Skip to main content

ฮานอยเป็นหัวเมืองใหญ่ทางภาคเหนือของเวียดนาม สถานที่ที่มีอัตราการเติบโตของจีดีพีไม่เป็นรองเมืองอื่นๆ (ยกเว้นตอนนี้เวียดนามเจอภาวะเงินเฟ้อ) กับความรุ่งเรืองแห่งอดีต


อดีตแห่งภูมิภาคหนึ่งของจีนที่ได้ชื่อว่า อันนัม


ประกอบไปด้วย การจราจรอันคับคั่ง(จริงๆ ก็คับคั่งทุกเมืองใหญ่แหละ)ย่านโอลด์ ทาวน์ ทะเลสาบคืนดาบ บาร์เกย์และดนตรีแนวแทรนส์


เราเจอฟั้งกี้ มั้งกี้หัวมุมถนนย่านใจกลางเมือง หลังจากที่เดินตามหามาตั้งแต่หัวค่ำ ในอาคารพาณิชย์ 1 คูหา ไกด์คนเก่งจากเกาะกั๊ตบาแนะนำให้เรามาย่านนี้ เหตุผลหนึ่งเพราะเป็นย่านบาร์เกย์ที่คนในเพศที่ 3 สามารถจะแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่ เกย์ในเวียดนามไม่ได้รับการยอมรับเหมือนกับเมืองไทย (อันที่จริงในเมืองไทยก็ยอมรับกันเฉพาะเมืองใหญ่เท่านั้น)


และเหตุผลต่อมา ดนตรีแนวแทรนส์


แทรนส์ เป็นดนตรีแนวเทคโนฯที่เพิ่งเฟื่องและมีอายุไม่ควรจะเกิน 10 ปี ฟังกี้ มังกี้ เป็นหนึ่งในบาร์ที่นำดนตรีแนวนี้เข้ามาเล่นในเวียดนามเป็นแห่งแรก ข้อมูลว่ามาอย่างนั้น


ทันทีที่เปิดประตู ทำนองหนักหน่วงไหลทะลักออกมาจากช่องราวกับน้ำป่าไหลหลากสัญลักษณ์ลิงแต่งตัวแนวฟั้งกี้ สวมหมวกแก้ปกลับด้าน กางขาบานสามส่วนกะเสื้อตัวโคร่ง มีหูฟังอันใหญ่แนบหน้าและเต้นรำอย่างไม่สนใจโลก เด่นหราอยู่หน้าบาร์


หนุ่มบริกรชายหญิงชาวเวียดนาม ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์มีรูปลิงกำลังเต้นอยู่ที่หน้าอก ออกมาต้อนรับ ที่นี่ เป็นอีกโลกที่ให้พวกเขาได้แสดงออกอย่างเต็มที่


ผู้จัดการเป็นเด็กสาวตัวโต อายุ 19 ปี ลูกครึ่งโซ-เวียต (โซเวียตกะเวียดนาม) เข้ามาทักทายแขกแปลกหน้า เธอบอกว่า เธอมาเรียนที่เวียดนาม เป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน รัฐศาสตร์และกฏหมายระหว่างประเทศในมหาวิทยาลัยฮานอย อยู่ที่นี่เกือบ 10 ปี


กลางวันเรียนหนังสือ กลางคืนทำงาน จนเป็นผจก. อิอิ

สังคมที่นี่ยังอนุรักษ์อยู่มาก คนรุ่นก่อนมองเรื่องเพศที่สามเป็นเรื่องผิดปกติ”

เธอสนทนา

แต่ก็อีกนั่นแหละ เด็กๆ เข้าใจความรู้สึกของพ่อแม่ดี”

ประโยคนี้ เธอมีกังวานเสียงคาดหวัง

....


ฮานอยเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน แฝงด้วยมนต์เสน่ห์ งดงามด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียล มีทะเลสาบน้อยใหญ่ถึง 18 แห่ง สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยู่ใจกลางเมืองและการโชว์หุ่นกระบอกน้ำ ...


