Skip to main content

ความรักหากใครไม่เคยสัมผัสก็ยากจะอธิบายให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงแก่นและก้นบึ้งของหัวใจ “ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์”  ประโยคหนึ่งที่เคยได้ยินมาแต่ไหนแต่ไร ตอนเป็นเด็กไร้เดียงสา ก็แค่อ่าน ได้ยิน และเข้าใจ แต่ไม่ได้สัมผัส รับรสของความรักและความทุกข์

โลกวันนี้ได้ผ่านเข้า และผ่านไปจากบทเรียนและประสบการณ์ของชีวิตโลกแห่งความจริงกับสิ่งที่ฝันบางครั้งมันห่างไกลกันเหลือคณานับ  ทุกคนฝันอยากมีรักที่สวยงาม รักที่ทำให้ชีวิตนี้มีความสุข แต่หากเมื่อไหร่ รักนั้นไม่เป็นดังหวัง  ไม่เหมือนในฝัน มันย่อมเกิดทุกข์กับความรัก

คนที่ไม่เคยอกหัก  ก็เพราะเขาไม่เคยมีความรัก คงไม่มีใครในโลกใบนี้จะสมหวังในรักตั้งแต่เริ่มแรกรัก ไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวี
“เพราะรักไม่มีกำแพงกั้น ไม่เคยแบ่งแยกชนชั้น วรรณะหรือแม้แต่เพศ”
เมื่อเข้าใจตั้งแต่กรอกใบสมัครเป็นคนที่มีรสนิยมความรักทางเพศในเพศเดียวกันว่า “เตรียมใจเผื่อไว้ให้กับความผิดหวัง”  

ขอยกตัวอย่างเรื่องจริงไม่อิงนิยาย ฝากไว้คิด...

โอ  (นามสมมุติ)  เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวที่พ่อแม่ตั้งความหวังอย่างสูงสุดที่อยากให้ชีวิตของเค้าเป็นหลักเป็นฐาน มีหน้าที่การงานที่ดี มีหน้ามีตาทางสังคม ด้วยยศฐาบรรดาศักดิ์สูงส่งโอมีพร้อมด้วยรูปพรรณอันหล่อเหลาเอาการ เรียกได้ว่า  Perfect man of the year ก็คงจะไม่ผิดกับสมญานามนี้ แต่ใครจะรู้ว่า ส่วนลึก ความรู้สึก และรสนิยมทางเพศข้างในของเค้าจะเป็นอย่างไร โอย้ายไปเรียนต่อต่างประเทศตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ เค้าใช้ชีวิตเป็นเด็กนักเรียนนอกจนจบปริญญาเอกด้วยวัยที่ยังเยาว์

ชีวิตและพฤติกรรมสามารถอยู่ในกรอบได้ แต่ความรู้สึกจิตใจยากไซร้จะเป็นไปตามใครบังคับ เค้าใช้ชีวิตกับสิ่งแวดล้อมของโลกอิสระเสรี จนวันหนี่งเค้าค้นพบและบอกกับตัวเองว่า  “ผมมีความรู้สึกทางเพศ และมีความสุขกับเพศเดียวกัน”  แม้โอจะพยายามหลีกหนีความจริง ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้สมาชิกในครอบครัว รู้ว่าส่วนลึกและความต้องการของจิตนั้นเป็นเช่นไร เมื่อถึงคราวที่ต้องโดนคลุมถุงชนกับคนที่มีชาติตระกูล พร้อมด้วยยศฐาบรรดาศักดิ์เท่าเทียมกัน  โอ และ เจน (นามสมมุติ) อยู่กินฉันท์สามี ภรรยาอย่างเป็นสุข (ในความคิดของทุกคนแม้กระทั่งเจนเอง) เค้าทำการบ้าน หน้าที่ การงานทุกอย่างปกติอย่างเนียน โดยไม่มีใครสงสัย แต่บ่อยครั้งที่โอ ต้องมีภารกิจทำหน้าที่เดินทางไปต่างประเทศ เค้ามักจะปล่อยใจตามสิ่งที่เค้าปรารถนา คือการได้เสพความสุขกับเพศเดียวกัน มันเป็นความต้องการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โอเริ่มผูกพันกับชายต่างชาติที่เค้าปลื้มและหลงรักโดยไม่รู้ตัว  แม้แต่ภรรยาอันเป็นที่รักของเค้า เพราะเธอรักเชื่อใจ และเป็นสุขกับการใช้ชีวิตอยู่กับโอ โอผิดหรือไม่ที่เลือกทำตามใจตัวเอง แต่เค้าก็ไม่เคยทำให้เจนผิดหวัง โอทำให้ครอบครัวและผู้หญิงที่รักเค้ามากมีความสุข  แต่ความสุขและความต้องการของเค้าคือ การปลอดปล่อยอารมณ์และความโหยหากับชายที่เค้าต้องการ

