Skip to main content


 

เคยคิดอยากเขียนนิยาย ที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงเหมือนกัน แต่ฝีมือการเขียนยังไม่เข้าขั้น และที่สำคัญเวลายังไม่เอื้ออำนวย เพราะต้องทำงานเป็นนางแบกโกอินเตอร์ ทำงานทุกวันฮ่ะ (นางแบก คือทำงานอาชีพแบกถาด บนเรือสำราญเจ้าค่ะ)

สัปดาห์นี้อยากเขียนเรื่องจริงจากประสบการณ์ของชายคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของชาน่า ที่เค้ากล้าเผยความเป็นเกย์ต่อครอบครัว ความจริงมันไม่เป็นเพียงแค่ความกล้า หากแต่เป็นสถานการณ์พาไป และอยากให้รับรู้ ยามเมื่อถึงเวลา เนื้อเรื่องและเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงจากครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนครอบครัวหนึ่ง เรียบเรียงโดยชาน่า ล้านนา ค่ะ



วัฒน์ หนุ่มไทยเชื้อสายจีนที่เติบโตมาท่ามกลางวิถีชีวิตของคนไทยในเมืองกรุง ด้วยเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่เมืองไทยหลายชั่วอายุคน การใช้ชีวิตและสิ่งแวดล้อมของเขาไม่ต่างอะไรไปกับคนไทยครอบครัวจีนทั่วไปเลย พออายุเลยเพญจเพส เขาบรรลุนิติภาวะด้วยวัยวุฒิที่สังคมกำหนดแล้ว แต่ภาวะทางจิตในสายตาของผู้ปกครองยังมองเขาเหมือนเด็กเสมอ และแล้ววันนี้ที่รอคอยก็มาถึง สำหรับปัญหาที่ค้างคาใจมาโดยตลอดตั้งแต่จำความได้ กับบทบาทของชีวิตครอบครัวที่เกิดขึ้น

แก...บอกพ่อแม่เหอะ ฉันคิดว่าท่านรู้ เพราะยังไงท่านก็เลี้ยงแกมา มีเหรอจะไม่รู้อ่ะ”
มันจะดีเหรอเธอ... ถ้าหากฉันบอกทางบ้านแล้วเค้ารับไม่ได้ล่ะจะทำยังไง”



กลางค่ำคืนของปลายฝนต้นหนาว และแล้วก็มาถึงวันที่วัฒน์คิดว่า “สักวันคงต้องมาถึง” วันนี้ได้ฤกษ์งามยามดี หลังจากฝนฟ้าตก ๆ หยุด ๆ ตามช่วงฤดูกาล ทุกคนภายในบ้านนั่งทานอาหารมื้อเย็นด้วยกันอย่างพร้อมหน้า พอทานอาหารเสร็จจึงนั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยตามประสาครอบครัวที่อยู่กันอย่างอบอุ่น เหตุการณ์เหมือนกับเป็นลางสังหรณ์ ไม่ต้องรอให้วัฒน์ได้เอ่ยปากพูดเกริ่นถึงเรื่อง แต่สถานการณ์มันก็พาไปเองด้วยความบังเอิญ แม่เปิดฉากเริ่มต้นด้วยคำถามที่วัฒน์ไม่อยากจะเชื่อเลย

วัฒน์...ทำงานเหนื่อยมั้ยลูกวันนี้ แม่ขอถามเราหน่อยนะ ขอให้ตอบแม่ตามความเป็นจริงนะลูก ... อือ... เรามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า” แม่นั่งยิ้มเหมือนมีอะไรในใจที่น่าค้นหา กับคำถามที่เป็นปริศนาแปลก ๆ
ก็ไม่มีอะไรนี่ครับแม่ ผมก็ปกติดีทุกอย่าง ทำไมเหรอแม่” วัฒน์ถามแม่กลับอย่างงงๆกับการเกริ่นเรื่องคำถามของแม่
นี่จดหมายของลูกใช่มั้ย นนท์ส่งมาให้”
ใช่ครับ.... แม่เปิดอ่านเหรอ แม่เปิดอ่านทำไม นั่นมันจดหมายที่นนท์จ่าหน้าซองถึงผม” วัฒน์เห็นซองจดหมายที่รู้อย่างเต็มอกว่าเป็นจดหมายของใคร เพราะจำลายมือและซองได้เป็นอย่างดี คงไม่ได้เป็นของคนแปลกหน้าคนไหน หากแต่เป็นจดหมายของแฟนผู้ชายที่เป็นคนคุ้นเคย ที่เคยมากินนอนที่บ้านของวัฒน์ประจำ ซึ่งทางบ้านของเค้าก็รู้จักหนุ่มคนนี้ดีเหมือนเป็นลูกชายอีกคน เพราะนนท์เป็นเพื่อนสมัยเรียนของวัฒน์ที่รู้จักมักจี่กับครอบครัวของวัฒน์ เพราะเค้าเคยบอกพ่อแม่ของวัฒน์ว่า ขอเป็นลูกชายอีกคน นนท์เค้าเป็นลูกกำพร้าที่พ่อแม่จากไปนานแสนนาน
เราเป็นแฟนกับนนท์เหรอ... !!!! ...”
ที่แม่เข้าใจถูกแล้วครับ ผมเป็นเกย์ ผมรักนนท์และนนท์เค้าก็รักผมครับ”

