Skip to main content

ดงน้อยเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมักจะหยุดค้างแรม มีห้องน้ำที่ทำด้วยไม้ไผ่สานใบตองตึงต่ออย่างหยาบๆ ในห้องขุดลึกเป็นโพรงราวๆ 3 เมตร ปากหลุมเป็น 4 เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 1x1 เมตร มีไม้พาดระหว่างปากหลุมให้นักท่องเที่ยวเข้าไปนั่งทำธุระทั้งหนักและเบา


นักเดินป่าสัก 10 คน มาถึงดงน้อยในเย็นวันนั้น อากาศขมุกขมัวทำให้เวลากลางวันสั้นกว่าเวลากลางคืน มืดสนิทภายใต้อ้อมกอดของขุนเขาและราวป่า ลูกหาบของคณะเดินป่าชุดนั้นเริ่มอุธทรณ์ เมื่อพวกเขาคิดว่า จะเดินไปอ่างสลุงในคืนนั้น เพื่อให้ทันดูทะเลหมอก

หากพวกคุณจะไป พวกคุณไปได้เลย ลูกหาบ(4 คน)จะพักที่นี่แล้วตามไปพรุ่งนี้”

อ่าว แล้วเราจะเอาอะไรกินคืนนี้” หนึ่งในนั้นเริ่ม

!!!...” ไม่มีคำตอบจากลูกหาบ

เพิ่งมีชาวบ้านเจอหมีในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา” ประมาณว่า เชื่อผมสิ พักที่นี่แหละ สรุปความได้ว่า นักเดินป่าคณะใหญ่จำต้องนอนค้างที่จุดพักแรมดงน้อย


พวกเขาคงกลัวอดมากกว่ากลัวหมี


การเดินขึ้นดอยหลวง ไม่ยากและไม่ง่าย แปลกและแตกต่างจากยอดอื่นๆ ตรงที่ทางเดินไม่ซับซ้อน เดินไปเรื่อยๆ ตามทางเดิน ไม่ต้องเลี้ยว ไม่มีแยกให้งง ไม่ชันแต่ตะปุ่มตะป่ำไปด้วยหิน ไม่มีน้ำหรือที่พัก ข้อที่น่าหวาดหวั่นที่สุด เห็นจะเป็น ‘ไม่มีส้วม’


เงื่อนไขนี้เป็นเจตนาของเขตรักษาพันธุ์ที่ไม่ต้องการสร้างอาคารสถานที่ถาวร เป็นการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่อนุญาตให้ขึ้นไปได้ไม่เกินวันละ 150 คน ในแต่ละฤดูกาลเพื่อการอนุรักษ์และเรียนรู้ชีวิตอีกรูปแบบที่ไกลจากชีวิตปกติแต่ผมเชื่อว่าคงอีกไม่นานเกินรอ ดอยหลวงเชียงดาวจะพลุกพล่านไปด้วยนักท่องเที่ยวที่พร้อมสำหรับความยากลำบาก

...


บ่ายของเช้าวันใหม่ เราขึ้นไปถึงอ่างสลุงเชิงดอยกิ่วลมยอดสูงสุด ลมหนาวข้างบนต่ำกว่า 10 องศา ไหลผ่านเสื้อกันหนาวเข้ามาบาดผิว จุดพักแรมอ่างสลุงมีจุดกางเต๊นท์หลายจุด พี่แดนไกด์คนดีแนะนำให้เรากางเต๊นท์ในมุมอับของหิน


อุ่นแต่เสี่ยง เพราะมันเหมาะจะเป็นส้วมสาธารณะที่ดีที่สุด

แต่เราเลือกอุ่นเอาไว้ก่อน

อยากจะนอนดูดาว” ต้น บางใหญ่ว่า

คืนนี้ท้องฟ้าใส น่าจะเห็นดาว แต่หนาว” พี่แดนแนะนำ

เย็นวันนี้ เรามีแผนว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกบนยอดดอยหลวงซึ่งจะมองเห็นยอดพีระมิดและดอย 3 พี่น้องได้ถนัดถนี่

หากไม่มีหมอกจะมองเห็นยอดดอยอินทนนท์กับยอดผ้าห่มปก” มันสูงเป็นอันดับหนึ่งและอันดับสอง ส่วนอันดับสามมัน คือ ยอดดอยหลวง

...