โอบอกกับชาน่าเสมอว่า “ผมคงจะทำเช่นนี้ไปตลอด ในเมื่อบางครั้งมันก็ไม่มีทางเลือก”  หนึ่งภาระทำเพื่อหน้าที่อีกหนึ่งใจทำเพื่อความสุขของตนเอง  “ผมผิดใช่มั้ยแต่ผมก็เลิกไม่ได้”.....

20080217 chana (1)

เทพ (นามสมมุติ) ผ่านการใช้ชีวิตคู่ร่วมกับภรรยาคนแรกมีลูกด้วยกันสองคน แต่  “รักคงยังไม่พอ”  ด้วยหน้าที่การงานทำให้เค้าต้องห่างครอบครัวแสนไกล นานทีปีหนจะกลับมาหาครอบครัว  “รักแท้แพ้ความใกล้ชิด”   เมียคนแรกเลยสวมเขา ถึงขั้นต้องเลิกรา แยกทางกันแบ่งลูกคนละครึ่งวันปีผ่านไปเจอคนใหม่แม้ไม่ใช่คนแรกแต่ก็ยังหวังว่าจะเป็นคนสุดท้ายของชีวิต

เค้าพบกันในต่างแดน  “พบรักในที่ทำงานสานสัมพันธ์”  แต่สุดท้าย “เธอเปลี๊ยนไป๋”  คนนี้มีชู้กับชาวต่างชาติ ขนาดและสัญชาติเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องก็คงไม่ผิด  ส่วนคนล่าสุดเมียคนที่สามนิสัยดี เรียบร้อย ธรรมะธรรมโม แต่....  ดีหลบในแพ้ใจตัวเอง  เมื่อถึงวันหนึ่งที่ต้องปันใจให้กับเพศเดียวกัน ทอมไม่แสดงออกด้วยความไว้ใจคิดว่าเป็นแค่เพื่อนผู้หญิงคนสนิท  สุดท้าย “บาดตาคาใจจากไปลับแล”   ชาน่าเคยบอกเพื่อนทอมคนนี้เสมอว่า  “แกอย่าไปพรากลูกพรากสามีเค้านะยะ

ต้นงิ้วรอแก ปีนป่ายยามแกตายไปเชียวนะ”   เพื่อนทอมคนนี้รับปากว่าจะไม่ให้เกินเลย  พอชาน่ารู้ข่าวอีกที ถึงกันร่วมหอลงเอยกันแล้วจนเทพต้องร้องระงมความไม่สุขสมในรัก   “ชาติที่แล้วตูไปทำอะไรมาฟะ  มีเมียกี่คน ๆ ก็โดนแย่งเอาไปหมด....เฮ้อ ...”

20080217 chana (2)

Mauricio (นามสมมุติ)   เพื่อนชายชาวต่างชาติ  เป็นชายแท้แต่ก็มีอะไรๆ กับกะเทย เกย์ แล้วแต่อารมณ์ และความต้องการระบายทางเพศพาไป แต่จิตใจจริง ๆ ชอบผู้หญิงเค้าบ่นเสมอว่า  “ตั้งแต่ผมมาพบคุณ คุณทำให้ผมจิตใจสับสน แต่ถึงอย่างไรผมก็ชอบผู้หญิงอยู่ดี”   หลายครั้ง  

หลายคราที่เค้าร้องขอ  “อย่าบอกใครนะว่าเรามีอะไรกัน  แม้แต่เพื่อนคนสนิทของเธอ  ผมก็แค่อยากลองโดยที่ไม่มีอะไรจะเสียหาย  มันก็คือรสชาติของชีวิตแค่นั้น คิดอะไรมาก”   ผู้ชายเป็นใจ แต่ใจเจ้าเอย นางกอ (เกย์ หรือกะเทย)  ก็คิดเป็นตุเป็นตะว่า เค้าคือสามี อยากเก็บเธอไว้  