เป็นคำเชิญของใบปิดโฆษณาการท่องเที่ยวที่เจอได้ทั่วไป


โรงแรมระดับหรู อย่างเช่น โซฟิเทลในเครือเซ็นทรัลหรือเกรซ พาราไดซ์ จากอังกฤษ เข้ามาลงทุนในฮานอย พร้อมเสนอตัวเองยกระดับความหรูหราให้แก่ผู้มาเยือนและนักท่องเที่ยวผมสีทอง ฮานอยยุคใหม่เจือกันไประหว่างความศิวิไลซ์และวัฒนธรรมเก่าฯ


โลกที่ผ่านมา ฮานอยเต็มไปด้วยการปลูกฝังอุดมการณ์สร้างชาติแนวสังคมนิยมอย่างมาร์กซ์ เลนินหรือเฟเดอริก เองเกล หนังสือและการสื่อสารอื่นๆ กลายเป็นสิ่งต้องห้าม ทั้งในเชิงวัฒนธรรมและการใช้ชีวิต


ปัจจุบัน โลกของฮานอย เต็มไปด้วยอินเทอร์เน็ต คาเฟ่ วัฒนธรรมฮอลลีวู้ดและหนังสือนู้ด ผ่านสายตาเป็นห่วงเป็นใยทางวัฒนธรรมของผู้ใหญ่ในสังคม(นิยม)เวียด !!!


ใครสักคน บอกเอาไว้ว่า เราคงปฏิเสธทุนใหม่ไม่ได้ อยู่ที่ว่า เราจะอยู่กะมันอย่างไรหรือการยอมรับเช่นนี้เท่ากับเป็นความพ่ายแพ้ในโลกสังคมนิยม ..หรือว่า นี่เป็นแนวทางใหม่ของโลกสังคมนิยม


เปล่า อย่างน้อยนักสังคมนิยมคงไม่คิดเช่นนั้น !!!


แม้แต่ คำโฆษณาชวนเชื่อที่เคยยกย่องชนชั้นกรรมาชีพ ปลดแอกตัวเองออกจากทุนนิยมสามานย์และลัทธิจักวรรดินิยมกลับเป็นการสร้างชาติแบบใหม่ด้วยการพัฒนาไอทีและเทคโนโลยียุคศตวรรษที่ 20 เพื่อโครงสร้างระบบอุตสาหกรรมที่จะนำพาประเทศก้าวหน้า


เริ่มต้นที่การพัฒนาการท่องเที่ยว

เริ่มต้นด้วยการเปิดเสรีการลงทุนและบริษัทฟิลิป มอริส เข้ามาลงทุนในโฮจิมินท์

รีสอร์ท โรงแรม และ กรรมาชีพชาวเวียดเป็นพนักงานจัดสวนหย่อมในสวนหน้าโรงแรม

เพื่อชาติยุคใหม่ ไชโย

เปล่า ไม่มีเรื่องอะไรต้องกังวล

ผมยกเบียร์ดำ รสขมในแบบอเมริกันขึ้นดื่มในฟั้งกี้ มั้งกี้ !!

?????

 

28_8_01
ซิโคล่และฮานอย เป็นของคู่กัน


 

28_8_02

บาเก็ต และ สาวเวียด เป็นของคู่กัน



28_8_03
ความสามารถพิเศษ ห้ามลอกเลียนแบบ



28_8_04
ดูสิครับว่า คับคั่ง แค่ไหน



28_8_05
สงสารแต่น่ากิน



28_8_06
นกกระเรียนเหยียบเต่าในโอลด์ ทาวน์ มหาวิทยาลัยเก่าแก่แห่งหนึ่งของโลกอยู่ที่ฮานอย