บนยอดดอยหลวง เราสามารถมองเห็นโลกในมุม 360 องศา หินปูนสีคล้ำเพราะแดดและลมหนาวแผดเผา กระจายตัวออกไปเป็นหย่อมๆ ค้อเชียงดาว เสียดยอดอยู่ริมผาตระหง่านเงื้อม มันคงยืนอยู่ที่นั่นมาชั่วนาตาปีก่อนหน้าที่จะมีใครขึ้นมาถึง


สายหมอกสีขาวพัดหวนตามลมขึ้นมาจากก้นผาที่ลึกที่สุด พระอาทิตย์ดวงกลมโตลับเหลี่ยมทางยอดพีรามิด ชายรูปร่างสูงใหญ่ในชุดคลุมสีฝาดอย่างฤาษี สวมหมวกปีกกว้างทำจากไม้มียอดสูงคล้ายชฎา ใส่รีบอร์ก นั่งอยู่ริมผาพร้อมกับลูกศิษย์ซ้ายขวา


รอรับรังสีสุดท้ายของวันอย่างอิ่มเอิบ

ท่านเป็นนักบวชนิกายอะไรสักอย่าง ผมจำไม่ได้ รู้ข่าวหลังจากลงไปข้างล่างว่า ท่านและลูกศิษย์ถูกปรับเป็นเงินเพราะค้างแรมบนยอดดอยซึ่งเป็นสถานที่ที่ห้ามนอน ก่อนจะขับเบ๊นซ์สีน้ำตาล รุ่น 730E ออกไป อย่างอิ่มเอิบ แว่วว่าจะเดินทางไปต่ออีกยอด


กฏย่อมเป็นกฏไม่มีการยกเว้น (นอกจากผู้รักษากฏ)

...


มีคนเคยพูดว่า เพียงแค่ได้มองยอดดอยหลวงฯ จากผืนดินก็รู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่

เราคิดว่า เราจะกลับมาปีนอีกครั้ง


...

Ei Ei

 


แดดอาบไล้ยอดเขาเป็นภาพที่คุ้นเคยและหามองได้ง่ายๆ ในหุบเขาดอยหลวงเชียงดาว



ม่านหมอกปกคลุมยอด เสียดเมฆ










จู่ๆ สายหมอกก็หมุนวนขึ้นมาจากก้นหุบ ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่น่าตรึงหัวใจก่อนจะสลายตัวไป
เหลือเพียงภาพให้จดจำ