ครอบครองเอามาเป็นเจ้าของแต่ฝ่ายเดียว โดยที่ฝ่ายชาย  ก็แค่.... เล่น เล่น playboy ไปวัน ๆ

สุดท้ายที่นำมาฝากวันนี้  “เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด”  หลายคนเคยมีประสบการณ์ จี๊ด โดนใจกับเรื่องพรรค์นี้   ชาน่ามั่นใจว่าแม้แต่เพศจริงชายแท้หญิงจริงก็มีด้วยกันทั้งสิ้น  นับประสาอะไรกับชีวิตเกย์อย่างเรา ๆ “ปรบมือข้างเดียวคงไม่ดังหรอกฮ่ะ”  บางทีจะโทษเค้าก็ไม่ได้ ฝ่ายเราก็ย่อยซะที่ไหน  อย่างเช่น   

ราชันต์ กับ จง (นามสมมุติ)  เป็นเพื่อนเกย์คบกันมานานแสนนาน  เค้าผ่านเกย์วิถีด้วยกันมาหลากหลายรูปแบบ แต่ไม่เคยมีอะไรกัน  นอกเสียแต่การร่วมรักแบบมีคนมาแจมเป็นเกส แต่นั่นก็เพียงแค่ชายที่ผ่านมาผ่านไปวัน ๆ  วันหนึ่งราชันต์ มีสามีเป็นตัวเป็นตนชาวต่างชาติ ที่หน้าตาดีและมีฐานะ เค้ารักกันหวานชื่น  แต่สุดท้าย จงก็เป็นคนเข้ามามีบทบาทต่อการเปลี่ยนแปลง    

เพราะรักรสของเกย์ยากแท้จะจีรัง (เหมือนที่เค้าบอกล่ะค่ะ)  จงแอบมีอะไรกับ Steve (นามสมมุติ) แฟนของราชันต์ โดยคิดว่าแก้....เหงา ... แต่สุดท้าย ราชันต์รู้ความจริง .....  เรื่องของเค้าและเค้าจะเป็นอย่างไรต่อไป  “เพื่อนหนอเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด”   ....ทำกันได้

ไม่ว่าเรื่องราวของเค้าและเธอ เค้าและเค้าจะเป็นอย่างไร บางครั้งชีวิตมันน้ำเน่ายิ่งกว่าอะไรซะอีก  ถึงอย่างไรชาน่าก็เอาใจและให้กำลังใจเพื่อน ๆ เต็มที่  “อย่ายอมแพ้”  เพราะ   “รัก” คำนี้ที่ทำให้คนเราเป็นไปได้ทุกอย่าง  หากวันใดรักนั้นไม่สมหวัง ขออย่ายอมแพ้ อย่าอ่อนแอแม้จะร้องไห้ จงลุกขึ้นสู้ไป   Forget the pass then start the new life !!!!

ส่งตรงจาก ... Grenada, Spice Island in Caribbean.