 

แค่นี้ล่ะ เรื่องทั้งหมดก็กลายจากหน้ามือเป็นหลังเท้าทันทีทันใด
อ๋อ...มันอย่างนี้นี่เอง” แม่ของวัฒน์ได้รับคำตอบจากปากของลูกชายคนโตของครอบครัวอย่างเต็มหู อย่างเสียงดังฟังชัด
กูคิดว่ากูคงอยู่ร่วมกับมึงไม่ได้แล้วล่ะ”
ตกลงพวกมึงหลอกกูมาตลอดเลยเหรอ ที่มานอนค้างที่บ้าน มา(....ร่วมเพศภาษาบ้าน ๆ ...)กันในบ้านของกู มึง...ไอ้(...วรนุช...) ไอ้สัตว์เดรัจฉานนนนนนน...” เสียงของผู้เป็นพ่อ กราดด่าหน้าดำหน้าแดง ด้วยความโมโหอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้

 


วัฒน์ใจหายแว๊บ เหมือนโลกกำลังจะแตก หัวใจกำลังสลาย พายุกำลังกระหน่ำเข้าในใจอย่างเสียไม่ได้
มึงมีเวลาสามสิบนาที ให้ออกจากบ้านกูไปเดี๋ยวนี้แล้วอย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก....” ประโยคที่พ่อพูดออกมาก้องในหู วัฒน์แทบเสียสติ พร้อมกับรุดไปที่ห้อง ที่บอกให้รู้ว่าสถานการณ์นี้อยู่ต่อไปคงไม่ได้แล้ว
นี่มันอะไรกันเหรอ ถามกันตรง ๆ ก็บอกกันตรง ๆ นึกว่าจะรับได้ นึกว่าจะรู้แล้ว ...ทำไมมันเป็นอย่างนี้” วัฒน์ถามพ่อแม่ด้วยความสงสัยและขุ่นใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้น แต่ก็นึกในใจเสมอว่า ถ้าสักวันมันถึงเวลาก็คงเป็นเวลาที่โลกจะเปิดเผยของมันเอง

ทันทีทันใดนั้น วัฒน์เห็นภาพของผู้เป็นพ่อที่กำลังกริ้วโกรธ เข้ามากระชั้นชิดตัวของเขา พร้อมกับง้างมือจะตบด้วยความโมโหสุดชีวิต
ด้วยสัญชาติญาณของมนุษย์ วัฒน์ยกมือขึ้นป้องกันตัวเอง
นี่มึงคิดจะสู้กูเหรอไอ้วัฒน์ ไอ้ลูกเนรคุณ”
ผมไม่ได้สู้พ่อ แต่ทำไมพ่อต้องตบหน้าผมด้วย ผมเป็นเกย์แล้วไม่ดีตรงไหนครับ”
มึงยังจะมาเถียงอีกเหรอไอ้วัฒน์ ...”
ไอ้วัฒน์.... เสียแรงที่กูเลี้ยงมึงมา ไอ้ลูก....(วรนุช...หอสระเอียไม้โท..)..” แม่ของวัฒน์ก็เสียใจไม่น้อยทั้งด่าและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน
ผมถามพ่อกับแม่หน่อยเหอะว่า ผมมัน...(วรนุช) ตรงไหน ผมทำทุกอย่างเพื่อพ่อแม่ ครอบครัวและน้อง ๆ ผมเป็นคนดี ทำดีมาโดยตลอด แค่เป็นเกย์แล้วมันผิดตรงไหน”
พ่อกับแม่จะให้ผมออกจากบ้านไปใช่มั้ย ... นับจากตอนนี้เป็นต้นไป ถ้าใครถามให้บอกเค้าว่า ลูก...(วรนุช) คนนี้มันหนีไปเอง มันไม่รักดีที่เกิดมาเป็นเกย์” วัฒน์บอกกล่าวลาทั้งน้ำตาอาบแก้มอย่างเสียใจ

