Skip to main content

นักดนตรีกลุ่มนี้ขับเคลื่อนด้วยความรัญจวนจากฤดูความว่างของชีวิต

ออกไปเล่นดนตรีบรรเลงชีวิตร่วมกัน


หรือจะพูดอีกที การมาถึงของพวกเขาใต้สวรรค์ ไม่ต่างจากฝูงปลาดุกหนีน้ำแถกเหงือกมาหากันในช่วงหน้าแล้ง หนวดยั้วคลุกนัวกันมาบนโคลนเปียกๆ เหนียวเหนอะไปยังถิ่นที่คาดว่าจะมีน้ำ สีผิวฝูงปลาดุกเลื่อมมันน่าเกรงขาม


การมาของพวกเขา วางแผนกันมาอย่างดี ถึงขนาดยกครัวไว้ท้ายรถกระบะ มีทั้งครกตำเครื่อง กระต่ายขูดมะพร้าว มะพร้าวเห็นเป็นลูกๆ ข้าวสาร ปลาแห้ง เกลือ พริก กระเทียม ข่า ขมิ้น หม้อ จานชามช้อน มือตำเครื่องมือปรุง มือเชิดหนังตะลุง และมือคุมเครื่องเสียงเสร็จสรรพ


ปีที่แล้วฝูงของพวกเขารวมตัวกันได้ถึง 21 ชีวิต ผมเปิดลานบ้านเป็นที่หลับที่นอนแบบยุงกลัวบินข้ามผ่าน และต้องใช้พื้นที่ครัวขยายลงพื้นดิน


ผมเปิดประตูบ้านต้อนรับพวกเขามาเป็นปีที่ 5 จากปีก่อนโน้นผมยังอยู่บ้านเช่าใกล้โรงเลี้ยงไก่ฮวง ยามพวกเขาซ้อมวงทำเอาไก่ฮวงทั้งเล้าแตกตื่น เพื่อนบ้านสงสัยว่านักดนตรีเร่ร่อนเผ่าใดหลบมาค้างคืนอยู่ท้ายหมู่บ้าน

 

 


ช่วงเวลาซ้อมเพลงของพวกเขา จริงจังชัดเจนไม่ต่างจากช่วงเวลาเล่นจริงบนเวที ไม่มีออมแรงออมเสียง เปล่งเสียงออกมาได้ตามแต่ใจอยากกะโกนร้องออกไป


ผมเป็นเพื่อนรักกับหัวหน้าวง นิยุติ สงสมพันธุ์ พี่ชายแท้ๆของกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ มากว่าสองทศวรรษ ความเป็นเพื่อนไม่เคยลดน้อยถอยลง


ผมนึกถึงช่วงเวลานานมา ที่ผมพาหน้าตาแห้งๆไปขอนอนตามผับร้านอาหารกลางมหานคร หลังจากเพื่อนเล่นดนตรีจบ

บางคืน กว่าจะได้นอนก็เห็นขอบฟ้าตะวันออกเรืองแสงของวันใหม่

ใต้สวรรค์” (อ้ายแสงดาว ศรัทธามั่นกวีเมืองเหนือบอก ไม่ใช่นรก) ไม่ว่าจะใช้มือโซโลกีตาร์เปลืองมากี่คน มือเบสเปลี่ยนหน้า นิยุติก็ยังอยู่ที่เดิม ยังยืนอยู่กลางวง ห้อมล้อมด้วยเครื่องดนตรีของเขา แมนโดลิน ฮาร์โมเนี่ยม แอคคอเดียน และแซ็กโซโฟน ถ้าไม่มีมือกีตาร์มาด้วย เขาก็สามารถหยิบมาเล่นได้ และเล่นได้ดีเสียด้วย


5 in 1
ไฟท์อินวันในเครื่องดนตรี ถ้ารวมฮาร์โมนิกากับแบนโจเข้าไปด้วย ซึ่งเขาเป่าและเล่นได้ดีเช่นกัน ก็จะกลายเป็น 7 ชิ้น พูดง่ายๆว่าในตัวเขามีเครื่องดนตรีอยู่ 7 ชิ้น

ความสามารถของเขา(นิยุติ) เอาชีวิตเป็นเดิมพันมาตลอด ตั้งแต่รู้จักกันมา เขาไม่เคยห่างจากเครื่องดนตรี

 


พวกเขามาร่วมงาน ”มกราคม อำลา ‘รงค์ วงษ์สวรรค์” วันและสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคม ณ หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