บล็อกของ ชาน่า

ชาน่า
ภาษาใครคิดว่าไม่สำคัญ บางคนบอกว่า แหม ... บางครั้งไม่จำเป็นต้องพูด ใช้ภาษาใบ้เอาก็ได้ แต่บังเอิญคนที่คุณใบ้ด้วยไม่เก็ตก็แย่สิฮะ.. หากพอมีเวลาว่างใช้เวลาในการศึกษาภาษาเพิ่มเติมชาน่าว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ดีทีเดียว  อย่างเวลาชาน่าไปแต่ละเมืองแต่ละประเทศนั้น จำเป็นต้องพอรู้ว่าไปไหนมา สามวาสองศอก หรือแม้แต่ภาษาเฉพาะในหมู่ชาวเรา ทำให้  "ง่ายสำหรับคุณค่ะ"
ชาน่า
วันนี้เรือจอดอยู่ประเทศบาฮามัส พรุ่งนี้จะเข้าฟลอริด้า นั่งทำงานเป็นโอเปอเรเตอร์รับโทรศัพท์จองห้องอาหารคนเดียว  เสี้ยวหนึ่งของวันทำงาน จู่ ๆ ก็เกิดอาการเป็นสุข จนต้องระบาย หยิบปากกามาจิกเขียน ถ่ายทอดความสุข ส่งตรงสู่เมืองไทย  
เค้าบอกว่า คนเราจะสุขหรือทุกข์นั้นขึ้นอยู่ที่ใจ บางครั้งกว่าจะสุขได้ก็ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างไม่ว่าจะเรื่องของสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การเมือง สังคม ส่วนตัว และจิตใจ เป็นต้น
บางครั้งเจ้า “ความทุกข์”  มักจะมาเยือน  นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดาสามัญบ้าน ๆ ทั่วไป ที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ปุถุชนคนเดินดินอย่างเราท่านทั้งหลาย   แต่เราจะหาวิธีการดับทุกข์เช่นไร…
ชาน่า
ชีวิตที่ต้องเกี่ยวข้องของคนหลากเพศชายจริง หญิงแท้ หรือแม้แต่เกย์ กะเทย นั้นย่อมมีปะปนกับชนและคนทุกชนชั้นวงการไม่เว้นแม้แต่ชีวิตของนักศึกษา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตแห่งชาติ เป็นลูกเป็นหลานเราๆ ท่านๆ เนี่ยล่ะฮะวันนี้ชาน่าอ่านข่าวคราวจาก นสพ.คงชักเล็ก พิมพ์ผิดฮ่า คมชัดลึก เกี่ยวกับชีวิตของกะเทยหรือสาวประเภทสองที่ต้องแต่งตัวเป็นนักศึกษาหญิงไปมหาวิทยาลัย จึงหยิบมาฝากผู้อ่านประจำคอลัมน์ “พาเม้าท์ชีวิตชาวเกย์” ณ ประชาไทกันบ้างเชื่อหรือไม่ว่า ชีวิตของคนเป็นเกย์ อีแอบ นั้นไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องของความขัดแย้งในการแต่งกายเลย เพราะพวกเค้าก็คือเพศชายดีๆ ที่คุณเห็นนั่นแหล่ะ…
ชาน่า
ความรักหากใครไม่เคยสัมผัสก็ยากจะอธิบายให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงแก่นและก้นบึ้งของหัวใจ “ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์”  ประโยคหนึ่งที่เคยได้ยินมาแต่ไหนแต่ไร ตอนเป็นเด็กไร้เดียงสา ก็แค่อ่าน ได้ยิน และเข้าใจ แต่ไม่ได้สัมผัส รับรสของความรักและความทุกข์โลกวันนี้ได้ผ่านเข้า และผ่านไปจากบทเรียนและประสบการณ์ของชีวิตโลกแห่งความจริงกับสิ่งที่ฝันบางครั้งมันห่างไกลกันเหลือคณานับ  ทุกคนฝันอยากมีรักที่สวยงาม รักที่ทำให้ชีวิตนี้มีความสุข แต่หากเมื่อไหร่ รักนั้นไม่เป็นดังหวัง  ไม่เหมือนในฝัน มันย่อมเกิดทุกข์กับความรักคนที่ไม่เคยอกหัก  ก็เพราะเขาไม่เคยมีความรัก…