วัฒน์เสียใจมากที่พ่อแม่ด่าไล่ ยังกะหมูกะหมา ทั้งๆ ที่หลายปีที่ผ่านมาหลังจากเขาเรียนจบก็ช่วยกิจการงานที่ธุรกิจที่บ้าน ยอมทิ้งงานที่รักและเคยทำมาดูแลงานธุรกิจครอบครัว ช่วยทำทุกอย่างตั้งแต่ภารโรงยันผู้จัดการบริษัท จนฐานะและกิจการทางบ้านเจริญรุ่งเรือง กับเรื่องแค่เกิดมารักเพศเดียวกัน ทำไมต้องด่าเป็นสัตว์เดรัจฉาน เกิดความสงสัยพอตอบตามความจริงก็รับไม่ได้ หรือพ่อแม่จะหลอกตัวเองมาตลอด พอรู้ความจริงจึงรับไม่ได้

ผมจะทำยังไงดี ผมไม่รู้จะไปทางไหน ผมไม่มีเงินเก็บเลย เงินที่ได้มาจากครอบครัวก็ให้พ่อแม่หมด มีติดตัวแค่ไม่ถึงพันบาท” วัฒน์พูดกับตัวเองอย่างน่าสงสารชะตาฟ้าผ่า พรางเก็บข้าวของพร้อมจะออกไปตามความต้องการของพ่อและแม่ในตอนนั้น

วัฒน์ตัดสินใจขอไปอยู่กับเพื่อนสนิท ซึ่งเค้าอยู่กับครอบครัวที่น่ารักมาก พ่อแม่เป็นคนธรรมะธรรมโม มีจิตใจดี หนึ่งชั่วโมงที่เก็บของและรอรถแท็กซี่ที่โทรไปเรียกนั้น มันสุดแสนจะรันทดและทรมานมากที่สุดในความรู้สึกถูกคนที่เค้ารักและรักเค้าไล่ออกจากบ้านอย่างไม่แยแส
--------

ไม่ต้องเสียใจนะลูก พ่อแม่เค้ารักเรามาก เค้าคงผิดหวังอย่างแรง และตอนนี้เค้ากำลังโกรธอยู่ ลูกอย่าไปโกรธเค้านะ มาอยู่กับเพื่อนสักระยะ พอสบายใจแล้วค่อยกลับไปคุยกับพ่อแม่ละกันนะลูก” แม่ของเพื่อนปลอบและให้กำลังใจ
--------



ผ่านไปสามเดือน เหมือนกับสามปีที่ทรมานใจ และกลุ้มใจโดยตลอดของชีวิตที่ลิขิตเป็นเช่นนี้ พ่อแม่ของวัฒน์ตามหา ทั้งโทรเข้ามือถือ หรือให้ญาติคนอื่นโทรหา แต่วัฒน์ก็มีฐิถิในตัวเองสูงพอ ทุกสายที่เขารู้ว่าเป็นเบอร์มือถือของญาติ เขาจะตัดสายทิ้งไม่รับแม้แต่คนเดียว ทุกครั้งที่กดตัดสายเหมือนการกดทำลายความเจ็บปวดที่ไม่มีวันลืมหาย

วัฒน์ทราบข่าวจากญาติว่า ธุรกิจครอบครัวที่เขาเคยทำตอนนี้ตกต่ำมาก แทบจะอยู่ไม่รอด ผลพวงจากช่วงเศรษฐกิจตกต่ำทั่วประเทศ อีกอย่างขาดแรงกำลังจากวัฒน์ที่เคยเป็นหัวหลักของงาน
ถ้าเจอวัฒน์ฝากบอกเค้าด้วยให้เค้ากลับบ้าน ทางบ้านไม่โกรธแล้ว ..พ่อแม่ขอโทษและให้อภัยเขาเสมอ...”