28_8_07

ตำราเก่าเก็บ อายุมากกว่า 1,000 ปี


28_8_08
มหาวิทยาลัยเก่า


28_8_09
เด็กรุ่นใหม่มาเต้นแนวฮิพฮอพ หน้าจัตุรัสกลางเมือง



28_8_10
ฮานอยยามกลางคืน ริมทะเลสาบคืนดาบ


บล็อกของ กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์

กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เรากลับถึงฮานอยอีกครั้งและเป็นช่วงสุดท้ายของทริปส์แบ็กแพ็กครั้งนี้โดยมีเวลา 2 คืน ก่อนจะเดินทางกลับ หมายความว่า เรามีเวลา 1 วันเต็ม สำหรับการตะลุยฮานอยการเช่ามอเตอร์ไซค์หรือมอเตอร์ไบค์ในฮานอยจัดว่าเป็นความท้าทายของนักขับและได้รับการกล่าวขวัญเอาไว้ในโลนลี่ แพลนเนต ว่า หากคุณไม่มั่นใจ ‘อย่า' ให้พึ่งพาเท้าทั้งสองข้างเพราะการจราจรที่นี่คับคั่งเกินกว่าเพราะตำรวจจราจรที่นี่เอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยวยามเช้า เมื่อคนเริ่มพลุกพล่าน ร้านรวงบนจักรยานของแม่ค้าเปิดทำการแต่เช้าตรู่ เรากินอาหารเช้าที่แบมบู โฮเต็ล ก่อนจะตัดสินใจ เช่ามอเตอร์ไบค์ที่โรงแรมนั่นแหละ ด้วยราคา 6 เหรียญ…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
 เรือแคนนู ความเฟื่องฟูของกิจการการท่องเที่ยวยามเย็น พระอาทิตย์ตกที่ริมขอบผา
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เราแกร่วอยู่ในร้านอาหารหน้าสถานีรถไฟเลาไค รอรถเที่ยว 2 ทุ่ม ถึงฮานอยเช้าแล้วต่อรถไปยังอ่าวฮาลอง หมู่เกาะกั๊ตบา ฝนตกกระหน่ำ นักท่องเที่ยวหลายชาติที่จะเดินทางไปฮานอยทยอยกันมาเรื่อยๆ จนแน่นขนัด ร้านใครร้านมันแล้วแต่คอนเนคชั่นของเอเจนซี่ เรานั่งจิบเบียร์ไปเกือบโหล เบียร์ที่เวียดนามมีหลายยี่ห้อ แตกต่างกันไปตามเมือง เบียร์ฮานอย เบียร์เว้ เบียร์(สด)โฮยอาน (อร่อยและราคาสุดคุ้ม ขอบอก) ฝนซาเม็ดและตกกระหน่ำ สลับกันหลายชั่วโมง ชวนให้คิดถึงหนังสงครามเวียดนาม ในแบบฉบับของฮอลลีวูด ทหารอเมริกันที่ถูกส่งมารบที่ตะวันออกไกล นอกจาก ต้องเผชิญกับนักรบกองโจรเวียดกง ไข้มาลาเรีย…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เด็กเจ้าของร้านขายสินค้าที่ทำจากเครื่องเงินแห่งหนึ่งในซาปา ดูจากบุคลิกแล้ว 'คิดว่า' เธอน่าจะเป็นคนจากเมืองอื่นที่ย้ายมาทำมาหากินในซาปา ซึ่งร้านลักษณะนี้มีมากมายเหมือนแหล่งท่องเที่ยวในบ้านเราที่มีคนจากแหล่งอื่นเข้ามาลงทุน ในแง่นี้เป็นทั้งกลุ่มทุนรายย่อยและกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ได้ยินข่าวมาเร็วๆ นี้ก่อนที่เวียดนามจะประสบภาวะเงินเฟ้ออย่างในปัจจุบันว่า รัฐบาลเวียดนามเปิดให้นักลงทุนต่างชาติทั้งรายย่อย-ใหญ่ เข้ามาลงทุนได้เต็ม 100% ครับ .. ใครทุนหนา รีบๆ เข้าเด้อ!!
