Skip to main content

พี่ ไปแค้มป์แม่หละกันไม๊” ดาด้าตัวละครเก่าของผมเอ่ยถาม

ระหว่างที่เรานั่งรถไปจังหวัดกระบี่

ตาก อะนะ” ผมทำตาลุก มันเป็นสถานที่หนึ่งที่ฝันว่าจะไปถ่ายรูป

วันไหน”

เนี่ย กลับจากนี่แหละ”

มหาดไทยอนุญาตให้ออฟฟิศของดาด้า เข้าไปถ่ายทำเรื่องกลุ่มมุสลิมในแค้มป์

ผมนั่งนับนิ้ว เอ มันตรงกับวันอะไรหว่า !!

เออ นายเขียนแคนโต้แล้วถ่ายรูปมาลงคอลัมน์เรานะ”


เสียดายครับ

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

เราไม่ได้ต้องการให้แผ่นดินนี้ มีไว้เพื่อให้ดวงใจอันโหยหาของเธอมาพักพิง

...อันเนื่องมาจากเหตุผลทางสงคราม

ฉันอยากให้ดินแดนแห่งนี้ของฉัน

...มีไว้เพื่อให้เธอมาพักพิงด้วยเพราะมันโอบอุ้มเธอพ้นจากความตื่นตระหนก

...เธออุ่นดวงใจเมื่อมาเร้นกายในบ้านของฉัน


ถึงจะอย่างไรก็แล้วแต่

...ฉันไม่อาจจ้องมองเข้าไปที่ดวงตาของเธอได้นานนัก

นั่นเป็นเพราะฉันไม่อาจเก็บภาพดวงตาที่แสนเศร้าของเธอเอาไว้ได้


ฉันอยากเห็นรอยยิ้มและแววตาเธอที่ฉายแววความสุข...มาสู่กลางใจฉัน

มิใช่รอยยิ้มที่แสนเศร้ากับดวงตาที่แสนจะเทาทุกข์คู่นั้น

เธอถามฉันว่า ...จะกลับมาที่นี่อีกมั้ย ?” ฉันนิ่งเฉยไม่อาจเอื้อนเอ่ยตอบอะไรเธอได้...


ก็ฉันจะบอกเธอได้อย่างไรเล่าว่า...ฉันไม่อยากกลับมาเจอเธอ ณ สถานที่แห่งนี้

นั่นเพราะฉันไม่อยากให้เธออยู่ที่นี่นานนัก

...จะเป็นไปได้มั้ย ที่ไฟสงครามจะดับมอดลง

แล้วเราเจอกัน ณ ที่แห่งหนอื่น

ที่ซึ่ง เธอ ไม่หวาดผวาต่อคนแปลกหน้าเช่นฉัน

และไม่ระแวดระวังต่อโลกภายนอกจนเกินไป

คิดถึงเธอเช่นกัน...เพื่อนรัก


1.

เมื่อฉันสัมผัสอะไรสักอย่าง

ความรู้สึกมัก

ชนะเหตุผลเสมอ


2.

ดินแดนแห่งนี้

อ้างว้าง ร้างรา เสรีภาพ

แต่มันกลับรื่นเริงด้วยมิตรภาพ

3.

เธอจะบอกฉันได้หรือไม่

เรื่องการจากลา

แผ่นดินแม่


4.

ฉันฟังเธอจากเก้าอี้ไม้ตัวนั้น

แวดล้อมด้วยสายตานับพัน

เธอเดินทางไกลเพื่อหลีกหนีควันปืน

5.

เราคงพอจะช่วยเธอได้บ้าง

จากการนั่งฟัง

และยิ้มให้


6.

สายฝนขาดเม็ดไปนานแล้ว

แต่ฉันกลับได้ยินเสียง

ใครบางคนร้องไห้จากมุมนี้

7.

แม้เราไม่อาจพบกันในโลกแห่งแสงสี

แต่จิตวิญญานนักฝัน

มักโบยบินไกลเกินแสงสีจะก้าวทัน


8.

ผ่านมาพบเมืองในหุบเขา

ที่ซึ่งกฎหมายคุ้มครอง

แต่อิสระถูกลิดรอน

9.

ดอกหญ้าเติบโต

เด็กน้อยเติบโต

ความฝันย่อมรอวันเติบโต


10.

อิสระหมายถึงอะไร

เมื่อค่ำคืนที่เหงาที่สุดของเธอ

เดินทางพ้นรั้วหนามแห่งนั้นมาได้



เด็กหญิงชายเหล่านั้นถูกสอนว่า ‘อย่าเดินออกนอกรั้ว’