สามเดือนที่ผ่านไปกับการเผยตัวเองให้ทางบ้านรู้นั้น เป็นช่วงที่ทรมานและทุกข์มากที่สุดในชีวิตของเขา ไม่ว่าจะกินนอน ยังผวาตื่นทั้งน้ำตา ทั้งฝันร้าย ต้องเร่ร่อนหางานทำ ไม่มีเงิน ไม่มีที่อยู่ ถึงแม้จะอาศัยอยู่กับเพื่อนคนสนิท แต่วัฒน์ก็ไม่อยากรบกวนครอบครัวของเพื่อนเป็นเวลานาน และยังไม่รู้ว่าชีวิตจะดำเนินต่อไปทางไหน เค้าติดต่อกับน้องชายและน้องสาว ด้วยความรักและห่วงหาอาทร แต่ก็ห้ามไม่ให้ทั้งสองบอกพ่อกับแม่
-----

เกือบปีที่ทรมานผ่านไป วัฒน์สมัครไปทำงานบริษัทหนึ่งที่อยู่ต่างประเทศ โดยทำงานด้านการบริการเริ่มต้นในต่ำแหน่งที่ลำบากมาก แต่เค้าก็ทนอย่างสุดตัว

และแล้วความรักระหว่างชายกับชายของเขาก็ไปไม่ถึงฝั่ง หลังจากที่วัฒน์ไปทำงานที่ต่างประเทศ นนท์ก็เปลี่ยนไป เริ่มคบชายใหม่

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น กริ๊งงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงงงง ๆ
ฮัลโหล..” เสียงผู้หญิงรับ ที่คุ้นเคยว่าเป็นเสียงของแม่ของวัฒน์
หวัดดีครับ....” วัฒน์สนทนากับเสียงของคนรับโทรศัพท์
วัฒน์เหรอลูก.... อยู่ไหนลูก แม่คิดถึง แม่ขอโทษ กลับมาบ้านเรานะ พ่อกับแม่รออยู่”
ผมกลับตอนนี้ไม่ได้หรอกครับ.... เพราะว่าผมไม่ได้อยู่เมืองไทย ผมมาทำงานอยู่อเมริกาครับ แล้วผมจะโทรมาใหม่นะ แค่นี้นะครับ” วัฒน์ยังไม่กล้าที่จะพูดอะไรมาก เพราะทั้งน้ำตาและความโศกเศร้ามันทำให้พูดออกมาไม่ได้เหมือนมีอะไรติดเสียงและความรู้สึก
.........................................................................................................


สามปีผ่านไป วัฒน์ได้เลื่อนขั้นจากหน้าที่ผู้ช่วยกุ๊กฝึกหัด สู่ตำแหน่งบ๋อยที่ด้อยค่า ณ วันนี้เขาสร้างรายได้เดือนละเป็นแสน ปีละล้าน ส่งเงินกลับบ้าน พร้อมกลับไปเยี่ยมพ่อและแม่ จนทุกวันนี้วัฒน์เป็นเสาหลักของครอบครัว ที่โกยรายได้ให้ปีละเป็นล้าน ๆ
เมื่อก่อนฉันเคยมีคนโตเป็นผู้ชาย ทุกวันนี้เขาจะเป็นอะไรก็ไม่สำคัญแต่ที่สำคัญลูกฉันเป็นคนดี เขาเลี้ยงพ่อและแม่และน้อง ๆ ....”

-----------------------------------------------------------------------------


ขอบคุณ วัฒน์ (นามสมมุติ) สำหรับ Base on True story ที่ถ่ายทอดเรื่องราวให้ชาน่าเรียบเรียงเพื่อเป็นประโยชน์และสาระสำหรับผู้อ่านคอลัมน์ “พาเม้าท์ชีวิตชาวเกย์”

ไม่ว่าลูกของคุณจะเป็นเพศอะไร ความสำคัญอยู่ที่คุณงามความดีและคุณค่าของคนมิใช่หรือ..