นักท่องเที่ยวมาเฝ้ารอพระอาทิตย์ตก มีฉากหลังเป็นทิวเขาซ้อนยาวเหยียด



ใบไม้เล็กๆ กำลังเปลี่ยนสี จากสีเขียวเป็นสีแดงก่อนจะกลายเป็นสีน้ำตาลแล้วร่วงโรย



บล็อกของ กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์

กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ละอองน้ำกระจายฟุ้ง แดดอ้าวเป็นไอระยับ จับประกายในสายน้ำเล็กๆ หัวฉีดน้ำพ่นฟูฝอยขึ้นฟ้า หมุนวน 180 องศาเด็กชายจับมือน้องสาว มองละอองน้ำ-ตาเป็นประกาย
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
...วันหนึ่งของเวลากลางวันในสวนสัตว์เขาดิน ..เอ่อ.. ผมยืนถ่ายมื้อเที่ยงแสนอร่อยมื้อนี้มากกว่าหนึ่งชั่วโมง ..ได้ภาพมาประมาณนี้ครับ ..(แกคงหิวมาก)
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ไฟป่า ยังคงเป็นปัญหาที่กลุ่มอนุรักษ์เขาแผงม้าต้องจัดการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหน้าแล้ง เช่นนี้...แดดอ้าวผ่าเปรี้ยงลงกลางหัว เหล่าอาสาสมัคร v4n ยืนฟังขั้นตอนการทำงานดับไฟป่าโดยกลุ่มอนุรักษ์เขาแผงม้า ไกลโพ้น เมฆฤดูร้อนลอยอยู่เหนือเทือกเขาที่ได้ชื่อว่า ภูเขาไฟเนินลูกแล้วลูกเล่าถูกแปรสภาพเป็นไร่ เหนือเนินหลายลูก ทะเลหญ้าสลับดงกล้วยป่าแซมเป็นจุดๆ รถบรรทุกน้ำถูกนำมาเตรียมเอาไว้ให้พร้อม
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
ในวงการนักอนุรักษ์ ไม่มีใครที่ไม่รู้จักคุณลุงโชคดี ...!!! ในกลุ่มอาสาสมัครสาธารณะ v4n กำลังเป็นที่รู้จัก ...!!!แววตาอ่อนโยนหลังแว่นกรอบนั้นมองมาที่พวกเราอย่างสงสัย เส้นผมและหนวดเคราเส้นเล็กขาวโพลนเหมือนกับปุยฝ้ายแตกปุยทำให้คุณลุงโชคดีดูอ่อนโยนมากขึ้น ใต้ศาลาเอนกประสงค์กลางลานบ้านของสวนลุงโชค เด็กๆ รุ่นหลังอย่างพวกเรากำลังตามความคิดของคุณลุง
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
...บ้านข่าร้อนมากกกก...ถึงมากที่สุด!! สายลมฤดูร้อนทำกิ่งไทรกลางลานสั่นไหว แดดจ้าเหนือหัวแต่หนุ่มสาวบ้านข่าไม่หวั่นเกรง พวกเขามารวมตัวกันที่ลานหน้าตลาดใจกลางหมู่บ้าน
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
หอนาฬิกา หัวหิน, กลุ่มคนเสื้อสีฟ้าในนามกลุ่มพีซ ฟอร์ เบอร์ม่า นำทีมโดยองค์กรแอมเนสตี้ ไทยแลนด์ มากกว่า 10 คน ชูป้ายรณรงค์ให้ประชาคมอาเซียนหันมาดูสถานการณ์การเมืองในพม่าอย่างจริงจัง รวมทั้ง ปัญหาผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา,แดดฤดูร้อน ร้อนมาก ทันทีที่กลุ่มคนเสื้อฟ้า ปั่นจักรยานมาถึง นักข่าวกลุ่มใหญ่และตำรวจเข้ากลุ้มรุม, ป้ายรณรงค์ถูกโชว์ให้เห็นกันชัดว่า พวกเขามาทำอะไรHey Asean : free all burma
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
  ตะวันยามเช้า สะท้อนประกายสีส้มแดงบนผืนทะเลกว้าง ,เสาสำหรับประกอบพิธีไหว้ผีบรรพบุรุษที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตชาวเลมอแกนกลายเป็นอดีตที่ต้องทำความเข้าใจและอนุรักษ์ไว้ ก่อนที่จะหายไปกับกาลเวลา
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
  หมู่บ้านมอแกน อ่าวบอนใหญ่ แห่งหมู่เกาะสุรินทร์ มองเห็นบ้านเรือนเป็นทิวแถวจากผืนทะเลสีคราม ,ภาพบนถ่ายจากหน้าหมู่บ้าน บนเรือหัวโทง ,ภาพล่างถ่ายจากท้ายหมู่บ้าน บนเส้นทางเดินธรรมชาติ ทั้งหมดนี้ เป็นหนึ่งในโปรแกรมมอแกนพาเที่ยว โครงการนำร่องอันดามัน สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สนใจติดต่อ 083-703-0925 ,andamanproject1@yahoo.com
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์
มึดา มักจะมีรอยยิ้มอยู่เสมอ ดวงตากลมโต ใสแหน๋ว อ่อนโยนและเข้มแข็งอย่างไร้เจตนา ผิวขาวอมส้มเรื่อคล้ายผลสตอเบอร์รี่ก่อนที่มันจะสุกกลายเป็นสีแดง นานมาแล้วที่เด็กหญิง คือ เครื่องหมายของคนไร้สัญชาติ,และคงเป็นไปทั้งชีวิตของเธออะไรที่เรียกว่า ไร้สัญชาติ ,คำตอบที่ห้วนและง่ายที่สุด คือ ความหมายของการไม่มีสิทธิในฐานะคนของรัฐ, ที่ควรจะได้รับการคุ้มครอง, อย่างไม่มีเจตนาแอบแฝง บางทีคนมีบัตรประชาชนก็ไม่ได้รับการคุ้มครองเหมือนกัน (HAAAAAA)...