการผ่าตัดแล้วก็ต้องเป็นคนไข้ ได้รับการดูแลจากหมอ นอกจากนี้แล้วตัวเองก็ยังต้องดูแลช่องคลอด(ใหม่) ถ้าจะกล่าวว่าช่องคลอดก็คงไม่ถูกต้องนักเพราะหาได้มีโอกาสคลอดใครออกในส่วนนั้น แต่รู้กันว่าคือช่อง.... ชาน่าขอเรียกว่า ช่องเพศ(ใหม่) ละกัน พวกเธอจะต้องใช้เทียนแท่งเหลาเป็นรูปอวัยวะเพศชาย หรืออาจเป็นแท่งซีลีโคนนุ่ม หรือเครื่องขยายช่องคลอด ซึ่งจะต้องสอดใส่ ใหม่ ๆ วันละสองสามครั้ง แทบจะทำหลังอาหาร ครั้งละ 30 นาที ต้องทำเช่นนี้เป็นเวลา 6 เดือน ศัพท์แสลงเค้าเรียกกันว่า ต้อง “โม” (อ่านว่า โม เฉย ๆ ไม่ใช่นะโม พิมพ์ไม่ผิดหรอกค่า ฮา ฮา ) ช่วงนี้ก็สำคัญมิใช่น้อย เพราะถ้าหากคุณไม่โม ช่องแคบของคุณอาจจะหด หรือ ตื้นตัน เหมือนกับการเจาะหู หนะค่ะยังต้องหาอะไรมาทิ่มแทงตลอดไม่งั้น แน่นอน.... “รู” ตัน
คำถามที่หลายคนอาจจะคิด หรือคิดไม่ถึงว่า หลังผ่าตัดแล้วเมื่อไหร่จึงจะสามารถ ทำกิจกรรมเข้าจังหวะได้ (ร่วมเพศ) โดยทั่วไปแล้วสามารถเริ่มต้นทดลองขับขี่ได้ ในสัปดาห์ที่ 6 หากมีอะไรผิดพลาด สามารถติดต่อศูนย์ถ่วงล้อ เปล่าค่ะเปรียบเปรย ติดต่อคุณหมอผู้ทำการผ่าตัด อย่างเช่น ฉีกขาด เลือดไหล จะได้แก้ไขทันท่วงที
ของตัดแต่ง บางรายทำได้เนียนจนหาที่ติไม่ได้ แต่บางรายก็ผิดเพี้ยนบ้างนิดหน่อยโดยจะพบได้อย่างเช่น เวลานั่งปัสสาวะ รูปัสสาหันข้าง ดันหน้า เวลาฉี่แทบรดหน้าประตูห้องน้ำ หรือสายยางน้ำพ่นทางซ้ายบ้าง ขวาบ้างตามจังหวะ บางรายพอมีอารมณ์ทางเพศ อวัยวะของเธอแข็งโป๊ก ทั้ง ๆ ที่ของผู้หญิงจะนุ่มนิ่มอย่างแตกต่าง....
ผลหลังการผ่าตัดแล้ว โดยส่วนมากจะพอใจในระดับสูงทีเดียว เพราะได้เป็นอยู่อย่างเต็มรูปแบบว่า “ฉันก็เป็นผู้ฉิง ....เต็มตัวแล้ว” การใช้ชีวิตและกิจวัตรประจำวันก็คือ หญิง ทั้งกายและหัวใจหละค่ะ
มีหลายรายที่ผ่าตัดแปลงเพศแล้ว โดยรูปลักษณ์ภายนอก ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าเคยเป็น ผู้ชาย มาก่อน แต่บางคนก็ยังมีเค้าโครงร่างเหมือนผู้ชายอยู่บ้างอย่างเสียไม่ได้
ส่วนตัวชาน่าเคยสัมภาษณ์ ช่างแต่งหน้าจาก เดอะ ไฮนิส สตูดิโอ ทองหล่อ เธอบอกว่า “เจ็บมากเลย ก็เหมือนกับตัดชิ้นส่วนอวัยวะของเรา ใครบอกว่าไม่เจ็บไม่จริงหรอก” เธอเล่าให้ฟังว่า “แม้จะผ่าตัดแปลงแล้วบางครั้งผู้ชายก็ยังนิยมเข้าประตูหลังของบ้านอยู่ดีล่ะ”
ชาน่าเคยทราบข่าวจากรุ่นพี่คนหนึ่งที่เรียนมัธยมปลายด้วยกันที่ ร.ร.ดำรงราษฎร์สงเคราะห์ เชียงราย เธอตัดสินใจ แปลงเพศแต่ข่าวที่อนาจเยี่ยงนักคือเธอเสียชีวิตในระหว่างการผ่าตัดแปลงเพศ เพราะเสียเลือดมาก หัวใจวาย ตายก่อนสมร่างหญิงสวย ซึ่งก่อนที่เธอจะแปลงเพศเธอเอวบางร่างเล็กสวยงามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว น่าเสียดายและเสียใจแทนพ่อแม่ด้วยจริง ๆ ค่ะ
* “ถึงวันนี้ก็บอกได้เลยว่า เราตายได้แล้ว ตายได้แล้วจริง ๆ เพราะเราเป็นผู้หญิงแล้ว ชีวิตไม่ต้องการอะไรมากกว่าได้เป็นสิ่งที่ตัวเองอยากเป็น ถึงแม้คนอื่นจะรับไม่ได้ก็ตาม” เสียงของ แจน หนึ่งในสาวประเภทสองที่ผ่าตัดแปลงเพศ ที่ถูกสัมภาษณ์ในหนังสือเล่มนี้
ไม่ว่าคุณจะเลือกเป็นเพศไหน ตามกำเนิด หรือเพิ่งจะกำหนด(เพศ) สิ่งที่เราจะต้องเผชิญและอยู่กับความเป็นจริงนั้นสำคัญที่สุด คนทุกคนมีทางเลือก หากคุณเลือกที่จะเป็นใครสักคนในชาตินี้หรือชาติหน้า (ถ้าเลือกได้) ก็ขอเป็นคนที่สอดคล้องกับความต้องการทางภาวะจิตใจ แม้สิ่งที่เลือกนั้น “จะกลับก็กลับไม่ได้ ไปก็ไปไม่ถึง” แต่หนึ่งสิ่งที่อยู่ในใจเราเสมอคือ เลือกที่จะเป็นสุข ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
นำเสนอเรื่องแปลง(เพศ)ร่าง ส่งตรงจากเกาะ Barbados,West Indies Eastern Caribbean .
* ข้อมูล จากหนังสือ “ตัดทิ้ง” ชีวิตจริงของสาวประเภทสอง, วารุณี แสงกาญจนวนิช สำนักพิมพ์ สร้างสรรค์บุ๊คส์, สิงหาคม 2548
* กราบขอบพระคุณ สำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์ สำหรับหนังสือเล่มนี้ที่มอบให้อย่างเป็นทางการ