 

 

บล็อกของ ชาน่า

ชาน่า
วันก่อนดูข่าวซีเอ็นเอ็น หรือเข้าใจง่ายๆ ว่าสำนักข่าวเห็นสองเอ็น รายงานเรื่องราวของชาวอเมริกัน กลุ่มรักร่วมเพศที่กลายสภาพจากหญิงจริงเป็นชายด้วยหน้าตา รูปร่างแทบจะแยกไม่ออกว่านี่คือผู้หญิงมาก่อน ทั้งหนวดเครา กล้ามหน่อยๆ หน้าแมนๆ ได้เห็นแล้วยังทึ่งนิดส์ นิด เพราะปกติตัวเองจะเคยชินเห็นแต่ภาพชายแปลงร่างเป็นหญิง ไม่ค่อยได้เห็นหญิงทอมแปลงร่างเป็นชายมากมายนัก หากอ่านหัวข้อ คงไม่ว่ากันว่าทำไมถึงเขียนคำว่า แปลง หลังคำว่าผู้ชาย ไม่งั้นอ่านแล้วอาจจะดูเหมือนชาน่าตอหะแล ผู้ชายในโลกนี้ใครจะท้องได้ (มันก็จริงแฮะ) ตอนแรกก็ตกใจเป็นไปได้ไง ผู้ชายเหรอที่ท้อง แต่พอทรายรายละเอียดจริง ๆ ถึงได้บางอ้อว่า…
ชาน่า
เมื่อวันก่อนได้เปิดอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ชาติต่าง ๆ ผ่านสัญญาณดาวเทียมส่งตรงมายังเรือสำราญที่กำลังล่องแถบทวีปยุโรป สะดุดข่าวหนึ่งที่รายงานสองสามวันติดกัน ในหนังสือพิมพ์ "India Today" วันที่ 1 กรกฎาคม 2551 หัวข้อข่าวพาด "Gays set for first nationwide pride marches" และ "Gay Pride out on street Kolkata" สอบถามเพื่อนร่วมงานชาวอินเดียถึงข่าวคราวนี้ ทราบว่า สมัยก่อนเมื่อราวเกือบสองร้อยปีที่ผ่านมา ก่อนที่อินเดียจะได้รับอิสระในปี 1947 ประเทศอินเดียนั้นถือว่า การเป็นเกย์ หรือ กลุ่มรักร่วมเพศเป็นสิ่งต้องห้าม ผิดกฎ ผิดจารีต ประเพณี หรือเรียกบ้าน ๆ ว่าผิดผีหนะฮ่ะ ในสมัยก่อนๆ…
ชาน่า
"อันชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนพิกลนัก" คำกล่าวของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 ที่พวกเรารู้จักกันดีและเห็นด้วยในความหมายของประโยคนี้กันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร อย่าบอกนะว่าคนอ่านคอลัมน์ของชาน่าไม่ชอบเพลง ถ้าชอบก็แล้วแต่ว่าใครจะถนัดแนวไหน โดยส่วนตัวของชาน่าฟังได้ทุกแนวค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแนวตะเข็บชายแดน หรือเด็กแนว เด็กหยาม (วัยรุ่นสยาม) เพื่อชีวิต ลูกทุ่ง ลูกกรุง สากล ฟังได้ไม่เลือกแต่ก็ขึ้นอยู่กับกาละและเทศะ กะอารมณ์อีกทีหนะฮ่ะ เพลงหลายเพลงแต่งจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้น แต่งจากแรงบันดาลใจ หลายเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง ทุกเหตุการณ์ ทุกอารมณ์ ถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือ ปรุงแต่งทำนอง…
ชาน่า