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เราใช้สูตรซื้อทัวร์ไปตลาดบั๊กฮาในช้าวันสุดท้ายที่เราอยู่ในซาปา เป็นรถตู้ร่วมกับนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ แล้วรอรถที่สถานีรถไฟเลาไค เพื่อเดินทางกลับฮานอย รถแล่นเรียบเรื่อยไปตามถนน ลัดเลาะภูเขาสูงชัน บางแห่งจะมีการซ่อมสร้างเสริมถนน ผ่านหมู่บ้านหลายหมู่บ้าน บางแห่งเป็นหมู่บ้านชาวม้งดอกไม้ที่ไกด์คนดีบอกเราว่าให้สังเกตุเอาจากสีสันของลายเสื้อ ฝนโปรยเม็ด ตอนที่เราออกมาจากซาปาทำให้เห็นหมอกหนาขึ้นมาตามชายป่าริมเขาข้างทาง เย็นแต่สวยงามดี ตลาดบั๊กฮาจะต้องผ่านเมืองเลาไค เป็นเขตพรมแดนอีกแห่งของประเทศเวียดนาม ที่ติดต่อกับประเทศจีน…
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
  เมาท์เทนวิว เป็นโรงแรมขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งในซาปาที่มีคนไทยนิยมไปพักมากที่สุดอย่างน้อย รีเซฟชั่นโรงแรมอย่างมิงก็เม้าท์ให้ฟังเอาไว้อย่างนั้นเราพบเมาท์เทนวิวในเว็บไซต์แนะนำที่พักจากนักท่องเที่ยวคนหนึ่งที่เขียนบันทึกเรื่องราวของเขาในเวียดนามเอาไว้อย่างน่าสนใจ "เมาท์เทนวิว สวยและสะอาด ข้างหลังเป็นทิวเขาที่สลับซับซ้อนและตรงกับจุดที่พระอาทิตย์ตกพอดี ด้านซ้ายจะเห็นกลุ่มบ้านเรือนกลางใจเมืองซาปา ขวาจะเป็นถนนสีเทายาวเหยียดและกลุ่มนาขั้นบันได ทุกเช้า (หากคุณตื่นเช้า) จะมองเห็นละอองหมอกระเรี่ย"เท่านั้นแหละครับ เมื่อผมกะยาดาไปถึงซาปา เราดิ่งไปเมาท์เทนวิวโดยไม่รอรีเควสซ้ำสอง
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
รถไฟจะออกจากฮานอยไปซาปา สองทุ่มตรง ลงสถานีเลาไคและต่อรถตู้ อีกครึ่งวัน เรายังย่ำต็อกอยู่ในฮานอย รอเวลา จึงหอบผ้าหอบผ่อนไปจองแบมบู เกสเฮ้าส์ เอาไว้สำหรับวันที่จะกลับมา ตามแผน เราจะอยู่ที่ซาปา 2 คืน 3 วัน แล้วกลับมาฮานอย จองทัวร์ไปอ่าวฮาลอง อีก 2 คืน 3 วัน ถึงจะกลับมาพักที่ฮานอย 2 คืน ก่อนจะกลับบ้าน จองห้องที่แบมบู เกสเฮ้าส์ เอาไว้กันเหนียว ฮานอย 18.00 น. ก็เหมือนกับกรุงเทพฯ ในช่วงเวลาเร่งด่วน รถติดและคนกลับบ้าน เราอยากมั่นใจว่าจะไม่ตกรถไฟ จึงติดต่อให้ทางแบมบูจัดหารถแท็กซี่ไปส่ง ที่การันตีว่า ไม่มีชาร์ต จากคำบอกเล่าของเราที่เจอกับรถแท็กซี่ ออน ทัวร์ วนรอบเมืองในเช้าวันเดียวกัน
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ผ่านไปครึ่งทริปส์ จากกรุงเทพฯถึงเวียดนามภาคกลาง เว้ ดานังและโฮยอาน กับการเดินทางในฐานะแบ็กแพ็คเกอร์ เรากำลังวางแผนขึ้นเหนือ ฮานอย ซาปา และหมู่เกาะกั๊ตบาในอ่าวฮาลอง ก่อนจะจบทริปส์แล้วบินกลับเมืองไทย จากสนามบินนอยไบ ในฮานอย ...