ชาน่า
ช่วงพักร้อนสามเดือนที่ผ่านมาได้ไปงานเปิดตัวหนังสือของเพื่อนที่ เอสพลานาด ทางทีมงานและสำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์ ได้มอบหนังสือเล่มนี้ ...   “ตัดทิ้ง” ชีวิตจริงของสาวประเภทสอง  ซึ่งเขียนและดัดแปลงมาจากวิทยานิพนธ์ของ คุณวารุณี แสงกาญจนวนิช   อ่านแล้วต้องขอยกนิ้วให้ ว่าเป็นอีกหนังสือคุณภาพที่อ่านแล้วโดนฮ่ะ  ได้สาระและความรู้อีกหลายเรื่องราวที่เรายังไม่เคยรู้มาก่อน ชีวิตจริงของชาน่านั้นเป็นเกย์ ไม่ได้เป็นกะเทย แต่ที่ต้องแต่งสาวเป็นพรางชมพู ก็เพราะไม่อยากให้ทางบ้านรู้ (อันที่จริงคือไม่อยากให้คุณแม่ทราบ แค่คนเดียวเท่านั้นที่แคร์ความรู้สึก…
ชาน่า
 “ฮีธ เลดเจอร์” ขวัญใจชาวเกย์, พระเอกBrokeback Mountainเกิด – แก่ – เจ็บ – ตาย นั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางครั้งก็ยากจะทำใจได้  โดยเฉพาะหากใครสักคนอันเป็นที่รัก และผูกพัน แม้กระทั่งแค่ชื่นชม ปลื้ม ๆ ของคุณจากไปก่อนวัยอันสมควร   “เค้าหลับสบายไปแล้วล่ะ คงเหลือแต่เราที่จะก้าวต่อไป สู้ต่อไปตราบเท่าที่ลมหายใจยังอยู่แม้มันจะทรมาน ปวดร้าวแค่ไหน  ขอเวลาตั้งตัว ขอทำใจหน่อยได้ไหมคนดี”วันที่ 23 ม.ค. 2008 เป็นวันที่พระเอกในดวงใจของผมจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เขาผู้นั้นคือ  ฮีธ เลดเจอร์ หนุ่มน้อยหน้าไม่หล่อแต่เร้าใจวัยซาวแปด  ชาวออสซี่ …
ชาน่า
การแสดงความรักและความใคร่ที่ขาดไม่ได้สำหรับชาวเกย์ ส่วนหนึ่งคงหนีไม่พ้นการร่วมเพศ แต่จะเป็นเพศร่วมแบบไหนคงทายได้ไม่ยากนัก  ซึ่งอันที่จริงแล้วก็เป็นธรรมชาติของเกย์ กะเทยที่ต้องใช้ทวารยังหวานอยู่ภายในร่างกายเพื่อประกอบกามกิจ (อยู่บ้าง)  ซึ่งภาระนี้จะตกอยู่กับฝ่ายรับ จนเกย์คิงหลายคนบอกว่า “ผมไม่ชอบรับ ผมชอบรุก เพราะเป็นฝ่ายรับมันเจ๊บบบบ เจ็บ”  ขออนุญาตทำความเข้าใจกับคนที่ยังอ่อนต่อวิชาเกย์ศาสตร์ ว่า ฝ่ายรับคือ ผู้ให้ (ทวารยังหวานอยู่) ส่วนฝ่ายรุกคือผู้กระทำ
ชาน่า
คงไม่มีใครจะกล้าปฎิเสธได้ว่า ความใฝ่ฝันของเกย์กะเทย เก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซ็นต์ อยากจะทำหน้าที่ของการประกวดความงาม คุณค่าที่เธอคู่ควร ไม่ว่าจะเป็นเวทีใด ๆ ก็ตามที่จัดขึ้น ตอนเป็นเด็กชายอยู่บ้านนอกคอกนา เคยไปงานฤดูหนาวที่ทางจังหวัดหรืออำเภอเค้าจัดประกวด “นางฟ้าจำแลง” ตอนนั้นด้วยความไร้เดียงสา ใคร่รู้เยี่ยงนัก คำว่านางฟ้าจำแลงคืออะไร พอเติบโตขึ้นจึงเริ่มเข้าใจความหมายและเข้าใจตัวเองมากขึ้น “ฉันอยากเป็นนางฟ้าจำแลงจังเลย” พร่ำบ่นพึมพำในใจคนเดียว เพราะอิชั้นมีแววตั้งแต่จำความได้แล้วล่ะฮะ “โฉมเอย โฉมงาม อร่ามแท้แลอรุณ.......” เพลงที่ใช้ประกวดเมื่อครั้งจำความได้…
ชาน่า