พักนี้เก่าไปใหม่มา ลูกเรือไทยและต่างชาติที่หมดสัญญาทำให้หลายคนได้พักร้อน ลูกเรือคนใหม่หลายคนก็เข้ารับหน้าที่แทน ชาน่าจึงมีโอกาสได้ดูหนัง ฟังเพลง ใหม่ ๆ อัพทูเดทจากเมืองไทย ส่งตรงไปต่างแดน หยิบวีซีดีแผ่นหนึ่งว่าด้วยเรื่องกฎหมาย “คู่ซ่าส์ ทนายแสบ บันทึกการแสดงสด” ของทนายแฝด จากรายการแจ้งความทางไอทีวี ,คนหัวหมอ ช่องสาม ,และซุปเปอร์แก๊กทางช่องเจ็ด โดย ทนายวันชัย สอนศิริ และทนายประมาณ เรืองวัฒนะวนิช ทนายคู่แฝดขำ ขำ เน้นย้ำสาระจึงพลาดไม่ได้ที่จะเปิดดู ซึ่งได้ทั้งความฮาไม่มีขีดจำกัดและความรู้เต็มจอ จึงขออนุญาตนำเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับชาวเรา ๆ มาฝากกันในสัปดาห์นี้ฮ่า
ชาน่า
นานแล้วที่ไม่ได้เม้าท์เรื่องราวภัยรายวัน หลังจากที่คอลัมน์เตือนภัยที่มีคนเข้าอ่านเกือบหมื่น เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกเกือบปีเชียวฮ่ะ เพื่อนพ้องน้องพี่ชาวเกย์หลายคนร้องเรียก เม้าท์แตกกัน วันนี้จึงขอหยิบหลากหลายเรื่องราวมาเม้าท์เล่าสู่กันฟังนะฮะ บางเรื่องราวฟังไว้ไม่เสียหลาย บางราย “มีอย่างนี้ด้วยหรือ” คุณขา ยุคข้าวยาก หมากแพง เศรษฐกิจทรุด การเมืองแทรก ความมั่นคงถดถอย น่าเห็นใจชาวไทยกันถ้วนหน้าที่ต้องรับสภาพปัญหาเยี่ยงนี้ชาน่าขอแยกเป็นเรื่อง ๆ ตามหัวข้อที่เพื่อน ๆ เม้าท์ให้ทราบละกันฮ่า 
ชาน่า
เมื่อใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว หากใจและกายไม่สอดคล้องกับความรู้สึกและความต้องการ  ทางออกของใครหลายคนจึงเลือกที่จะเยียวยารักษาทางกายมากกว่าทางใจ  จึงเป็นผลให้ใครหลายคนเลือกที่จะทำการ “ผ่าตัดแปลงเพศ”ในส่วนของพนักงานบริการที่เราคุ้นกันในเมืองไทย ก็มีจารึกไว้แล้ว โดยหนุ่มสจ๊วตที่แปลงโฉมเป็นแอร์กี่ เอ้ยไม่ใช่ค่า แอร์โฮสเตส เรียกเสียงวิพากวิจารณ์จากมหาชนมิใช่น้อยส่วนของเรือสำราญ พนักงานบริการที่ต้องพบปะผู้โดยสารจากหลายประเทศทั่วโลกก็มีเธอผู้นี้ ... เช่นเดียวกัน
ชาน่า
ลูกคือดวงใจและ (แทบจะ) เป็นทุกอย่างของพ่อและแม่ หัวอกของพ่อและแม่ทุกคนอยากเห็นลูกประสบความสำเร็จ มีความสุข เป็นที่พึ่งและเป็นไปดังใจหวัง "สมหวัง และผิดหวัง" จึงเหมือนสัจธรรมที่อยู่คู่กันเสมอ กล่าวโดยรวมๆ ทุกเรื่องเพื่อจะโยงเข้าสู่แม้แต่ "ความหวัง"ของพ่อและแม่ทุกคนอยากให้ลูกเป็นเพศปกติ เพศที่สอดคล้อง ถูกต้อง กับร่างกายและจิตใจ
ชาน่า
เทศกาลของไทยเรามีมากมายหลายช่วงแทบจะเกิดขึ้นทุกเดือนเลยก็ว่าได้ แต่มีเทศกาลหนึ่งที่ชาน่าร่วมเติบโตมากับสังคมไทยนานแสนนาน (กำลังจะได้โล่ห์ ตำแหน่งชาน่าโบราณ รุ่นลายครามไม่ช้าก็ไว)  ทุกครั้ง ทุกที ทุกปีที่ได้สัมผัส บอกได้คำเดียวว่า... “แซ่บ เริ่ด ม่วนแต๊ๆ เกิดมันส์”  เพราะนอกจากจะสนุกสนานแล้วเรายังได้สาระมากมายในเทศกาลที่ชาน่ากำลังจะกล่าวถึงนี้ 
ชาน่า