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เราปั่นจักรยานไปเจอสตีฟที่ เดอ สลีฟปี้ เกกโก    ยามเช้าในโฮยอาน เหมือนกับยามเช้าในเว้ของเวียดนามวุ่นวายด้วยเสียงบีบแตรและการค้าจากโรงแรมถึงตลาดปลาและร้านขายรองเท้า ร้านขายรูปวาดและร้านขายหมวก รวมถึง เสื้อยืดที่มีดวงดาวสีเหลืองตรงหน้าอก มีให้ได้ซื้อหาเป็นของฝากสำหรับนักท่องเที่ยวสตีฟเป็นชาวอังกฤษ จากยอร์กเชียร์ เขาออกจากบ้านเกิดมาตั้งแต่วัย 24 ปีและอยู่ในเวียดนามเข้าปีที่ 40 เปิดเกกโก บาร์พร้อมกับเป็นไกด์นำนักท่องเที่ยวทัวร์โฮยอานนอกจาก บ้านหลังเก่าในโอลด์ ทาวน์ และบรรยากาศล่องเรือชมแม่น้ำเขาแนะนำว่า ชนบทโฮยอานไม่อะไรให้ดูมาก
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
สถานีรถไฟดานังติดแอร์คอนดิชันเย็นฉ่ำแดดร้อน ดานังเป็นเมืองท่าทางเศรษฐกิจพร้อมท่าเรือขนาดใหญ่ ยาดาเดินแหวกผู้คนออกมาทางตามชานชาลา ช่วงนั้นเป็นเวลาเที่ยงวัน เจ้าหน้าที่หยุดพักผ่อน ประตูใหญ่จากชานชาลาปิด เราแทรกตัวออกมาตามบานพับของประตูเหล็กชนิดยืดได้หดได้บริเวณก่าดานังเต็มไปด้วยรถแท็กซี่และมอเตอร์ไบค์(รับจ้าง) แท็กซี่มิเตอร์ที่เวียดนามมี 2 แบบ คือ แท็กซี่ของรัฐและแท็กซี่อิสระ สังเกตุได้จากสภาพรถและบุคลิกภาพของคนขับรถ ทันทีที่เห็นนักท่องเที่ยวอย่างเราออกมา (อย่างไม่รู้ว่าจะเริ่มไปไหนอย่างไรดี) แท็กซี่กลุ่มใหญ่ก็กรูกันเข้ามาสอบถามและเสนอราคาอย่างไม่ปรานีปราศรัย
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
เราจับรถไฟเช้าจากสถานีรถไฟเว้ (ก่าเว้) ไปยังเมืองดานังเพื่อโดยสารรถไปยังเมืองโฮยอานอีกต่อ อันที่จริงไม่จำเป็นต้องใช้เส้นทางนี้เพราะสามารถเดินทางจากเว้ตรงไปโฮยอานได้โดยรถทัวร์ เพียงแต่ว่า ข้อมูลจากโลนลี่ พลาเน็ต บอกเอาไว้ว่าเส้นทางรถไฟสายเว้-ดานัง เป็นเส้นทางที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเราจึงตัดสินใจลองของ!ยามเช้า คนเริ่มพลุกพล่าน ผมกับยาดาเรียกแต็กซี่(ตามสำนวนคนเวียด)ไปก่าเว้ก่าเว้ เป็นอาคารรูปทรงโคโลเนี่ยล ทาด้วยสีส้ม-เหลือง ผู้คนคึกคัก อุ้มลูกจูงหลานเดินทางไปทำธุระพบปะญาติมิตร นักท่องเที่ยวบางคนจับกลุ่มยืนสูบบุหรี่อยู่มุมหนึ่ง
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ทันทีที่ออกจากด่านลาวบาว รถทัวร์ปุเรงมาบนถนนหมายเลข1 นักท่องเที่ยวจะต้องนั่งรถเพื่อเข้าไปยังมหานครเว้อีกราวๆ 160 กิโลเมตร (หลังจากที่ตื่นๆ หลับๆ มาแล้วราว 250 กม. บนทางหลวงหมายเลข9) รวมระยะทางจากมุกดาหาร-เว้ ประมาณ 410 กิโลเมตรนักท่องเที่ยวบางคนพักที่ด่าน ซึ่งมีเกสต์เฮาส์เล็กๆ สบายๆ และเป็นที่ขึ้นชื่อว่า ตลาดเช้าลาวบาวช่างน่ารักน่าชังนักเรื่องของเรื่อง คือ เราควรจะถึงเว้ไม่เกิน 18.00 น. ตามเวลาในตั๋วระหว่างเส้นทางจะต้องผ่านเมืองใหญ่ 2 เมือง คือ เมืองเคเซนและเมืองดองฮา ทั้ง 2 เมือง คือ จุดยุทธศาสตร์ที่ถูกโจมตีอย่างหนักในสงครามเวียดนาม โดยเฉพาะเมืองดองฮาหรือเรียกชื่อย่อว่า DMZ นั้น…