ส่งท้ายปลายปี  ความหนาวเข้ามาเยือนเหมือนใจหวิว ๆ  หลายคนเปรียบเปรยถึงความอ้างว้างว้าเหว่ ในช่วงฤดูหนาว  ช่างเข้ากันนัก  แต่ที่นี่ในต่างแดนเขตทะเลแคริบเบี้ยน สำหรับคนท้องถิ่นไม่รู้จักคำว่าหนาวเหน็บนอกจากอากาศเย็น ๆ  ณ วันนี้ที่เกาะท้องฟ้ามืดมน ตั้งเค้าฝนจะตก  บ่อยครั้งที่ฝนฟ้าและอากาศเป็นใจมักจะปล่อยใจฝัน แบบบิวด์อารมณ์ได้ไม่ยากนักสำหรับหัวโปกไร้นม อารมณ์เกินหญิงของเกย์อย่างเรา  ฉันนั่งอยู่บาร์เล็ก ๆ แห่งหนึ่งของเกาะ Antigua and Barbuda เขตทะเลแคริบเบี้ยน  หลังจากที่เราสามคนเกย์เพื่อนรัก พากันออกจาก รีสอร์ทหรูราคาสี่ร้อยล้านเหรียญ หรือที่รู้จักกันดี…
ชาน่า
สังคมที่เปิดกว้างและยอมรับโลกแห่งความเป็นจริงได้เกิดขึ้นอีกระดับหนึ่ง เมื่อได้เห็นหนังไทย หนังดี หนังเด่นแนวหน้าแห่งปีนี้  เรื่อง “รักแห่งสยาม” หนังที่สะท้อนให้เห็นถึงความรักหลากอารมณ์ ของสังคมเมืองไทย ในความเหมือนที่แตกต่างของสังคม(อีกแล้วครับท่าน) เป็นกระแสแรงได้จิต สั่นสะเทือนหลายริกเตอร์ เขย่าให้เห็นถึงภาพสะท้อนของสังคมไทยในยุคปัจจุบัน  เมื่อ  “รักแห่งสยาม”  ผ่านสายตามหาชน   ทั้งพลพรรคคนรักเกย์ แอนตี้เกย์ รักครอบครัว รักเพื่อน รักแฟน รักเพศไหนๆ ยังไงก็ตาม“คงเป็นหนังวัยรุ่นกุ๊กกิ๊ก ทั่ว ๆ ไป  สปอยหรือเปล่าน๊า”“แหวะ ... หนังเกย์ แน่ ๆ เลยเท้อออ !”“โอ้โห…
ชาน่า
กลับมาตามหัวใจเรียกร้องอีกครั้งหลังจากพักร้อนเมืองไทย  กลับไปอ่านหนังสือของสาวสองเภท หรือสาวประเภทสองที่บุกตลาดเมืองไทยตามแผงหนังสือชั้นนำทั่วไป  อดไม่ไหวจึงขอหยิบมาฝากแนะนำเผื่อใครสนใจอยากอ่านเรื่องราวหลากหลาย มากมายมุมมอง สามารถอ่านได้จากหนังสือที่สาว ๆ เธอเขียนถ่ายทอดเพื่อเป็นสื่อสร้างสรรค์ผ่านตัวหนังสือ มีเล่มไหน ยังไงบ้างนั่งปูเสื่ออ่านได้ค่ะเกริ่นนำส่วนตัวก่อนว่า  สมัยก่อนตอนอยู่นอกเมือง ไม่ใช่เมืองนอก (บ้านนอก) เคยอ่านนิตยสารเล่มหนึ่ง จำไม่ได้ว่าเป็นสกุลไทย หรือขวัญเรือน  มีคอลัมน์ที่เค้าเขียนถึง “กะเทยไทยในต่างแดน” ตอนนั้นยังเป็นเด็กชาย อีแอบ ไม่แสดงออก…
ชาน่า
ห่างหายไปนานหลังจาก เปิดตัวหนังสือ “เม้าท์แตก...ชาวเรา” ได้สองวันก็ลัดฟ้า กลับไปทำงานต่อที่เรือสำราญ ณ อเมริกา  กว่าจะตั้งตัวได้เหนื่อยเอาการทีเดียวค่ะหมกมุ่นกับการทำงานและการปรับตัวสักระยะ จึงเริ่มออกไปพักผ่อนหย่อนใจ ตามประสาคนทำงาน ลอยล่องท่องไป ในโลกกว้าง  วันว่างหลังการทำงานหนักเป็นนางแบกอินเตอร์ (แบกถาดอาหารคาวหวาน)วันนี้หลังจากทำงานกลางวันรับจองห้องอาหารทางโทรศัพท์เสร็จจึงรีบออกไปเที่ยวหาดเกย์ ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนชาวเกย์อันเลื่องชื่อของพลเมืองชาวเกาะของประเทศอเมริกา ที่อยู่ทะเลแคริบเบี้ยน  นามว่า “ St.Thomas”  U.S.V.I ย่อมาจาก United State Virgin Island.…