"กระจกจ๋า บอกซาร่าหน่อยนะ ว่าผู้ชายคนเนี้ยะ...ใช่มะ ใช่มะ...."
มาแล้ว มาแล้ว มาแล้ว จิ๋ม ซาร่า ท้าสัมผัส... มากับอัลบั้มชุดที่สอง "คนร่วมฝัน"
หากคุณได้ยินเพลงนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่าเป็นหญิงจริงหรือหญิงเทียม ไม่ว่าคุณจะมองผู้หญิงคนนี้อย่างไร ชาน่ามองเธอว่า เธอคือผู้ชายที่กลายเป็นผู้หญิงที่น่าค้นหาอีกคน ข้อความจากเพลง “เกินห้ามใจ” ของนักร้องสาวประเภทสองที่ชื่อจิ๋ม ซาร่า หรือชื่อที่ใช้ในวงการ “สุจินต์รัตน์ ประชาไทย” ผู้ชายทั้งแท่งที่ผันตัวเองให้เป็นผู้หญิงทั้งทิ่ม เธอผู้นี้เป็นคนไทยคนแรกที่กล้าไปผ่าตัดแปลงเพศไกลถึงดินแดนเมืองผู้ดี “อังกฤษ”
เมื่อช่วงพักร้อนที่ผ่านมา ชาน่ากลับเมืองไทยได้รับคำเชิญจากสมาคมเกย์ไปงานแถลงข่าวของผู้หญิงที่ชื่อซาร่า สาวประเภทสองที่ต้องห้ามเข้าฮ่องกง จนเป็นข่าวคราวพาดหัวข้อข่าว และรายการทีวีเกรียวกราว ดิฉันได้รู้จักและสนิทกับเธอ พร้อมตะลุยไปทำข่าวหลาย ๆ ที่จนชื่นชมถึงความสามารถและได้รู้จักกับชีวิตของอดีตผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อ ด.ช. สุชาติ จนทุกวันนี้เธอคือ จิ๋ม ซาร่า อดีตดารา และปัจจุบันคือนักร้อง นักแสดง สาวประเภทสอง ตั้งใจจะเขียนเรื่องของเธอในคอลัมน์นี้นานแล้วแต่ก็เก็บไว้เพื่อโอกาสที่เหมาะสม
อยากพาคุณรู้จักเธอคนนี้ “จิ๋ม ซาร่า”... ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย ของเธอเป็นอย่างไร
ด.ช.สุชาติ เกิดมาในร่างของผู้ชายในครอบครัวคนจีนที่จังหวัดนครสวรรค์ แม้ชื่อเล่นทางบ้านเรียกเค้าว่า ชาติ แต่เค้าเรียกตัวเองว่า จิ๋ม มาโดยตลอด ชีวิตในวัยเด็กไม่ต่างอะไรไปกับเด็กชายในครอบครัวคนจีนที่อยู่ต่างจังหวัดทั่วไป จนปรับตัวเข้ากับสังคมและความขัดแย้งทางเพศของตัวเองไม่ได้ คิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง เพราะเมื่อห้าสิบกว่าปีชีวิตของเกย์ กะเทยเป็นสิ่งที่ไม่ยอมรับในสังคมไทย อายุสิบหก กลับไปที่บ้านในขณะที่เธอกำลังนอนหลับอยู่นั้น พ่อเอาบัตตาเลี่ยนไถหัวทรงผมที่ฮิบที่สุดในตอนนั้น ก็เลยต้องโกนหัว เธอถามว่า "เตี่ยทำอย่างนี้กับหนูทำไม" เพราะเค้าคิดว่าจะเปลี่ยนเธอได้ ทางบ้านทำทุกอย่างเพื่อจะเปลี่ยนลูกชายหัวใจหญิง ให้กลับเป็นลูกชายเหมือนคนทั่วไป แม้กระทั่งเอาเธอไปผูกกับต้นชมพู่ แล้วเอาก้านมะยมตี พร้อมกับพูดว่า “ต้องเป็นผู้ชาย ..มึงต้องเลิก มึงต้องไม่เป็น” มิหนำซ้ำยังเอาน้ำเกลือราด แล้วเอามดมาปล่อยให้กัด แม่ของเธออยู่บนบ้าน แม่ทำอะไรไม่ได้ ค้านไม่ได้เลย โดนมัดสี่ห้าชั่วโมงจนดึก กระทั่งแม่มาปล่อย หลังจากนั้นเธอแค้นคิดประชดชีวิตโดยไปปีนเสาไฟฟ้าให้ฟ้าผ่าตาย แต่โชคร้าย .....ฟ้าไม่ผ่า ฝนไม่ตก .... เธอจึงรอด
ช่วงวัยเด็ก ตอนไปโรงเรียนเธอไม่เคยเข้าห้องน้ำเลยในโรงเรียน ต้องอดกลั้นจนกลับถึงบ้าน พออายุสิบสอง ปิดแต๊บเลย...เวลาที่จะจับมันยังรังเกียจ ท่องอย่างฝังใจเสมอว่า ไม่อยากได้จู๋ แต่อยากมีจิ๋ม...