เพลงของพวกเขามีท่วงทำนองเพลงร็องแง็ง เพลงท้องถิ่นของชาวมุสลิมทางใต้ และชาวเลตามเกาะต่างๆในอันดามัน อีกทั้งมีท่วงท่าของเพลงหนังตะลุง มโนราห์ กาหลอ ซึ่งมีเครื่องดนตรีอย่างกลอง ทับ กลับ โหม่ง ฉิ่ง ฉาบ ปี่ รวมอยู่ด้วย


ดนตรีพวกเขาจึงไม่ต่างจากแกงสมรม หรือแกงโฮะทางเหนือ ใส่รสแต่งกลิ่นอย่างซื่อสัตย์ต่อเครื่องปรุง ทุกอย่างลงไปหลอมอยู่ในหม้อ อาศัยมือปรุงกำกับเลือกตักช้อนขึ้นมาเอง ว่าจะเลือกกินอย่างใดก่อนหลัง


การมาของพวกเขาเป็นคลื่นคนดนตรีที่ดูรูปลักษณ์ไร้ระบบไร้ระเบียบ ดิบเถื่อน หัวดื้อ รุงรัง ตัดตรงข้ามกับท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตัว ขณะเนื้อเพลงของพวกเขาเต็มไปด้วยระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด ชัดถ้อยชัดคำ ไม่เว้นห้องคลุมเครือหรือช่องว่างเผื่อให้หลงทาง จนปล่อยเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งชิ้นใดให้มุดดำน้ำ เอ้อระเหยหาความเพลิดเพลินอยู่ตามลำพัง


กลุ่มก้อนของพวกเขาแลดูอานุภาพอันทรงพลังของเครื่องจักรชีวภาพ เพียงแต่พวกเขาเคลื่อนไหวอยู่ใต้ดิน

มางานฮิปปี้คนสุดท้าย” สมาชิกคนหนึ่งพูดด้วยสำเนียงใต้ใต้เรียวหนวด พูดไปหัวเราะไปอย่างครื้นเครง


ครั้งนี้พวกเขาเคลื่อนมาด้วยจำนวน 15 ชีวิต สมาชิกหนึ่งในสามส่วนวางใจกับทรงผมตามแบบบ็อบ มาร์เลย์ เดดล็อก ศิลปินเร็กเก้จากหมู่เกาะในคาริเบียน หรือจะเรียกว่าผมทรงฟั่นเชือกหรือทรงรังไก่ อันคงไว้ซึ่งความเหนียวหนาหนัก


การเคลื่อนของฝูงปลาดุกหน้าแล้ง พวกเขาเตรียมตัวนานเป็นเดือน ช่วงเวลานัดหมายรวมฝูง หมายถึงช่วงเวลาปลอดศูนย์พูนสวัสดิ์ ทรัพย์สมบัติลาภไม่มีพร้อมกัน

พร้อมออกเดินทางไปข้างหน้า

เข็มทิศของพวกเขาไม่ยืมมือโจรสลัด ไม่ถือเอายามอุบากองนำทาง แต่ถือเอาความสะดวกของคนสุดท้ายที่เข้ารวมฝูง ด้วยยานพาหนะอย่างน้อย 2 คัน คันหนึ่งขนคน อีกคันหนึ่งขนของที่มีทั้งเครื่องเสียง เครื่องดนตรี เครื่องมือทำอาหาร จอผ้าและแผงรูปหนังตะลุง หนังสือ แผ่นซีดี เสื้อยืด เต็นท์ ฯลฯ


ถ้าพวกเขาสามารถขนบูดู พุงปลา กุ้งส้ม แป้งแดงขึ้นมาได้ พวกเขาคงขนมาด้วย ทั้งขายและปรุงกินระหว่างเดินทาง


นิยุติบอกว่า กว่าจะรวมตัวกันได้แต่ละครั้ง ต้องบอกล่วงหน้านาน แต่ละคนต้องจัดการตัวเอง ให้คนละทิศละทางของแต่ละคนหันหน้าไปทางเดียวกัน


สมาชิกในวงประกอบอาชีพกันหลากหลาย ทำอาร์ตเวิร์คออกแบบสิ่งพิมพ์ คนขายของในตลาด คนขายกาแฟ คนทำร้านอาหาร คนกรีดยาง คนทำสวน คนเล่นดนตรีไปเรื่อยๆ ฯลฯ ที่ดูราวไม่เกี่ยวกับเพลงดนตรีเอาเสียเลย


เปล่า!! ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขา พร้อมนำออกแสดงทันทีที่รวมวงเข้าด้วยกัน


เด็กบ้านๆเล่นดนตรี” มือเพอคัสชั่นที่มีลายสักตามตัวพูดด้วยน้ำเสียงถ่อมตัวถ่อมตน พูดไปยิ้มไปด้วยสายตาเยิ้มสู้ยอดมะพร้าว