บ้านของเราอยู่ทิศตะวันตกของประเทศนี้

ขอบคุณ ดาด้า เพื่อนรุ่นน้องที่ช่างฝันที่สุดในโลก



















บล็อกของ กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์

กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
อยู่ดาก้าเพียง 2 วัน มันถูกส่งขึ้นดอยแดนดงป่า อีกแล้ว (ตรงนี้เพื่อนผมอุทธรณ์ว่า เหมือนอยู่เมืองไทยไม่มีผิด กำ) “ต้องไปเมืองอะไรครับ” เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการถาม ‘จิตตะกอง’ “โห โหดน๊า” นั่นหมายถึงคำปลอบโยน
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
อีกครั้งที่ ‘เพื่อนผม' มันไปสังเกตุการณ์การเลือกตั้งในบังคลาเทศ (แล้วผมก็เอามาเขียน 555) (จริงๆ มันไปเมื่อนานมาแล้วสักครึ่งปีเห็นจะได้)
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ภาพสุดท้ายที่ผมมองเห็นก่อนออกจากเปียงหลวง คือ ทิวเขาลูกนั้นในสายหมอกโอบอ้อมกับรอยยิ้มอิ่มบุญของคนไต งานปอย-ส่างลองสิ้นสุด พร้อมกับคอนเสริ์ตทิ้งท้ายที่เล่นกันค่อนรุ่ง ความรื่นเริงของคนหนุ่มสาวและส่างลองที่พร้อมจะเข้าสู่โลกแห่งธรรม
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ผมคิดว่าโครงใบหน้าของคนไตดูสวยดี โดยเฉพาะ ,ผู้หญิง ถึงแม้ว่า วันนี้ พวกเธอหลายคนจะต้องออกไปหางานทำนอกหมู่บ้าน , สิ่งที่มากกว่านั้น คือ ความรักและแรงศรัทธาในการร่วมงานบุญ ,และรอยยิ้มของพวกเธอ
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ศูนย์พักรอกุงจ่อ คือ พื้นที่ของผู้หนีภัยการสู้รบจากการปราบปรามอย่างรุนแรงของรัฐบาลทหารพม่า นับจากปี 2545 ชาวไต(ไทใหญ่)ร่วมหนึ่งพันคน เดินเท้าเข้าประเทศไทยทางด่านหลักแต่ง...!!!
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
พ่อส้านและส่างลอง เป็นภาพที่คู่กัน ส่างลองอยู่ที่ไหน พ่อส้านจะอยู่ที่นั่น แต่ละคน แต่ละคู่ ต่างมีลีลาที่แตกต่างกันออกไป ... เชื่อกันว่า ได้บุญใหญ่ ส่างลองในวันนี้จะเป็นพ่อส้านที่ดีในวันหน้า ทั้งนี้ ตามความสมัครใจ เช้า ขี่คอแห่ส่างลองไปตามวัด บ่ายแก่ได้พัก กลางคืนนอนเฝ้าส่างลองหลังซุ้ม ครบ 5 วัน เชื่อกันว่า ได้ขึ้นสวรรค์ !!! ดูลีลาของพวกเขาสิครับ .....
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
บริเวณสนามฟุตบอล โรงเรียนบ้านเปียงหลวงเต็มไปด้วนสีสัน สีสันงานบุญซุ้มส่างลองทั้ง 107 ซุ้มกระจายอยู่โดยรอบสนามฟุตบอล เวทีดนตรีใหญ่หันหน้าประชันกับเวทีลิเกไทใหญ่หรือ "จ๊าดไต" เวทีใหญ่เล่นดนตรีทันสมัย โครงสร้างเวทีทำด้วยแกนเหล็กประกบเสาสูงราวเมตรครึ่ง ,ส่วนเวทีจ๊าดไตทำจากโครงไม้ไผ่ทั้งหลัง ปูพื้นด้วยแผ่นไม้กระดาน ฝาด้านหลังทำด้วยใบตองตึงสีน้ำตาลแห้งเก่าทะลุมองเห็นด้านใน ,วงดนตรีเครื่องสายดีดสีตีเป่าครบ ,นางรำแต่งหน้าทาปาก พันคอด้วยผ้าแถบมันเลื่อม ด้านตรงข้ามแดนเซอร์ชาวดอยวิ่งกระจายออกมาหน้าเวทีใหญ่
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
มีดโกนด้ามใหม่ สีดำสนิท บรรจงกรีดลงไปตามไรผมแต่ละเส้น ส่างลองทุกคนรู้ดีว่า พิธีกรรมต่อจากนี้ไปพวกเขาจะต้องใช้ความอดทนมากแค่ไหนกว่าผมจะหมดศีรษะ บางคนใบหน้าเหยเก บางคนถึงกับร้องไห้ จนพระพี่เลี้ยงและพ่อแม่ต้องหยุดใบมีดเอาไว้ก่อนแล้วตักน้ำส้มป่อยราดหัว ฟอกด้วยยาสระผมแล้วเริ่มโกน โกนจนหมดศีรษะ !!!
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
รถตู้กลางเก่ากลางใหม่ของบริษัทดาวทองขนส่ง จำกัด ออกจากสถานีช้างเผือก 10.30 น. หนุ่มใหญ่วัย 40 เศษ ไว้เคราบางๆและสวมแว่นตาดำตลอดเวลาซิ่งเจ้าเพื่อนยากปุเลงไปตามสันเขาน้อยใหญ่บนเส้นทางเชียงใหม่-เปียงหลวง 161 กิโลเมตร แดดฤดูร้อนจัดจ้านขับให้ดอกหางนกยูงสีแดงข้างทางสดเข้ม ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ผ่านอำเภอเชียงดาวถึงแยกเมืองงาย เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสายแม่จา-เปียงหลวง ก่อนที่เส้นทางจะไต่ไปตามสันเขาคดเคี้ยว หนุ่มนักซิ่งของเราจะเตือนผู้โดยสารผ่านน้ำเสียงหนักแน่นว่า
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
... ผู้เฒ่าหญิงชายทั้งในชุดห่มขาวและชุดลำลองทั่วไป ต่อแถว รอพระลงจากกุฏิรับบิณฑบาตร สายหมอกฤดูร้อนห่มคลุมจางๆ ทำให้บรรยากาศรอบๆ ดูเลือนลางกึ่งจริงกึ่งฝัน งานฉลองพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ตื้อฯ ที่บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม มีศาสนิกชนผู้ศรัทธาเนืองแน่นเดินทางมาจากทุกสารทิศงานครั้งนี้เป็นบุญใหญ่ที่มีการเฉลิมฉลองถึง 15 วัน (1-15 พ.ค. 52) ภายในงานเปิดโรงทานโดยผู้มีจิตศรัทธาจะทำอาหารมาเลี้ยงผู้ร่วมงานบุญโดยไม่คิดสตางค์
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์