เธอมีน้องสาวออกทอม ๆ และเคยพูดกับน้องสาวว่าว่า “สลับร่างกันมั้ย” จนกระทั่งมีความคิดว่า... เมียตัดจู๋ ผัวทิ้ง ทำไมเค้าอยู่ได้ ทำไมเธอจึงไม่ตัดบ้าง ... จึงเป็นคำถามที่น่าสงสัยของเธอเสมอมาจนกระทั่งมีโอกาสได้ไปอยู่อังกฤษตอนอายุ 22 ปี เธอจึงไปเสิร์ฟอาหารไกลถึงอังกฤษ ทำหน้าที่เป็นสอสอ (สาวเสิร์ฟ) โดยมีเงินติดตัวแค่แปดพันบาท วันหนึ่งได้อ่านหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ฉบับหนึ่ง เค้ากำลังหาคนอยากะจะเปลี่ยนเพศ เหมือนกับต้องการหนูทดลอง หนูคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นสาวไทยใจถึงคนนี้นี่เอง เป็นการผ่าตัดแปลงเพศฟรี โดยไม่เสียตังค์ซักกะบาทเดียว
การสมัครเป็นไปตามขั้นตอน จากคนที่ไปสมัครผ่าตัดร้อยกว่าคนแต่เค้าคัดเลือกเอาแค่ 7 คน หนึ่งในนั้นคือเธอ หลังจากนั้นเค้าต้องเฝ้าสังเกตจากกล้องวงจรปิด ประมาณเดือนกว่า ๆ สอบจิตวิทยาทั่วไป จนถึงเวลาผ่าตัดแปลงเพศ “ปาด แปะ เจาะ” ทำทั้งบนและล่างประมาณ 12 ชั่วโมง ก่อนที่จะผ่าตัดเธอถูกเข็นรถไป เธอร้องไห้ น้ำหูน้ำตาเล็ดจนหมอเข้าใจว่าเธอยังไม่พร้อม แต่เธอกลับบอกว่า “ฉันดีใจที่จะได้เป็นหญิง” หลังจากนั้น หมอบอกว่า “คุณเป็นผู้หญิงแล้วนะ”
พอหลังจากเหตุการณ์เปลี่ยนไป ในเมื่อครอบครัวไม่สามารถเปลี่ยนเธอให้เป็นลูกชายคนโตได้แล้ว เธอจึงประพฤติตัวที่ดีเลี้ยงครอบครัวได้ เป็นคนดี พ่อและทางบ้านจึงยอมรับ หลังจากนั้นพ่อภูมิใจเรียกเธอเป็นลูกสาวโดยตลอด
ชีวิตของลูกคนโตที่ต้องเลี้ยงครอบครัว เธอทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงิน เคยเปิดโรงแรมเกย์แห่งแรกในประเทศไทยที่พัทยา ชื่อ Homex Hotel หลังจากนั้นจึงก้าวเข้าวงการบันเทิงรับเล่นหนังเทพธิดาบาร์เบียร์
แต่แล้วเหมือนโชคชะตาไม่เข้าข้างเธอ หลังจากที่เศรษฐกิจฟองสบู่แตก นักธุรกิจเก่งอย่างเธอก็ประสบปัญหา แทบจะล้มละลาย เพราะเธอสูญเงินไป 28 ล้าน (ถ้าเปรียบเป็นเงินปัจจุบันก็เท่ากับคูณ สาม เกือบร้อยล้าน) เหตุเพราะเก็งกำไร ผิดพลาด มีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อดอลล่าห์เก็บไว้ ภายในสามเดือน หมดไป 28 ล้าน ซึ่งบางเดือนเธอได้กำไรมาแล้ว 