เขารักเครื่องมือของเขาอย่างกับผูกโยงไว้กับเลือดเนื้อในเส้นเอ็น ฉิ่ง ฉับ กลับ โหม่ง ราวเหล็ก กระดิ่ง แทมเบอร์ลิน ฯลฯ สีเสียงเติมช่องว่างจังหวะรุกเร้าระหว่างเครื่องดนตรีอย่างออกรสทะเลเค็ม


ดนตรีของใต้สวรรค์ ชักชวนจังหวะหนังตะลุง มโนราห์ ร็องแง็งและเร็กเก้มาอยู่ด้วยกัน บรรเลงร่วมกัน ในสัดส่วนเพลงเรียบเรียงรับส่งกันให้เกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน สราญใจ

พร้อมเชิญชวนให้ผู้ฟังขยับแข้งขา ยักไหล่โยกคอ หรือหลงลืมห้วงลมหายใจหน่วงหนักไปได้


อิทธิพลเร็กเก้แมนจากเกาะในคาริเบียน หลอมรวมกับกลองรำมะนาอันดามัน และปี่มโนราห์เชิดหนังตะลุง หลอมลึกอยู่ในตัวนิยุติ ผู้เป็นหัวเรือหลอมเรียบเรียงเพลงร่วมกับเพื่อนพ้องในชาวคณะ


ด้วยเพลงของพวกเขาไม่ค่อยมีเนื้อร้อง แต่เล่าเรื่องผ่านเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น บอกความรู้สึกผ่านสำเนียงที่เปล่งออกมา นิยุติพูดด้วยอารมณ์ชวนหัวขำขันยามกลับไปเล่นให้ชาวบ้านถิ่นแดนใต้ฟัง


ชาวบ้านบอกเขาเล่นเพลงคาราโอเกะ คือเพลงไม่มีเนื้อร้อง”…

วัยรุ่นแดนใต้บางถิ่น ถึงกับตื่นเต้นพอมีเนื้อร้องเข้ามาในเพลง

ถึงเนื้อร้องเสียที กูได้ยินเพลงมันแล้วว่ามันบอกอะไรมั่ง”…

วัยรุ่นบางถิ่นตะโกนขอเพลงมาลีฮวนนา น้อยคนหรือเปล่ารู้ว่ามาลีฮวนน่าคือกัญชา


“(
)มึงฟังแล ก็เขาเล่นเพลงมาลีฮวนน่าอยู่แล้ว ()มึงได้ยินแล้วหม้าย(ยัง) เพลงคนเลวนั่นแหละมาลีฮวนน่า”…