“กลัวติดโรคจัง กังวลอย่างบอกไม่ถูกจะทำยังไงดี”  “อยากไปตรวจเลือด แต่ไม่กล้ากลัวคนรู้จัก กลัวคนอื่นรู้”“จะไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลไหน ค่าใช้จ่ายไม่แพง เพราะเผลอเสี่ยงร่วมรักกับชายแปลกหน้า”อาจจะเป็นคำถามของใครบางคนที่ครุ่นคิดอยู่นานกว่าจะตัดสินใจ วัดน้ำหนักช่างกล้าไปตรวจเลือดเพื่อไขปัญหาข้องใจว่าตัวเองบริสุทธิ์หรือรับเชื้อร้ายเข้าไปในร่างกายประชากรชาวเกย์หลายคนรู้จักกันดี  “คลินิกนิรนาม” ที่เปิดให้บริการสำหรับกลุ่มชายรักชาย ชายร่วมเพศกับชายเท่านั้น (งานนี้ไม่มีชะนีปะปนแม้แต่นิด)   แต่สมาชิกเกย์น้องใหม่ใครหลายคนที่ยังไม่รู้จัก…
ชาน่า
ข่าวคราวความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มรักร่วมเพศมีให้ติดตามโดยตลอด ไม่ว่าเรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง จริงหรือไม่  ดังนั้นเราจึงเห็นได้ชัดว่า "กลุ่มรักร่วมเพศปนอยู่ในสังคมเราอย่างแยกเสียไม่ได้"  เคยคิดจะเขียนคอลัมน์เรื่อง  "การไม่ยอมรับผู้บริจาคเลือดที่อยู่ในกลุ่มอัตราเสี่ยงหรือรักร่วมเพศ"  ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้มาจากเว็บเกย์สากลในสหรัฐอเมริกา แต่งานประจำรัดตัวยังไม่ทันจะเขียนก็มีข่าวคราวจากเมืองไทยเข้ามาในเรื่องนี้ คราวนี้ชาน่านิ่งนอนใจอยู่ไม่ได้ประสานงานไปทางเพื่อน ๆ หลายฝ่าย รวมทั้งเพื่อนๆ ชาวสยามสแควร์  ของเว็บสังคมชาวไทย "พันทิป" ตั้งกระทู้ถามไถ่แลกเปลี่ยนความคิดเห็น…
ชาน่า
โลกของละครและโลกของความเป็นจริงนั้นบางทีช่างเหมือนกันจนแยกไม่ออก  "ละครสร้างจากเรื่องชีวิตจริง"  หรือ "ชีวิตจริงเลียนแบบละคร"  โลกใบใหญ่ของเราแต่ละคนล้วนเป็นโลกแห่งละครทั้งสิ้นอย่างแยกเสียไม่ได้ผู้ใหญ่หลายฝ่ายเคยต่อต้านและห้ามปรามกลุ่มรักร่วมเพศ  เกย์ กะเทย แพร่ภาพทางอากาศ ทีวี วิทยุ ภาพยนตร์ ด้วยหลากหลายเหตุผลของผู้ใหญ่ที่มองสังคมอย่างเป็นห่วง  แต่บางครั้งผู้ใหญ่อาจจะลืมดูโลกของความเป็นจริงที่ไม่ได้เพ้อฝัน จินตนาการ บังคับและกำหนดอยากให้ผู้อื่นเป็น  ชีวิตของคนกลุ่มรักร่วมเพศนั้นปะปน อยู่ในทุกสังคม ทุกประเทศ ทุกชนชั้น ทุกภาษา ทุกเชื้อชาติและศาสนาอย่างเห็นได้ชัด…
ชาน่า
การท่องเที่ยวไทยถือเป็นอุตสาหกรรมที่ทำรายได้ให้กับประเทศชาติมานานแสนนาน แม้บางช่วงเศรษฐกิจจะทรุด การเมืองจะแทรก ปัญหาหลากหลายจะเสริมทำให้ไม่ราบเรียบมากนักในบางช่วงปีที่ผ่านมา แต่ถึงกระนั้น “ประเทศไทย” ก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งมังคุด ละมุดลำใย แห่กระหน่ำมาเที่ยวกันอย่างเห็นได้ชัด หากจะมองถึงกลุ่มเป้าหมายชาวรักร่วมเพศ เกย์ กะเทย เลสเบี้ยน ถือว่ามาเที่ยวบ้านเมืองนี้ ดีนักแล เพราะทางเจ้าของประเทศ สยามเมืองยิ้ม กระหยิ่มต้อนรับผู้มาเยือนอย่างเปิดกว้าง โดยได้รับการสนับสนุนทั้งจากภาครัฐและเอกชนร่วมกัน…