9 ล้าน ไม่มีใครรู้อนาคตข้างหน้า เหมือนกับการเก็งเงินดอลล่าห์ที่ผิดพลาดของเธอ เธอได้รับการติดต่อจากธนาคาร เพื่อบอกข่าวร้าย จนเกิดอาการช็อค ขาดสติ ความรู้สึกชาไปทั้งตัว โทรศัพท์ร่วงลงพื้นอย่างไม่รู้ตัว กลายเป็นอัมพฤต จนเธอต้องหาทุกวิถีทางรักษาตัวเอง แต่เธอบอกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการรักษาโรคคือ จิตใจที่เข้มแข็ง
มรสุมชีวิตกระหน่ำซ้ำซ้อน เธอคิดฆ่าตัวตายให้หายไปจากโลกเพื่อหนีปัญหา จนแม่โทรมาบอกและให้กำลังใจเธอว่า “การที่เธอเป็นอย่างนี้ มันเป็นสิ่งที่วิเศษสุดแล้ว เป็นได้ขนาดนี้จะมีใครสักกี่คนที่ทำได้ จงภูมิใจในตัวเอง สู้ต่อไป” ความรู้สึกของคนที่เคยเป็นนางเอก จนกลายเป็นคนหน้าเบี้ยว ชีวิตล้มเหลว ล้มละลายตกต่ำ พูดไม่ได้ แม้กระทั่งเคี้ยวข้าวก็ไม่ได้ แต่เธอก็ได้กำลังใจจากแม่ ผู้หญิงที่รักเธอมากที่สุด สุดท้ายจึงหาหนทางรักษาตัว เธอรักษาตัวสามเดือน หมดเงิน 6 แสนบาท จนเพื่อนบอกให้ไปนิวซีแลนด์ไปรักษาตัว เธอจึงไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น โดยทำงานอย่างหนักเช่นเคยเพื่อแบกภาระดูแลครอบครัวในเวลาเดียวกัน พอหาหนทางหนีทีไล่ได้ เธอจึงอยากทดลองในการขอแต่งงานหลังจากที่ตัวเองผ่าตัดแปลงเพศผ่านไปสิบกว่าปี จึงได้พาผู้ชายไทยไปจดทะเบียนสมรสแต่งงานแปลงคำนำหน้านามเป็นนางสาว ถูกต้องกำหนดเงื่อนไขว่า ต้องแปลงเพศมาแล้วมากกว่าสิบปี คราวนี้ได้ใบทะเบียนสมรสอย่างภาคภูมิใจ
ทุกวันนี้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข กับการทำงานในสิ่งที่ตัวเองรัก ทำธุรกิจที่พอเพียง พอใจ ใช้ชีวิตอย่างมองในทางบวก เธอกลับมายืนบนเวทีวงการบันเทิงอีกครั้งด้วยการร้องเพลง ทั้งร้องและแสดง โดยได้สานฝันงานเพลงถึงสองอัลบั้ม ซึ่งอัลบั้มชุดสองของเธอมีชื่อว่า “คนร่วมฝัน” จัดทำและจัดจำหน่ายโดยบริษัท เผ่าพันธุ์ซาวด์
สาวประเภทสองที่สวยและมีสมอง ทำความดีและทำประโยชน์ให้กับสังคม นั่นคือสิ่งที่เราน่าชื่นชมในความแกร่งและต่อสู้ของเธอ ผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อ จิ๋ม ซาร่า “สุจินต์รัตน์ ประชาไทย” ติดตามผลงานของเธอได้แล้ววันนี้