*** เพลง คนเลว เขียนโดย กนกพงศ์ สงสมพันธุ์

บล็อกของ ชนกลุ่มน้อย

ชนกลุ่มน้อย
พ่อของลูกคือลูกของพ่อ ล้วงหนังสือ “เจ้าชายน้อย” ออกจากกระเป๋าสะพาย เป็นเล่มเดียวที่ติดตัวไปด้วยทุกครั้งที่ลูกชายเดินทางไปด้วย และไม่อาจรู้หรอกว่าจะได้เปิดอ่านในช่วงไหนเวลาไหน ลูกของพ่อคือหลานของปู่กำลังง่วนอยู่กับสมุด ดินสอ สีในกระเป๋าเช่นกัน เขาคงนึกอยากเขียนภาพ
ชนกลุ่มน้อย
เดินทางแบบกระเด็นกระดอนอยู่ในกระป๋องหนาหนักติดล้อ  และความยาวนานของระยะทาง  กว่า 5 ชั่วโมงไปให้ถึงใจกลางภูเขา  แต่ยิ่งคิดว่าเมื่อไหร่จะถึงใจกลางภูเขาตามมาตรวัดของแผนที่แผ่กางออกกว้าง  ยิ่งกลับเป็นเรื่องยากไปถึงใจกลางภูเขาที่อยู่ในใจ  ภูเขาเป็นทะมึนก่อกำแพงรายล้อม  
ชนกลุ่มน้อย
    เป็นเวลา 10 กว่าปี ที่ผมไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับพ่อใต้ชายคาเดียวกันนานๆ แต่คราวนี้ พ่ออยู่กับผมนานถึง 90 วัน พ่อในวัย 74 เพิ่งผ่านการบำบัดรักษาหัวใจอย่างชนิดลุ้นเส้นยาแดงผ่าแปดกันมา และต้องควบคุมตัวเองเรื่องการดื่ม กิน เคลื่อนไหว และเคร่งครัดกับขนาดจำนวนยารักษาอย่างชนิดห้ามขาดเกินเวลา
ชนกลุ่มน้อย
ไหนๆ ก็กอดกันแล้ว กอดต่ออีกครั้งเป็นไรไป ภูเขาลูกนั้นมีเถียงไร่ตั้งอยู่โดดเด่นและโดดเดี่ยว สองพ่อลูกชวนกันไปยังเถียงไร่ ที่นั่นคงสบายตา ดูลับหูลับตาคน ไม่มีใครไป พอเดินไปได้ไม่กี่ก้าว กลับพบกับไม้สามต้น ดูราวเป็นพี่น้องกัน ทรงพุ่มงามเหลือเกิน เหมือนก้อนเมฆย้อมสีเขียวเกิดเปลี่ยนใจอยากมาปักเป็นต้นไม้อยู่บนผืนดิน มองแล้วมองอีก ยังไม่อิ่ม “กอดดีกว่าพ่อ” เสียงนั้นบอก “พ่อกอดด้วย” นานอย่างนาน ผลัดกันกอดไม้สามต้นนั้น
ชนกลุ่มน้อย
 ขอทะลึ่งๆ เว่อร์ๆ อีกสักครั้งเถอะครับ ผมรู้สึกอย่างนี้จริงๆ ทันทีที่นึกอยากเขียน และโชว์รูปที่น่าจะอยู่ในอัลบั้มรูปส่วนตัว ว่างๆก็เอามาแบวางออกดูและรำลึกถึง มากกว่านำออกมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าสายตาสาธารณะ ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า เบื่อๆ เซาๆ ซึมๆ ว่างมาก มาทำเรื่องดูดีกันมั้ยลูก   มา ม๊า มาทำซึ้งกันสักครั้งดีกว่ามั้ย"เอ้า เอาเลย กอดกันเลยลูก" พูดแค่นั้นเจ้าชายน้อยโผประจำการทันที ผมไล่ตามเก็บรูป"พ่อกอดมั้ย" เขาถามกลับมา"กอดสิ ต้องกอดแน่ๆ ว่างแล้วยัง" หมายถึงไม้ต้นนั้น หมายตาไว้เหมือนกัน และถูกรักหลงในเวลาอันรวดเร็ว"ถ่ายรูปมั้ย" เขายึดกล้องไปกดรูปวันนั้น…
ชนกลุ่มน้อย
ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี ที่ผมตระเวนท่องไปตามป่าเขาในภาคเหนือ ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเผชิญหน้าจริงๆ กับพายุลมแรงที่หอบน้ำแข็งมาด้วย จนติดตรึงอยู่ในพายุน้ำแข็ง ไม่เห็นทางข้างหน้าและไม่เห็นทางข้างหลัง ขยับไปไหนไม่ได้ ราวกับทุกอย่างตกอยู่เหนือการควบคุม นอกจากยอมรับสภาพแล้วจำนนกับความเป็นไป
ชนกลุ่มน้อย
วันที่ 8 มีนาคม 2552 ผมนั่งเคียงข้างพ้อเลป่า ก่อนเดินทางกลับ ผมบอกว่า อีกสองสามอาทิตย์จะเข้ามาเยี่ยมอีกครั้ง เวลาผ่านไปสามอาทิตย์กว่า ตรงกับวันที่ 2 เมษายน 2552 พ้อเลป่าก็จากไปจริงๆ ผมไปถึงบ้านแม่แฮคี้ตอนบ่ายแก่ๆวันต่อมา บ้านไม้ริมถนนมีคนจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่บนบ้าน ไล่เรียงอออกมานอกประตูบ้าน ผู้เฒ่ากวีแห่งแม่แฮใต้จากไปจริงๆ รูปวางถ่ายไว้บนโลงไม้ รูปสูบไปป์ที่คุ้นเคย พร้อมดอกไม้สัญลักษณ์ของความอาลัย
ชนกลุ่มน้อย
 เมื่อฉันเริ่มจำความได้ ฉันเที่ยวเล่นกับพวกเพื่อนๆ ฉันรู้ว่า แม่เป็นคนทอเสื้อให้ฉันใส่ ฉันดีใจมาก ฉันสวมเสื้อตัวนั้นแล้วเดินนำหน้าคนอื่นๆ เวลานั้นฉันรู้สึกว่า ใบหน้าของตัวเองเต็มอิ่มไปด้วยความร่าเริงยินดี
ชนกลุ่มน้อย
ชนกลุ่มน้อย
 ไม่มองซ้ายขวาหน้าหลัง  เดินเข้าไปหาแล้วโอบกอด   "ได้กลิ่นมั้ย" ผมถาม"เหมือนน้ำมัน" เขาตอบ"ใช่  ในตัวเขามีน้ำมัน" .. บทสนทนาระหว่างโอบกอด  เป็นเช่นนี้จริงๆ